Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 305
บทที่ 305 – ลิลิธ (5)
[ฆ่าเขา! อย่าได้ให้ผมของฉันแม้แต่เส้นเดียวต้องหลุดไป]
เสียงที่คมชัดของลิลิธได้ดังก้องไปทั้งพระราชวัง รูปปั้นสีทองได้เบ่งกล้ามของพวกมันออกมาและพุ่งเขามาใส่ฉัน เนื่องจากว่าสายตาของฉันอยู่ที่พวกมันตั้งแต่เริ่มฉันก็รู้สึกได้ถึงก้อนมานาขนาดใหญ่จากพวกมันและรู้ด้วยว่าพวกมันทําตามคําสั่งลิลิธได้ยังไง
[ข้าดอร์ตู ข้าทําให้มันอ่อนแอลงได้ประมาณ 0.07 วินาที]
“ถ้าฉันให้สัญญาณก็ทําให้พวกมันอ่อนแอเลยนะ”
ดอร์ตูดูจะไม่พอใจที่ลิลิธได้ขโมยการควบคุมในพลังไปจากเขา เขาได้บอกกับฉันว่าเขาจะทําให้รูปปั้นอ่อนแอลงไปได้พักหนึ่งและฉันก็ได้จับหอกแน่นตอบกลับเขาไปทันที
ถึงแม้ว่าดอร์ตูจะเกิดขึ้นมาไม่นานนัก แต่เพราะฉันได้ส่งมานาให้เขาตลอดเวลาตั้งแต่ที่ยังเป็นไข่อยู่ทําให้ฉันสามารถจะจะสื่อสารกับเราได้เร็วกว่าคําพูด เพราะแบบนี้ 0.07 วินาทีนี่มันก็พอแล้ว
อย่างแรกฉันได้เลือกพยายามสู้โดยที่ไม่ยืมพลังของดอร์ตก่อน ฉันได้แทงหอกของฉันเข้าไปที่ท้องของรูปปั้น แต่ว่าแรงสะท้อนที่น่าสะพรึงก็ได้ดันตัวฉันกลับมา ใช่แล้วนี่มันคือพลังของรูปปั้น
แน่นอนว่าพลังส่วนหนึ่งของรูปปั้นมาจากมานาข้างในมัน แต่ว่ามันก็ยังมีบางอย่างที่เกินกว่าความเข้าใจของฉันด้วย ถ้าหากว่านี้มันเป็นพลังที่ลึกลับโดยที่ไม่ใช่มานา มันก็อาจจะเป็นเพียงสิ่งหนึ่งเท่านั้น
“นี่มันไม่ใช่ทอง!”
[ใครจะไปใช่โลหะแบบนั้นกัน?]
[ข้าดอร์ตู ข้าไม่เคยเจอกับโลหะนี้มาก่อน ดอร์ตูจะต้องกินมัน]
ด้ามหอกของฉันได้ปะทะเข้ากับมือของรูปปั้นและได้มีเสียงเอี้ยดดังขึ้นมา ในเวลาเดียวกันดอร์ตก็ได้แสดงความคลั่งไคล้ในโลหะออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก เพราะแบบนี้ฉันจึงถามเขาออกไป
“พวกมันจะอ่อนแอลงยังไง?”
[ข้าดอร์ตู ดอร์ตูจะต้องกินโลหะนั่น]
“…แน่นอน ไปกันเลย”
ถ้านั่นมันเป็นสิ่งที่ดอร์ตูต้องการ นายก็ไม่ควรจะมาให้ความหวังฉันนะ
ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่นฉันได้ยอมแพ้ในเรื่องนั้นไปตรงๆ หลังจากที่ฉันได้ให้สัญญาณกับดอร์ตูไปแล้ว ก้อนเล็กๆ ที่มีอยู่บนมือของรูปปั้นที่ฉันเผชิญอยู่ก็ได้หายไป มันดูเหมือนจะมีคนมากัดมันออกไป
[ภูติธาตุ!? ฮึ่ม ทุกคนโจมตี!]
