Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 190
ตอนที่ 190 รายงานตัวนักศึกษาใหม่
หวงเสี่ยวหลงหันหน้าไปมองคนที่เรียกเขา และเมื่อเขามองเห็น เขาก็ตกตะลึง “เฉินเฉิง!”
เฉินเฉิง…เฉินเฉิงจากสถาบันแสงดาราแห่งอาณาจักรลั่วถาง!
หลายปีก่อนเมื่อหวงเสี่ยวหลงเข้าเรียนในสถาบันแสงดารา เขาก็ได้พบกับเฉินเฉิงเมื่อตอนที่เขาได้เข้าไปในหุบเขามังกรเพลิงเพื่อฝึกฝนเป็นกลุ่มซึ่งนั่นเป็นเพราะเขาเป็นนักเรียนปี 1 ที่ได้รับชัยชนะ ปีนั้นนักเรียนที่เป็นผู้ได้รับชัยชนะจากทุกการประลองของสถาบันแสงดาราก็คือเฉินเฉิง!
เฉินเฉิงนั้นได้เป็นตัวแทนของสถาบันแสงดาราและอาณาจักรลั่วถางเพื่อไปเข้าร่วมการประลองเมืองจักรพรรดิ ในระหว่างการแข่งขันนั้น เขาได้ทะลวงเข้าสู่ระดับนักรบเหนือธรรมชาติเพราะโชคช่วย เลยทำให้เขาติด 100อันแรกได้สำเร็จ ดังนั้นเขาก็เลยกลายเป็นนักศึกษาแห่งสถาบันต้วนเริ่น
ความประสบสำเร็จของเฉินเฉิงก็คือการติด 100 อันดับแรกในช่วงกาสประลองเมืองจักรพรรดิและการกลาเยป็นักศึกษาแห่งสถาบันต้วนเริ่นนั้นทำให้เขากลายเป็นคนที่โด่งดังในอาณาจักรลั่วถาง
หวงเสี่ยวหลงไม่คาดคิดว่าเขาจะได้มาพบกับเฉินเฉิงในวันแรกของสถาบันแบบนี้ พอเห็นเฉินเฉิง หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกมีความสุขมาก เนื่องจากทั้งสองคนนั้นมาจากอาณาจักรลั่วถาง และเป็นนักเรียนของสถาบันแสงดาราเหมือนกัน มันเลยทำให้พวกเขารู้สึกราวกับได้พบเพื่อนที่ห่างหายไปนาน
“เสี่ยวหลง เป็นเจ้าจริงๆด้วย!”เฉินเฉิงเดินมาแล้วยื่นมือออกไปแตะไหล่ของหวงเสี่ยวหลงในขณะที่เขาหัวเราะออกมาอย่างตื่นเต้น ซึ่งเขาตื่นเต้นจนพุ่งเข้าไปกอดหวงเสี่ยวหลง
พอปล่อยหวงเสี่ยวหลง เฉินเฉิงก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ตั้ง 8 ปีแล้วสินะที่เราได้พบกัน เจ้าหนู….ตอนนี้เจ้านี่สูงกว่าข้าซะอีก!”
แม้ว่าจะผ่านไป8 ตั้งแต่ที่พวกเขาได้พบกันและรูปลักษณ์ของหวงเสี่ยวหลงก็เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่เฉินเฉิงก็ยังจำเขาได้อยู่ แน่นอนว่า เมื่อตอนที่เห็นหวงเสี่ยวหลง เขาก็ยังไมมั่นใจ
แต่ตอนนี้มั่นใจได้แล้ว!
หวงเสี่ยวหลงก็ตอบออกไปพร้อมกับเอาหมัดชกไหล่เฉินเฉิงหยอกๆ “ร่างกายเจ้าก็กำยำขึ้นเหมือนกันแหละ!”
