Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 259
“จิตวิญญาณมังกรฟ้า!”พอมองเห็นมังกรฟ้าที่ปรากฏเบื้องหลังของหวงเสี่ยวหลง เฉินเสี่ยวเทียนก็ตื่นตระหนก
ข่าวที่หวงเสี่ยวหลงเป็นผู้ครอบครองจิตวิญญาณต่อสู้คู่ มังกรทมิฬและมังกรฟ้าที่มีพรสวรรค์อันสูงส่งนั้นยังไม่ได้แพร่มาถึงดินแดนแห่งความโกลาหล ดังนั้นนี่เป็นครั้งแรกสำหรับพวกเขา ที่เฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคนและคนอื่นๆได้พบเจอกับจิตวิญญาณมังกรฟ้าตัวเป็นๆ
หลังจากเรียกจิตวิญญาณออกมา ความแข็งแกร่งของหวงเสี่ยวหลงก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในแสงว่างที่แพรวพราว เขาก็ได้ทำการรวมร่างกับมังกรทมิฬและมังกรฟ้า
ต่อหน้าเฉินเสี่ยวเทียนที่แสดงใบหรน้าตกใจและคนที่เหลือ บนผิวหนังของหวงเสี่ยวหลงก็ได้มีเกล็ดมังกรอันคงทนสีน้ำเงินและสีดำงอกขึ้นมาและมันได้ครอบคลุมตัวเขาราวกับชุดเกราะในขณะที่บนแผ่นหลังของเขานั้นได้มีลอยสักลายหัวมังกรสองลายปรากฏขึ้น
หลังจากทำการเปลี่ยนวิญญาณ แรงกดดันของหวงเสี่ยวหลงก็ก้าวข้ามเฉินเสี่ยวเทียนไปอย่างมาก
ร่างกายของหวงเสี่ยวหลงนั้นได้ปลดปล่อยกลิ่นอายมังกรออกมาอย่างมหาศาล ทำให้เฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคนและผู้อาวุโสนิกายที่เหลือหายใจได้อย่างยากลำบาก ในจิตใจของเขานั้นได้มีความปรารถนาที่คุกเข่าหมอบคลานและยอมจำนนต่อหน้าหวงเสี่ยวหลง แต่เฉินเสี่ยวเทียนกลับสามารถต่อต้านการลงไปคุกเข่าได้แม้ว่าแทบจะไม่ไหวก็ตาม
หวงเสี่ยวหลกง้ได้ขยับแล้วหายตัวไปในพริบตาจากนั้นเขาก็มาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเฉินเสี่ยวเทียน และซัดฝ่ามือออกไปอย่างรวดเร็ว
เฉินเสี่ยวเทียนก็หน้าซีดเป็นไก่ต้มทันทีที่เห็นการโจมตีนี้ จากนั้นเขาก็ยกฝ่ามือขึ้นเพื่อป้องกันการโมตีที่พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างตกใจ
ได้มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นดังกึกก้องตามมาด้วยระลอกคลื่นที่น่าสะพรึงกลัวที่พุ่งตามมา เฉินเสี่ยวรู้สึกราวกับว่าฝ่ามือของเขานั้นได้ไปปะทะกับหินเทวะอย่างไงอย่างงั้น เขานั้นรู้สึกราวกับกระดูกแขนของเขานั้นแตกเป็นเสี่ยงๆจากการปะทะในขณะที่เขาถูกผลักดันให้ถอยไปจนกระทั่งถึงมุมขอบห้องโถง
ใบหน้าของเฉินเสี่ยวเทียนก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวในขณะที่เขาจ้องมองหวงเสี่ยวหลง
ต่อหน้าชายหนุ่มผมดำหลัง จากที่เขาทำการเปลี่ยนวิญญาณที้ใช้เพียงปราณฉีและเคล็ดวิชาต่อสู้ เฉินเสี่ยวเทียนรู้ว่าตัวเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่ชายหนุ่มคนนี้หลังจากที่ทำการเปลี่ยนวิญญาณกับมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่าง
ส่วนหนึ่งในตัวเขานั้นได้ยอมแพ้ต่อการเผชิญหน้าหวงเสี่ยวหลงที่ทำการเปลี่ยนวิญญาณ
ในอีกด้านร่างของหวงเสี่ยวหลงหลงได้ขยับและเหวี่ยงดาบเพทอสูรใส่เฉินเสี่ยวเทียนอีกครั้ง ปราณดาบได้หมุนวนกลายเป็นดอกไม่ปีศาจที่น่าหลงไหลซึ่งเกิดขึ้นตรงหน้าเฉินเสี่ยวเทียน
เคล็ดวิชาดาบเพทอสูร กระบวนท่าที่ 5 ดอกไม้นอกชายฝั่ง
ในหนึ่งลมหายใจต่อมา ดอกไม้อันนั้นก็ได้หายไปราวกับอากาศ!
