Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 266
ฉุยหมิงถูกหวงเสี่ยวหลงโจมตีด้วยฝ่ามือกระเด็นหมุนขว้างไปชนใส่เสาหินจากนั้นก็ไถลลงพื้นไปราวใบไม้ที่แห่งตายถูกพายุอันเกรี้ยวกราดพัดไป….
เอื้อก~!
พอนอนอยู่บนพื้น ในคอของเขาก็รู้สึกว่ามีของเหลวอุ่นๆไหลขึ้นมาจากนั้นเขาก็สำลักออกมา แสงสว่างในดวงตาของเขาก็ค่อยๆหรี่ลงและหายไป
การโมตีด้วยฝ่ามือของหวงเสี่ยวหลงเมื่อครู่นี้ได้ซัดเข้าใส่ทะเลปราณของฉุยหมิงอย่างแม่นยำ ไม่เพียงแค่ทำให้ทะเลปราณของฉุยหมิงแตกเท่านั้น ปราณเทพอสูรอันเย็นยะเยือกก็ได้บุกทะลวงเข้าสู่ร่างกายของเขา ทำให้ฉุยหมิงนั้นรู้สึกได้ถึงคลื่นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไปทั่วร่างของเขาเรื่อยไปไม่รู้จน ซึ่งความเจ็บปวดเหล่ามันทำให้ฉุยหมิงทนไม่ไหวจนต้องกรีดร้องออกมา
“ฉุยหมิง!”ร่างของเจียงเทียนหัวได้กระพริบหายไปและไปโผล่ข้างฉุยหมิงทันที
“ท่านประมุข ท่าน รีบ หนีไป!”ฉุยหมิงก็สั่นระริกระรี้ทำให้เขาไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจน
เจีนงเทียนก็ส่งปราณฉีของเขาเข้าไปในร่างของฉุยหมิงเพื่อต้องการจะขับไล่ปราณเทพอสูรที่อยู่ในร่างฉุยหมิง แต่เขาสัมผัสได้ว่ามันเป็นกลิ่นอายที่มาจาก้นบึ้งของนรกผ่านมาตามฝ่ามือที่เขาสัมผัสฉุยหมิง เจียงเทียนหัวที่หวาดกลัวก็ได้ถอนมืออย่างรวดเร็ว แต่แม้จะเป็นแบบนั้น เจียงเทียนหัวก็สังเกตได้ว่าฝ่ามือที่สัมผัสไปเมื่อครู่นั้นได้กลายเป็นสีม่วงดำเข้ม ซึ่งมันดำราวกับหมึก นอกจากนี้ บนชั้นผิวหนังของเขานั้นก็ได้เกิดชั้นน้ำแข็งสีดำเกาะอยู่ด้วย
“ช่างเป็นปราณดำมืดที่ชั่วร้ายเสียจริง!”เจียงเทียนหัวก็ตกใจในขณะที่เขารีบใช้งานปราณปีศาจอมตะเพื่อพยายามต้านทานปราณชั่วร้ายอันนี้ ทำให้บนฝ่ามือของเขานั้นมีแสงสีดำเข้มเปล่งประกายขึ้นในขณะที่ กลุ่มก้อนปราณอสูรลอยออกมา ครู่ต่อมา ฝ่ามือของเขาก็ได้กลับคืนสู่ปกติ
พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เจียงเทียนหัวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
หวงเสี่ยวหลงยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่เข้าไปขัดจังหวะ และปล่อยให้เจียงเทียนหัวใช้เวลาขับปราณเทพอสูรออกจากร่าง แม้ว่าจำนวนปราณเทพอสูรที่เขาสู่ร่างเจียงเทียนหัวนั้นจะเล็กน้อย แต่มันก็ยังสามารถแสดงให้เห็นถึงความทรงพลังของมันได้
พอขับปราณอันชั่วร้ายออกจากร่างกายของตัวเองได้สำเร็จ เจียงเทียนหัวก็หันหน้ามาไปมองดูรอบๆห้องโถงหลักและพบว่าเฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคน และผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาทั้งหมดปิดกั้นทางหนีของเอาไว้หมดแล้ว
มันไม่มีทางหลบหนีหรือย้อนกลับไปได้แล้ว
พอยืนอยู่ในห้องโถงแห่งนี้ เจียงเทียนก็หัวเราะออกมาเสียงดังทันที เป็นเสียงหัวเราะโศกเศร้าและสิ้นหวัง นี่หรือจะเป็นจุดจบของข้า? เมื่อเขาหัวเราะเสร็จ เจียงเทียนหัวก็มองหวงเสี่ยวหลง และพูดออกมาทีละคำอย่างช้าๆ “พวกเจ้าทุกคนเข้ามาพร้อมกันเลย”
