Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 245
บทที่ 245 – สิ่งที่เกิดซ้ำสองจะ… (5)
แม้ว่าพวกเราจะจัดทีมกันเสร็จหมดแล้ว แต่ว่าเราก็ต้องแบ่งเหตุการณ์ดันเจี้ยนและแจกจ่ายเหตุการณ์ดันเจี้ยนให้กับทีมตามความเหมาะสม พวกเราไม่สามารถจะเมินเฉยกับปีกแห่งเสรีและผู้พิทักษ์จากประเทศต่างๆได้อีกแล้ว ในตอนนี้พวกเราได้เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือกับพวกเราโดยที่ไม่ต้องไปบังคับพวกเขาอีกแล้ว พวกเราไม่สามารถจะใช้กำลังในขณะที่พวกเขายังมีพื้นที่สำหรับการต่อรองอยู่
จากการเคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนพวกเราก็จะได้รับรางวัล แต้มสเตตัส แต้มทักษะ มันมีขีดจำกัดของรางวัลที่เราจะได้รับจากเหตุการณ์ดันเจี้ยนที่มีระดับต่ำกว่า A+ อยู่ และในปัจจุบันนี้ดันเจี้ยนพวกนั้นก็มีมากพอที่จะให้สมาชิกใหม่ๆของกิลด์รีไวเวิร์ลไปจัดการ
ถ้ามันเป็นไปได้ ไม่สิ มันแน่นอนอยู่แล้วว่าปีกแห่งเสรีและผู้พิทักษ์ก็จะต้องมาร่วมด้วยกับเหตุการณ์ดันเจี้ยน แต่ว่าทั้งหมดนี้มันไม่สามารถจะเสร็จได้ในวันๆเดียว ดังนั้นพวกเราต้องรอจนกว่าจะถึงเวลา
แน่นอนว่าพวกเราก็จะไม่ได้อยู่เฉยๆรอให้พวกเป็นฝ่ายเริ่ม พวกเราได้เรียกเจ็ดนักสำรวจที่อยู่ในเกาหลีมาทันที พวกเราต่างก็ได้ยินข้อความในตอนเหตุการณ์ดันเจี้ยนปรากฏขึ้นมาแล้ว และพวกเราก็รอให้พวกเราเรียกอยู่ เมื่อพวกเขามาถึงฉันได้เริ่มอธิบายสถานการณ์ในทันที
“ทุกๆคนน่าจะรู้เรื่องเหตุการณ์ดันเจี้ยนแล้วใช่ไหม”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนี้ฉันหวังว่าทุกคนก็คงจะรู้ถึงอันตรายที่โลกเป็นอยู่แล้วนะ แน่นอนพวกเราจะทำเหมือนอย่างที่เราทำ กิลด์รีไวเวิร์ลจะจัดการกวาดล้างเหตุการณ์ดันเจี้ยนทั้งหมด”
“ฉันได้ยินมาว่าเราได้พบกับเหตุการณ์ดันเจี้ยนกว่า 800 แห่ง”
หนึ่งในนักสำรวจได้แสดงความเห็นออกมา ฉันได้แต่ส่ายหน้า
“ไม่ได้ใกล้เคียงเลย มันมีเหตุการณ์ดันเจี้ยนมากกว่าพันซะอีก จำนวนของมันอยู่เหนือจินตนาการของเราทุกคน พวกเราต้องเร่งแล้ว”
“พวกเราจะสามารถเคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนได้ใช่ไหม มันไม่มีอะไรในสัญญาเกี่ยวกับพวกนี้”
หนึ่งในนักสำรวจหญิงได้ถามออกมา ฉันได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนพวกคุณทำได้เลย ตราบเท่าที่เราสามารถจะกำจัดเหตุการณ์ดันเจี้ยนดันใครจะทำอะไรก็แล้วแต่เลย พวกเราไม่มีแผนที่จะจำกัดสิทธิ์ในเรื่องนี้กันแต่แรกแล้ว ในตอนนี้ทุกคนคงจะสงสัยว่าทำไมฉันถึงเรียกทุกคนมาที่นี่ถ้าฉันไม่ได้วางแผนที่จะทำอะไร เอาล่ะ ฉันคิดว่าทุกคนน่าจะพอเดาได้สินะ ไม่เช่นนั้นพวกนายคงจะไม่มา”
