Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 308
บทที่ 308 – ทะลวงผ่าน (1)
หลังจากได้กำจัดราชาทั้งห้าบนโลกไปแล้วพวกเราก็ได้ลงความเห็นว่าพวกเราจำเป็นที่จะต้องกำจัดอาณาเขตที่มอนสเตอร์อยู่ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
แต่ยังไงก็ตามนักสำรวจที่พวกเราแต่งตั้งมาใหม่และสมาชิกรีไวเวิร์ลทั้งหมดต่างก็วุ่นอยู่กับการปีนดันเจี้ยนเพื่อฝึกฝนพัฒนาตัวเอง ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ยังอยากจดจ่ออยู่กับการปีนดันเจี้ยนด้วยเหมือนกัน
โชคร้ายที่พวกผู้พิทักษ์และปีแห่งเสรีก็อ่อนแอเกินไปที่ฉันจะฝากฝังหน้าที่พวกนี้ไว้ แม้กระทั่งในตอนนี้พวกเราก็ยังแทบต้านพวกมอนสตเรอืปกติสุดๆไม่ได้เลย ฉันยอมรับในความพยายามของพวกเขา แต่ว่าความจริงมันโหดร้าย พวกเขานั้นอ่อนแอเกินไป
“สามีที่รักคุณมีคำสั่งอะไรเราหรอ?”
ในท้ายที่สุดแล้วฉันก็ได้จบลงด้วยการไปหาซัคคิวบิ เหตุผลมันก็ง่ายมากๆ ฉันอยากจะให้พวกเขาช่วยคนหาเส้นทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับที่ฉันจะกวาดล้างมอนสเตอร์ทั้งหมดออกไป และเนื่องจากว่าฉันต้องการจะเก็บพลังงานแห่งความตายด้วยทำให้มันเหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ในระหว่างที่ฉันสู้กับนรกสีชาดฉันได้พบวิธีที่จะใช้พลังแห่งความตายที่มีประโยชน์แล้ว ในเมื่อฉันใช่มันไปจนเหลือน้อยแล้วมันก็เป็นเรื่องโง่มากแน่ถ้าฉันไม่เติมมันให้กลับมาเต็ม ถ้าฉันมีพลังแห่งความตายเหลืออยู่เต็มเปื่ยมในตอนที่สู้ับลิลิธ ฉันก็รู้สึกว่ามันน่าจะดีกว่านี้เช่นกัน
ในตอนนี้การจะไปหามอนสเตอร์จำนวนมากในดันเจี้ยนมันก็ยากแล้วทำให้การจัดการมอนสเตอร์บนโลกเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสะสมพลังความตาย
อย่างที่ฉันพูดไปฉันไม่ได้ไปหาลิโคไรท์เพราะฉันรู้ว่าเธอยุ่งอยู่ ฉันก็แค่ต้องการข้อมูลการเชื่อมต่อของทีมซัคคิวบิทั้ง 30 ตนที่ประจำการอยู่ที่บ้านกิลด์
ในปัจจุบันนี้ลิโคไรท์ ผู้บัญชาการโดยตรงของเธอ และซัคคิวบัสอาวุโสมิไรรวมไปถึงซัคคิวบิที่ทรงพลังคนอื่นๆได้ปิดด่านฝึกอยู่ เนื่องจากว่าพวกเธอได้เอาพลังความแข็งแกร่งมาที่ซัคคิวบิคนอื่นๆทำให้ฉันเห็นได้ว่าข้อมูลที่ทีมซัคคิวบิรวบรวมมาอ่อนแอลงไปมาก
ฉันรู้สึกเสียใจที่ได้เห็นวงกลมสีดำใต้ตาของพวกเธอ พวกเธอยังไม่ใช่มนุษย์ดังนั้นพวกเธอไม่มีทางหมองคล่ำตามอายุแน่ ฉันรู้ว่าพวกเธอพยายามที่จะซ่อนมันเอาไว้อย่างมากที่สุดแล้วเพื่อไม่ให้ฉันกังวล
“ทำได้ดีมากทุกๆคน”
“หุหุ ทุกคนได้ทำงานมาอย่างหนัก มันก็สักพักแล้วนะตั้งแต่ที่ฉันได้เห็นหน้าคุณฮวาหยา”
นี่คือซัคคิวบัสอาวุโสมิไรที่เปลื่ยนมาอยู่ในร่างซัคคิวบิธรรมดาและฮวาหยาก็เป็นคนเปลื่ยนให้มิไรเป็นแบบนี้ ด้วยความที่มิไรฝึกอยู่ทำให้ซัคคิวบิต้องไปรายงานฮวาหยาโดยตรง แต่เพราะว่าเธอได้ตั้งใจอยู่กับการปีนดันเจี้ยนและทะลวงผ่านบียอนทำให้ซัคคิวบิที่ทำงานในด้านนี้ดูจะล่าช้าไปเล็กน้อย
“มีซัคคิวบิกี่ตนที่อยู่แนวหน้านะ?”