8 ปีผ่านไปเฉินเฉิงก็มีกล้ามมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก อย่างไรก็ตามในอดีต หวงเสี่ยวหลงนั้นเตี้ยกว่าเขาครึ่งหัว แต่ตอนนี้หวงเสี่ยหลงกลับสูงกว่าเฉินเฉิงไปครึ่งหัวแล้ว
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชนะการประลองเมืองจักรพรรดิได้อันดับ 1?”เฉินเฉิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างชื่นชม “แม้แต่ เซี่ยพูถี นักรบเหนือธรรมชาติระดับ 2 ก็ยังแพ้เจ้า! บางทีตอนนี้ข้าคงไม่สามารถรับการโจมตีเจ้าได้เลย!”
แม้จะเข้าสถาบันต้วนเริ่นมาก่อนหวงเสี่ยวหลง 8 ปี เฉินเฉิงก็เป็นแค่เพียงนักรบเหนือธรรมชาติระดับต้นกลาง จากความแข็งแกร่ง เฉินเฉิงนั้นอ่อนแอกว่าไป่โฉวที่ถูกหวงเสี่ยวหลงเขวี้ยงออกไปจากเวทีในหนึ่งกระบวนท่าในระหว่างงานประลองเมืองจักรพรรดิ
ดังนั้นเมื่อเฉินเฉิงกล่าวว่าเขาไม่สามารถรับหมัดของหวงเสี่ยวหลง เขาก็ไม่ได้พูดจาถ่อมตัวเลยสักนิด
หวงเสี่ยวหลงเฉินเฉิงได้พูดคุยกันและหัวข้อพูดคุยส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันแสงดารา
เรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันนั้นเป็นความทรงจำที่พวกเขามีร่วมกัน
เมื่อพูดถึงสถาบันแสงดารา ดูเหมือนว่าการพูดคุยระหว่างพวกเขานั้นจะมีวันจบสิ้นเลย
“ข้าไม่ได้กลับไปเลยตั้ง 8 ปี ข้าสงสัยในสถาบันแสงดารานั้นเปลี่ยนแปลงไปขนาดใหนกัน?” เฉินเฉิงก็เสียใจ “ข้าอยากกลับไปที่นั่นจริงๆ” ไม่ใช่แค่สถาบันเพียงเท่านั้น เขานั้นไม่ได้กลับไปพบกับตระกูลของตัวเองด้วยเหมือนกัน เขาเลยสงสัยว่าตระกูลของเขานั้นเป็นอย่างไรบ้าง
“ครั้งหน้าที่ข้ากลับไปอาณาจักรลั่วถาง งั้นเรากลับไปด้วยกัน”หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมา
“จริงหรอ?”เฉินเฉิงก็หัวเราะออกมา “เยี่ยม นี่คือคำสัญญาของพวกเรา” ต่อมาเขาก็ได้เปลี่ยนน้ำเสียง “วันนี้เจ้ามารายงานตัวกับสถาบันใช่มั้ย? มาสิข้าจะพาเจ้าไปที่นั่น”
เพราะแบบนั้น เฉินเฉิงก็เลยนำทางหวงเสี่ยวหลงไปในพื้นที่รายงานตัวนักศึกษาใหม่
พอเดินข้ามลานของสถาบันไป เฉินเฉิงก็ชี้ไปที่ตึกนู้นนตึกนี้และแนะนำให้หวงเสี่ยวหลงในขณะที่พวกเขาเดินผ่าน
ไม่นานนักหลังจากที่ก่อตั้งจักรวรรดิต้วนเริ่น สถาบันต้วนเริ่นก็ได้ถูกก่อตั้งขึ้น สถาบันแห่งนี้มีประวัติศาสตร์มากกว่าพันปีซึ่งดูดใด้จากอาคารสิ่งก่อสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
เมื่อพวกเขาเดินผ่านหอเกียรติยศของสถาบัน เฉินเฉิงก็ชี้ไปที่ รูปปั้นทั้ง 5 ที่อยู่ตรงกลางสถาบันและแนะนำให้รูปปั้นแต่ละอันให้หวงเสี่ยวหลงฟัง
รูปปั้นทั้ง 5 เป็นรูปปั้นของนักรบที่ตัดผ่านเข้าสู่ระดับเทวะหลังจากที่พวกเขาเรียนจบไปจากสถาบันต้วนเริ่น
เมื่อเฉินเฉิงมาอยู่ตรงรูปปั้นที่อยู่ตรงกลาง เขาก็แสดงออกมาอย่างคลั่งไคล้ “นี่คือนักศึกษาผู้เป็นตำนานอันโด่งดังที่สุดของสถาบันต้นวนเริ่น ผู้อาวุโสเซี่ยเค่อ!”