“…พวกเราจะได้รับความช่วยเหลือจากรีไวเวิร์ลหรอ”
ในตอนนี้เป็นนักสำรวจผู้ชายที่มีเสียงนุ่มลึก ฉันได้หยักหน้ารับ
“ทุกๆคนจะต้องเคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนตามระดับของตัวเอง พวกนายจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลและหน่วยงาน แต่ว่าระยะเวลาที่เหตุการณ์ดันเจี้ยนจะเปลื่ยนมาเป็นพื้นที่ดันเจี้ยนคือ… 2 เดือน พวกนายคิดว่าพวกนายจะสามารถเคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนได้เท่าไหร่หากพยายามอย่างหนัก”
“เท่าที่ฉันคิดไม่นานจะเกินสามสิบ”
“สำหรับฉันสิบห้า… สเปนไม่ได้มีผู้ใช้พลังระดับสูงขนาดนั้น”
“ประเทศของฉันให้การสนับสนุนฉันอยากเต็มที่ ฉันสามารถจะทำได้ห้าสิบ”
“พวกนายน่าจะรู้ถึงจำนวนของเหตุการณืดันเจี้ยนที่รีไวเวิร์ลเคลียร์ได้ในครั้งล่าสุดใช่ไหม”
ทุกๆคนได้เงียบลงไป ดีล่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวพวกเขาอีกต่อไปแล้ว ในตอนแรกเหตุผลที่ฉันเรียกพวกเรามาก็เพื่อที่จะมอบผลประโยชน์ให้กับพวกเขาให้มากที่สุด แต่ว่าการดูแลพวกเรามากขนาดนี้… ไม่ใช่ว่าควรจะมีใครมาให้รางวัลฉันหน่อยหรอ
“ขอโทษด้วยแต่ว่าพวกเราได้นำพวกนายไปจัดทีมขึ้นโดยยังไม่ได้ขอคำยินยอม แน่นอนว่าถ้านายไม่ชอบมัน พวกเราก็สามารถจะยกเลิกและปล่อยให้พวกนายไปสู้ตามอิสระได้ แต่ว่าถ้าต้องการอยู่กับเรา…”
ฉันได้หยุดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นสายตาเป็นประกายของนักสำรวจทั้งเจ็ดที่มองมาที่ฉัน ฉันก็ได้พูดต่อไปด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว
“เราจะช่วยให้พวกนายได้แต้มสเตตัสให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะได้จากเหตุการณ์ดันเจี้ยนได้ สิ่งนี้จะกลายเป็นตัวช่วยในอนาคตของพวกนาย”
การช่วยของเรามันไม่ใช่เพียงแค่เหตุการณ์ดันเจี้ยนเท่านั้น แต่ว่ามันก็ยังเป็นการช่วยให้พวกเขาสามารถจะปีนไปในชั้นที่ 50 ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย เมื่อพวกเขาลุยกันเสร็จพวกเขาก็น่าจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่าแล้วจากในตอนนี้
ตามที่คิดเอาไว้ลยไม่มีใครที่โง่พอจะปฏิเสธข้อเสนอนี้
ในตอนนี้ซัคคิวบิกำลังบินกันวุ่นวายเพื่อที่จะระบุตำแหน่งที่อยู่ของดันเจี้ยนและระดับของมัน ในเวลาเดียวกันฮวาหยา สุมิเระ และโซฟีได้ทำหน้าที่ในการพูดคุยกับหน่วยหนานของรัฐบาลเจรจาเรื่องผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีของแต่ละประเทศ