ลิลิธสมแล้วที่ถูกเรียกว่าศัตรูของโลก เธอได้รู้ถึงตัวตนของดอร์ตูในทันทีและสั่งให้ลูกน้องของเธอเข้ามาโจมตีฉัน มันเป็นเรื่องปกติมากที่ภูติธาตุจะหายไปเมื่อผู้ทําพันธะสัญญาตาย
แต่ว่าก่อนที่ลิลิธจะออกคําสั่งเจ้าพวกรูปปั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ฉันรู้ว่าลัยจะต้องป้องกันฉันด้วยบาเรียนแข็งแน่หากมันอยู่ในกรณีที่แย่ที่สุด แต่ว่าเมื่อคิดถึงความรู้สึกที่ฉันได้ปะทะกับมันมาครั้งหนึ่ง บาเรียของริยก็ไม่น่าที่จะปังอกันการโจมตีนั่นได้มากกว่าหนึ่งครั้ง
แม้อย่างนั้นมันจะน่าทึ่งที่แม้แต่ร่างกายที่ถูกเสริมขึ้นของฉันยังไม่สามารถทําลายเจ้าหุ่นพวกนี้ได้ในครั้งเดียว ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็เหลือแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น นี่มันเป็นสิ่งที่ฉันได้เตรียมเอาไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาในชั้นที่ 35 ซะอีก
“โอเวอร์ลอร์ด”
ร่างกายของฉันได้ขยายขึ้นเป็นสองเท่าในทันที มานาอินิกม่าได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้าและปกคลุมร่างกายของฉัน ในขณะนี้ฉันรู้สึกได้ถึงความหนาวสั่นและความตื่นเต้นจากอินิกม่า รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นมาจากหน้าฉันทันที
อินิกม่าเป็นมานาที่ฉันครอบครองอยู่ แม้แต่ลิลิธก็ไม่สามารถจะมาล่อลวงในมานาที่อยู่ในการควบคุมของฉันได้ แม้ว่ามันจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นและเป็นเกราะก็ตาม ยังไงในท้ายที่สุดมันก็ยังคงเป็นมานาอยู่
เพราะแบบนี้ทําให้ฉันไม่เปลือยอีกต่อไปแล้วเพราะการที่อินิกม่าได้กลายมาเป็นเกราะคลุมตัวฉัน
“ฮ่าาาาาาาห์!”
ในตอนนี้ทุกๆทางได้ฤกป้องกันแล้ว ฉันได้พุ่งตหัวออกไปข้างหน้าพร้อมกับคํารามออกมา ข้างหน้าทางที่ฉันไปอยู่มีรูปปั้นทั้งหมดอยู่ 5 ตัว ส่วนที่เหลือกําลังไล่ตามฉันมาจากด้านซ้าย ขวา ด้านข้าง และด้านบนที่พยายามจะเข้ามาขยฉัน ฉันได้กัดฟันแน่นและตะโกนออกมา
“ยําากกกกกกกกกก!”
เสียงคํารามที่ฉันตะโกนออกมาได้กลายเป็นเพลิงและกระจายออกไปทั่ว เพราะแบบนี้ทําให้โลหะเริ่มอ่อ ตัวลงไปเพราะไฟ ฉันได้ใช้เสียงคํารามสีชาดออกมา
โชคดีที่สิ่งต่างๆก็ยังเป็นไปตามที่ฉันคิดเอาไว้ อุณหภูมิของพระราชวังได้สูงขึ้นมาและเพลิงก็ได้เริ่มลุกขึ้นบนร่างกายโลหะของพวกมัน ที่เป็นแบบนี้ส่วนใหญ่น่าจะขอบคุณในพลังอินิกม่า
[นี่มันพลังที่เหนือกว่าตรรกะ! อี้]
ฉันสามารถจะได้ยินเสียงของลิลธที่ผงะไปได้ แต่ว่าฉันก็มองไม่เห็นเธอเลยเพราะรูปปั้นที่อยู่รอบๆตัวฉัน ในท้ายที่สุดแล้วฉันได้ดึงพลังในเพลิงรอบๆมาที่หอกและเสริมพลังเทพสายฟ้าลงไปเพื่อสร้างขึ้นเป็นวังวน
“ทําลาย!”
