Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 250
และแล้วหวงเสี่ยวหลงที่ได้พักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตู่ซินและเดิงกวงเหลียงก็ได้เริ่มบ่มเพาะ
ในตอนนี้ หวงเสี่ยวหลงนั้นไม่รีบร้อนจะเข้าควบคุมนำกายพ่อมดนภา นั่นเพราะในเวลาแบบนี้การรีบร้อนนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีแม้ว่าเขาต้องการก็ตาม มิฉะนั้นมันก็มีแต่ทำให้เรื่องแย่ลงเท่านั้น ซึ่งมันจะส่งผลให้เขาทำไม่ได้อย่างที่หวัง
หวงเสี่ยวงจำเป็นต้องฟื้นฟูพลังจิตของเขาหลังจากทำการประทับตราจิตวิญญาณใส่ตู่ซินและเติงกวงเหลียงซึ่งมันนั้นมันกินพลังจิตของเขาแทบจะหมดตัว
7วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วง 7 วันที่ผ่านมากทุกสิ่งทุกอย่างในคฤหาสน์เป็นไปอย่างปกติ
เนื่องจากการเตือนอันเด็ดขาดจากหวงเสี่ยวหลงในวันแรก จึงทำให้ไม่มีข้ารับใช้คนใหนก็พูดเรื่องของเขาให้คนภายนอกฟังหรือแอบซุบซิบกันเอง ดังนั้น การมาถึงของหวงเสี่ยวหลงนั้นก็ไม่ได้ตกเป็นที่สนใจของเฉินเสี่ยวเทียนหรือเกิงเคนจากนิกายพ่อมดนภา
ด้วยเหตุนี้เลยทำให้หวงเสี่ยวหลงมีเวลาในการบ่มเพาะเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณและบัญญัติวิญญาณอย่างสงบสุข
7 วัน––มันก็เพียงพอให้หวงเสี่ยวหลงฟื้นฟูพลังจิตของเขาได้อย่างเต็มที่และมันก็กระทั่งแข็งแกร่งกว่าเดิมซะอีกซึ่งมันทำให้หวงเสี่ยวหลงมองเห็นจุดสำคัญของวิชานี้ การบ่มเพาะเพื่อฟื้นฟูพลังจิตหลังจากการใช้ไปนั้นช่วยให้พลังจิตของเขานั้นเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
การค้นพบนี้ทำให้หวงเสี่ยวหลงมีความสุข
ด้วยพลังจิตอันแข็งแกร่ง หวงเสี่ยวหลงก็ได้เข้าไปในชั้นที่ 3 ของเจดีย์หลิงหลงจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาแท่นบูชา บนแท่นบูชานั้นมีหุ่นเชิดยักษ์ที่ดูยิ่งใหญ่อยู่ 19 ตนซึ่งมันยังคงนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ
แม้ว่าหวงเสี่ยวหลงจะสำเร็จเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณในขั้นแรกที่ทำให้เขามีความสามารถในการประทับตราจิตวิญญาณลงบนสิ่งมีชีวิต นั่นเลยทำให้เขาลองพยายามควบคุมหนึ่งในหุ่นเชิดยักษ์ทั้ง 19 ตัวดู
และตอนนี้หวงเสี่ยวหลงก็ได้เล็งหมายจะยืดนิกายพ่อมดนภา มันจะมีโอกาสมากขึ้นหากเขาควบคุมหุ่นเชิดยักษ์พวกนี้มาเป็นผู้ช่วยของเขาได้สำเร็จ
พอเดินขึ้นไปที่แท่นบูชา หวงเสี่ยวหลงก็ได้มองไปที่หุ่นแถวหน้าที่อยู่ตรงมุมซ้ายสุดซึ่งห่างจากเขาไกลมาก
