Infinite Competitive Dungeon Society - ตอนที่ 314
บทที่ 314 – ทะลวงผ่าน (7)
เราได้มาลงที่คาบสมุทรอลาสก้าที่ตั้งอยู่ทางใต้ของอลาสก้า แผนของพวกเขาก็คือเดินทางขึ้นไปนับจากตรงนี้่
“พี่คะ เนื้อแซลม่อนอลาสก้ามันสดมากเลยไม่ใช่หรอค่ะ?”
“ตอนนี้มันฤดูใบไม้ผลินะ แซลม่อนมันจะกลับมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่เป็นฤดูผสมพันธ์ของมัน ตอนนี้เลยยากที่จะหาพวกมันนะ”
“งั้นแล้วหมีล่ะ?”
“หมีที่เป็นที่รู้จักดีในอลาสก้าคือหมีกริซลี่”
“อุ้งตีนหมี!”
“โอ้ ใช่สิพี่เคยกินอุ้งตีนหมีมาก่อนด้วย แต่ว่ามันต้องทำอะไรกับรสชาติของมัน….”
“ว้าว จริงหรอ? หนูก็อยากจะลองมันเหมือนกัน!”
ดวงตาของยุยได้ส่องประกายออกมา ดูเหมือนว่ายุยจะสนใจในอลาสอร่อยในอลาสก้านี้ ในตอนฉันอายุได้สิบสามฉันได้มาฝึกกับพ่อที่อลาสก้าและฉันก็ได้ใช้หอกไม้ล่าหมีกริซลี่ แค่คิดไปถึงในตอนนั้นฉันก็ต้องกัดฟันแน่นแล้ว
ฉันอยากจะโยนพอไปหน้าหมีกริซลี่เพื่อแก้แค้นจริงๆ แต่ว่าในเมื่อพ่อสามารถจะฆ่าหมีนั่นตายได้ง่ายๆในทีเดียว ฉันก็เลยเรียกมันไม่ได้เลยว่าคือการแก้แค้น แต่ก็โชคดีที่ฉันจัดการเจ้าหมีนั่นได้และได้แม้กระทั่งกินอุ้งตีนของมันด้วย น่าเสียที่รสชาติของมันก็ไม่ได้ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนั้นฉันก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอด
ด้วยแบบนั้นที่ฉันมาที่อลาสก้ามาก่อนมันทำให้ฉันสามารถจะบอกได้เลยว่าอลาสก้าเปลื่ยนไปมากแค่ไหน ฉันได้ตัดสินใจที่จะบอกกับยุยตรงๆ
“พี่คิดว่ามันอาจจะไม่มีหมีกริซลี่ที่มีชีวิตอยู่ในอลาสก้าแล้ว”
“…อ่า”
เนื่องจากว่าทิวทัศน์ธรรมชาติของอลาสก้าสวยงามมากๆทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาในที่แห่งนี้ แต่ว่าในตอนนี้ภูเขาที่สูงชันของอลาสก้า แม่น้ำที่แห้งแล้ง และสัตว์ป่าได้หายไปทั้งหมดราวกับว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่อลาสก้า
“ว้าว ดูภูเขาลูกนั้นสิ ชิน! มันดูจะสูงกว่าเอเวอร์เรสอีกนะ!”
“ฉันได้ยินเสียงหอนของจักรพรรดิแห่งภูเขาด้วยล่ะ”
“มันดูเหมือนว่าจะมีมอนสเตอร์ที่มาแทนหมีกริซลี่ที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในอลาสก้าแล้วล่ะ”
“ฮี้ อุ้งตีนหมีของหนู….”
ถึงแม้ว่าทุกๆคนต่างจะคิดอะไรมากมายแต่ว่าเราก็ไม่ได้เห็นสัญญาณอะไรเลย เดซี่ได้เรียกทูน่าอันเดตขนาดยักษ์ ไอกันธ์ของเธอออกมาและเราก็ได้เริ่มการเดินทาน เนินจากว่าเราจะเมินเฉยในมอนสเตอร์ระหว่างทางไม่ได้ด้วยฉันก็ตัดสินใจที่จะยืมในพลังของดอร์ตู
[ข้าดอร์ตู ข้าจะทำงานหนักและเสียเวลากับนายท่านในวันนี้]
“ไม่ดอร์ตู วันนี้เราจะไม่ยอมเสียเวลา แล้วก็นะในตอนฉันเรียกไม่ต้องพูดอะไรก็ได้”
[ข้าดอร์ตู….]
ฉันได้ย้ายความคิดไปหาดอร์ตูและเขาก็เริ่มสร้างเศษโลหะข้นมารอบๆเราทันที มันดูเหมือนกับว่าพวกเรากำลังอยู่ในใจกลางของทางช้างเผือก
“ว้าว สวยจังเลยพี่!”