ในอดีตทักษะที่ฉันเรียนรู้ได้ง่ายที่สุดหลังจากที่เรียนวงจรเพรต้านั่นก็คือเทมเพรส สกิลนี้ต้องการมานาเพียงแค่ 300 แต่ว่าด้วยวงจรเพรต้าที่ฉันเชี่ยวชาญในตอนนี้ ฉันก็รู้สึกเสียใจมากที่ไปเทียบเท็มเพรสอันเก่ากับเท็มเพรสในปัจจุบัน เนื่องจากฉันได้ดึงมานามาจากรอบๆและปล่อยเท็มเพรสอย่างไม่สิ้นสุดออกไป
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ฉันมีสุดยอดความโลภและรอยสักนรกสีชาดอยู่ด้วย เท็มเพรสในตอนนี้เป็นส่วนขยายของวงจรเพรูต้า ตัวฉันได้เต็มไปด้วยมานามากยิ่งขึ้นในตอนที่ฉันใช้เท็มเพรส
มานาที่มานี้ได้เปลี่ยนกลายไปเป็นอินิกม่าและพุ่งออกไปจากหอกของฉัน มันเป็นวงจรที่ไม่สิ้นสุดลง
“ไม่ว่าแกจะแข็งแค่ไหน ฉันก็สงสัยจังเลยว่าจะทนได้จนในตอนที่ฉันดูดมานาจากเธอหมดไหม!?”
[ข้าดอร์ตู ข้าจะกินมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้]
ดอร์ตูได้บ่นขึ้นมาราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะเอาอาหารของเขาไป รูปปั้นที่ฉันเชื่อมั่นว่าดอร์ตกําลังอยู่ในนั้น ได้กลายเป็นช้าลงอย่างเห็นได้ชัดในทันที ฉันได้เหวี่ยงหอกออกไปรอบๆเพื่อยิ่งเท็มเพรสออกไปอย่างอิสระ จากนั้นก็แทงหอกเข้าใส่รูปปั้นที่จะต่อยฉัน
วังวนมานาสีดําได้หุ้มหอกของฉันเอาไว้ทําให้หอกของฉันดูเหมือนมีขนาดใหญ่ขึ้นสามเท่า รูปปั้นได้ถูกทําลายกลายเป็นชิ้นๆเหมือนกับถูกค้อนทุบพร้อมกับเสียงที่เสียดหูที่ดังขึ้น
[เจ้าอยู่นั่น อย่าขยับ]
ในตอนนี้เองเสียงของลิลิธได้ดังขึ้นมา อย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลย เธอจะต้องป้องกันไม่ให้ฉันโจมตีรูปปั้นได้อย่างอิสระแน่ หลังจากที่ได้เห็นริยสร้างบาเรียรอบตัวฉันแล้ว ฉันได้ดึงพลังวิญญาณสัมบูรณ์จนถึงขีดสุด
พลังเวทย์ของลิลิธมันเป็นเวทย์ประเภทจิตใจแต่ว่ามันก็ใกล้เคียงกับคําสาป น่าเสียดายสําหรับเธอมากที่ฉันน่าจะเป็นคนที่เหมาะจะป้องกันการโจมตีนี้ได้ดีที่สุดบนโลก
[ฉันจะขยี้ใบหน้าอันหล่อเหลาของคุณ]
ในเวลาเดียวกันนั้นพลังเวทย์ของลิลิธก็ได้เริ่มที่จะยับยั้งตัวฉันเอาไว้ รูปปั้นได้พุ่งเข้ามาหาฉันจากทางด้านซ้าย ด้านขวา และด้านบน
การที่เธอสามารถจะยับยั้งฉันได้ถึงแม้ว่าฉันจะใช่โอเวอร์ลอร์ดไปแล้วนี่มันน่าทึ่งมากๆ… มันเป็นพลังที่เหมาะสมกับศัตรูของโลกมากๆ มันดูเหมือนว่าฉันคงจําเป็นต้องยอมแพ้เธอในเรื่องของพลังเสน่ห์ แต่ว่าถ้าห กว่าฉัยยังอ่อนแอในด้านอื่นๆอีกฉันจะต้องแพ้แน่ ไม่สิ ฉันไม่ได้หลงเสน่ห์เธอตั้งแต่ตอนที่เห็นเธอ
“แต่ว่านี่มันแย่เกินไปที่เธอได้มาเจอฉันช้าเกินไป…”