“ส่วนใหญ่ก็กลับมาแล้ว พวกเราได้เน้นไปที่การรวมกองกำลังเราเอาไว้ในที่ที่เดียวมากกว่าที่จะกระจายกันออกล่า นี่มันเพียงเพราะซัคคิวบิได้เสียพลังไปจำนวนมาก คุณก็น่าจะรู้ ราชินีของเรากำลังเปลื่ยนร่างเป็นจักรพรรดินี…”
“อะไรนะ?”
ไม่ใช่ว่ามันเหมือนกันหรอ? นี่คือสิ่งแรกที่ฉันคิดขึ้นมา แต่ว่ามันดูจะไม่ใช่เลย
“ดูเหมือนว่าราชินีของเราจะอายเกินที่จะบอกคุณด้วยตัวเองสินะ เธอไม่ได้คิดจะกลายเป็นจักรพรรดินีเลย แต่ว่าด้วยการที่สามีที่รักได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่เมื่อเร็วๆนี้….”
“พลังที่ยิ่งใหญ่? นี่หรอ?”
ฉันได้ชี้ไปที่เขาบนหัวและถามออกมา ซัคคิวได้ถอนหายใจลึกๆและพูดออกมาอย่างยินดี
“ใช่แล้วสามีที่รักได้รับพลังของลิลิธมา เพราะแบบนี้ราชินีของเราก็เลยได้รับผลกระทบอย่างมาก แน่นอนว่าเธอได้รับผลจากสามีที่รักมากเกินไป แต่ว่าเขาบนหน้าผากของสามีที่รักคือ…”
“เดี๋ยวก่อนนะ ช่วยเล่ารายละเอียดมากกว่านี้ทีสิ?”
ฉันได้คว้าไหล่ของซัคคิวบัสเอาไว้ เธอได้เอามือขึ้นมาปิดปากของเธออย่างรวดเร็วเหมือนกับจะพูดว่า อุปส์ แต่ว่าเมื่อดูจากสายตาที่เธอมองฉันแล้วมันดูเหมือนว่าเธอวางแผนจะบอกข้อมูลนี้กับฉันตั้งแต่แรกแล้ว
“สามีที่รักได้ทำพันธะสัญญากับราชินีใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
“พันธะสัญญานั่นเดิมทีเป็นพันธะสัญญาแบบพรรคพวก แต่ว่าในตอนที่สามีที่รักได้เอาพลังของลิลิธมา ราชินีก็ได้รับผลจากมันและรูปแบบพันธะสัญญาก็ได้เปลื่ยนไปตามภาพลักษณ์ของสามีที่รัก”
“…อย่างงี้งั้นหรอ?”