ทุกคน? หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว “พวกมันไม่เข้ามายุ่งหรอก”
ไม่ร่วมมือด้วยงั้นหรือ? เจียงเทียนหัวก็ตื่นตระหนก
“ตราบใดที่เจ้าโค่นล้มข้าได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป”หวงเสี่ยวหลงก็พูดเพิ่มว่า “แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องยอมจำนนแก่ข้า แน่นอนว่า เจ้าสามารถเลือกตายแทนได้ด้วย”
เจียงเทียนหัวก็ลังเลชั่วขณะ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองดวงตาของหวงเสี่ยวหลง “ดี ถ้าหากเจ้าสามารถโค่นข้าได้ ข้าจะยอมจำนนแก่เจ้า แต่ถ้าข้าชนะ ข้าจะไม่ไปคนเดียว ข้าจะเอาพวกนั้นไปพร้อมกับข้าด้วย”เจียงเทียนหัวก็ชี้ไปที่ฉุยหมิงและผู้อาวุโสสถาบันกลืนกินโลหิตทั้ง 5 คน
หวงเสี่ยวหลงก็เหลือบมองฉุยหมิงและผู้อาวุโสสถาบันกลืนกินโลหิตทั้ง 5 คน และพยักหน้าตอบ “ได้สิ”
หวงเสี่ยวก็ตอบตกลงทันที จากนั้นก็ได้มีแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาจากร่างของเจียงเทียนหัวและยังพ่นแก๊สสีเหลืองดำออกมาด้วย พอมองดูเบื้องหลังเจียงเทียนหัว ก็สามารถมองเห็นได้ถึงดวงตาสีแดงขนาดใหญ่ลอยอยู่
ดวงตาสีแดงนี่แตกต่างจากเนตรนรกของหวงเสี่ยวหลง รอบดวงตาสีแดงของเจียงเทียนหัวนั้น มีอักขระโบราณสีแดงขึ้นเรียงกันเป็นแถวซึ่งมันลอยไปมารวมกันอยู่ที่ตรงกลางดวงตาตรงด้านขวาก่อตัวรวมกันใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นลายภาพโบราณที่สมบูรณ์แบบ
“เนตรแห่งน้ำพุเหลือง”หวงเสี่ยวหลงก็มองลูกตาที่สีแดงอันใหญ่ที่ลอยอยู่เบื้องหลังเจียงเทียนหัวและเรียกชื่อจิตวิญญาณของเจียงเทียนหัวออกมา เนตรแห่งน้ำพุเหลือง เป็นจิตวิญญาณระดับ 10 ชั้นสูง และมันยังเป็นจิตวิญญาณประเภทภูตผีอีกด้วย
อย่างไรก็ตามพอเทียบเนตรแห่งน้ำพุเหลืองของเจียงเทียนหัวกับต้นไม้ไฟป่าของเฉินเสี่ยวเทียน แม้ว่าทั้งสองจะเป็นจิตวิญญาณต่อสู้ระดับ 11 มันก็บอกได้ว่าจิตวิญญาณของเจียงเทียนหัวนั้นแข็งแกร่งกว่า
เจียงเทียนก็ได้ทำการเปลี่ยนวิญญาณทันทีหลังจากเรียกจิตวิญญาณของตัวเอง หลังจากทำการเปลี่ยนวิญญาณ บนร่างของเขาก็ได้มีรอยแยกขึ้นหลายรอยซึ่งภายในนั้นมีลูกตาสีแดงโผล่ขึ้นมา แม้ว่ามันจะมีอยู่ทั่วร่างกาย ลูกตาแต่ละดวงนั้นก็มีขนาดเท่านิ้วก้อย และมันก็เหมือนกับเนตรแห่งน้ำพุเหลืองอันเดิมอยู่มากที่มีลายภาพโบราณอยู่กลางดวงตา ในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีความหนาวเหน็บและกลิ่นอายแห่งความตายแพร่กระจายไปทั่วห้อง
ร่างของเจียงเทียนหัวนั้นใหญ่มากขึ้นเกือบสองเท่า และเขานั้นดูเหมือนยมทูตรที่กำลังยืนอยู่
