Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 191
ตอนที่ 191 ข้าจะปล่อยชีวิตหมาๆอย่างเจ้าไว้ก่อน
แม้ว่าหวงเสี่ยวหลงจะไม่เคยเจอเหยาเฟยมาก่อน แต่การปรากฏตัวของหยางกังและปังหยูที่อยู่ข้างๆมันก็ทำให้เขามั่นใจในตัวตนของเหยาเฟยทันที
หวงเสี่ยวหลงก็มองสังเกตคนผู้ที่สวมชุดเหลืองคนนี้ ชายคนนี้เป็นคนที่มีรูปร่างหล่อเหลาแต่เสน่ห์ของเขานั้นเอนเอียงไปทางความเป็นหญิงซะเป็นส่วนใหญ่ หวงเสี่ยวหลงทนไม่ไหวจนต้องเดินหยุดลงอย่างช้าๆ
ขณะเดียวกัน หยางกังก็ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้เหยาเฟย แล้วพูดว่า “นายน้อย นั่นคือหวงเสี่ยวหลงขอรับ!”
หวงเสี่ยวหลง!
เหยาเฟยก็หันหัวไปมองร่างที่กำลังออกไปจากห้องโถงวายุผันแปร
สายตาของทั้งสองก็หันมาเจอกัน ทำให้เกิดระลอกคลื่นพลังงานที่มองไม่เห็นซึ่งทำให้เกิดแรงระเบิดในอากาศขึ้นทันที
นักศึกษาและอาจารย์หลายคนที่ผ่านไปมาก็รู้สึกตกใจแล้วถอยห่างออกไปไกลๆ
หวงเสี่ยวหลงก็ยังคงยืนอยู่จุดเดิมราวกับภูเขาที่สงบนิ่ง ซึ่งทั้งสองคนนั้นได้เผชิญหน้ากัน
หลังจากเงียบไปชั่วขณะ จู่ๆเหยาเฟยก็พูดออกมา “ หวงเสี่ยวหลง ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปหรอกนะหากเจ้าจะก้มหัวให้ข้า ตราบใดที่เจ้าคุกเข่าแล้วยอมรับผิด ข้าก็จะให้อภัยเจ้า”
คุกเข่ายอมรับผิด!
หวงเสี่ยวหลงก็นิ้งเงียบแล้วตอบกลับไปว่า “ยอมรับิดงั้นหรอ? เหยาเฟย เจ้าคิดว่าเจ้าสูง่สงนักหรือไง ข้าว่าข้าควรจะเป็นพูดคำพูดพวกนี้ให้เจ้ามากกว่า ถ้าหากเจ้าคุกเข่ายอมรับผิด ข้าจะทำเป็นมองไม่เห็นความผิดของเจ้าและรวมไปถึงความผิดพลาดของเจ้าในตอนนี้ด้วย”
เมื่อผู้คนรอบๆได้ยินคำพูดของหวงเสี่ยวหลง ทุกคนก็อ้าปากค้างขึ้นมาทันที ผู้คนที่อยู่รอบๆก็เอานิ้วชี้ไปมาในขณะที่มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น
ภายในสถาบันต้วนเริ่น จะมีใครที่กล้าเรียกนายน้อยไร้หัวใจด้วยชื่ออีกงั้นหรือ? แถมยัง บอกให้นายน้อยไร้หัวใจคุกเข่าขอโทษอีก?!
หยางกังและปังหยูก็แงซึ่งพวกเข่าสงสัยว่าสมองของหวงเสี่ยวหลงไปโดนอะไรมากันแน่
เหยาเฟยก็มองไปอย่างมึนงงสักแปปแล้วหัวเราะออกมาอย่างหนักหน่วงพร้อมกับเคลื่อไนหวมือไปมาราวกับเขาได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก
แต่ทว่าพวกคนที่อยู่ฝ่ายเหยาเฟยนั้นรู้ว่าเหยาเฟยนั้นโกรธมากจริงๆ! จิตสังหารอันเบาบางก็ค่อยๆแพร่กระจายออกมาจากกายของเหยาเฟย
เสียงหัวเราะของเหยาเฟยก็เงียบลงแต่ความเย็นชาในสายตาเขากลับเพิ่มมากขึ้น “ดีมาก เจ้าเป็นคนแรกเลยที่กล้าบอกให้ข้าคุกเข่ายอมรับผิด!”
“แล้วไงหล่ะ?”หวงเสี่ยวหลงก็เฉยเมยไม่สะทกสะท้านกับจิตสังหารของเหยาเฟยที่เพิ่มมากขึ้น
เหยาเฟยก็มองหวงเสี่ยวหลงด้วยสายตาเหยียดหยาม “ข้าอยากรู้จริงๆเลยว่าสมองของเจ้ามีปัญหาหรือเจ้าหยิ่งยโสจนไม่เกรงกลัวความตายเลย? เจ้าเชื่อใหมว่าข้าสามารถเอาชีวิตเจ้าได้เลยตอนนี้? อย่าคิดว่าเจ้าเอาชนะเซี่ยพูถีได้แล้วคิดว่าในโลกนี้เจ้าแข็งแกร่งที่สุดแล้วนะ การบดขยี้เจ้ามันก็ง่ายราวข้าหักนิ้วตัวเองนั่นแหละ!”
