Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 193
ตอนที่ 193 ตรวจสอบตำแหน่งของไข่มุกวิญญาณ
สั่งทั้งหมด!
ชายหนุ่มทั้งสองก็แสดงสีหน้าน่าเกียจออกมา
เมื่อคนนึงในพวกเขากำลังจะพูด คู่หูของเขาก็จับไหล่ขเขาไว้ในขณะที่ส่ายหัวออกมาเล็กน้อย เขาได้หันมาพร้อมกับยิ้มอ่อนให้เซี่ยพูถี “เนื่องจากน้องชายพูถีสั่งไวน์น่าคมคายที่เหลือของวันนี้ไปหมดแล้ว งั้นพวกเราพี่น้องก็จะมาวันหลังแล้วกัน!”เขาได้ดึงคู่หูของเขาออกไปจากร้านต่อหน้าต่อตาหวงเสี่ยวหลง เซี่ยพูถี และเฉินเฉิงหลังจากพูดเสร็จ
พอมองร่างเงาของทั้งสองออกไป เซี่ยพูถีก็พูดออกมาให้หวงเสี่ยวฟังว่า “เจ้าสองคนนั้นหน่ะเกี่ยวข้องกับเจ้า”
“เกี่ยวข้องกับข้างั้นหรอ?”หวงเสี่ยวหลงก็มึนงง
เซี่ยพูถีก็พยักหน้า “พวกเขาทั้งสองเป็นคนจากตระกูลกั่ว”
ตระกูลกั่ว!
หวงเสี่ยวหลงก็เข้าใจขึ้นมาทันทีเลยว่าตจระกูลกั่วที่เซี่ยพูถีกล่าวถึงก็คือตระกูลกั่วของกั่วไท่ หอการค้าล้านสมบัตินั้นของตระกูลกั่วนั้นเป็นหนึ่งใน 3 หอการค้าที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิต้วนเริ่น ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยวทำไมสองคนนั้นถึงทำตัวอวดรวยแบบนั้นในตอนที่พวกเขาเข้ามาในร้านแล้วสั่งไวน์น่าคมคายทั้งหมดก่อนที่พวกเขาจะนั่งลง
“คนตัวใหญ่โตนั้นชื่อว่ากั่วจื่อ อีกคนมีชื่อว่ากั่วเฟย พวกเขาเป็นพี่น้องกันและพ่อของพวกเขาก็คือกั่วชื่อเหวินและเป็นพี่คนโตของกั่วชื่อหยวน และเขายังมีโอกาสจะได้เป็นผู้นำของตระกูลกั่วคนต่อไปอีกด้วย”เซี่ยพูถีก็พูดเพิ่มออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า นี่ก็หมายความว่ากั่วจื่อและกั่วเฟยนั้นเป็นลูกพี่ลูกของกั่วไท่ หลังจากนี้ เมื่อน้องสาวของเขาแต่งงานเข้าตระกูลกั่วเธอ เธอก็คงจะต้องเรียกเขาว่าลุงใหญ่ (ลุงใหญ่ที่ว่าก็คือพ่อของกั่วจื่อ ที่ชื่อกั่วชื่อเหวิน)
ตอนนี้ บริกรร้านก็ได้เอาไวน์น่าคมคายที่เหลืออยู่ร้อยกว่าเยือกมาส่งให้ที่โต๊ะพวกเขา