พอเห็นเจียงเทียนหัวอัญเชิญจิตวิญญาณของตัวเองและทำการเปลี่ยนร่าง หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ประมาท จากนั้นได้มีแสดงสีทำและสีฟ้าสว่างขึ้นพร้อมกับเสียงมังกรคำรามดังก้องไปทั่ว และได้มีมังกรคู่ตัวใหญ่โตปรากฏหนึ่งสีดำและอีกตัวสีฟ้า ขึ้นต่อหน้าสายตาอันตื่นตระหนกของเจียงเทียนหัว ซึ่งพวกมันลอยไปมาอยู่เบื้องหลังหวงเสี่ยวหลง
ด้วยการที่หวงเสี่ยวหลงบรรลุระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ทำให้มังกรคู่ได้พัฒนาร่างและเติบโตขึ้นอีก โดยเฉพาะแรงกดดันจากกลิ่นอายที่พวกมันปล่อยออกมาจากร่างนั้นมันร่างนั้นราวกับมีภูเขากดทับร่าง แม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 อย่างเจียงเทียนหัวก็รู้สึกยากที่จะหายใจ
แม้กระทั่ง เฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคนและคนอื่นๆก็รู้สึกแบบเดียวกัน
“จิตวิญญาณมังกรคู่อันทรงพลัง!”
“มังกรฟ้า!”เจียงเทียนหัวก็หันไปจ้องมองจิตวิญญาณมังกรคู่ซ่างผ่านไปนานไม่เข้าก็ยังไม่สามารถหายใจอาการตกใจได้
ปกติแล้ว ผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะจนมาถึงระดับเซียนเทียนขั้นสูงนั้นมักจะเป็นเจ้าของจิตวิญญาณต่อสู้อันทรงพลัง ที่จริงแล้ว ส่วนใหญ่จิตวิญญาณต่อสู้จะอยู่ในระดับที่ 11 มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีจิตวิญญาณต่อสู้ระดับ 11 ชั้นสูง ซึ่งใกล้เคียงกับจิตวิญญาณระดับ 11 แต่จิตวิญญาณต่อสู้ระดับ 12 นั้นยากมากที่จะได้เห็น
และสำหรับคนอย่างหวงเสี่ยวหลงที่เป็นเจ้าของจิตวิญญาณต่อสู้คู่ระดับ 12 ขึ้นไปทั้งสองคัวนั้นยิ่งเป็นสิ่งที่ยากจะได้เห็นมากกว่าอีก อาจบอกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากที่จะเจอผู้ฝึกตนระดับเทวะที่มีจิตวิญญาณต่อสู้แข็งแกร่งกว่าหวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงได้ทำการเปลี่ยนวิญญาณทันทีหลังจากที่เขาเรียกมังกรทมิฬและมังกรฟ้าออกมา จากนั้นบนร่างของเขาตั้งแต่หัวถึงปลายเท้านั้นได้มีเกล็ดมังกรที่หนาแน่นปกคลุมร่างเขา แขนของเขาได้กลายเป็นราวกับเป็นกรงเล็บมังกร และดวงตาของเขานั้นก็แหลมคมขึ้น บนแผ่นหลังเขานั้นได้มีรอยสักรูปหัวมังกรทมิฬและมังกรฟ้าที่ดูราวกับมีชีวิตปรากฏขึ้น
“ช่างเป็นปราณหนาแน่นและทรงพลังอะไรขนาดนี้!”พอสัมผัสได้ถึงปรษณที่ไหลผ่านเลือดเนื้อของเขาหลังจากทำการเปลี่ยนวิญญาณ หวงเสี่ยวหลงก็ทนไม่ไหวจนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเปลี่ยนวิญญาณด้วยจิตวิญญาณทั้งสองหลังจากเขาทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ก่อนหน้านี้ หวงเสี่ยวหลงคิดว่าพลังของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นมากแน่ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะมากถึงขนาดนี้ พลังที่เขาสัมผัสได้นั้น ไม่ต้องกล่าวถึงระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 ชั้นต้น แม้กระทั่งระดับเซียนเทียนขั้น 8 ชั้นกลาง เขาก็สามารถสู้กับพวกมันได้!