ตามที่ชนเผ่าหลิงหลงโบราณได้เขียนไว้บนแท่นบูชา ถ้าหากมีคนต้องการจะเปิดใช้งานและควบคุมหุ่นเชิดพวกนี้เขาคนนั้นจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งเฉพาะนี้ นั่นก็คือต้องควบคุมหุ่นเชิดตัวแรกก่อน และหุ่นเชิดที่อยู่ตรงมุมขอบซ้ายสุดแถวหน้านั้นก็คือหุ่นเชิดตัวแรก
พอเดินมาหยุดตรงหน้าหุ่นเชิดตัวแรก หวงเสี่ยวหลงก็ใช้งานเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณ ทะเลจิตสำนึกของเขาก็สั่นไหวในขระที่เขารวบรวมพลังจิตและส่งออกไปเป็นเคลื่อนพลังงานที่มองไม่เห็นซึ่งมันได้ก่อตัวเป็นตราประทับและได้ประทับลงบนใจกลางระหว่างคิ้วของหุ่นเชิดจากนั้นมันก็พุ่งทะลุเข้าไปใน ‘จิตใจ’ของหุ่น
เมื่อตราประทับจิตวิญญาณของหวงเสี่ยวหลงเข้าสู่จิตใจของหุ่น เขาก็รู้สึกหวาดกลัวในแรงดูดที่ปะทุออกมาจากภายในหุ่นเชิด หวงเสี่ยวหลงรู้สึกว่าพลังจิตของเขานั้นถูกดูดกลืนไปอย่างรวดเร็วและมันเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้
“นี่มัน….?”หวงเสี่ยวหลงก็หน้าซีดเซียว
ด้วยความเร็วในระดับนี้ พลังจิตของเขาก็จะหมดลงภายในไม่ถึง 2 นาที ถ้าหากมันเกิดขึ้นหล่ะก็ หวงเสี่ยวหลงก็จะกลายเป็นคนบ้าไป!
หวงเสี่ยวหลงได้เปิดใช้งานวิชาเชิดหุ่นอีกรอบ ซึ่งเขาวางแผนบังคับตัดการเชื่อมต่อระหว่างเขาและหุ่นเชิด แต่ต่อมาหวงเสี่ยวหลงก็พบว่า เขาไม่สามารถถอนพลังจิตหรือบังคับตัดการเชื่อมต่อ!
“นี่…ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงครุ่นคิดว่าเขาควรจะโจมตีใส่หุ่นเชิดยักษ์ดีหรือไม่นั้น แรงดูดพลังจิตของเขาก็ได้หายไปทันที สำหรับหวงเสี่ยวหลงแล้ว มันรู้สึกราวกับเขาพึ่งผ่านการต่อสู้ที่แสนยากลำบากที่สุดในชีวิต ร่างของเขาสั่นและร่วงหล่นลงไปกับพื้นและหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง
หวงเสี่ยวหลงก็เช็ดหน้าผากทำให้เหงื่อไหลลงมือ
แม่ง เกือบไปแล้ว! หวงเสี่ยวหลงก็คิดกับตัวเอง
ในขณะที่หวงเสี่ยวพยายามทำใจเย็นลงนั้น ดวงตาของหุ่นเชิดก็ลืมขึ้นส่องแสงสีเขียวสดใสออกมาจากภายในลูกตา ต่อจากนั้น หุ่นเชิดยักษ์ก็ค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ แม้จะเป็นแบบนั้น ทุกการเคลื่อนไหวของมันนั้นก็ทำให้แท่นบูชาแห่งนี้สั่นไหว
เมื่อตอนที่หุ่นเชิดยักษ์พวกนี้อยู่ในท่านั่งนั้น หวงเสี่ยวหลงก็คาดเดาว่าความสุขของพวกมันน่าจะมีมากกว่า 3 เมตร แต่เมื่อหุ่นเชิดยักษ์ตัวแรกลุกขึ้นต่อหน้าเขา มันกลับสูงเกินกว่าที่หวงเสี่ยวหลงจินตนาการไว้ซะอีก!
ความสูงของหุ่นเชิดยักษ์นั้นมีความสูงเกือบ 4 เมตร และมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าผู้ฝึกเผ่ามนุษย์ถึง 2 เท่าซึ่งมันเหมือนกับเนินเขาขนาดย่อม
“อ้าเฟิงยินดีได้พบนายท่าน!”หลังจากหุ่นเชิดตัวนั้นยืนขึ้น มันก็เคลื่อนไหวเข้ามาใกล้หวงเสี่ยวหลงและคุกเข่าทักทายต่อหน้าหวงเสี่ยวหลง
พอเห็นว่าการพยายามประทับตราจิตวิญญาณลงในจิตใจของหุ่นเชิดประสบความสำเร็จ หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกโล่งใจมาก
“อ้าเฟิง?”ณ จุดๆนี้ ก็ได้มีความทรงจำส่วนหนึ่งพุ่งเข้ามาในจิตสำนึกของหวงเสี่ยวหลง ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับหุ่นเชิดพิเศษตัวนี้
หุ่นเชิดตัวนึงมีความแข็งแกร่งถึงระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ชั้นต้น อย่างไรก็ตามเพราะมันถูกสร้างขึ้นจากเผ่ายักษ์โบราณ ทำให้พลังป้องกันทางกายและความแข็งแกร่งของมันนั้นอยู่ในอีกระดับนึง ดังนั้นแม้ว่ามันจะเป็นแค่เพียงระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ชั้นต้น หุ่นเชิดตัวนี้ก็แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนระดับเซียนขั้นที่ 6 ชั้นปลายอย่างตู่ซินและเติงกวงเหลียงที่ร่วมสู้กันเสียอีก
ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็สว่างขึ้น
หุนเชิดยักษ์นั้นมีตั้ง 19 ตัว และแต่ละตนนัน้มีความแข็งแกร่งมากกว่าตัวก่อนหน้า!
ถ้าหากหุ่นเชิดยักษ์ตัวแรกมีความแข็งแกร่งระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ชั้นต้นหล่ะก็ งั้นหุ่นตัวที่ 2 และตัวที่ 3 เล่าจะขนาดใหน? พวกมันจะมีความแข็งแกร่งถึงขนาดใหนกัน?
ในใจของหวงเสี่ยวหลงก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ลุกขึ้น”หวงเสี่ยวหลงก็สั่งการอ้าเฟิง แทนที่หวงเสี่ยวหลงจะรีบควบคุมหุ่นเชิดตัวที่ 2 หวงเสี่ยวหลงกลับนั่งลงและเริ่มฟื้นฟูพลังจิตที่เกือบหมดไป
3วัน 3 คืนต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็กลับมาสู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด และเป็นอีกครั้งเขาสังเกตเห็นว่าพลังจิตของเขานั้นเติบโตขึ้นมากกว่าเดิมหลังจากฟื้นฟู
ในเวลาที่เขาฟื้นฟูพลังจิตไปนั้น หุ่นเชิดยักษ์ตัวแรก อ้าเฟิงได้ยินอยู่ใกล้หวงเสี่ยวหลงเพื่อคุ้มครองของ
หลังจากที่พลังจิตของเขาฟื้นฟูนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ได้เดินมายืนอยู่ตรงหน้าหุ่นเชิดยักษ์ตัวที่สอง ดุเหมือนหุ่นเชิดตัวที่สองนั้นจะเป็นผู้หญิงแต่รูปลักษณ์ของมันก็ดูน่ากลัวเหมือนกับหุ่นตัวแรก….และมันก็ใหญ่เท่ากันด้วย
พอยืนอยู่หน้าหุ่นเชิดตัวที่ 2 หวงเสี่ยวหลงก็ได้เปิดใช้งานเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณขึ้นอีกครั้ง พลังจิตของเขานั้นได้รวมตัวและก่อตัวไปเป็นตราประทับจิตวิญญาณในขณะที่พลังงานเหล่านั้นหมุนวน มันก็ได้เข้าไปในจิตใจของหุ่นเชิดผู้หญิงตัวนี้ซึ่งมันอยู่ตรงกลางระหว่างคิ้วเหมือนกับหุ่นเชิดตัวแรก
จากนั้นก็ได้มีแรงดูดอันแข็งแกร่งออกมาจากภายในหุ่นเชิดผู้หญิงเหมือนหุ่นตัวแรก แต่ครั้งนี้เขาเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนแล้ว หวงเสี่ยวหลงจึงไม่ได้ตื่นตระหนก
ครู่ต่อมา แรงดูดนั่นก็ได้หายไปเหมือนครั้งก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม พลังจิติที่หุ่นเชิดตัวที่สองดูดกลืนไปนั้นมากกว่าหุ่นตัวแรกเสียอีก
พอสรุปเหตุการณ์จาการค้นพบนี้ หวงเสี่ยวหลงก็สันนิษฐานได้ว่า ด้วยพลังจิตในระดับปัจจุบันของเขานั้นมากสุดเขาสามารถควบคุมหุ่นเชิดยักษ์ได้ 4 ตน และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ พลังจิตของเขาก็ไม่เพียพงอต่อการสนับสนุนพวกมันหากเขาพยายามจะควบคุมหุ่นเชิดตัวที่ห้าด้วย
พอได้หุ่นตัวที่สองแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ใช้เวลาสองสามวันในการฟื้นฟูพลังจิตเพื่อเตรียมประทับตราจิตวิญญาณลงในหุ่นเชิดตัวที่สาม เขาได้ทารประทับตราจิตวิญญาณกับหุ่นเชิดตัวที่สี่เหมือนกับตัวก่อนๆและหลังจากหวงเสี่ยวหลงก็หยุดลง
หุ่นเชิดตัวแรกนั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6ชั้นต้น ตัวที่สองนั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ชั้นกลาง และตัวที่ 3 นั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ชั้นปลาย แต่ทว่าหุ่นเชิดตัวที่สี่นั้นกลับอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ชั้นสูงสุด!
แม้ว่าในตอนนี้ หวงเสี่ยวหลงจะสามารถควบคุมพวกมันได้เพียง 4 ตัวเท่านั้น แต่มันเพียงพอสำหรับใช้เพื่อเป้าหมายของเขา
พอน้ำหุ่นเชิดทั้งสี่ตัวมาร่วมด้วย แผนการของหวงเสี่ยวหลงในการยึดครองนิกายพ่อมดนภาก็จะราบรื่นขึ้นมากกว่าเดิม ตอนแรกการเข้าไปปะทะกับเฉินเสี่ยวเทียนและเกิงเคน นั้นเขาไม่มีมั่นใจจะสู้ชนะพวกนี้ อย่างไรก็ตามด้วยหุ่นเชิดยักษ์ทั้งสี่ตัวนี้ สองคนนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากหินลองเท้า
เพราะแบบนั้น หวงเสี่ยวจึงออกไปจากเจดีย์หลิงหลง
สำหรับหุ่นเชิดทั้งสี่นั้น หวงเสี่ยวหลงได้ทิ้งพวกมันไว้ในเจดีย์หลิงหลง ถ้าเขาต้องการไม่ว่าจะที่ใหนเข้าก็สามารถเรียกมันออกมาได้
พอออกจากเจดีย์หลิงหลง หวงเสี่ยวหลงก็ได้เรียกตู่ซินและเติงกวงเหลียงและบอกพวกเขาว่าจัดการงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้ตอนเย็นและเชิญชวนศิษย์น้องทั้ง 3 คนของเขามาด้วย
“ได้ขอรับ นายน้อย!”ตู่ซินและเติงกวงเหลียงก็ตอบออกมาด้วยความเคารพและรู้ว่าหวงเสี่ยวหลงได้เตรียมจะลงมือ
แผนของหวงเสี่ยวหลงนั้นก็คือการควบคุมผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาโดยตรงก่อนที่เขาจะจัดการกับเฉินเสี่ยวเทียนและเกิงเคนในตอนสุดท้าย
เมื่อทั้งสองคนและผู้อาวุโสนิกาพ่อมดนภาอยู่ใต้การควบคุมของเขา นิกายพ่อมดนภาก็จะกลายเป็นของหวงเสี่ยวหลง