ทันที เฉินเสี่ยวเทียนก็ได้กรีดร้อง ร่างกายของเขานั้นได้ถูกเขวี้ยงออกไปราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกระแทกใส่เขา และตรงหน้าอกของเขานั้นก็ได้มีเลือดไหลออกมาราวกับน้ำพุร้อน ตรงหน้าอกของเขานั้นมีรอยประทับรูปดอกไม้สีเลือดซึ่งได้มีเลือดไหลออกมาด้วย
ก่อนที่เฉินเสี่ยวเทียนจะพุ่งกระแทกพื้น ดาบเพทอสูรที่หวงเสี่ยวหลงเหวี่ยงออกไปเป็นรอบที่สามนั้นก็ได้ปลดปล่อยปราณดาบพุ่งออกมารวมกันกลายเป็นพายุใบมีด2ลูกที่ไล่ตามเฉินเสี่ยวเทียนไปด้วย
มันก็คือพายุนรก!
ในหัวใจของเฉินเสี่ยวเทียนก็ได้มีความหวาดกลัวและความตกใจปะทุขึ้นเมื่อเขามองพายุสองลูกที่กำลังเข้ามาหาเขา
“กายาวายุเพลิงหลั่งไหล!”
ร่างของเฉินเสี่ยวเทียนก็หมุนไปด้วยความเร็วาสูงและกลายเป็นเมฆเพลิงที่ลอยไปมาในอากาศ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากอาการบาดเจ็บจากเคล็ดวิชาดอกไม้นอกชายฝั่งและปราณเทพอสูรนั้นได้เข้าแทรกซึมไปในร่างเขาทำให้ความเร็วและการเคลื่อนไหวของเขานั้นลดลง ในท้ายที่สุด พายุกนรกก็ได้เข้าปกคลุมขาของเขาและดึงเขาลงมาจากอากาศ
คมมีดลมเล็กๆได้เข้าบาดขาของเฉินเสี่ยวเทียน ทำให้เนื้อของเขาถลอกปอกเปิดและเลือดกระจัดกระจายในขณะที่พายุนรกเคลื่อนตัวสูงขึ้นไปที่ลำตัวของเฉินเสี่ยวเทียน และยังสามารถมองเห็นกระดูสีขาวผ่านลอยแผลที่เต็มไปด้วยเลือดได้อีกด้วย
หวงเสี่ยวหลงได้หยุดโจมตีและเดินที่เฉินเสี่ยวเทียนนอนอยู่
เขานั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเคล็ดวิชาต่อสู้ดอกไม้นอกชายฝั่งและขาพิการเพราะพายุนรก นั่นเลยทำให้เฉินเสี่ยวเทียนมีสภาพน่าอนาถ ปราณธาตุวายุและเพลิงก็ได้อ่อนลงแล้วหายไป ในสภาพอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักรบเซียนเทียนขั้นที่ 6 คนใหนก็สามรถปลิดชีวิตเฉินเสี่ยวเทียนโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก
เฉินเสี่ยวเทียนก็พยายามจะลากร่างที่ได้รับบาดเจ็บของเขานั้นถยอไปจนถึงพนังซึ่งมันเป็นที่ไม่มีที่ให้ถอยหนีอีกแล้วในขณะที่หวงเสี่ยวหลงเดินเข้ามาใกล้
“ยอมจำนนต่อข้าซะ! แล้วข้าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้า และเจ้าก็จะได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นที่ 8 อีกด้วย”หวงเสี่ยวหลงก็ได้มองลงมา จากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างเย็นชาโดยไม่ให้ใครสงสัย “หรือตาย!”
“ถูกเฉือนด้วยปราณดาบของข้า พร้อมกับมีปราณเทพอสูรทะลวงเข้าสู่ร่างกาย ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่เจ้าจะตายนั้นเจ้าจะได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัส เจ้าอาจจะจะไม่ได้รู้สึกดีแบบในตอนนี้”
บนใบหน้าซีดเผือดของเฉินเสี่ยวเทียนก็ได้มีอารมณ์หลายอย่างปรากฏขึ้น ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงสั่งอยู่นั้น ปราณเทพอสูรที่บุกทะลวงเข้าสู่ร่างของเฉินเสี่ยวเทียนนั้นทำให้เขารู้สึกราวกับงูพิษนับหมื่นที่ฝังเขี้ยวเข้าสู่ผิวหนังของเขา มันทำให้เขาเจ็บปวดมันขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาใช้ปราณธาตุวายุแลเพลิงกดดันปราณอันน่าหวาดหวั่นในร่างไว้หล่ะก็ ความเจ็บปวดที่เขาได้รับนั้นมันคงมากกว่านี้ร้อยเท่าแน่
หวงเสี่ยวหลงได้มองเขาอย่างเย็นชาและรอคอยคำตอบจากเฉินเสี่ยวเทียน
เกิงเคน ตู่ซิน และเติงกวงเหลียงทุกคนก็มองดูเฉินเสี่ยวเทียนอย่างเงียบงัน
หวงเสี่ยวหลงที่ได้จัดการเฉินเสี่ยวได้อย่างง่ายดายหลังจากที่ทำการเปลี่ยนวิญญาณ นั้นมันเป็นความจริงอันน่าตกตะลึงที่ฝังลึกเข้าไปในใจของ เกิงเคน ตู่ซิน เติงกวงเหลียงและผู้อาวุโสแห่งนิกายพ่อมดนภาหลายคน
เวลาได้ผ่านไปกอย่างเงียบงันในขณะที่ลางร้ายกำลังมาเยือน
“ดี ข้าเต็มใจยอมจำนนต่อจ่อ” ผ่านไปชั่วครู่ เฉินเสี่ยวเทียนก็ได้ถอนหายใจ จังหวะที่เขาพูดคำพวกนี้ออกจากปาก เขาก็ดูราวกับแก่ลงมากกว่าเดิมทันที
ในขณะที่ประมุขนิกายพ่อมดนภา เฉินเสี่ยวเทียน นั้นได้ถูกขนานนามให้เป็นหนึ่งในสามตัวตนอันทรงพลังแห่งเมืองปีศาจทมิฬ ซึ่งเป็นตัวตนที่แม้กระทั่งประมุขนิกายเก้าอสูรยังต้องแสดงความเคาระ แต่ตอนนี้ เขากลับต้องมายอมจำนนแก่คนอื่น และมีนายท่าน––ที่มีอายุน้อยกว่า!
มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
หวงเสี่ยวหลงก้ได้ถอนหายใจอยู่อย่าสงลับๆแก่การที่เฉินเสี่ยวเทียนเต็มใจยอมจำนน นี่แหละเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ด้วยวิธีนี้ เฉินเสี่ยวเทียนก็จะสามารถคงอยู่ในสภาพประมุขนิกายพ่อมดนภาแต่ภายนอก ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ด้วยวิธนี้การนี้จะทำให้ลดโอกาสในการทำให้สถาบันกลืนกินโลหิตและนิกายเก้าอสูรเกิดความสงสัย มิฉะนั้น เรื่องนี้ก็จะมีปัญหามากขึ้นถ้าหากเขาทำให้เฉินเสี่ยวเทียนหายไปตัว
“เยี่ยม จงปล่อยทะเลปราณของเจ้ามาซะ”หวงเสี่ยวหลงก็ได้พูดเพิ่ม “ข้าจะทำการประทับตราจิตวิญญาณ”
“ตราจิตวิญญาณ!”ปฏิกิริยาของเฉินเสี่ยวเทียนนั้นเหมือนกับเกิงเคน ตู่ซิน และคนที่เหลือเมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า ตราจิตวิญญาณ ความจริงแล้วหวงเสี่ยวหลงรู้ว่าเคล็ดวิชาสร้างตราประทับจิตวิญญาณนั้นทำให้เฉินเสี่ยวเทียนตกใจ
ดวงตาของเขาก็หันเหไปหาเกิงเคน ศิษยของเขา ตู่ซินและเติงกวงเหลียงรวมไปถึงผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาที่เหลือ เขาก็ตระหนักได้แล้วว่า พวกเขาทั้งหมดนั้นถูกประทับตราจิตวิญญาณโดยหวงเสีย่วหลง!
เหมือนกับคนก่อนหน้าเขา เฉินเสี่ยวเทียนก็ได้ปล่อยทะเลปราณออกมาและให้หวงเสี่ยวหลงประทับตราจิตวิญญาณ
พอใช้งานบัญญัติวิญญาณไปพร้อมกับเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณ หวงเสี่ยวกหลงก็ได้ทำการประทับตราจิตวิญญาณลงในทะเลปราณของเฉินเสี่ยวเทียน เมื่อทุกอย่างจบลงอย่างดี ในที่สุดเขาก็ได้สบายใจแล้ว ภายใต้การควบคุมของเฉินเสี่ยวเทียน นิกายพ่อมดนภาก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์
ในดินแดนแห่งความโกลาหลนี้ ตอนนี้หวงเสี่ยวหลงก็ได้มีขุมกำลังของตัวเองแล้ว!
พอประทับตราจิตวิญญาณลงในเฉินเสี่ยวเทียนได้เสร็จสิ้น หวงเสี่ยวหลงก็ได้ดึงปราณเทพอสูรที่อยู่ในร่างเขาและได้ให้โอสถวิญญาณระดับ 6 และโอสถรักษา ซึ่งทำให้เขาสามารถรักษาบาดแผลได้
ด้วยการมีเฉินเสี่ยวเทียนอยู่ข้างเขา หวงเสี่ยวหลงก็ได้หันมาหาผู้อาวุโสนิกายพ่อมดที่เหลืออยู่ 3คนและได้ทำการประทับตราจิตวิญญาณทั้ง 3 คนเหมือนกับคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้ให้เฉินเสี่ยวเทียนเรียกรวมตัวศิษย์หลักเพื่อประกาศตัวตนของหวงเสี่ยวหลง ก่อนที่เขาจะกลืนกินสถาบันกลืนกินโลหิตและนิกายเก้าอสูร ยิ่งคนรู้เกี่ยวกับเขาน้อยยิ่งดี
แต่ ในเวลาเดียวกัน หวงเสี่ยวหงกลับไม่เร่งรีบในการยึดขุมกำลังทั้งสอง เขากลับได้สั่งการเฉินเสี่ยวเทียนและเกินเคนไปเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสสถาบันกลืนกินโลหิตแทน
แผนของเขาคือการแบ่งแยกและยึดครอง––เมื่อผู้อาวุโสพวกนั้นออกไปทำภารกิจ ก็จะมีแค่ฆ่าพวกนั้นหรือเข้าควบคุม
เขาจะลงมือเมื่อโตเยินและเตียงเทียนหัวแห่งสถาบันกลืนกินโลหิตสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเท่านั้น
ตั้งแต่นั้นมา หวงเสี่ยวหลงก้ได้อาศัยอยู่ในศูนย์หลักนิกายพ่อมดนภาโดยใช้วเลาไปกับการบ่มเพาะภายในหุบเขาเทวะซูมี่ ในขณะนั้นพลังจิตของเขานั้นได้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งทำให้หวงเสี่ยวหลงได้พยายามควบคุมหุนเชิดตัวที่ 5 ที่อยู่ภายในเจดีย์หลิงหลง
และในที่สุดผ่านไป 10 วัน หวงเสี่ยวหลงก็ทำได้สำเร็๗
“นายน้อย ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้ได้พบว่า ผู้อาวุโสแห่งสภาบันกลืนกินโลหิต หลี่หยูหัว และหลิวหลี่หยางได้รับภารกิจไปดินแดนแห่งความตายเพื่อตามหาหินจิตวิญญาณแห่งคำสาป” วันหนึ่ง ประมุขนิกายพ่อมดนภา เฉินเสี่ยวเทียนก็ได้เข้ามารายงานหวงเสี่ยวหลง