หลังจากสูดหายใจสั้นๆแล้วฉันก็ดึงหอกไปด้านหลัง วงจรเพรูต้าได้หยุดลงพักหนึ่งและหมุนวนไปในทิศตรงกันข้าม ฉันได้ตั้งสมาธิไปกับมานาที่ไหลกลับไปยังหอกของฉัน การไหลของมานาที่แปลกนี้ก็ยังทําให้มานาของลิลิธที่เข้ามาในตัวของฉันได้สั่นสะเทือนและหยุดลงไปในที่สุดด้วยวิญญาณสัมบูณณ์ ในเวลาเดียวกันนี้รอยสักบนนิ้วมือของฉันก็เปล่งแสงออกมาและมานาทั้งหมดของฉันก็ได้ไหลไปรวมอยู่ที่หอกมานาของลิลิธได้หายไปอย่างรวดเร็วและถูกดูดเข้าไปในหอกของฉัน
พลังในการรวมพลังทั้งหมดไปในจุดๆเดียว นี่คือความสามารถพิเศษที่ได้เกิดขึ้นมาจากพรสวรรค์ตามธรรมชาติของฉันมากกว่าผลลัพธ์ของความสามารถเพรูต้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันมาจากเทคนิคหอกของตระกูลของฉัน
ใช่แล้วในตอนนี้ฉันกําลังเน้นไปที่พลังวงจรเพรูต้า พลังของนรกสีชาด และพลังจากวิญญาณสัมบูรณ์รวมเข้าด้วยกันด้วยพลังที่ไม่ได้เป็นของฉัน อินิกม่าได้รวมพลังทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันและเสริมพลังของมัน พลังพวกนี้เดิมที่ที่น่าจะปะกันกันเองได้ตกอยู่ภายใต้คําสั่งของอินิกม่า
หอกตามปกติก็คงจะต้องถูกทําลายและฉันก็จะต้องได้รับบาดเจ็บแน่ แต่ว่าหอกที่ฉันถืออยู่นี้ได้รับการเสริมพลังของดอร์ตู ทําให้มันได้รวมพลังขึ้นส่องแสงมากขึ้นกว่าเดิมแทนที่จะต้องถูกทําลาย
“ฮ่าาาาาห์!”
มันเกือบจะเหมือนกับการดึงหนังยางและปล่อยมันออกไป ฉันได้เริ่มกลับมาโคจรวงจรเพรูต้าตามปกติและปาหอกออกไปข้างหน้า พลังที่ถูกรวมเอาไว้ได้ระเบิดออกมาเหมือนเลเซอร์เจาะทะลุผ่านรูปปั้นและพุ่งเข้าใส่ลิลิธที่ซึ่งเป็นเป้าหมายจริงๆของฉัน
[กรี้ดดดดด!]
ฉันไม่สนใจมาตรวจสอบเลยว่าเธอจะบาดเจ็บไหม ฉันไม่มีเวลาทําแบบนั้น ฉันได้ใช้พายุหอกสายฟ้าเข้าใส่รูปปั้นที่เข้ามาหาฉันทันที ด้วยดวงตาที่เปิดกว้างของฉัน ฉันได้ระบุในจุดของรูปปั้นที่อยู่รอบตัวและแทงหอกขอ ฉันเข้าใส่รูปปั้นที่ละตัวพร้อมทั้งหลบการโจมตีของพวกมันไปด้วย
“ย้ากกกกกกกก!”
ถึงแม้ว่าฉันจะทําลายพวกมันไม่ได้ในครั้งเดียว แต่ว่าด้วยการแทงหอกอย่างต่อเนื่องของฉันก็ทําให้มีหลุมเต็มตัวพวกมัน ดอร์ตูได้พูดขึ้นอย่างทันที
[ข้าคือดอร์ตู กินน้อยไป ข้าต้องกินเร็วกว่านี้]
“ถ้านายทําได้มากกว่านี้ก็เร็วเลยดอร์ตู”
[ข้าดอร์ตู ข้ากําลังวิเคราะห์โลหะพวกนี้ในไม่ช้า]
ฉันได้ให้กําลังใจดอร์ตูจากภายในและดึงหอกกลับมา จากนั้นฉันก็กระโดดถอยและเหวี่ยงหอกอย่างรุนแรง รูปปั้นที่โถมตัวของฉันจากด้านบนได้หล่นลงมาหลังจากถูกตัดจนขาดครึ่ง
[เป็นไปไม่ได้…! โอไรท์ชาคอสถูกตัดได้อย่างง่ายดาย!?]
