Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 269
บทที่ 269 – คาฮาร์ (3)
ฉันได้คิดเอาไว้ว่าในตอนที่เขาได้ใช้ทักษะท่องมิติเขาจะต้องมาปรากฏตัวอยู่ในพระราชวังเหมือนกับในตอนที่ไปทวีปลูกก้า และฉันก็เดาถูกหลังจากที่ฉันได้ใช้ทักษะท่องมิติ ฉัน ล็อทเต้ ลิโคไรค์ก็ได้พบว่าพวกวเราอยู่กลางห้องโถงกว้างที่เต็มไปด้วยเหล่าอัศวินและจอมเวทย์ ในตอนที่ฉันมองไปรอบๆฉันก็ไม่ได้เห็นทหารรับจ้างต่างมิติคนอื่นๆเลย ในตอนที่ฉันกำลังคิดว่าฉันถูกทิ้งไว้ซะแล้วอัศวินคนหนึ่งก็เข้ามาหาฉัน
“ท่านเป็นทหารรับจ้างต่างมิติใช่ไหมครับ? ท่านพอจะรู้หรือเปล่าว่าจะมีมาอีกกี่คน?”
“ฉันเป็นคนสุดท้ายแล้ว”
“ท่านใช่คังชินหรือป่าว?”
“…ใช่แล้ว”
อะไรกัน พวกเขารู้จักฉันงั้นหรอ จากนั้นอัศวินได้ก้มหัวให้กับฉันราวกับจะพิสูจน์ในสิ่งที่ฉันสงสัย
“เจ้าชายกำลังรอท่านอยู่ โปรดตามข้ามา”
“เจ้าชาย….?”
ฉันได้เบิกตาขึ้น เจ้าชายกำลังรอฉันที่เป็นทหารรับจ้างต่างมิติงั้นหรอ? มันอาจจะเป็นไปได้ว่า…? ฉันได้หุบปากลงและตามอัศวินไปเงียบๆ ฉันไม่จำเป็นจะต้องคิดอะไรไปมากมายเพราะในท้ายที่สุดแล้วฉันก็จะได้เห็นคำตอบด้วยตาตัวเองแล้ว
“สามีที่รักคนที่นี่แข็งแกร่งกันมาก”
“มันก็สมเหตุสมผลแล้วล่ะที่พวกเขาต่อต้านกับผู้บุกรุกได้เป็นอย่างดี”
“สายตาพวกนี้มันน่ารำคาญจัง ฮีโร่ข้าขอไปดึงลูกตาของพวกนั้นออกได้ไหม?”
“มันก็เป็นเพราะว่าพวกเธอทั้งคู่สวยมากไง ก็แค่อย่าไปสนใจพวกเขา”
ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้ชายและล็อทเต้กับลิโคไรท์ต่างก็โดดเด่นจนเกินไป ในตอนที่เราได้ตามอัศวินไปฉันก็รู้สึกได้ถึงสายตาของทุกๆคนได้เลยที่จ้องเข้ามาทางเรา แม้ว่าฉันจะบอกให้พวกเธอไม่ต้องสนใจแต่ว่าตัวฉันเองก็รู้สึกลำคาญในสายตาพวกนี้เหมือนกัน ก็แค่ตั้งสมาธิกับสงครามของพวกนายไปสิโธ่
“อย่าไปใส่ใจพวกเขาเลย พวกเขาก็แค่จิตใจล้าจากการต่อสู้ซ้ำๆนะ ในตอนที่พวกเขาได้ให้ท่านคังชินเดินทางกับสองสาวสวยมันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขา….”
“ล็อทเต้กับลิโคไรท์ก็มาสู้เหมือนกัน…ชั่งเถอะไม่เป็นไร”
พวกเราได้มาถึงหน้าห้องประชุมแล้ว อัศวินได้หยุดลงและประกาศถึงการมาถึงของเรา จากนั้นเสียงของเด็กหนุ่มวัยรุ่นได้ดังขึ้นมาบอกให้เราเข้าไป เมื่อประตูได้ถูกเปิดเราก็เดินตรงเข้าไป ในห้องประชุมนี้มีโต๊ะยาวและมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะ
“โอ้ นายมาจริงๆด้วย นี่มันก็นานแล้วนะ”
“โอ้…. พอล!?”