ฉันคิดว่ามันแปลกที่การได้รับพลังของลิลิธทำให้ฉันมีเขา มันดูเหมือนจะเกิดขึ้นมาจากพันธะสัญญากับลิโคไรท์ที่ส่งผลต่อฉันโดยที่ไม่รู้ตัว
“ซัคคิวบิและอินคิวบิเป็นสายพันธ์ที่มีทักษะในการใช้เสน่ห์”
“แน่นอน”
มันเป็นพลังของเผ่าพันธ์พวกเธอโดยธรรมชาติซึ่งมันไม่มีทางที่จะไปมีมนุษย์เทียบพวกเธอได้
“สามีที่รักคุณคือมนุษย์ที่บริสุทธิ์แต่ว่าคุณได้ยอมรับพลังของลิลิธ เพราะพันธะสัญญาที่สามีที่รักได้ทำกับราชินีทำให้สามีที่รักสามารถจะประตัวใช้ในพลังของลิลิธได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
“เธอจะบอกว่าหากฉันไม่มีพันธะสัญญากับลิโคไรท์ฉันก็จะได้พลังเวทย์แบบปกติลิลิธมาสินะ”
“ใช่แล้ว”
ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นพลังที่หลุดจากการควบคุมของฉันแต่มันดูเหมือนจะมีอะไรที่มากกว่าที่ฉันคิด
“ฉันคิดว่าที่มันเป็นแบบนี้เพราะฉันควบคุมพลังของลิลิธได้ไม่เต็มที่ซะอีก”
“แน่นอนสิว่ามันไม่ใช่ สามีที่รักได้ดูดซึมพลังมาหลายๆอย่างแล้วในระดับที่ไม่ได้ด้อยกว่าลิลิธเลย”
“… เรื่องนี้นี่มัน…”
ใช่แล้วฉันยังมีพื้นที่ในการพัฒนามันจะไม่มีพื้นที่ว่างในร่างของฉันที่จะเก็บพลังของลิลิธได้ยังไงกัน? ฉันเข้าใจผิดไปเอง
นี่มันไม่ใช่การรั่วไหลของพลัง มันคือสิ่งที่เปลื่ยนแปลงไปทำให้ฉันเหนือไปกว่าขีดจำกัดของมนุษย์ ดังนั้นฉันจึงจะสามารถใช้เสน่ห์ของฉันออกมาได้มากยิ่งกว่าเสน่ห์ที่อยู่ภายในตัวฉัน
แล้วมันจะหายไปในที่สุดไหมนะ? ฉันคิดว่าฉันเข้าใจผิด เขานี่มันเป็นอาวุธสำคัญสำหรับฉันที่จะช่วยฉันควบคุมเสน่ห์
“การได้พลังของลิลิธมาเป็นแค่จุดเริ่มต้นในการปลุกมานาของราชินีที่อยู่ในตัวสามีที่รักและมันส่งผลให้เกิดการเปลื่ยนแปลงจนสามีที่รักสามารถจะใช้พลังในแบบซัคคิวบัสได้ เพราะแบบนี้… สามีที่รักไม่ได้เป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว”
“… เธอกำลังจะบอกว่าฉันเป็นครึ่งอินคิวบัส?”
“ไม่ใช่ครึ่ง แต่ว่า… อืมม ประมาณหนึ่งในห้ามั้ง?”
ฉันได้หมดคำพูดลงไปทันที ฉันรู้สึกปวดหัวเล็กๆแต่ว่าในตอนที่ฉันคิดมันอีกครั้งนี่มันก็ดูเหมือนไม่ได้สำคัญเลย ไม่ว่ามันจะทำงานยังไงก็ตามแต่ฉันก็แข็งแกร่งขึ้นและในตอนนี้ฉันก็สามารถจะใช้เสน่ห์ได้ในระดับที่ไม่น่าเชื่อแล้ว ดังนั้นการที่ฉันออกห่างจากมนุษย์และยังไงล่ะ?
“ฉันเข้าใจแล้ว นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากพลังของลิลิธ มันตรงข้ามกันเลย ร่างกายของฉันมันเปลื่ยนไปเพื่อที่จะใช้พลังนี้ให้มีประสิทธิภาพแทนใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว ถูกเลย เพื่อที่จะควบคุมเสน่ห์เรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติมาก ถึงมามันอาจจะมีการรั่วไหลนิดๆก็ตาม…”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
ซัคคิวบัสได้ถอนหายใจออกมาและถอยกลับไป ซัคคิวบัสที่ตนที่รอฉันอยู่ก็ได้ใช้โอกาสนี้เข้ามา
“อย่างที่เราพูดไปก่อนหน้านี้พลังของลิลิธก็ยังส่งผลกับราชินีของเรา ลิลิธเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษซึ่งเป็นเอกเทศน์จากทั้งซัคคิวบัสและราชินีซัคคิวบั ในตอนที่สามีที่รักได้รับพลังของเธอ ราชินีก็ได้รับผลจากพลังของลิลิธ”
“เพราะแบบนี้มันจึงเกิดการแลกเปลื่ยนขึ้นในตอนที่ฉันเอาพลังของลิลิธ…. ถ้ามันจะช่วยลิโคไรท์ได้ ฉันก็จะให้เธอได้มากเท่าที่เธอต้องการเลย ลิลิธคือจักรพรรดินีที่เธอพูดถึงใช่ไหม?”