โอไรท์ชาคอส? ฉันเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ใช่แล้วมันน่าจะเป็นชื่อที่เสริมมาจากโอริชาคัม! มันคือหนึ่งในโลหะที่ทรงพลังที่สุดเมื่อเทียบกับมิธธิล! นั่นมันหมายความว่า… เจ้ารูปปั้นทั้งหมดนี้ทําขึ้นมาจากโอไรท์ชาคอส!? ลิลิธเธอจะรวยไปแล้ว!
“มันก็ง่ายมาก มานาที่ฉันใช้อยู่มันต่างจากเธอนิดหน่อย”
(ฉันรู้แล้วว่ามานาของคุณได้อยู่ในระดับใหม่ไปแล้ว แต่ว่าคุณก็ไม่น่าจะตัดโอไรท์ชาคอสได้ง่ายแบบนี้!]
“ถ้าเธอแค่ปล่อยมานาของเธอมาก็แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าถ้าเธอควบมานาของเธอแบบนี้…”
ฉันได้รวบรวมมานาของฉันกว่าหนึ่งแสนมาที่หอก ออร่าของพลังได้ผสมรวมกันจนทําให้มันดูน่าเวียนหัวยิ่งกว่าปกติ แต่ว่าด้วยอินิกม่าที่กลืนกินทุกๆอย่างลงไปทําให้ฉันสามารถตะควบคุมได้อย่างง่ายดาย ฉันได้รวบรวมออร่าเข้ามาที่คมหอก มันได้หยุดเปล่งแสงและกลายเป็นบางเหมือนกับคมมีดอย่างดี
ในอดีตนี่มันจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะการขาดมานา แต่ว่าถ้ามันเป็นในตอนนี้ ฉันก็สามารถทํามันได้เป็นเวลานาน ด้วยการเสริมจากโอเวอร์ลอร์ดฉันในตอนนี้ก็มีศักยภาพในการผสมมานาเข้ากับตัวฉันเองได้แล้ว
ในตอนนี้เมื่อรวมกับพลังของดันเจี้ยนเข้าไปฉันก็มีมานามากกว่า 900,000 ไปแล้ว ด้วยเทคนิคนี้ฉันสามารถจะตัดรูปปั้นพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย
“เธอได้พาฉันมาในทางที่ดีขึ้นแล้ว!”
ฉันได้แทงหอกออกไปด้านหลัง เนื่องจากว่าตัวฉันได้เข้ามาใกล้กับกําแพงพระราชวังทําให้มันไม่ได้มีตัวอะไรที่มาโจมตีฉันจากด้านหลังมากนักและการโจมตีในตอนนี้ก็ไม่มีทางที่รูปปั้นจะกันได้ จากนั้นฉันก็กระโดดขึ้นไปบนกําแพง ฉันสามารถจะกระโดดขึ้นไปเดินบนท้องฟ้าก็ได้หายๆ แต่ว่าการวิ่งไต่กําแพงมันเท่กว่านะ!
“ไพก้า ชาราน่า!”
[เต็มพลัง!]
[เพื่อนายท่าน!]
ฉันได้มอบมานากว่าครึ่งที่เหลืออยู่ของฉันซึ่งมีประมาณ 300,000 ไปให้กับภูติธาตุ หลังจากที่พวกเธอได้รับมานาไปไพก้าได้กลายร่างเป็นมังกรสายฟ้าขนาดยักษ์ที่ขดตัวบนท้องฟ้าทันที
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เห็นชาราน่า แต่ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าเธออยู่เสริมพลังภายในตัวของไพกาจนถึงขีดสุด ด้วยเทคนิคสปิริตรออร่าที่ฉันเชี่ยวชาญแล้วมันทําให้ภูติธาตุสามารถจะเข้าไปในภูติธาตุอีกตนหนึ่งได้
แน่นอนว่านี่มันเป็นไปไม่ได้กับภูติธาตุตัวใดก็ได้ มันจะเป็นไปได้ก็สําหรับไพก้าที่เป็นภูติธาตุที่มีศักยภาพที่สูงมากๆและชาราน่าที่มีพลังในการเสริมพลังของคนอื่นอยู่แล้ว
[ภูติธาตุที่ทรงพลังมากจริงๆ… แต่ว่านั่นมันจะพอมาทําร้ายฉันได้หรอ?]