“มันไม่ได้แค่สวยเท่านั้นนะ แล้วก็นะนับจากนี้ไปอย่ามองหน้าพี่นะ เดซี่ เยอึน พวกเธอก็ด้วย”
ดวงตามารแห่งการกลายเป็นหินของฉันมันไม่ได้ส่งผลกับทุกๆอย่างรอบๆตัวมั่วๆแน่นอน สิ่งที่ฉันกังวลจริงๆก็คือเรื่องผลของเสน่ห์ของฉัน ฉันสามารถแยกพวกเธอออกจากผลเสน่ห์ของฉันได้เช่นกัน แต่ว่าฉันก็ไม่สามารถจะยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าแยกได้สมบูรณ์แบบ
เมื่อเศษโลหะของดอร์ตูได้กระจายออกไปรอบๆ ฉันก็ได้เริ่มปล่อยเสนาห์ออกไปอย่างช้าๆที่อยู่ภายในตัวของฉัน หลังจากได้รับพลังของลิลิธมาฉันก็ได้รู้ถึงเสน่ห์ที่อยู่ภายในตัวฉันว่ามันดูเหมือนกับกลิ่นหอม ไม่เพียงแต่ทำให้การควบคุมเสน่ห์ของฉันง่ายขึ้นเท่านั้นแต่มันยังทำให้ฉันสามารถปล่อยเสน่่ห์ออกมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอีกด้วย ในตอนนี้ฉันกำลังรวมเสน่ห์ทั้งหมดไปอยู่ที่ตาของฉัน
สภาพแวดล้อมรอบๆได้สว่างขึ้นมา แสงจากดวงตามารของฉันได้สะท้อนกับเศษโลหะนับล้านชิ้น แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้จบแค่นี้ เมื่อไอกันธ์ได้คำรามออกมาทำให้มอนสเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ตามพื้นดินหรือท้องฟ้าได้หันมาสนใจพวกเรา พวกมันทั้งหมดต่างก็เจอเข้ากับแสงของดวงตามารและผลลัพธ์มันก็ออกมาอย่างที่ฉันคิดเอาไว้
“ว้าว…!”
“ยุย ให้ลูกๆของน้องกระจายไปตามพื้น พวกจะไม่ทำร้ายพวกนั้น”
“ค่ะพี่!”
ยุยได้ส่งลูน่าและตั๊กแตนของเธอออกไปทันที การแสดงออกของเดซี่ก็เปลื่ยนไปเมื่ออได้เห็นสิ่งมีชีวิตทุกๆสิ่งได้กลายเป็นหิน…
“ขยายผลพลังของดวงตามาร?”
“มันก็เพราะว่าดอร์ตูเป็นภูติธาตุที่เชื่อมต่อกับฉัน แต่แม้แบบนั้นมันก็ยังใช้มานามากอยู่”
นอกจากนี้ที่มันเป็นไปได้อีกก็ต้องขอบคุณมานาของฉันที่มันใกล้ถึงหลักล้านแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ฉันดูดมานาจากชั้นบรรรยากาศรอบๆมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย การมีอยู่ของฉันเหมือนกับแม่เหล็กดึงดูดมานาขนาดใหญ่
“เธอไม่ควรจะลองมันนะเดซี่ ดวงตามารของเธอกับของฉันมันให้ผลที่ต่างกัน”
“ฉันไม่ทำแน่ การอ่านความคิดนับพันในคราวเดียว แค่คิดมันก็ทำให้ฉันปวดหัวแล้ว”
เพราะแบบนี้เดซี่ก็หันไปมองยุยที่ควบคุมมอนสเตอร์จัดการทำลายมอนสเตอร์ที่กลายเป็นหินและกินพวกมันไป จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมาและพูดขึ้น
“คังชิน มอนสเตอร์ที่เป็นหินแข็งแกร่งแค่ไหน?”
“น่าจะเหนือกว่าระดับ SSS?”
“ทุกๆอย่างที่มีชีวิตหรอ?”
“ใช่แล้ว สำหรับตอนนี้มันยังไม่ได้ผลกับของที่ไม่มีชีวิต”
ฉันได้ตอบกลับไปในขณะที่ลูบเขาสีแดงบนหน้าผาก เนื่องจากว่าฉันกำลังใช้เสน่ห์อยู่ทำให้เขาได้ส่งความร้อนออกมาเล็กน้อย ฉันรู้สึกได้ว่าดวงตามารของฉันยังคงพัฒนา
“ถ้าคังชินแข็งแกร่งขึ้น ทุกๆอย่างที่อ่อนแอกว่าคังชินก็จะกลายเป็นหินได้ในทันที”
“ฉันคิดว่าวันนั้นจะต้องมาถึงแน่”
“…ถ้ามันเกิดขึ้นงั้นคังชินจะต่างจากพระเจ้าตรงไหนล่ะ?”