ในขณะเดียวกันฉันก็ได้ตัดสินใจที่จัดการพื้นที่ในเกาหลีตายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใดๆ
“ฉันจะใช้โอกาสนี้และกำจัดพื้นที่ทั้งหมดที่ถูกยึดโดยมอนสเตอร์”
“จังหวัดชอลลาหรอพี่”
“ใช่แล้ว”
จากชอลลาใต้ไปจนถึงมณทลอิมซิลในจังหวัดชอลเหนือได้ถูกยึดไปโดยมอนสเตอร์ พื้นที่ในจังหวัดชอลลาได้ถูกยึดไปถึงสามในสี่ส่วน แม้ว่าผู้ใช้พลังชาวเกาหลีจะพยายามเรียกคืนพื้นที่นี้ถึงสองครั้ง แต่แล้วพวกเขาก็ถูกบังคับให้ออกมาจากหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น ในปัจจุบันนี้มีผู้พิทักษ์กว่า 40% ถูกนำไปใช้ป้องกันขอบเขตนั้น
ฉันไม่ได้ต้องการใครไปช่วยฉัน แต่แล้วฉันก็ได้โยนนักสำรวจทั้งเจ็ดคนและสมาชิกรีไวเวิร์ลคนอื่นๆที่ต้องการจะแต้มสเตตัสเข้ามาในทีมของฉัน เว้นเสียแต่โซฟีที่กำลังอยู่ในระหว่างเจรจากับปีกแห่งเสรี
มีเหตุการณ์ดันเจี้ยน 48 ที่ในเกาหลีใต้และส่วนใหญ่ในนั้นได้อยู่ใลก้กับจังหวัดชอลลา
ในอดีตพวกเราทำเพียงแค่เคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนก็เพราะว่าเรามีเวลาไม่พอ แต่ว่าในตอนนี้ฉันมีแผนที่จะกวาดล้างมอนสเตอร์ทุกๆตัวที่อยู่ในจังหวัดชอลลาออกไปทั้งหมด เนื่องจากว่าฉันจะทำแบบนี้ ดังนั้นฉันจึงได้ตัดสินใจที่จะไปที่จังหวัดชอลลาอย่างเปิดเผย ผู้สื่อข่าวชาวเกาหลีได้มาออกันอยู่ที่หน้าบ้านกิลด์กันจำนวนมากอย่างที่ฉันไม่คาดคิด
“คุณคังชิน มีเหตุผลสำคัญอะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจจะเอาจังหวัดชอลลาคืนมาครับ”
“พลเมืองชาวเกาหลีจำนวนมากถามว่าทำไมคุณถึงได้ปล่อยจังหวัดชอลลาเอาไว้แล้วไปเคลียร์ฟิลิปปินส์กัน เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกันหรือไม่”
“คุณมีความคิดเห็นยังไงในการพูดคุยกับรัฐบาล”
“การรวมกันระหว่างกลุ่มผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีของเกาหลีต้องหลบออกมาจากจังหวัดชอลลาในตอนที่บุกเข้าไป คุณมีแผนยังไงที่จะขับไล่มอนสเตอร์ภายในนั้นออกมา”
“มีข่าวลือของคุณกับเอมี่ ไอดอลสาวสุดฮ็อทลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่นกำลังหลงรักกัน คุณช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยได้หรือป่าว”
ฉันได้มองย้อนกลับไปที่ยุยที่ยืนอยู่ข้างหลังฉันอย่างเรียบร้อย นอกเหนือไปจากไข่ใบสีแดงที่ขัดตาแล้วยุยกำลังยืนอยู่ในท่าทางที่สมบูรณ์แบบ ฉันได้ถามคำถามสั้นๆกับยุย
“ใครคือเอมี่หรอยุย”
“หุหุ พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก มันไม่ได้สำคัญเลย เธอก็แค่เป็นผู้หญิงที่น่าเกลียดคนนึงนะ”