“ไม่ ลิลิธก็คือลิลิธ ไม่มีอะไรที่จะมาอธิบายเธอได้อีกแล้ว ในโลกอื่นได้อธิบายไว้ว่าในระดับที่เหนือกว่าราชินีคือจักรพรรดินี”
หลังจากทีเราได้สู้กับราชาแห่งความตายลิโคไรท์ก็ได้รับเอาพลังของซัคคิวบิที่ตายไปจำนวนมากและเปลื่ยนแปลงไป จากนั้นเธอก็ได้ประกาศออกมาว่าเธอจะแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการรับเอามานามาจากซัคคิวบิคนอื่นๆ
แต่ว่ามันก็ยังคงเป็นพลังของราชินีซัคคิวมิ มันก็เหมือนกับถ้วยที่ไม่เปลื่ยนรูปร่างไปไม่ว่าจะมีน้ำมากแค่ไหน ลิโคไรท์ไม่มีทางจะกลายเป็นสายพันธ์อื่นได้ด้วยการได้รับมานาแน่นอน
“เธอจะบอกว่าพลังของลิลิธทำอะไรแบบนี้”
“ใช่แล้ว ราชินีได้ก้าวข้ามขีดจำกัดและได้รับความเป็นไปได้ที่จะวิวัฒนาการจากพลังนี้ ด้วยการได้รับมานาทั้งหมดจากซัคคิวบิ เธอจำเป็นต้องรวบรวมมานาเพื่อวิวัฒนาการ”
“ฉันเข้าใจแล้ว นี่ฉันได้ไปเอาพลังของลิลิธมาถูกเวลาเลยสินะ”
“ใช่แล้ว”
ตามปกติแล้วเขาของลิลิธจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของฉันในรูปแบบพลัง แต่ว่าเพราะพันธะสัญญาของฉันกับลิโคไรท์ทำให้พวกเราทั้งสองคนได้รับผลที่ดีขึ้นมา นี่มันน่าสนใจจริงๆ
“ดังนั้นคุณจะไม่ได้เห็นเธอไปประมาณครึ่งปี”
“นี่มัน… น่าเสียดาย”
ถึงแม้ว่าฉันจะปฏิเสธการตะลุยไปพร้อมลิโคไรท์ แต่ว่าตัวเธอก็ยังสำคัญกำฉันมาก รอยยิ้มที่ร่าเริงและความรักที่เธอสนับสนุนฉันมันช่วยฉันมากกว่าที่ฉันคิด
“ดังนั้นพวกเราจะช่วยบริการสามีที่รักแทนราชินี”
“โอใช่แล้ว มันมีเหตุผลที่ฉันมาหาเธอ”
“อูวว นี่มันไม่สนุกเลย”
ฉันได้บอกสิ่งที่ฉันมาที่นี่ ในตอนที่ฉันบอกแผนว่าฉันกำลังจะจัดการกวาดล้างมอนสเตอร์ออกไปเธอก็ได้แสดงความตื่นเต้นออกมา
“เพราะแบบนี้คุณจะให้เวลาเราหนึ่งสัปดาห์? พวกเราต้องดูก่อนว่าที่ไหนอันตรายที่สุดและยังต้องเตือนผู้พิทักษ์กับปีกแห่งเสรี”
“หุหุ สามีที่รักไปเถอะ พวกเราเชื่อมต่อกับคนอื่นๆอยู่… เสร็จแล้ว”
“สาวๆ นำข้อมูลทั้งหมดที่เรามีมา”
ในห้องนี้ได้กลายเป็นวุ่นวายในทันที พวกเธอมีความสุขกับการที่มีงานทำมากขึ้น… พวกเธอไม่เป็นไรนะ
ฉันได้จากไปพร้อมๆกับคำถามนี้ในหัว ฉันจะต้องรอเวลาหนึ่งสัปดาห์ดังนั้นมันจึงหมายความว่าฉันจะต้องกลับไปดันเจี้ยน