เซี่ยพูถีก็หัวเราะออกมา “มาลองลิ้มรสไวน์น่าคมคายกันดีกว่า ข้ามั่นใจลยว่าหลังจากวันนี้ไปเจ้าจะต้องมาที่นี่ทุกวันแน่นอน!”เซี่ยพูถีก็เปิดเหยือกออกมาแล้วส่งให้หวงเสี่ยวลง ทันที กลิ่นอันหอมหวนของไวน์ก็ฟุ้งกระจายออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็เอาเหยือกขึ้นมาดมเล็กน้อยแล้วยกจิบขึ้น เขารู้สึกได้ถึงรสเปรี้ยวเล็กในปากในขณะที่ของเหวลไหลลงคอ มันช่างเป็นรสชาติอันแสนนุ่มละมุนมากๆซึ่งเขาได้ลิ้มรสมันได้เพียงเล็กน้อยแล้วมันก็หายไป เป็นอย่างที่เซี่ยพูถีกล่าวไว้เลย ไวน์น่าคมคายนี้มันดีกว่าไวน์เย้ายวนงดงามมากเลยจริงๆ
หลังจากนั้นไม่นาน บริกรร้านก็ได้กลับมาส่งอาหารเครื่องเคียงให้ที่โต๊ะของหวงเสี่ยวหลง ในร้านไวน์น่าคมคาย ลูกค้าที่ไวน์มากกว่า 3 เหยือกจะได้รับบริการอาหารฟรี
ดังนั้น บนโต๊ะของหวงเสี่ยวหลงก็เกิดเสียงแก้วไวน์กระทบกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสามคนได้ดื่มไวน์ทั้ง 123 เหยือกหมดทุกหยุด
หวงเสี่ยวหลงและเซี่ยพูถีไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่อย่างไรกตาม หัวใจของเฉิงเฉินกับรู้สึกราวกับโดนกรีดแทง
ไวน์น่าคมคายทั้ง 123 เหยือกนั้นมีค่าตั้ง1,230,000 เหรียญทองเลยนะ อ้า!
แม้ว่าตระกูลของเฉินเฉิงจะถือว่าเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในอาณาจักรลั่วถาง แต่พกวเขาก็ไม่สามารถรวบรวมเหรียญทองได้มากขนาดนี้แม้ว่าพวกเขาจะขายไปทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดบ้าน
ไม่นานนัก ทั้ง 3 คน ก็ได้ออกมาจากร้านแห่งนี้แล้วเดินกลับไปที่หอพัก
ในระหว่างทาง เฉินเฉิงก็แยกตัวออกไป
พอกลับเข้าไปในหอพักแรกของเขตที่ 98 เป็นครั้งแรกที่เขาตรวจสอบห้องของเขาอย่างระมัดระวัง ห้องของเขานั้นไม่ได้ใหญ่อะไร มันมีขนาดประมาณ 20 ตารางฟุต การตกแต่งภายในห้องก็มีเตียงหยกเย็นและเฟอร์นิเจอร์ธรรมดาๆ อย่างเช่น โต๊ะเครื่องแป้ง
เตียงหยกเย็น……..แม้ว่าการบ่มเพาะบนเตียงจะสามารถทำให้ความเร็วในการรวมปราณวิญญาณเพิ่มขึ้น แต่มันก็ไม่มีผลต่อหวงเสี่ยวหลงอีกแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงเตียงหยกเย็นที่อยู่ในแหวนเทพอสูรที่ดีกว่าเตียงนี้หลายเท่าเลย
หลังจากตรวจสอบภายในห้องสักพัก หวงเสี่ยวหลงก็แยกตัวจากเซี่ยพูถีแล้วไปเดินเล่นรอบๆสถาบันต้วนเริ่นตัวคนเดียว
แน่นอนว่าเขายังจำเป้าหมายอันแสนสำคัญของเขาเมื่อเขาเข้าเรียนในสถาบันต้วนเริ่นได้อยู่
สมบัติสวรรค์อันดับ 4 ไข่มุกวิญญาณ!