เร็ฯที่มองอยู่ข้างๆได้พึมพัมออกมาอย่างประหลาดใจ
“ถ้าเป็นเรื่องไอดอลของโลกฉันรู้มากกว่าเจ้าชาย…เอมี่… เธอสวยมากๆ…”
“ท่านเร็น ท่านช่วยพูดอีกรอบได้ไหม ท่านมัวแต่ดูไอดอลทั้งๆที่ควรจะดูแลเด็กๆหรอ”
“ละ เลอบิค ตาเธอน่ากลัวไปแล้ว อึก ขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”
เมื่อฉันได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเร็นกับเลอบิค ฉันก็ตระหนักได้ว่ายิ่งมีคำถามมากขึ้นไปกว่านี้มันก็จะน่ารำคาญยิ่งขึ้นไปอรก ฉันได้ไล่นักข่าวออกไปและขึ้นไปบนเครื่องบินพร้อมคนอื่นๆ เพื่อที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนในเกาหลีให้เสร็จฉันต้องการเครื่องบิน
ในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีเหตุผลใดที่ฉันจะต้องปล่อยจังหวัดชอลลาทิ้งเอาไว้ ในตอนที่เรากำลังเคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนคลื่นที่สองพวกเราไม่ได้มีเวลามาสนใจการเรียกคืนพื้นที่มากนัก หลังจากนั้นฉันก็มีสิ่งที่ต้องทำอีกมากมายแทนที่จะมาเรียกคืนจังหวัดชอลลา หลังจากที่เรียกคืนฟิลิปปินส์กลับมา ฉันก็ได้คิดเกี่ยวกับการเอาพื้นที่ของเกาหลีกลับมาแล้วเหมือนกัน แต่ว่าในตอนนั้นก็มีอีกหลายๆอย่างเกิดขึ้นมาก่อน
นอกจากนี้คุยกับรัฐบาลหรอ? ถ้าฉันบอกว่าฉันต้องการกวาดล้างจังหวัดชอลลา พวกเราก็น่าจะยกโขยงมาขอบคุณฉันแน่ๆ พวกเราไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะทำอะไรจากฉันได้อยู่แล้ว ยังไงก็ตามทั้งหมดนี้มันไม่มีอะไรเลยที่พวกเขาทำให้ฉันได้
นอกจากนี้นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อผู้หญิงที่ว่าเอมี่ ตั้งแต่แรกแล้วฉันไม่ได้ดูทีวีมานามากๆแล้วดังนั้นฉันเลยไม่รู้จักชื่อของไอดอลอะไรเลย ยุยก็ยังไม่ชอบดูไอดอลอะไรเลยเหมือนกัน พวกเราสองพี่น้องค่อนข้างที่จะไม่สนใจในเรื่องพวกนี้เลย มันเป็นเรื่องปกติที่ฉันจะต้องงงเมื่อมีข่าวลือเกี่ยวกับไอดอล มันทำให้ฉันได้รู้เลยว่าฉันมีชื่อเสียงมากแค่ไหน
ในท้ายที่สุดแล้วแผนที่จะยึดคืนจังหวัดชอลลาหรอ แน่นอนว่าฉันมีมันอยู่
“ว้าว น่ารักมากเลย ฉันตกใจมากที่เธอไม่ใช่มนุษย์”
“มีเพียงแค่หัวหน้ากิลด์รีไวเวิร์ลที่มีความสามารถพิเศาเท่านั้นที่จะมีมอนสเตอร์ที่สวยงามแบบนี้ได้”
“ฉันอยากจะได้เธอมาเป็นแฟนจัง แม้ว่าเธอจะเป็นมอนสเตอร์ก็ตาม”
ในขณะที่นักสำรวจบางคนกำลังกระซิบกันเอง พลีนก็ได้กระโดดออกมาจากเครื่องบินมายืนข้างๆฉัน เธอได้ถือไม้คทาสั้นๆเอาไว้ มันคือเครื่องมืดเวทย์ที่ฉันได้คิดค้นขึ้นมาและสร้างมันโดยฮ็อบก็อบลินของดันเจี้ยนที่หนึ่งผู้เป็นผู้สร้างที่มีชื่อเสียงอลาเดล
มันเป็นไมโครโฟนที่ช่วยขยายระยะและพลังเวทย์ลงไปในเสียง แม้ว่ามันจะไม่ได้ให้ผลขยายที่มากนะ แต่ว่าระยะมันก็เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า วัสดุที่นำมาทำนั้นมาจากบียอน เนื่องจากบียอนไม่ได้ดรอปอุปกรณ์ที่ไว้ใช้มาประดิษบ่อยนักดังนั้นฉันจึงมีมันพอที่จะทำไอเทมชิ้นนี้ชิ้นเดียว แต่ว่ามันก็เป็นเครื่องมือเวทย์ที่สมบูรณ์แบบแล้วสำหรับพลีน
…ความจริงแล้วฉันก็กำลังหาวิธีที่จะทำเครื่องมือเวทย์ของฉันที่มันสามารถจะขยายผลลัพธ์ของดวงตามารเหมือนกัน แต่เนื่องจากว่าฉันขาดทั้งวัสดุและเทคนิค ฉันก็ได้แต่พยายามไม่คิดถึงเรื่องนี้มากเกินไปให้เจ็บใจมากไป
ยังไงก็ตามแผนของฉันก็คือการใช้เสียงของพลีนและดวงตามารของฉัน มันเป็นการผสมผสานที่มีประสิทธิภาพและมีพลังทำลายที่สามารถจะกวาดล้างพวกมันได้จำนวนมากในเวลาไม่นาน
นักสำรวจที่ไม่รู้จักดวงตามารของฉันดูจะเป็นกังวลในตอนที่พวกเราได้เห็นพลีนร้องเพลงดึงดูดมอนสเตอร์ ยังไงก็ตามอิเลด้า ลีออน และมิเชลที่รู้ในพลังของพลีนและฉันได้แสดงความตื่นเต้นออกมา
พลีนได้ไอออกมาเบาๆและยิ้มออกมาอย่างสดใสให้ฉัน
“อะแฮ่ม ฉันจะแสดงให้เห็นถึงทักษะร้องเพลงที่ดีขึ้นของฉันเอง ชินจะต้องตกหลุมรักมันเหมือนกัน”
“ใช่แล้ว ฉันไว้ใจเธอนะพลีน ขอบคุณที่ช่วยฉันเสมอนะ”
“ฉันถูกชมด้วยล่ะ ชินชมฉัน”
ในตอนที่พลีนกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข ล็อทเต้ที่เตรียมตัวฉันบินไปในทุกๆเมื่อที่ฉันให้สัญญาณก็ได้กระพือปีกอย่างไม่สบายใจ
[เธอช่วยแค่ร้องเพลงไม่ได้หรอเจ้าโง่]
“ชินบอกว่าฉันไม่ได้โง่ คนที่เรียกคนอื่นว่าโง่นั้นแหละที่โง่”
[ฉันไม่ใช่มนุษย์ ฉันเป็นไวเวิร์นเจ้าโง่
“ฮิค…..ฮือออออ]
“ล็อทเต้อย่าทำให้พลีนร้องสิ
จากนั้นฉันต้องใช้เวลา 3 นาทีให้พลีนได้สงบสติอารมณ์ลงและร้องเพลงออกมา
“ลาล่าล๊า~”
[….ฮึ่ม เธอนะโง่ แต่ว่าข้ายอมรับเจ้าในด้านร้องเพลง]
“ฉันจะยุ่งอยู่อีกซะพัก ดังนั้นฟังเธอร้องเพลงไปก่อนนะ”
เสียงที่ไพเราะของพลีนได้เจาะลึกเข้าไปในใจของเราทุกๆคนที่ยืนอยู่จนต้องหลงใหลในเสียงของเธอ ในเวลาเดียวกันเสียงของเธอก็ได้กระจายออกไปจนทั่วอาณาเขต พลีนสามารถส่งเสียงเพลงของเธอออกไปได้ไกลและกว้างมากอยู่แล้ว แต่ว่าด้วยเครื่องมือเวทย์นี้ได้ทำให้เสียงของเธอได้กระจายออกไปได้ไกลยิ่งกว่าเดิมมากๆ
เสียงของเธอได้เจาะผ่านอาคาร ต้นไม้หนาทึบ และภูเขาสูง เสียงร้องของเธอทำให้โลกต้องหยุดฟังและหยุดหายใจ
“ลาล่าล๊า~ ลาล่าล๊า~”
“พระเจ้า”
“นี่มันเป็นเสียงของมนุษย์แน่หรอ อ่า เธอเป็นมอนสเตอร์นี่นา”
“ฉันคิดว่าเธอร้องเพลงได้ดีกว่าเอมี่….”