“จริงหรอ???”หวงเสี่ยวหลงก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น
แต่เมื่อทุกคนรอบๆคิดว่าเหยาเฟยกำลังจู่โจม จิตสังหารที่อยู่รอบตัวเหยเฟยทั้งหมดก็หายไปในพริบตา “ทว่า การฆ่าเจ้านั้นมันเป็นเรื่องง่ายดายจนน่าเบื่อเกินไป ข้าจะไว้ชีวิตหมาๆอย่างเจ้าไว้เล่นสนุกสักหน่อย จนกว่าข้าจะรู้สึกเบื่อเจ้าแล้วข้าจะค่อยจัดการเจ้าเป็นการส่วนตัว!”
พอประกาศกร้าวออกมา เหยาเฟยก็ส่งสัญญาณมือให้ทุกคนที่อยู่หลังเขาโดยการโบกมือ “เราไปกันเถอะ!” เขาเดินเฉียดตัวหวงเสี่ยวหลงแล้วเข้าไปในห้องโถงวายุผันแปร ซึ่งหยางกัง ปังหยูและคนที่เหลืองก็รีบตามเขาไป
พอผ่านหวงเสี่ยวหลงไป หยางกังและปังหยูก็มองมาที่หวงเสี่ยวหลงราวกับมองคนตาย แม้แต่นักศึกษาที่อยู่รอบๆก็ยังมองหวงเสี่ยวหลงด้วยความเวทนา
“เขาคือหวงเสี่ยวหลง? ผู้ที่ชนะการประลองเมืองจักรพรรดิ? ช่างน่าเศร้าที่เขาสร้างความขุ่นเคืองให้นายน้อยไร้หัวใจ! ”
“เรามาคอยดูการแสดงดีๆกันดีกว่า!”
ก็มีเสียงพูดคุยเต็มไปทั่วทุกที่
“เสี่ยวหลง เรา…!”ณ ตอนนี้ เฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา
“เรารีบไปกันเถอะ”หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว
หวงเสี่ยวหลงและเฉินเฉิงก็มุ่งก้าวออกไปโดยทิ้งเสียงกระซิบกระซาบไว้ด้านหลัง
หลังจากออกมาจากห้องโถงวายุผันแปร พวกเขาก็มาที่พื้นที่ว่างเปล่า เฉินเฉิงก็ไม่สามารถเงียบได้อยู่อีก เขาก็เลยถามออกมา “เสี่ยวหลง ทำไมเจ้าถึงไปยั่วโมโหนายน้อยไร้หัวใจกันหล่ะ?”
หวงเสี่ยวหลงไม่ได้ปิดบังเลยเล่าถึงคำเชิญของเหยาเฟยและการปฏิเสธของเขาให้เฉินเฉิงฟัง
พอได้ฟังเรื่องเล่าของหวงเสี่ยวหลงจนจบ เฉินเฉิงก็รู้สึกกังวลขึ้นมา “เสี่ยวหลง เจ้าไม่รู้จักพลังอำนาจของนายน้อยไร้หัวใจเลยหรอ การทำให้เขาคุ่นเคืองนั้นมันเป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆ” จากนั้นเขาก็พูดออกมาต่อว่า “ในสถาบันต้วนเริ่นมีคนอยู่ 2 คนที่เจ้าจะต้องไม่สร้างความขุ่นเคืองให้เด็ดขาด คนแรกก็คือนายน้อยหวุเหิน เจ้าก็น่าจะรู้จักว่านายน้อยหวุเหินเป็นใครและ อีกคนก็คือหายน้อยไร้หัวใจไงหล่ะ!”
หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้มออกมา “ข้าก็ได้ทำให้เหยาเฟยขุ่นเคืองไปแล้ว แล้วข้าจะทำอะไรได้เล่า?”
พอเห็นหวงเสี่ยวหลงยังมีกระจิตกระใจพูดเล่นอยู่ เฉินเฉิงก็วิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น “แล้วเจ้า….!”