สำหรับตอนนี้เขามีสมบัติวิญญาณอันดับ 9 เจดีย์หลิงหลง และอันดับ 6 แหวนผนึกพระเจ้า ถ้าหากเขาสามารถเอาไข่มุกวิญญาณมากลั่นให้กลายเป็นของเขาได้ด้วยหล่ะก็ ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาก็จะเพิ่มขึ้น เขานั้นจำเป็นต้องเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะของเขาเพื่อจะได้ทะลวงเข้าสู้ระดับเทวะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตรามที่จ้าวชูได้พูดไว้ ศิษย์พี้ฉินเทียนฉื่อได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะขั้นที่ 6ไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะขั้นที่ 6 แต่อย่างน้อยเขาก็อยู่ในจุดสูงสุดของระดับเทวะขั้นที่ 5
หวงเสี่ยวหลงได้ *เดินเล่น*ในสถาบันต้วนเริ่นไป 2 ชั่วโมงแล้วแต่เจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าในร่างของเขาก็ไม่มีปฏิกิริยาออกมาสักนิดเลย
ตอนนี้ ท้องฟ้าด้านนอกก็ได้มืดลงแล้ว
แทนที่เขาจะกลับหอพัก แต่หวงเสี่ยวหลงกลับออกจากสถาบันต้วนเริ่นแล้วมุ่งหน้าไปคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้
พอเดินเข้ามาที่ห้องโถงหลัก หวงเสี่ยวหลงก็ให้ทาสไปเรียกจ้าวชูและเฟยฮาวมาหา เมื่อทั้งสองคนมาถึงหวงเสี่ยวหลงก็สอบถามการดำเนินงานการย้ายหอการค้าเก้าสมพันธ์และการตั้งสาขา
เฟยฮาวก็บอกว่าเขาเจอพื้นที่ราบที่เหมาสมแก่การใช้งานซึ่งมันอยู่ห่างจากคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้ไม่ไกลเท่าไหร่ และจะใช้ที่นั่นในการจัดตั้งสาขาย่อยของหอการค้าเก้าสมพันธ์ขึ้น แต่เรื่องนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่ดิน
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า
เขาได้บอกเฟยฮาวว่าให้จับตาดูการเคลื่อนไหวของเหยาเฟยต่อไปแล้วเขาก็ยังเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องโถงวายุผันแปรเมื่อตอนเช้าให้กับเฟยฮาวและจ้าวชุฟัง จากนั้น เขาก็เตือนพวกเขาให้ระวังเหยาเฟยไว้
พอได้ยินเรื่องนี้ จ้าวชูก็สบถอย่างดูถูก “ก็แค่ใอ้เด็กสาวเลวผอมแห้งตัวนึงที่ยังไม่รู้จักโต ช่างไร้สาระจริงๆ! มันกล้าสั่งให้ท่านจักรพรรดิคุกเข่าต่อหน้ามันแล้วขอโทษงั้นเรอะ? ไม่ใช่แค่นั้น แต่มันยังจะทำให้ท่าสวามิภักดิ์ต่อหน้าทุกคนด้วยสินะเนี่ย?!”
“ท่านจักรพรรดิ ข้าว่าเราควรจะสั่งสอนบทเรียนเจ้าเหยาเฟยนั่นให้หลาบจำซะแล้ว?”เฟยฮาวก็ถามออกไป
สอนบทเรียนงั้นหรอ? หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิด “แล้วเหยาเฟยนั่นมันยังตามหาชายชราชุดดำอีกงั้นหรอ?”