“ผู้อาวุโสเซี่ยเค่อได้ตัดผ่านเข้าสู่ระดับเทวะภายในระยะเวลา 300 ปี!”
หวงเสี่ยวหลงก็ตกใจเป็นอย่างมาก
ใช้เวลา 300 ปีตัดผ่านเข้าสู่ระดับเทวะ!
เฉินเฉิงก็สะกิดหวงเสี่ยวหลง “ตกใจใช่มั้ยหล่ะ?”พอพูดออกมาแบบนี้ เฉินเฉิงก็ลดเสียงลงแล้วกระซิบออกมา “ผู้อาวุโสเซี่ยเค่อเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเซี่ย!”
บรรพบุรุษของตระกูลเซี่ย!
ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็หมุนกลิ้งไปมาอย่างประหลาดใจ หมายความว่าเซี่ยเค่อคนนี้ก็คือบรรพบุรุษของเซี่ยพูถีงั้นหรอหรอกหรอ?
“ตามข่าวลือ ตระกูลเซี่ยถูกก่อตั้งขึ้นโดยผู้อาวุโสเซี่ยเค่อ” เฉินเฉิงก็พูดเพิ่มออกมาด้วยเสียงที่แทบจะไม่มีคนได้ยิน
หวงเสี่ยวหลงก็หรี่ตาลง นี่มัน 800 ปีก่อนเลยนะ!
ตระกูลเซี่ยนี่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 800 ปีก่อนซึ่งมันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันกลับเติบโตพอจะแข่งขันกลับตระกูลเหยาที่มีมรดกตกทอดมา 2 พันปีได้ ดูเหมือนว่าเซี่ยเค่อคนนี้จะเป็นคนที่ประมาทไม่ได้เด็ดขาด
ถ้าหากว่ามีโอกาส หวงเสี่ยวหลงก็หวังว่าจะได้พบกับเวี่ยเค่อ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองคนก็เดินมาถึงพิ้นที่รายงานตัวของนักศึกษาใหม่
อาคารนี้เป็นสถานที่ที่นักศึกษาใหม่มารายงานตัวซึ่งมันก็เหมือนกลับอาคารอื่นๆ ที่มีบรรยากาศเก่าแก่ถูกปลดปล่อยออกมา ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ซึ่งตอนที่หวงเสี่ยวหลงและเฉินเฉิงเดินเข้ามาก็มีคนอยู่มากมายแล้ว นอกจากนักศึกษาใหม่ ก็มีนักศึกษาเก่าหลายคนรวมอยู่ด้วย หวงเสี่ยวหลงได้เงยหน้าขึ้นมอง 3 ตัวอักษรโบราณที่ถูกแขวนไว้เหนืออาคารนั่นคือ : ห้องโถงวายุแปรผัน
มีทางเดินหินมากมายที่นำไปสู่ห้องโถงวายุผันแปร
ในขณะที่พวกเขาก้าวเดินไป เฉินเฉิงก็อธิบายสถานที่อื่นที่นักศึกษาใหม่ไปรายงานตัว ซึ่งห้องโถงวายุผันแปรก็เป็นสถานที่นักศึกษามารับภารกิจและรางวัล
พอได้ฟังแค่นั้นหวงเสี่ยวหลงก็เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมันนักศึกษาเก่าหลายคนเข้าออกห้องโถงนี่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมารับภารกิจหรือไม่ก็มารับรางวัล
ทั้งสองคนก็เข้าไปในห้องโถงหลังจากปีนขึ้นมาด้านบน
ประตูทางเข้ามันค่อนข้างจะใหญ่ ซึ่งมันกว้างประมาณ 20 จาง ในขณะที่พวกเขาก้าวเข้ามา ฉากที่งดงามก็ปรากฏขึ้นในสายตาพวกเขา จากด้านนอกห้องโถงวายุผันแปรไม่ได้ดูใหญ่เลยสักนิดแต่เมื่อเข้ามาข้างในแล้ว ปรากฏว่าห้องโถงนี้ดูใหญ่และกว้างขวางมาก
แต่มันก็ยังอ่อนด้อยนักเมื่อเทียบกับลานต้วนเริ่นที่อยู่ตรงข้ามกับพระราชวังต้วนเริ่น ซึ่งแทบไม่แตกต่างกันเลยสักนิด
พวกเขายังคงต้องเดินอีก 10 นาทีจากที่เดินเข้ามา ก่อนที่จะมาถึงสถานที่ที่ลงทะเบียนนักศึกษา
เมื่ออาจารย์ที่รับผิดชอบด้านการรายงานตัวได้ยินหวงเสี่ยวหลงบอกชื่อ อาจารย์คนนั้นก็แสดงท่าทางตกใจอย่างหวาดผวา “เจ้างั้นหรอคือหวงเสี่ยวหลง!”
ตอนนี้นามของหวงเสี่ยวหลงได้แพร่กระจายไปทั่วสถาบันต้วนเริ่น
อาจารย์และนักศึกษามากมายหลายหมื่นคน ไม่มีใครสักคนที่ไม่รู้จักเจ้าของจิตวิญญาณต่อสู้คู่ ––หวงเสี่ยวหลง!
“ใช่แล้ว”หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า
หลังจากได้รับการยืนยันจากหวงเสี่ยวหลง อาจารย์คนนั้นก็ตรวจสอบรูปลักษณ์ของหวงเสี่ยวหลงตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ “งั้นเจ้าเองสินะหวงเสี่ยวหลง ดูเหมือนว่าสิ่งที่แม่หนูนั้นพูดถึงเจ้าจะถูกต้องสินะ”
“แม่หนู?”ในดวงตาของหวงเสี่ยวหลงมีร่องรอยความสับสนเกิดขึ้น
อาจารย์ของสถาบันคนนี้ก็หัวเราะออกมา “เธอคือลูกสาวข้าเอง เธอไปร่วมชมการประลองเมืองจักรพรรดิในปีนี้และเมื่อเธอกลับมาเธอพูดชมเจ้าไม่หยุดเลย แถมเธอยังบอกว่าเจ้าหน่ะเท่ห์มาก!”
เท่ห์มาก!
หวงเสี่ยวหลงก็อึ้งแล้วยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวแต่ทว่าเฉินเฉิงที่อยู่ข้างเขากลับหัวเราะออกมา
“นี่คือป้ายทองของสถาบันและชุดคลุม”อาจารย์คนนี้ก็เอาชุดและป้ายทองแล้วส่งให้หวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็เอาพวกมันยัดลงแหวนเทพอสูรหลังจากรับมา
หลังจากนั้น อาจารย์คนนั้นก็อธิบายกฎระเบียบของสถาบันแล้วส่งหนังสือที่โคตรหน้าให้กับเขา นอกจากกฏระเบียบของสถาบันแล้ว นอกจากกฎระเบียบของสถาบันแล้ว อาณาจักรทั้งพันแห่งที่อยู่ภายใต้จักรวรรดิต้วนเริ่นก็ถูกเขียนและอธิบายใว้ในหนังสือเล่มนี้
จากบทสนทนา หวงเสี่ยวหลงก็ได้รู้จักชื่อของอาจารย์ที่ทำหน้าที่รับการรายงานตัวของนักเรียนใหม่ เขามีชื่อว่าหลินหยาง
เมื่อหวงเสี่ยวหลงและเฉินเฉิงก้าวออกมาจากห้องโถง นายน้อยไร้หัวใจก็บังเอิญเดินขึ้นบันใดหินมาพร้อมกับมีกลุ่มผู้คนมากมายติดตามอยู่ด้านหลังซึ่งรวมไปถึงหยางกังและปังหยู