“เป็นไปไม่ได้!”หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว เขารู้ว่าเฉินเฉิงต้องให้เขาไปขอโทษเหยาเฟย
เฉินเฉิงต้องการจะพูดอีกแต่หวงเสี่ยวหลงก็พูดแทรกขึ้นมา “ข้าไม่เป็นไร อย่ากังวลไปเลย”
เพราะแบบนี้ เฉินเฉิงก็ทำได้เพียงยอมแพ้
พอเดินออกมาจากที่นั่น หวงเสี่ยวหลงก็สอบถามคำถามหลายอย่างเกี่ยวกับสถาบันต้วนเริ่น การเข้าเรียนในสถาบันก่อนเขา 8 ปี ทำให้เฉินเฉิงรู้อะไรหลายอย่างมากกว่าเขาซะอีก
ตามที่เฉินเฉิงได้บอกไว้ ในจักรวรรดิต้วนเริ่นมีนายน้อยผู้มีอิทธิพล อยู่ 5 คน ในหมู่พวกเขา 4คนได้แก่ หวูเหิน นายน้อยไร้หัวใจ ดอกไม้เริงรัก และดาบมาร ทั้งหมด 4 คนเป็นศิษย์ภายในของสถาบัน
พวกเขาทั้ง 4 คนค่อนข้างแข็งแกร่งในส่วนของนายน้อยหวุเหินและนายน้อยไร้หัวใจนั้นมีความแข็งแกร่งสูงกว่า แต่ทว่านายน้อยดอกไม้เริงรักและดาบ
คำอธิบายของเฉิงเฉิงช่วยให้หวงเสี่ยวหลงเข้าใจการแบ่งอำนาจในสถาบันต้วนเริ่นขึ้นมา ต่อมาไม่นาน เฉินเฉิงก็ได้พาหวงเสี่ยวหลงมาหอพักนักศึกษาใหม่
ที่พักนักศึกษาใหม่ในสถาบันต้วนเริ่นจะเป็นบ้านพักพร้อมลานกว้าง ภายในบ้านมี 2 ห้องซึ่งมีพื้นที่กว้างอยู่ภายในของแต่ละห้องและก็มีสนามหญ้าให้นักศึกษา 2 คนแบ่งกันใช้
หวงเสี่ยวหลงได้มาอาศัยอยู่ในบ้านหลังที่ 1ของเขตที่ 98 อย่างไรก็ตามเมื่อหวงเสี่ยวหลงและเฉินเฉิงเข้าไปในบ้านหลังที่ 1ในเขตที่ 98 ก็มีคนยืนอยู่กลางบ้านหมายเลข 1 โดยที่ขหันหลังให้หวงเสี่ยวหลงและเฉินเฉิงที่เดินเข้าไป
พอเห็นแผ่นหลังของคนๆนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ตกใจ “เซี่ยพูถี!”
เซี่ยพูถีก็หันกลับมาแล้วส่งยิ้มให้หวงเสี่ยวหลง “หวงเสี่ยวหลง!”
“ใช่แล้ว”เซี่ยพูถีก็หัวเราะออกมา “ทำไม? เจ้าไม่ยินดีต้อนรับข้างั้นหรอ?”
หวงเสี่ยวหลงก็เดินเข้าไปพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา “ยินดีต้อนรับงั้นหรอ? แน่นอนว่าต้องยินดีต้อนรับเจ้าสิ!”
ภายในสนามหญ้าทั้งสองคนก็จับมือทักทายกันแล้วหัวเราะออกมา
การใช้สนามหญ้าร่วมกันกับเซี่ยพูถีเป็นสิ่งที่หวงเสี่ยวหลงไม่ได้คาดคิดเลย แต่มันทำให้เขามีความสุข ตอนแรกพวกเขานั้นไม่ค่อได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่แต่หลังจากงานประลองเมืองจักรพรรดิทั่งสองคนก็มองว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนที่ดีขึ้นมา
“นี่คือเฉินเฉง เขามากจากสถาบันแสงดาราแห่งอาณาจักรลั่วถางเหมือนกับข้า” พอคลายมือ หวงเสี่ยวหลงก็ชี้ไปที่เฉินเฉิงที่อยู่ด้านข้าง
เฉินเฉิงก็รีบทักทายอย่างรวดเร็ว “ยินดีที่ได้พบ นายน้อยเซี่ย!”
เซี่ยพูถีก็โบกมือ “นายน้อยเซี่ยอะไรกัน? เรียกข้าว่าพูถีเหมือนเสี่ยวหลงก็พอ เนื่องจากเจ้าเป็นเพื่อนกับเสี่ยวหลง ดังนั้นข้าก็พอจะนับเจ้าเป็นเพื่อนของข้าตั้งแต่นี้ไปได้เหมือนกัน”
พอได้ยินคำพูดของเซี่ยพูถี เฉินเฉิงก็รู้สึกตื้นตันใจ้ขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งเซี่ยพูถีนั้นเป็นหนึ่งในลูกหลานหลักของตระกูลเซี่ยและตามข่าวลือก็คือ เซี่ยพูถีผู้นี้ได้รับความชื่นชอบจากบรรพบุรษุยเซี่ยเค่อของเขามากด้วย
“ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินว่าเจ้าบอกให้เหยาเฟยคุกเข่าขอโทษสินะ”เซี่ยพูถีก็หันหน้าไปหาหวงเสี่ยวหลง แล้วเขาก็ยิ้มกออกมาในขณะที่เขายกนิ้วโป้งให้หวงเสี่ยวหลง “ เยี่ยมไปเลย! ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าภายในสถาบันต้วนเริ่น นอกจากต้วนหวูเหินแล้วเจ้าก็เป็นคนเพียงคนเดียวที่กล้าพูดคำพวกนั้นใส่เหยาเฟย!”