“มันยังทำอยู่ขอรับ”เฟยฮาวก็พูดยืนยัน
“ไม่ว่าใครก็ตามที่มาตรวจสอบที่อยู่ของไอ้แก่นั่นให้จับแล้วฆ่ามันตรงนั้นเลย!”หวงเสี่ยวหลงก็มองจ้าวชูแล้วพูดออกมา คนที่เหยาเฟยส่งมาตรวจสอบที่อยู่ของชายชราชุดดำนั่นต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญนักรบเหนือธรรมชาติระดับสูงด้วยกันทั้งสิ้น
แน่นอนว่าหวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้รังเกียจจะเอาพวกมันมาทำเป็นวัตถุดิบเพื่อกลั่นอาถวิญญาณระดับ 7หรอกนะ ซึ่งเขาสมารถเอาโอสถเหล่านั้นไปให้ครอบคัรวของเขา หวงเผิง ซูหยาน หากเขาไม่ได้ใช้
โอกาสที่พวกเขาจะทะลวงเข้าสู่ระดับนักรบเหนือธรรมชาติได้สำเร็จนั้นก็ได้จำกัดไว้ด้วยระดับจิตวิญญาณต่อสู้ของพวกเขา แต่การดูดกลืนโอสถวิญญาณระดับ 7 นั้นจะทำให้พละกำลังกายภาพและอายุของพวกเขาเพิ่มขึ้นนั่นเอง
“ได้ขอรับ ท่านจักรพรรดิ!”จ้าวชูก็ยืนขึ้นแล้วน้อมรับคำสั่งของหวงเสี่ยวหลงอย่างเคารพ
ครู่ต่อมา ทั้งสองคนก็ออกไปจากห้องโถงหลักแต่ทว่าหวงเสี่ยวหลงกลับใช้งานแหวนผนึกพระเจ้าแล้วเข้าไปในสนามรบโบราณ
ภายในสนามรบโบราณ หวงเสี่ยวหลงก็พยายามบ่มเพาะเคล็ดวิชาเทพอสูรและพระคัมภียร์เปลี่ยนเส้นเอ็นพร้อมกันต่อไป จากนั้นเขาก็เปลี่ยนไปฝึกฝ่ามือผนึกพระเจ้า
ฝ่ามือผนึกพระเจ้านั้นเป็นทักษะต่อสู้ที่เป็นมรดกตกทอดจากแหวนผนึกพระเจ้า มันเป็นวิชาที่แสนลึกซึ้งและยังเกี่ยวข้องกฏแห่งเวลาและมิติ ทุกครั้งที่หวงเสี่ยวหลงฝึกฝนเขาก็จะได้รับความรู้ในระดับใหม่
หนึ่งคืนผ่านไปและเช้าวันใหม่ก็เข้ามา
หวงเสี่ยวหลงได้ออกจากสนามรบโบราณแล้วออกไปจากคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้เพื่อไปสถาบันต้วนเริ่น หลังจากมาถึง หวงเสี่ยวหลงก็โดดคาบเรียนที่จะพาชมรอบสถาบัน
พื้นที่ของสถาบันต้วนเริ่นนั้นใหญ่มากซึ่งมันแบ่งได้เป็นเขตในและเขตนอก การสำรวจเขตนอกด้วยตัวคนเดียว หวงเสี่ยวหลงก็ใช้เวลาไป 8-10 วัน
สถาบันต้วนเริ่นนั้นแตกต่างจากสถาบันแสงดาราอย่างเห็นได้ชัด ที่นี่ ทั้งไม่บังคับเรียนและไม่แยกเรียนตามชั้นปี
ทุกวันในห้องโถงอันไร้ที่สิ้นสุด อาจารย์ของสถาบันก็จะแนะนำการบ่มเพาะให้กับนักศึกษา นักศึกษาทุกคนมีอิสระในการตัดสินใจว่าจะเรียนหรือไม่เรียนก็ได้
10 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หวงเสี่ยวหลงได้ไปตรวจสอบเขตนอกทุกตารางนิ้วเจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าในร่างเขาก็ยังคงเงียบอยู่ ในอีกความหายก็คือ ไข่มุกวิญญาณไม่ได้อยู่ภายในเขตนอกเลย
“ถ้าหากมันไม่ได้อยู่ภายในเขตนอก งั้นมันคงอยู่ได้เพียงในเขตในเท่านั้นสินะ?”หวงเสี่ยวหลงก็ขมวดคิ้วในขณะที่ครุ่นคิด
นักศึกษาหลายคนสามารถเข้ามาและเดินเล่นรอบๆเขตนอกได้แต่ภายในเขตในนั้นต่างกัน มีเพียงศิษย์ภายในเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป