Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 237
หินจิตวิญญาณระดับ 1 จำนวนมาก! ชายวัยกลางคนทั้ง 3 มองหน้ากันและกันไปมา
“ท่านจักรพรรดิ ท่านต้องการหินจิตวิญญาณจำนวนมากขนาดนั้นไปทำอะไรกันขอรับ?”จ้าวชูก็ได้พยายามถามออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว “ข้าจำเป็ฯต้องใช้มัน แค่ให้ความสนใจกับพวกมันและซื้อไว้พร้อมให้ข้าก็พอ”
“ได้ขอรับ ท่านจักรพรรดิ!”พอเห็นแบบนี้ จ้าวชู จางฟู และเฟยฮาวก็ไม่กล้าถามเพิ่ม
หวงเสี่ยวหลงได้ถามข้อมูลเกี่ยวกับเฉินเทียนฉีเพิ่มจากพวกเขาทั้ง 3 และครู่ต่อมา ทั้งสามคนก้ได้ออกไปจากที่พักของหวงเสี่ยวหลง
หลังจากที่พวกได้ออกไป หวงเสี่ยวหลงก็ได้เข้าไปในวิหารของหุบเขาเทวะซูมี่ซึ่งอยู่ใจกลางภูเขา พอเดินเข้าไปที่ห้องด้านข้างห้องโถง หวงเสี่ยวหลงก็ได้กลืนโอสถทิพย์จักวาลแล้วจึงเข้าไปบ่มเพาะเคล็ดวิชาซูมี่ในข่ายอาคมพระพุทธ 10 องค์
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงฝึกเคล็ดวิชาซูมี่อยู่นั้น และภายในร่างเคล็ดวิชาเทพอสูรและพระคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นไปก็ได้เริ่มบ่มเพาะไปด้วยตัวของมันเอง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในขณะที่จิตวิญญาณมังกรคู่ของหวงเสี่ยวหลงได้โผล่ ออกมาบินคดเคี้ยวไปมาอยู่เหนือตัวเขาและดูดซับปราณทั้ง 3 ที่หลั่งไหลออกมาซึ่งก็คือ–––ปราณพุทธะ ปราณมังกรที่แท้จริงและปราณโลกใต้พิภพ
และภายในร่างกาย ด้านบนของทะเลปราณของหวงเสี่ยวหลงนั้นได้มีร่างเงาพระพุทธสีทอง มังกรทอง และอัครทูตนรกเปร่งประกายแสงอยู่
เขาได้ใช้เวลาไปหนึ่งคืนไปสำหรับการฝึกฝน
พอลืมตาขึ้น หวงเสี่ยวหลงก็ให้ใจเอาสิ่งปราณปฏิกูลออกมาจากปาก “ ถ้าอยู่ในระดับนี้ ภายใน 3 เดือนข้าก็จะสามารถบุกทะลวงเข้าสู่ระดับ 6ได้!” พอสัมผัสได้ถึงปราณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างเขา หวงเสี่ยวหลงก็มีความสุขอย่างลับๆ
เซียนเทียนขั้นที่ 6!
ตั้งแต่หวงเสี่ยวหลงได้ก้าวเข้าสู่ระดับเซียนเทียนเขาก็ยังใช้เวลาไปถึง 3 เดือนเลยด้วยซ้ำ! หากเป็นก่อนหน้านี้หล่ะก็ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ที่หวงเสี่ยวหลงจะกล้าคิดกับตัวเองเลยด้วยซำ
พอออกมาจากวิหารซูมี่แล้ว หวงเสี่ยวหลงก็เหลือบไปเห็นเจดีย์หลิงหลงที่เปล่งแสงออกมา ทันทีก็ได้มีความคิดแวบขึ้นมาในหัว ตอนนี้เขาได้มาถึงระดับเซียนเทียนขั้นที่ 5 แล้ว เขาจึงสงสัยว่าเขาจะสามารถเปิดเจดีย์หลิงหลงชั้นที่ 3ได้หรือยัง แล้วสิ่งที่เก็บอยู่ในชั้นที่ 3 ของเจดีย์หลิงหลงนั้นคือสิ่งใดกัน?
หวงเสี่ยวหลงจึงเริ่มส่งปราณฉีใส่เจดีย์หลิงเพื่อพยายามจะเปิดชั้นที่ 3 ของเจดีย์หลิงหลงอย่างไม่เร่งรีบ จากนั้นก็ได่มีแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นตรงหน้าของหวงเสี่ยวหลงและหลังจากเปิดชั้นที่ 3ได้เสร็จ เขาก็ได้ไปโผล่ขึ้นในมิติอื่นยอีกครั้ง
ในสี่ด้านของมิติแห่งนี้เป็นกำแพงสีทองซึ่งคล้ายกับมิติของชั้นที่และชั้นที่ 2ของเจดีย์หลิงหลง แต่มิติชั้นที่ 3 นี้มีความใหญ่มากกว่านัก หวงเสี่ยวหลงก็ใช้ดวงตามองสำรวจมิติแห่งนี้อย่างช้าๆ ทันทีเขาก็มองเห็นแท่นบูชาอันยิ่งใหญ่ที่อยู่กลางมิติแห่งนี้!
มันเป็นแท่นบูชาขนาดมหึมา! แท่นบูชาทั้งแท่นนั้นถูกสลักไว้ด้วยอักษรรูนโบราณเต็มไปหมดซึ่งประกอบกันเป็นข่ายอาคมอันลึกลับขนาดใหญ่ ข้างบนแท่นบูชานั้นมี หุ่นเชิดยักษ์ 19 ตัวที่ส่องแสงเหมือนคริสตัลออกมาอยู่
หุ่นเชิดยักษ์ทั้ง 19 ตัวนั้นปลอปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมา
และภายในมิติชั้นที่ 3 แห่งนี้ก็ไม่มีสิ่งใดอยู่อีกนอกจากแท่นบูชากับหุ่นเชิดทั้ง 19 ตัวที่อยู่บนแท่น
“หุ่นเชิด…พวกนี้?”หวงเสี่ยวหลงก็มองไปที่หุ่นเชิดยักษ์ทั้ง 19 ตัวอย่างมึนงงสักครู่ เขาเคยได้ยินเรื่องหุ่นเชิดพวกนี้มาจากจ้าวชู หุนเชิดพวกนี้เป็นสิ่งที่คนสร้างขึ้นจาการใช้วิชาลับจากสิ่งที่ตายแล้ว–––ซึ่งหุ่นพวกนี้เป็ฯหุ่นที่ซื่อสัตย์มาก! อย่างไรก็ตามมันก็ยังงมีความแตกต่างระหว่างหุ่นระดับต่ำและหุ่นระดับสูง
หุ่นเชิดระดับต่ำนั้นไม่มีสติปัญญาและมีใบหน้าที่เฉื่อยชาซึ่งพวกมันจะทำตามคำสั่งของเจ้าของได้เพียงแค่นั้น แต่หุ่นเชิดระดับสูงบางตัวนั้นเรียกได้ว่าเป็นหุ่นที่มีความคิด แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นแต่มันก็ยังมีข้อบกพร่องเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิต และหุ่นเชิดระดับสูงพวกนี้นั้นมีความคิดอย่างอิสระและการกระทำที่มีขอบเขต
หวงเสี่ยวหลงก็ได้พุ่งออกไป และไปถึงบนใจกลางแท่นบูชา
จากระยะไกล้ หวงเสี่ยวหลงก็สังเกตเห็นว่าบนหน้าผากของหุ่นเชิดยักษ์พวกนี้นั้นมีรูปแบบอักษรรูรนขนาดเล็ก ดูราวกับข้อความพิเศษของชนเผ่าโบราณ
“แล้วฉันจะควบคุมหุ่นเชิดพวกนี้ได้อย่างไร?”หวงเสี่ยวหลงก็สงสัยในขณะที่เขาบินอยู่รอบๆแท่นบูชาก่อนที่เขาจะลงไปอยู่ตรงมุมด้านซ้ายของแท่น
ตรงมุมด้านซ้ายนั้น มีรูปแบบอักษรรูนโบราณที่หวงเสี่ยวหลงไม่เข้าใจ ทำให้เขาขมวดคิ้ว หวงเสี่ยวหลงคิดว่าตัวอักษรพวกนี้อธิบายถึงวิธีการควบคุมหุ่นเชิดพวกนี้แต้เขาไม่รู้ว่ามันอ่านว่าอะไรบ้าง
“ดูเหมือนว่าข้าจำเป็นต้องเดินทางไปสถาบันต้วนเริ่นเพื่อตรวจสอบตัวอักษรโบราณพวกนี้แล้วสิ”หวงเสี่ยวหลงก็พึมพำขึ้น อย่างไรก็ตาม เขานั้นรู้สึกว่าตัวอักษรพวกนี้นั้นไม่ได้อธิบายถึงวิธีการควบคุมหุ่นเชิดพวกนี้
“หืม ข้าสงสัยแล้วสิว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้าจะสามารถเปิดมิติชั้นที่ 4 ได้ด้วยหรือไม่?”หวงเสี่ยวหลงก็ทำตามที่คิดทันที เขาได้เคลื่อนปราณฉีและพยายามเปิดมิติชั้นที่ 4ของเจดีย์หลิงหลง แต่โชคร้าย ที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากมันแม้กระทั่งเขาจะลองดูครั้งที่สองก็ตาม ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างกับเงียบสงบ ดังนั้นเขาเลยล้มเลิก
หวงเสี่ยวหลงรู้สึกกค่อนข้างผิดหวังกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนั่นหมายความว่าเขาจะต้องทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นสูง ก่อนจะลองทำดูอีกครั้ง พอออกมาจากเจดีย์หลิงหลง หวงเสี่ยวหลงก้ได้ออกจากคฤาสน์เนินเขาทิศใต้และเดินทางไปสถาบันต้วนเริ่น
ในขณะที่เขาไปถึงสถาบันต้วนเริ่นนั้น เขาก็เดินชนเซี่ยพูถีที่หน้าทางเข้า
เซี่ยพูถีก็ตกใจที่เดินไปชนหวงเสี่ยวหลงอย่างนี้ จากนั้น เขาก็ยิ้มออกมาในขณะที่เขาตบไหล่หวงเสี่ยวหลง “ เจ้ารู้ใหม ครั้งนี้เจ้าหายไปเกือบ 2 ปี ทำให้ข้าไม่สามารถหาคนมาดื่มกับข้าได้เลย เจ้ารู้ใหมว่ามันเจ็บปวดขนาดใหนกว่าข้าจะผ่านมาได้ถึงตอนนี้?!”
หวงเสี่ยวหลงก็หัวเราะอย่างอาย “งั้นพวกเรามุ่งหน้าไปบ้านไวน์เลยใหม?”
“เจ้าจำเป็นต้องถามอีกหรอ วันนี้เจ้าไม่มีทางหนีไปได้แน่!”เซี่ยพูถีก็ตะโกนออกมาอย่างมีความสุข ทั้งสองคนก็ได้มุ่งหน้าตรงไปที่บ้านไวน์อันน่าคมคายซึ่งอยู่ในพื้นที่บันเทิงเริงรม
ในขณะผ่านหอโคมแดง เซี่ยพูถีก็ยิ้มออกมา “เอางี้ใหม? หลังจากดื่มพวกเราค่อยมานอนที่นี่เป็นไง?”