“ชู่วว นายไม่ได้ยินหรอ หัวหน้ากิลด์กำลังเดทกับเอมี่ เงียบไว้”
“ฉันไม่ได้ไปกับเธอ ฉันยังไม่รู้จักหน้าเธอด้วยซ้ำ”
ให้ตายสิเอมี่ ถ้าฉันเคยเห็นหน้าเธอ เธอได้หูชาเพราะฉันแน่ ในขณะที่ฉันกำลังโกรธ พวกเราก็สามารถจะกลุ่มมอนสเตอร์วิ่งเข้ามาหาเรา เมื่อเห็นมอนสเตอร์ที่เต็มผืนดินและท้องฟ้าที่วิ่งมาจากมุมต่างๆในที่แห่งหนีจากเสียงขอลพีนนักสำรวจคนอื่นๆก็หน้าซีดไป
“นี่มันไม่ใช่ว่าอันตรายไปหน่อยหรอ”
“มันมีมากขนาดไหนกันเนี่ย”
“ฉันเคยดูถูกมอนสเตอร์ในเกาหลี แต่ว่าเกาหนีนี่ก็อันตรายจริงๆ… ให้ตายสิ”
นักสำรวจได้ตรึงเครียดขึ้นซึ่งมันสามารถจะเข้าใจได้ ฉันได้ยิ้นขึ้นและขี่หลังล็อทเต้ที่บินขึ้นไปอย่างช้าๆ ฉันได้หลับตาลงและกระซิบกับล็อทเต้
“โทษทีนะล็อทเต้ สิ่งต่างๆนับจากนี้มันกำลังจะยุ่งวุ่นวายแล้ว”
[ฉันได้กลายเป็นหนึ่งกับฮีโร่แล้ว ดังนั้นฮีโร่ไม่ต้องขอโทษหรอก]
“…อ่า ขอบคุณนะ”
[ฉันก็พูดได้แต่แบบเดิม]
หลังจากที่คุยกันสั้นๆฉันก็ได้เปิดตาขึ้น มอนสเตอร์นับพันที่บินอยู่บนท้องฟ้าได้กลายเป็นหินและล่วงลงไปในทันที
“มอนสเตอร์ที่อยู่บนพื้นรับนี่ไปซะ ฝนหิน”
แน่นอนว่าฝนหินมันไม่ใช่ทักษะจริงๆ แต่ว่าผลลัพธ์มันก็ออกมาอย่างดีเยี่ยมเทียบได้กับทักษะจริงๆ หินขนาดใหญ่ที่ตกลงไปจากท้องฟ้าได้สร้างความเสียหายจำนวนมากกับมอนสเตอร์ที่อยู่ด้านหน้า
มอนสเตอร์ที่ถูกหินตกลงไปใส่ได้เงยหน้าขึ้นมามองบนท้องฟ้าตามสัญญาณและดวงตามารของฉันก็ได้เปลื่ยนมันให้เป็นหินในทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา เนื่องจากว่ามอนสเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ในสายตาของฉันได้ประสบกับชะตากรรมเดียวกันมันจึงใช้เวลาเพียงแค่สามนาทีเท่านั้นที่จะเปลื่ยนมอนสเตอร์นับหมื่นให้กลายมาเป็นหิน
ในอดีตพวกเราจะขยับไปเรื่อยๆในตอนที่พลีนร้องเพลง แต่ว่าในตอนนี้ระยะร้องเพลงของพลีนไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องหยุดร้องเพลงและขยับไปที่ใหม่แล้ว พวกเราสามารถจบทุกๆอย่างที่นี่ได้
“เข้ามา เข้ามา”
“ให้ตายเถอะนี่มัน…”
“ฉันเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าน แต่ว่าเมื่อเห็นจริงๆแล้วนี่มัน….”
“ชิน บางที่เขาอาจจะเป็นเทพจริงๆก็ได้” [ชินในภาษาเกาหลีแปลว่าเทพครับ]
ในวันนี้เราได้กวาดล้างทะเลมอนสเตอร์ในจังหวัดชอลลาและเคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนทั้งหมดในนี้ นักสำรวจที่ตามฉันมาได้รับโบนัสสเตตัสและอุปกรณ์ที่หรูหราไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้หอกโกลาหลของฉันก็ยังมีอัตราการเติบโตไปถึง 80% อีกด้วย
ในวันรุ่งขึ้นการพิชิตเหตุการณ์ดันเจี้ยนจริงๆจะเริ่มต้นขึ้น