ฉันแทบจะนิ่งไปเพราะตกใจ ชายคนที่ใส่ชุดเพราะแฟนซีนั่งอยู่บนหัวโต๊ะคือสมาชิกของปาตี้เอลลอส พอล อย่างไม่ต้องสงสัยเลย เมื่อเขาเห็นฉันนิ่งไป พอลก็เสริมขึ้นมาอีก
“อย่ามัวแต่ตกใจสิ นายคิดว่าเอลลอสจะอยู่ที่นี่ใช่ไหมล่ะ?”
“อ่า ใช่แล้ว”
พอลได้ยิ้มขมๆและตอบกลับตรงๆ
“พูดตามตรงนะฉันก็ยังคิดว่าเขาเหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่าฉันอีก แต่แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าปาตี้ในดันเจี้ยนก็ตาม ในทวีปอีเดียวนี้เขาคือผู้คุ้มกันส่วนตัวของฉันในฐานะลูกคนโตของเคาน์แคสซิน่า”
“งั้นนายก็คือเจ้าชายสินะ? อ่า ฉันจำได้แล้วนามสกุลของนายก็คือคราวิส”
“ใช่แล้ว ก่อนอื่นมานั่งก่อนสิ เดี๋ยวเอลลอสก็จะมาแล้ว”
อย่างที่เขาพูดไว้ไม่นานนักเอลลอสก็มาถึง เขาได้หุ้มเกราะอยู่เต็มตัวและมีท่าทางที่เข้มงวด ในตอนที่ฉันได้เห็นเขาความเข้มงวดของเขาได้ลดลงเล็กน้อย
“นายมาแล้วสินะเพื่อน!”
“ขอโทษนะที่มาช้าเอลลอส ดูเหมือนว่าทหารรับจ้างคนอื่นๆจะแยกกันไปแล้วสินะ”
“ใช่แล้ว พวกเขาได้แยกออกไปตามทีมพวกเขาแล้ว แต่ว่าพูดตามตรงนะการแบ่งออกของพวกเขาเป็นเรื่องดีเพราะว่าผู้บุกรุกก็ยังมองหาฮีโร่เหมือนกันทำให้เราต้องเคลื่อนไหวเป็นการลับและระมัดระวัง”
เมื่อมองเห็นการแสดงออกที่จริงจังของเอลลอสกับการแสดงออกที่ผ่อนคลายของพอลมันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะเทียบพวกเขาทั้งสองคน ฉันอยากจะถามพวกเขาจริงๆว่าพวกเขากำลังแกล้งฉันโดยการสลับบทบาทกันหรือป่าว แต่ฉันก็ยังจำได้ว่าเร็นก็เป็นเจ้าชายเหมือนกัน ถ้าหากเร็นเป็นเจ้าชายได้ งั้นฉันก็จำเป็นต้องยอมรับว่าพอลก็มีสิทธิในการเป็นเจ้าชายด้วย
“ยังไงก็เถอะแล้วพวกเธอเป็นใครหรอ?”
“อ่านี้คือลิโคไรท์กับล็อทเต้ ลิโคไรท์เป็นราชินีซัคคิวบัสและล็อทเต้าเป็นราชินีเพลิง สายพันธ์ที่แข็งแกร่งของไวเวิร์นนะ พวกเธอเป็น…. พรรคพวกของฉัน”
“ว่าไง ฉันได้ยินมาว่านายเป็นเพื่อนกับสามีที่รักนี่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ฮึ่ม”
ตามที่คิดไว้เลยลิโคไรท์ได้ทักทายพวกเธอด้วยรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ ในทางกลับกันล็อทเต้ดูจะไม่พอใจนะ ในขณะนั้นฉันก็ได้มองไปทางพวกเธอและยิ้มออกมาแห้งๆ พอลกับเอลลอสได้รกะซิบกันด้วยท่าทางตกใจ
“ราชินีซัคคิวบัส? ไวเวิร์น? พวกเธอทั้งคู่ดูเหมือนกับสาวสวย….น่าทึ่งจริงๆ”
“ข่าวลือที่กว้างขวางของหัวหน้ากิลด์รีไวเวิร์ลไม่ได้แม้แต่ใกล้เคียงกับความจริงสักนิด…”
ฉันก็ยังสงสัยในข่าวลือพวกนั้นเหมือนกันแต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะถามเรื่องนั้น หลังจากเอลลอสกับพอลได้กระซิบกันแล้วเขาก็มองมาที่ฉันอย่างมีชีวิตชีวา
“ก่อนอื่นก็เล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อยสิ”
“เยี่ยม”
“ถ้างั้นก็….เอลลอส”
“อื้อ”
เอลลอสเป็นคนอธิบายงั้นหรอ?
“ฉันอธิบายถึงการสู้รบครั้งใหญ่ของเราไปแล้วใช่ไหม? ฮีโร่ของทวีปเราเป็นนักรบผู้ยิง่ใหญ่ที่ผ่านดันเจี้ยนชั้นที่ 92 มาได้ ในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่เขาได้บั่นหัวของผู้บุกรุกนับไม่ถ้วนและนำพาชัยชนะมาสู่กองกำลังพันธมิตรในทวีปของเรา ผู้นำของผู้บุกรุกเป็นชายที่มีชื่อว่า ‘เคน’ ในช่วงเวลาที่กำลังต่อสู้นั้นพลังของเขาใกล้เคียงกับฮีโร่ นอกเหนือไปจากศพของผู้บุกรุกแล้วก็ยังมีศพของคนในทวีปเรานับไม่ถ้วนเช่นกัน พวกเขาได้สู้กันอย่างดุเดือด และในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีฝ่ายใดที่ได้รับชัยชนะ ผู้บุกรุกได้เลือกที่จะถอยกลับไป พอลนายมีแผนที่ปะ?”
“อยู่บนกำแพงนะ”
เอลลอสได้สร้างมานาขึ้นบนนิ้วและแตะลงไปบนแผนที่ เครื่องหมายเล็กๆได้ปรากฏขึ้นมา
“จากนี่ถึงนี่คือดินแดนของผู้บุกรุก นี่คือจักวรรดิของเรา นี่และก็นี่เป็นประเทศเอกราชที่เป็นพรรคพวกของเรา พวกเขาเป็นพรรคพวกของเราในทุกๆครั้งที่มีการต่อสู้ขึ้น แม้ว่าจะมีหลายประเทศที่ล่มสลายไปแต่ว่าผู้ที่รอดชีวิตส่วนใหญ่ก็จะมาร่วมตัวด้วยกันและจัดตั้งกองทัพขึ้น ในตอนนี้พวกเขานั้นก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั้นพวกเราได้วางแผนที่จะใช้คำขอทหารรับจ้างต่างมิติพาทหารรับจ้างต่างมิติมาช่วยอีกด้วย แต่ว่าก่อนที่มันจะได้เกิดขึ้น….”
“ฮีโร่ได้หายไปสินะ”
“ใช่แล้ว”
เอลลอสได้หยักหน้าและขบริมฝีปากของเขา ดวงของเขาดูเหมือนจะลุกโชนขึ้น
“เอลลอสได้กลายเป็นศิษย์์ของฮีโร่ด้วยในตอนที่ผ่านมา”
“อ่า”
ฉันจำได้ว่าเอลลอสได้บอกว่าฉันได้ดึงดูดความสนใจของฮีโร่ แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะไปได้กลายเป็นศิษย์ของเขา ฉันได้ตรวจสอบเอลลอสขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่าฉันไม่สามารถจะบอกในระดับที่เขาอยู่ได้แต่ว่าเขาก็มีจิตวิญญาณที่น่าเกรงขาม นอกไปจากนี้มันก็ยังเป็นการยากที่จะรู้สึกถึงการมีอยู่ของเขาได้ ถ้ามันเป็นแบบนี้ล่ะก็แสดงได้ว่าเอลลอสจะต้องพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก
ดันเจี้ยนไม่ได้เป็นสถานที่เดียวที่จะพัฒนาให้คนแข็งแกร่งขึ้นได้ เขาก็คงจะเป็นเหมือนๆกันกับฉัน
“ถ้าหากเขาช่วยฮีโร่ไม่ได้ก็จะไม่มีอนาคตเหนืออยู่ในอีเดียสเลย ฉันอยากจะเชื่อว่าเขาไม่ได้โดนผู้บุกรุกจับตัวไป แต่ว่า….”
“ถ้าเขาถูกจับไปเขาก็จะต้องถูกฆ่าไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่ต้องห่วงน่าเอลลอสเขาจะต้องยังไม่เป็นอะไร”
เอลลอสได้ยิ้มขึ้นแปลกๆกับคำพูดปลอบของฉัน นี้เป็นรอยยิ้มประเภทที่พยายามจะปิดบังความเศร้าของเขา จากนั้นเขาก็หยักหน้าและดึงมานาขึ้นมาอีกครั้ง
“พวกเราก็มีสถานที่อยู่ในใจอยู่”
เขาได้สร้างจุดขึ้นบนแผนที่ขึ้นทีละจุด จุดพวกนี้ทั้งหมดต่างก็อยู่ภายในดินแดนของศัตรู
“หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ในตอนที่เราได้ถอยทัพกลับ พวกเราได้รับรู้ว่าฮีโร่หายไปแล้ว”
“ในช่วงระหว่างนั้นสินะ”
“สิ่งหนึ่งที่พวกเรามั่นใจนั่นก็คือฮีโร่ได้ต่อสู้กับพวกมัน พวกศัตรูของเราที่ทำงานเป็นกลุ่มมือสังหารที่มีฝีมือ ฉันไม่รู้ว่าพวกมันล่อฮีโร่ออกไปได้ยังไง แต่มันก็เป็นไปได้ว่า…”
“ตัวประกันงั้นสินะ?”
“นั่นมันเป็นไปได้”
การแสดงออกของพอลได้เคร่งขรึมไปแล้วโดยสมบูรณ์แต่ว่านี่มันไม่ได้ดูเข้ากับตัวเขาเลยสักนิด
“ฮีโร่เคยเป็นอัศวินพเนจรมาก่อน เขาได้มาจักวรรดิของเราในตอนที่เขากลายเป็นฮีโร่ดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้รู้ในประวัติของเขาเลย เขามักจะพูดเสมอว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า แต่ว่านั่นมันอาจจะเป็นเรื่องที่ผิดก็ได้ บางทีผู้บุกรุกอาจจะเอาญาติพี่น้องของเขามาเป็นเหยื่อล่อเขาออกไป”
“หากไม่คำนึงถึงวิธีการแล้วไม่ว่ายังไงหลังจากล่อเขาออกไปแล้ว พวกมันก็ต้องซุ่มโจมตีแน่และแม้ว่าพวกมันจะทำล้มเหลว แต่ว่าฮีโร่ก็จะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างมากแน่”
“ในจุดนี้ทำให้เขาไม่สามารถจะหนีกลับมาที่ค่ายทหารได้สินะ?”
เอลลอสได้หยักหน้าเงียบๆ จากนั้นพอลก็พูดต่อ
“มีหลายคนที่เดาถึงสถานที่ๆฮีโร่ได้หลบซ่อนอยู่ และสถานที่ๆง่ายที่สุดที่จะหลบซ่อนตัวก็คือ…”
“ดันเจี้ยน”
“แต่ว่าในดินแดนของศัตรู นายจะไม่สามารถเข้าไปในดันเจี้ยนหรือใช้ระบบข้อความได้เลย”
“อะไรนะ!?”
ดวงตาของฉันได้เปิดกว้างขึ้น ดินแดนของพวกมันงั้นหรอ? นั่นมันเป็นพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของแผนที่เลยนะ ฉันไม่สามารถจะเข้าดันเจี้ยนหรือส่งข้อความได้เลยงั้นหรอ? ฉันได้คิดไปถึงเรสพิน่าอยู่พักหนึ่ง ยังไงก็ตามระยะของมันแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ทำไมเรื่องแบบนี้มันถึงได้เกิดขึ้นบ่อยนักในช่วงนี้ล่ะ? ฉันได้สงสัยขึ้นว่าบางทีศัตรูของโลกทั้งหมดจะใช้วิธีนี้กัน
ฉันได้ถามขึ้นทันทีเพื่อเป็นการยืนยัน
“พลังของนักสำรวจของพวกนายได้ถูกปิดกั้นหรือป่าว?”
“นายรู้ได้ยังไง? มันไม่มากนักหรอกแต่ว่าพลังของทุกๆคนจะถูกปิดกั้นประมาณ 10%”
10% สินะ โชคดีที่มันไม่ใช่จำนวนที่มากอะไร แต่ว่าระยะการปิดกั้นของมันก็ยังน่าตกใจ ในตอนที่ฉันเงียบลงไปเอลลอสก็ได้เริ่มอธิบายต่อ
“พวกมันเชี่ยวชาญในด้านศาสตร์แห่งเวทย์ พวกมันจะต้องวิเคราะห์ในบางอย่างเกี่ยวกับนักสำรวจผ่านการต่อสู้นับไม่ถ้วน หรือไม่บางทีพวกมันอาจจะจับนักสำรวจและหาข้อมูลจากพวกเขาก็ได้ ในการต่อสู้ครั้งล่าสุดพวกเราก็ได้พบถึงพลังนี้ของพวกมัน มันจะยิ่งอันตรายมากหากเราปล่อยมันเอาไว้อย่างนี้ ถ้าหากว่าพวกนั้นสามารถจะลดพลังของนักสำรวจได้มากกว่านี้ไปอีก โอกาสในชัยชนะของมันจะต้องเพิ่มขึ้นอีกมาแน่”
“เพราะอย่างนี้แหละทำให้ฮีโร่เข้าไปในดันเจี้ยนไม่ได้ในตอนที่ติดอยู่ในดินแดนของพวกมันสินะ”
“ใช่แล้ว ดังนั้นเขาก็จะต้องหาที่หลบซ่อน หลังจกาได้คิดอย่างรอบคอยแล้ว…”
เขาได้ชี้ลงไปบนจุดหลายๆจุดบนแผนที่ แม้ว่าวงกลมเล็กๆที่เขาวาดขึ้นบนแผนที่มันจะเล็กเมื่อเทียบกับแผนที่ แต่ว่าแผนที่มันคือทั้งทวีปหาจะนับวงกลมจริงๆแล้วมันก็เป็นพื้นที่ๆกว้างมากอยู่ดี
“ระยะของเทือกเขานี้กับป่าต่างก็ซับซ้อนมาก สถานที่พวกนี้เป็นสถานที่ๆเหมาะสมที่สุดในการซ่อนตัว นอกจากนี้ก็ยังมีที่ราบและเทือกเขาหินอยู่ด้วยแต่ว่ามันก็ไม่ใช่แบบนั้น ในตอนที่เรารู้ว่าฮีโร่ได้หายไป เราได้ส่งกองกำลังไปตรวจสอบทันทีและก็เป็นอย่างที่นายเดาได้พวกเราหาเขาไม่ได้เลยย พวกเราอยู่ในที่ของศัตรูได้ไม่นานนักดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้ทำการค้นหานานเกินไป ถ้าหากพวกเราอยู่นานเกินไปพวกเราจะต้องถูกฆ่ากันหมดก่อนที่จะหาฮีโรร่เจอแน่ ในท้ายที่สุดแล้วเราก็ได้แบ่งกองกำลังออกค้นหาฮีโร่และส่วนที่เหลือก็ถอยออกมา”
“แล้วนายก็ยังหาไม่เจอ”
“ใช่แล้ว”
พอลได้เสริมขึ้นมา
“และกลุ่มที่เหลืออยู่ก็ถูกฆ่าด้วย ผู้บุกรุกก็ยังส่งกองกำลังมาหาฮีโร่ก่อนเราซะอีก”
“ถ้าหากว่าพวกมันจับฮีโร่ได้มันก็จบสิ้นแล้ว”
เอลลอสได้พูดขึ้นอย่างจริงจัง
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องพึ่งพาทหารรับจ้างต่างมิติ ด้วยพลังของพวกเขา พวกเขามีพลังในการต่อสู้กับผู้บุกรุกได้หากถูกพบและเพิ่มโอกาสในการหาฮีโร่”
“นั่นก็จริง”
ในฐานะทหารรับจ้างต่างมิติแล้วพวกเขามักจะทำภารกิจแบบนี้ มันก็เหมือนๆกับฉันตราบใดที่ยังไม่เจอกับศัตรูของโลกฉันก็ยังมั่นใจว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรไม่ว่าศัตรูที่ฉันเจอจะมากแค่ไหน
“พวกเราได้จัดการติดต่อไปยังกิลด์ผู้ดูแลและได้รับเครื่องมือในการช่วยคนหาที่อยู่ของฮีโร่ ของสิ่งนั้นคือกระดาษที่อยู่กับนายชิน”
“ฉันได้ยินมาแล้ว กระดาษนี้จะบอกที่อยู่ของฮีโร่ให้ฉันอย่างชัดเจนเลยหรอ?”
“ปัญหาก็คือสัญญาณจากฮีโร่มาจากหลายๆที่”
…ฉันคิดว่ามันน่าจะมาจากวิชานินจาร่างเงาแน่ๆ แต่ฉันก็เงียบต่อไป ถ้าหากฉันพูดอะไรผิดไปมันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายให้ฉันหน้าแตกเองก็ได้
“พวกเราคิดว่านี้มันก็อาจจะเป็นเพราะว่าพลังของนักสำรวจถูกปิดกั้นที่นั่น ไม่ว่ายังไงกิลด์ผู้ดูแลก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของดันเจี้ยน แต่ว่าเราก็ยังไม่สามารถจะละเลยมันได้ ทางเลือกเดียวที่เรามีอยู่คือการค้นหาพื้นที่ทั้งหมดที่เครื่องมือเวทย์นี้ชี้บอก”
ฉันได้ถามออกไป
“แล้วฉันจะต้องรับผิดชอบตรงไหนล่ะ”
“ขอโทษด้วยนะแต่ว่าชิน มันอาจจะอันตรายนิดหน่อย”
“ฉันไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว บอกฉันมาเถอะว่าที่ไหน?”
การต่อสู้กับศัตรูของโลกก็ยังเป็นสิ่งที่ฉันคิดเผื่อเอาไว้แล้วด้วยซ้ำ คำว่า ‘อันตรายเล็กน้อย’ ไม่ได้ทำให้ฉันกลัวซักนิด เอลลอสรู้เรื่องนี้หรือป่าวนะ? เขาได้หยักหน้าและชี้ไปที่แผนที่ มันเป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่มากพอจะเห็นได้อย่างชัดเจนบนแผนที่
“เทือกเขาเพรูต้าเป็นเทือกเขาที่อันตรายที่สุดในทวีปนี้และเป็นสถานที่ที่มีความหนาแน่นของมานามากที่สุดภายในทวีป นั่นคือที่ที่เรากำลังจะไปกัน”