หวงเสี่ยวหลงก็นิ่งงั่นกับความคิดนี้ จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างข่มขื่นแล้วส่ายหัว “ช่างมันเถอะ”
เซียพูถีก็หัวเราะออกมา “ตั้งแต่เหยาเฟยหลบหนีไปอย่างน่าอับอาย ยัยจ้าวหวูจื่อนั่นก็ไม่ค่อยแสดงตัวในสถาบันต้วนเริ่นอีกเลย และในตอนนี้หอโคมแดงนี้อยู่ในการดูแลของยัยฉุยหลี่แล้ว”
“ฉุยหลี่…”ข่าวนี้สำหรับหวงเสี่ยวหลงนั้นเป็นข่าวที่ไม่คาดคิดเลยสักนิด เขานั้นจำช่วงการประลองเมืองจักรพรรดิไม่ค่อยได้เท่าไหร่ซึ่งตอนนั้น ฉุยหลี่นั้นเกาะติดเขาอย่างเหนียวแน่น นั่นก็เพราะเธอนั้นพยายามจะล่อลวงเขานั่นเอง พอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว มันก็เกือบ 2 ปีได้แล้วตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ได้เจอฉุยหลี่อีกเลย
“ว่าไงนะ? คิดถึงยัยนั่นงั้นหรือ?”พอสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของหวงเสี่ยวหลง เซี่ยพูถีก็เยาะเย้ยออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัวอย่างเงียบ ครู่ต่อมา ทั้งสองคนก็เข้าสู่บ้านไวน์น่าคมคาย เหมือนๆเมื่อก่อน หวงเสี่ยวหลงก้ได้สั่งเอาไวน์น่าคมคายที่เหลือสำหรับวันนี้ทั้งหมดราวกับเป็นประเพณี หวงเสี่ยวหลงและเซี่ยพูถีก็นชนแก้วกันไปเรื่อยๆในขณะที่พวกเขาทั้งสองต่างดื่มดำไปกับไวน์ในแก้วของตัวเอง
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้ไปอยู่ในอาณาจักรพระพุทธเจ้าศักดิ์สิทธิ์งั้นเรอะ?”เซี่ยพูถีได้ถามออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า อย่างไม่ปฏิเสธ
เซี่ยพูถึงจึงพูดต่อ “ข้าได้ยินมาว่า หญิงศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ ฉื่อเสี่ยวเฟยคือหญิงงามอันดับ 1 แห่งทวีปหิมะโปรายปราย แล้วตอนที่เจ้าอยู่ที่นั่นเจ้าได้พบเธอหรือไม่?”
ฉื่อเสี่ยวเฟย? หญิงงามอันดับ 1 แห่งทวีปหิมะโปรยปราย
หวงเสี่ยวหลงก็สับสนกับคำถามเหล่านี้เลยยิ้มออกมาอย่างง เขาพบว่ายิ่งผ่านไปเรื่อย เซี่ยพูถีนั้นแทบจะเหมือนกับองค์ชายลู่ไคแห่งอาณาจักลั่วถาง พอคิดถึงลู่ไค เขาก็สงสัยว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง? บางทีในอีกไม่กี่ปกเขาคงได้ครองบัลลังก์แห่งอาณาจักลั่วถาง
หวงเสี่ยวหลงไม่มีโอกาสได้พบกันเลยสักนิดตั้งแต่ที่เขามาเมืองจักรพรรดิต้วนเริ่น และพูดตรงๆเลยคือเขาคิดถึงหมอนี่มาก
หวงเสี่ยวหลงไม่ได้มีเพื่อนมากมาย ซึ่งมีแค่เพียงลู่ไคและเซี่ยพูถีในตอนนี้
“ฉื่อเสี่ยวเฟยคนนั้นเป็นลูกสาวของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์”เสี่ยพูถีนั้นพูดถึงเรื่องนี้ต่อไป “มีข่าวลือแพร่กระจายออกมาจากอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ว่าถ้าหากฉื่อฟานเทียนจะออกจากโลกแห่งจิตวิญญาณต่อสู้แล้วก้าวเข้าสู่โลกแห่งพุทธะนั้น ฉื่อเสี่ยวเฟยคนนี้ก็เหมือนจะเป็นคนที่จะได้เป็นจักรพรรดิพุทธะองค์ต่อไป”
“โอ้!”หวงเสี่ยวหลงก็ประหลาดใจ
“งั้นช่างมันเถอะ เลิกพุดถึงฉื่อเสี่ยวเฟยคนนั้นแล้วกัน”เสี่ยพูถีก็หัวเราะ “ในวันมะรืนจะเป็นวันแต่งงานของน้องสาวเจ้า แล้วเมื่อไหร่จะถึงตาเจ้าเล่า? เจ้าต้องการให้พี่คนนี้แนะนำผู้หญิงให้เจ้าสักสองสามคนใหม?”