“หืมมม?”
ฉันได้หันกลับไปมองเดซี่ เธอได้หน้าแดงขึ้นมา
“เธอล่อฉันงั้นหรอ?”
“ไม่ล่ะ เสียใจด้วย”
“แต่ว่าชินก็ชื่อชินจริงๆนะ” [ชินในภาษาเกาหลีแปลว่าพระเจ้า]
ในขณะที่ฉันหันหน้าไป เยอึนก็ได้ลบบรรยากาศแปลกๆออกไปด้วยความคิดงี่เง่าของเธอ ฉันได้หัวเราะออกมาแต่ว่าเดซี่ได้มองไปที่พื้นที่เต็มไปด้วยหินและพูดออกมา
“มุมมองที่เข้าใจไม่ได้ แม้แต่ฉันก็ยังกลัว”
ฉันได้หยักไหล่ขึ้นมา แม้ว่าฉันจะแข็งแกร่งขึ้นมากฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่าฉันแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้คนแบบเดซี่กลายเป็นหินได้ แน่นอนว่ามันก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ฉันทำให้เธอเป็นหินด้วย ในความคิดของฉันแล้วมันไม่มีความจำเป็นที่เดซี่ต้องกลัวฉันเลย
แต่ว่าดูเหมือนเดซี่จะคิดเรื่องอื่น
“ดวงตามารของคังชิน ฉันดูถูกดวงตานั่นในตอนแรก แต่ว่าถ้าสิ่งที่ฉันพูดมันเกิดขึ้น…”
“ห๊ะ?”
“คังชินจะได้รับความหวาดกลัวจากทุกๆคน คังชินอาจจะ…เป็นพระเจ้าจริงๆ”
“นั่นมันดูไร้สาระมากเลยนะ แม้แต่ฉันยังไม่รู้เลยว่ามันเริ่มจากตรงไหน”
“คังชินจะกลายเป็นพระเจ้า”
“อย่างที่ฉันพูดไปมันไม่เกิดขึ้นแน่”
เดซี่ได้จับไหล่ของฉันและพูดออกมา
“อย่าทิ้งฉัน”
“ฉันไม่ทำแน่”
“ชินจะไม่ทิ้งฉันไปจริงๆใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่”
ฉันเป็นห่วงว่ายุยจะเข้ามาในการพูดคุยนี้ด้วยแต่ว่าเธอก็ไม่ได้สนใจเลย เธอทำแค่การให้กำลังใจสัตว์เลี้ยงของเธออย่างง่ายๆ
“ลูน่าอย่ากินนั่นนะ! มันสกปรก! ทางซ้ายก็มีให้กินอีกตั้งเยอะนะ”
“ว้าว ดูตั๊กแตนพวกนั้นกินสิ”
“การพูดแบบนี้มันดูนองเลือดหน่อยนะ แต่มาเริ่มกันต่อเถอะ พวกเราได้ฆ่ามอนสเตอร์มานานแล้ว….”
“ฆ่ามอนสเตอร์นับหมื่นภายในพริบตาเดียว คังชินนี่ไม่ดึงดูดเลย”
ตั๊กแตนของยุยได้ทำลายก้อนหินและกินศพของมอนสเตอร์อย่างมีความสุข พื้นได้กลายเป็นเต็มไปด้วยเลือดสดๆ เศษกระดูกและก็เนื้อสด เนื่องจากว่าตั๊กแตนทำแค่ต้องจัดการกินพวกที่เป็นหินแล้วเท่านั้นทำให้พวกมันกินลงไปและตามพวกเราได้อย่างรวดเร็ว เดซี่ก็ยังปล่อยกองทัพอันเดตของเธอลงไปบนพื้นและจัดการกวาดล้างพวกมอนสเตอร์ที่ตั๊กแตนพลาดไปอีกด้วย
“มอนสเตอร์ สังหารหมู่”
“ฉันก็อยากล่าพวกนั้้นเหมือนกันนะ… ฉันคันไปหมดแล้ว”
“อย่าเอามีดสั้นของเธอมาเลยเยอึน มันน่ากลัว”
จักรวาลที่ถูกสร้างขึ้นมาจากกระจกโลหะของดอร์ตูได้กระจายไปบนฟ้าสู่พื้นดินทำให้การแช่แข็งกระจายออกไปทั่วทุกที่ ถึงแม้ว่าพวกเราจะต้องชะลอเป็นระยะๆเพื่อให้ตั๊กแตนตามมาทัน แต่ว่าในเวลานี้เราก็ได้จัดการผ่านคาบสมุทรอลาสก้ามากว่า 90% แล้ว ในตอนนี้มันพึ่งจะถึงช่วงกลางวันเท่านั้นเอง เนื่องจากว่าเราได้ออกมาจากเกาหลีในตอนเช้าเวลาในตอนนี้มันก็น่าจะผ่านไปแค่ประมาณชั่วโมงเดียวเท่านั้นเอง