พอมาถึง ณ ตรงนี้ เจียงเทียนหัวก็เปิดฉากพุ่งออกไปและเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน ซึ่งเขาได้ซัดหมัดทั้งสองใส่หวงเสี่ยวหลง
“หมัดราชันย์ภูติ!”
หมัดได้พุ่งผ่านอากาศทำให้เกิดเสียงภูติผีร้องออกมาในเวลาเดียวกันก็ได้มีกลิ่นอายอสูรไหลออกมาเป็นคลื่น หมัดราชันย์ภูตินั้นเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับปฐพีชั้นสูงที่สร้างการโจมตีที่มองไม่เห็น
หวงเสี่ยวหลงได้ไหลเวียนปราณฉีและจิ้มดัชนีออไปตรงหน้า ทำให้เกิดหมอกสีเทาดำพุ่งออกไปเป็นรูปทรงนิ้วมือที่มีเสียงสัตว์ประหลาดสีดำร้องดังขึ้น
ดัชนีวิญญาณสัมบูรณ์!
ปราณดัชนีและได้เข้าประทะกับฝ่ามือ ทำให้เกิดแรงระเบิดพัดกระแทกใส่กำแพงห้องโง สำหรับเฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคน และคนที่เหลือนั้นก็รู้สึกหวาดกลัว ในขณะเดียวกันก็ได้เกิดรอยแตกแยกบนกำแพงห้องโถงราวกับใยแมงมุม
ร่างของเจียงเทียนหัวก็สั่นไหวและถอยหลังไปหนึ่งก้าวจากการปะทะในขณะที่หวงเสี่ยวหลงยังยืนอยู่บนจุดเดิมอย่างมั่นคง
พอเห็นผลลัพธ์ที่เกิด เจียงเทียนหัวก็ตกใจ เขาตัดสินจากปราณฉีที่หวงเสี่ยวหลงนั้นได้ว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 แต่ทว่าตัวเขานั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 แต่เมื่อครู่เขากลับเสียเปรียบเนี่ยนะ?!
เจียงเทียนหัวก็ได้ตะโกนออกมาในขณะที่พุ่งออกไปอีกรอบ โดยซัดหมัดเล็งไปที่หวงเสี่ยวหลงเป็นครั้งที่ 2 หวงเสี่ยวหลงก็ได้เอี้ยวตัวพุ่งออกไปสู้ในระยะใกล้แทนที่จะหลบ
ในชั่วพริบตา เจียงเทียนหัวและหวงเสี่ยวหลงก็ได้แลกเปลี่ยนหลายกระบวนท่าไปแล้ว ยิ่งพวกเขาสู้กันมากเท่าไหร่ เจียงเทียนหัวก็ยิ่งตกใจและหวาดกลัวมากขึ้น เขาค้นพบว่าไม่ว่าจะเป็นการป้องกันหรือในด้านพลัง หวงเสี่ยวหลงนั้นได้เปรียบเขาอยู่ นอกจากนี้ดูเหมือนว่าความเร็วของหวงเสี่ยวหลงนั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในท้ายที่สุดเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอยหนี
พอซัดหมัดเต็มกำลังเพื่อผลักหวงเสี่ยวหลงถอยไป เขาก็ยกนิ้วขึ้นในขณะที่มีแสงสีดำแวบผ่านดวงตาของเขา แต่ไม่ได้เล็งใส่หวงเสี่ยวหลง เขานั้นได้ชี้ตรงออกไป
“ดัชนีปีศาจแห่งทุกข์ตรม!”เจียงเทียนหัวก็ตะโกนออกมา
จากนั้นได้มีแสงสีดำอันหวาดหวั่นระเบิดออกมาจากนิ้วของเจียงเทียนหัวมากพุ่งตรงขึ้นไปทะลุหลังคาห้องโถงแห่งนิกายพ่อมดนภา