“อย่างน้อยที่สุด เธอก็สามารถจะทําลายทุกๆอย่างนอกจากตัวเธอได้”
[ขาดอร์ วิเคราะห์สมบูรณ์แล้ว]
ก่อนที่ลิลิธจะได้พูดอะไรออกมาอีก ดอร์ตูก็ได้ประกาศขึ้นมาแล้ว ในเวลาเดียวกันนี้การเคลื่อนไหวของรูปปั้นก็แปลกไป จู่ๆพวกมันก็ได้หยุดวิ่งเขามาหาฉันราวกับขาของมันได้ติดอยู่กับพื้น จากนั้นพวกมันที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ก็ได้เริ่มบิดเบือนไป ดอร์ตูได้เริ่มการแก้แค้นของเขาแล้ว
ฉันได้ตะโกนออกมา
“ตอนนี้แหละ!”
[ก๊าซซซซซซซซ!]
ไพก้าได้คํารามออกมาอย่างน่ากลัวและพุ่งตัวเองเข้าไปปะทะตัวๆ สายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวของไพกได้ถูกยิงออกไปทั่วทุกทิศทางและได้ลบเพลิงที่ยังคงเผาไหม้ออกไปอย่างเห็นได้ชัด มันไม่ใช่เพียงแค่นนี้เท่านั้น รูปปั้นก็ยังไม่สามารถจะหลบเธอหรือพุ่งเข้าหาเธอได้อีกเหมือนกับพวกมันไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ไพกําได้เปิดปากของเธอกว้างและพุ่งตรงเข้าใส่ลิลิธ
ด้วยรูปปั้นโลหะที่หายไปแล้วทําให้ในที่สุดฉันก็เห็นลิลิธ ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเธอยังคงมีเลือดไหลออกมาอยู่และก็มีรูเล็กๆอยู่บนท้องของเธอ ดูนั่นจะต้องเป็นผลจากฮีโรอิค สไตรค์ที่ฉันใช้ในก่อนหน้านี้แน่นอน
ยังไงก็ตามลิลิธที่เผชิญหน้ากับไพก้าที่พุ่งเข้ามาอย่างน่ากลัวก็ได้ยิ้มออกมาจางๆ ในตอนที่ฉันเห็นรอยยิ้มของเธอฉันก็รู้ได้ในทันที
คนที่ล่อลวงได้แม้กระทั่งวัตถุที่ไม่มีชีวิตก็น่าจะล่อลวงภูติธาตุได้เช่นกัน!
ความเสียวสันหลังได้มาเยือนฉันเมื่อลิลิธเปิดปากของเธอขึ้นมา
[ภูติธาตุ คุณเห็นฉันใช่ไหม เธอจะโจมตีฉันหรอ?]
[ฉันจะทํา]
[ไม่ คุณไม่ทําหรอก]
เมื่อไพถ้าได้โต้ตอบกลับไป ลิลิธก็ได้แย้งขึ้นอย่างมั่นใจ พลังของลิลิธได้พวยพุ่งออกมาเหมือนกับดอกไม้ไฟในทันทีหลังจากนั้น
ในพระราชวังที่เต็มไปด้วยไฟจากเสียงคําราสีชาดและสิ่งพังจากเท็มเพรส ได้ถูกพลังเวทย์ของลิลิธเติมเต็ม แม้แต่ฉันที่เตรียมพร้อมรับการโจมตีอยู่จู่ๆก็รู้สึกมันไปเพราะมัน
ฉันควรจะยกเลิกการอัญเชิญไพก้าและเข้าไปโจมตีด้วยตัวเองดีไหมนะ? เมื่อฉันได้คิวแบบนี้ฉันก็เริ่มการเคลื่อนไหวต่อมาและดึงพลังของวิญญาณสัมบูรณ์ เสียงลิลิธได้ดังขึ้นมาทั่วทั้งพระราชวังนี้
[ฉันจะแสดงให้คุณได้รู้ว่าทําไมฉันถึงเป็นลิลิธ]
บาดแผลบนร่างของเธอได้หายไปก่อนที่ฉันจะทันสังเกตุซะอีก เลือดบนใบหน้าเธอก็ยังละเหยไป และดวงตาของเธอก็หลุดออกไปก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เธอได้เริ่มส่องแสงสว่างออกมา ถึงแม้ว่าค่าเสน่ห์ของฉันจะถูกเสริมขึ้นไปอย่างมากด้วยโอเวอร์ลอร์แต่ว่าฉันก็หมดแรงที่จะจับหอกเมื่อได้เห็นใบหน้าของลิลิธ
ให้ตายสิ ฉันยังฝึกน้อยไป!