“จักรพรรดิแห่งภูเขา มองดูมันข้างหน้าสิ”
เดซี่ได้พูดขึ้นด้วยตาเป็นประกายในขณะที่เราก็กินเนื้อหมาป่าที่ลูน่าได้เอากลับมา จากนั้นฉันก็รู้ตัวได้ว่าเรากำลังบินอยู่เหนือภูเขาที่เราได้เห็นในตอนที่มาถึงอลาสก้าครั้งแรก ภูเขานี้เป็นที่ที่เราได้ยินเสียงร้องที่ดังสนั่น
เดิมที่คาบสมุทรอลาสก้าก็มีภูเขาที่มีชื่อเสียงมากๆอยู่ แต่ว่าในตอนนี้เขานั้นมันได้หายไปและถูกเขาขนาดมหึมาแทนที่แล้ว
“ไปกันต่อเถอะ”
“ค่ะพี่”
ฉันได้พูดออกไปอย่างไม่สนใจในขณะที่กัดลงไปที่เนื้อหมาป่า ฉันอยากจะจัดการเรียกคืนพื้นที่กรีนแลนด์ได้ภายในสองวัน แต่ว่าตอนนี้เรายังจัดการที่อลาสก้าได้ไม่ถึงครึ่งเลย เนื่องจากว่าฉันยังไม่รู้สึกถึงพลังที่เคียร่าพูดถึงด้วยทำให้ฉันอยากจะไปจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทันใดนั้นเองในระหว่างที่เรากำลังจัดการมอนสเตอร์อยู่เราก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง
[ก๊าซซซซซซซซซซซซซ!]
ฉันได้เงยหน้าขึ้นมา หลังจากยืนยันถึงที่มาของเสียงแล้วฉันได้หันกลับไปถามคนอื่นๆเบาๆ
“….มีรายงานจากซัคคิวบัสเรื่องมอนสเตอร์นั่นไหม?”
“อืมมม… พวกเธอบอกว่าพวกเธอไม่ได้เข้ามาลึกนักและที่แห่งนี้เป็นที่ที่มีความเข้มข้นของพลังงานมากที่สุดในอลาสก้า แต่ว่าพวกเธอก็บอกว่าทุกๆอย่างก็เหมือนกันอยู่ดีสำหรับพี่”
ยุยได้ตอบกลับฉันออกมาในขณะที่เธอยังงงอยู่ๆ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันได้หยักหน้าออกไป ฉันจำเรื่องนี้ได้แล้ว แน่นอนว่าฉันก็รู้สึกได้ถึงพลังงานที่ต่างจากปกติจากภูเขาลูกนี้ แต่ว่ามันก็เหมือนกับแค่เรื่องเล็กๆสำหรับคนอย่างฉัน
“พวกเราอาจจะได้สู้กับมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยสู้มาก่อน”
“คะ?”
ยุยได้ถามออกมาอย่างสงสัย ฉันได้ชี้ไปที่ยอดเขาโดยที่ไม่พูดอะไร ทุกๆคนได้มองเห็นก้อนสีแดงที่อยู่บนยอดเขาทันทีซึ่งมันดูเหมือนกับหมีโคอาล่าที่อยู่บนต้นไม้
“พี่ค่ะ มันมีชีวิตหรอ?”
“ใช่แล้ว”
ฉันได้หยักหน้า มอนสเตอร์ก็ได้คำรามขึ้นมาอีกครั้งราวกับว่ามันได้ยินเสียงฉัน
[ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซ!]
เจ้านี่สินะที่ทำให้หมีกริซลี่หายไป!? ดูขนาดของมันสิ!
“อุ้งตีนหมี หมีเอามันมาให้เราได้ไหม?”
“ได้สิ แต่ว่าถ้ายุยจะกินมันทั้งมหด ยุยจะต้องใช้เวลากินมันสิบปีเต็มแน่”
ฉันได้หยิบหอกขึ้นมา ดวงตามารของฉันได้ครอบคลุมพื้นที่นี้ไปแล้วรอบนึง ในเมื่อมันไม่กลายเป็นหินงั้นฉันก็คงจะต้องสู้ด้วยตัวเอง
“มันกำลังมาแล้ว!”
“ว้าว ยอดเขากำลังสั่น”
“เตรียมมีดสั้นของเธอไว้ให้ดีด้วยล่ะ!”
เพราะแบบนี้ฉันได้กระโดดออกไปทันที ระดับ SSS กับผีสิ เจ้าสิ่งนี้มันอาจจะเป็นผู้สืบทอดของราชาแห่งสรรพสัตว์ได้เลยนะ!