[แน่นอนว่าคุณคือมนุษย์ที่พิเศษ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะมีความสามารถจะตัดโอไรท์ชาคอสได้จริงๆ ฉันเผลอลดการระวังตัวและทําให้ต้องบาดเจ็บหลายจุด…]
ไพก้าที่พุ่งไปอยู่ก็ยังไม่ได้หยุดลง มันรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของฉันก็หยุดเต้นลงไปเช่นกันแล้ว
[คุณพยายามได้ดีมากและมันก็สนุกมาที่เดียว แต่ว่าในท้ายที่สุดคุณก็เอาชนะฉันไม่ได้หรอก มีเพียงวิธีเดียวที่จะเอาชนะฉันได้และนั่นคือการ… มีเสน่ห์เหนือกว่าฉัน
เธอฟื้นบาดแผลทั้งหมดได้ยังไงกัน? เมื่อฉันได้คิดย้อนกลับไปในตอนที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งพลังก็หมดออกไปจากร่างของฉันและฉันก็หลุดหัวเราะออกมา เมื่อฉันได้คิดถึงการยอมแพ้ ฉันก็รู้ตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดนี่มันก็แค่เวทย์ของลิลิธ
ลิลิธแพ้ นี่มันเป็นเพราะเธอได้แพ้กับฮีโร่หญิงจากอเลเซียทําให้เธอเข้ามาในดันเจี้ยน งั้นฮีโร่คนนั้นมีเสน่ห์ มากกว่าฉันหรอ? ไม่ นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ลิลิธโกหก
แต่ว่าสิ่งที่มันน่ากลัวก็คือเสน่ห์ของเธอที่เปล่งออกมาในตอนนี้ที่มันทําให้คนเชื่อในเรื่องโกหกว่าเป็นความจริง แม้แต่ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนกับเห็นด้วยในคําพูดของเธอ
ฉันได้โคจรวงจรเพรูต้าอย่างบ้าคลั่ง ฉันได้จับหอกโกลาหลกลับขึ้นมาบนมือและชี้มันใส่เธอในขณะที่มองตรงเข้าไปที่สายตาเธอด้วย
ฉันในตอนนี้ได้คิดไปถึงในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดแล้ว นั่นก็คือการที่ไพก้าไปอยู่ข้างลิลิธ ฉันได้พยายามจะยกเลิกการอัเชิญไพก้าเมื่อได้เห็นลิลิธที่ฟื้นสภาพทั้งหมดมาโดยสมบูรณ์แต่มันก็ไม่ได้ผล เนื่องจากว่าฉันทําให้ไพก้าเจ็บไปได้ ฉันก็จะต้องหาวิธีเลี่ยงเธอและฆ่าลิลิธซะ
นี่มันไม่เป็นไร เพราะว่าฉันไม่รู้ในไฟลับของลิลิธที่ซ่อนเอาไว้ แต่ฉันก็ยังมีไพ่ตายอยู่ ฉันยังมีความเร็วศักดิ์สิทธิ์ และฉันก็ยังมีพลังของโอเวอร์ลอร์ดเหลืออยู่อีกมาก เสน่ห์ของเธอมันเป็นอันตรายอย่างที่เธอพูดจริงๆ แต่ว่าตราบใดที่ฉันยังไม่แพ้ ฉันก็ยังมีโอกาสอยู่
ภูติธาตุ คุณคิดยังไล่ะ?
[กรรรร]
ลิลิธได้ถามขึ้นกับไพก้าและไพก้าก็ได้ส่งเสียงตอบกลับเบาๆ
จากนั้นเธอก็กลืนลิลิธลงไป