Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 270
ฝูงชนต่างจ้องมองหวงเสี่ยวหลงด้วยความตกใจ รวมไปถึงฮูเฉิงและศิษย์นิกายพ่อมดนภาที่ต้องการหยุดหวงเสี่ยวหลงจาการแกว่งเท้าหาเสี้ยน แน่นอนว่า คู่ชายหญิงที่เป็นศิษย์นิกายตะวันออกแห่งความลึกลับก็จ้องมองหวงเสี่ยวหลงอย่างมึนงง
ต่อหน้าทุกคนที่แสดงสีหน้าประหลาดใจรอบตัวเขา หวงเสี่ยวหลงได้เดินเข้าไปหาศิษย์นิกายเก้าอสูรอีกคน
พอมองเห็นหวงเสี่ยวหลงเดินเข้ามาหาเขา ศิษย์นิกายเก้าอสูรคนนั้นก็ตกใจกลัว ในตอนที่เขาคิดจะหนี มันก็สายเกินไปแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ได้พุ่งไปพร้อมกับมีดาบคู่เทพอสูรปรากฏขึ้นในมือ ได้มีแสงกระพริบขึ้นในขณะที่ผู้คนรอบๆนั้นมองเห็นเพียงแค่ปราณกระบี่สองเส้นพุ่งตัดอากาศ จากนั้นศิษย์นิกายเก้าอสูรที่กำลังจะทำอะไรสักอย่างหยุดลงทันทีและยืนแข็งทื่อ ณ จุดนั้นแล้วเขาก็ล้มลงพื้นในวินาทีต่อมา
ดวงตาของศิษย์นิกายเก้าอสูรคงนั้นยังคงเบิกกว้างด้วยความตกใจและสับสน แม้กระทั่งในช่วงที่เขาล้มกระแทกพื้นเบาๆ เลือดของเขาก็ไหลออกมาช้าๆราวกับการแต่งแต้มถนนอันสกปรกด้วยสีแดงเข้มอันสดใส
ดวงตาของศิษย์นิกายเก้าอสูรที่เหลือก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิด
พอทำเป็นการจ้องมองด้วยความตกตะลึงที่พุ่งเป้ามาหาตัวเอง หวงเสี่ยวหลงก็ได้เดินไปหาฮูเฉิง
ดวงตาของฮูเฉิงก็หรี่แคบลงในขณะที่มองหวงเสี่ยวหลงและเย้ยหยันด้วยความดูถูก จากนั้นฮูเฉิงก็ถามออกมาว่า “ไอ้สารเลว เจ้าเป็นใครกัน? เจ้ามีความสัมพันธ์ยังไงกับนิกายพ่อมดนภา? เจ้ารู้ใหมว่าเมืองปีศาจทมิฬอยู่ภายใต้การควบคุมของนิกายเก้าอสูร?”
“ภายใต้การควบคุมของนิกายเก้าอสูรงั้นหรือ?”หวงเสี่ยวหลงก็เย้ยหยันอย่างเย็นชา “มันคงได้อีกไม่นานหรอก”
อีกไม่นานงั้นหรือ? สีหน้าของฮูเฉิงก็กลายเป็นหน้าเกลียดพอได้ยินสิ่งนี้ “เจ้าหมายความว่าอะไร?”
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัวให้กับฮูเฉิงและไม่สนใจตอบคำถาม “โชคร้ายที่เจ้าจะไม่มีโอกาสได้เห็นวันนั้น”
เพราะ ณ ตอนนั้น ฮูเฉิงก็คงตายไปแล้ว!
“ฆ่า ฆ่ไอ้สารเลวนั่นให้ข้า!”ฮูเฉิงก็รีบถอยหลังไปในขณะที่เขาตะโกนใส่ศิษย์นิกายเก้าอสูรที่อยู่รอบๆตัวเขาและชี้ใส่หวงเสี่ยวหลงอย่างโกรธเกรี้ยว “ใครที่ฆ่ามันได้ นายน้อยผู้จะตบรางวัลหนึ่งล้านเหรียญทอง!”
ทันทีเสียงของฉูเฉิงเงียบลง ศิษย์นิกายเก้าอสูรหลายคนก็ได้ปลดปล่อยปราณฉีออกมา ซึ่งทุกคนนั้นได้เรียกจิตวิญญาณต่อสู้ของตัวเองอกมาและทำการโจมตีหวงเสี่ยวหลง ท่ามกลางเหล่าศิษย์นิกายเก้าอสูรนั้น ศิษย์บางคนมีจิตวิญญาณธาตุน้ำซึ่งได้ส่องสว่างไปด้วยปราณฉีสีน้ำเงิน ศิษย์อีกคนนั้นมีจิตวิญญาณธาตุไฟซึ่งเขานั้นได้ปกคลุมไปด้วยปราณฉีสีแดงอันร้อนแรง และยังมีศิษย์ที่มีจิตวิญญาณธาตุดินซึ่งศิษย์คนนั้นก็มีปราณฉีสีเหลืองเข้มอยู่รอบตัว
ในช่วงเสี้ยววินั้น ได้มีแสงหลากสีสว่างทั่วในท้องถนน
ในขณะที่ศิษย์นิกายเก้าอสูรเหล่านั้นกำลังจะจัดการหวงเสี่ยวหลง ฮูเฉิงก็ได้อาหยิบบางสิ่งออกมาจากหน้าอกซึ่งมันดูเหมือนปล่องควันและบีบมัน ทำให้เกิดลูกบอลแสงหลากสีพุ่งขึ้นฟ้าไปเหนือท้องฟ้าแล้วระเบิดออก
ในห้องโถงของศูนย์หลักแห่งนิกายเก้าอสูร
ฮูหานที่มีผมสีเงินนั้นกำลังนั่นพูดคุยถึงแผนการโจมตีที่กำลังจะเริ่มขึ้น เมื่อนั้นก็ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นดึงดูดความสนใจของพวกเขา
“ท่านประมุข ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงสัญญาณความช่วยเหลือของนายน้อย”ผู้อาวุโสนิกายเก้าอสูรก็ได้แสดงความคิดเห็น
“ในเมืองปีศาจทมิฬแห่งนี้มีใครกันไม่รู้จักตัวตนของนายน้อย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ผู้อาวุโสนิกายเก้าอสูรอีกคนก็ได้พูดขึ้น
“แต่ นี่เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือของนายน้อย”
ในห้องโถงหลัก กลุ่มผู้ก็พูดคุยกันอย่างเสียงดัง
“หลินชวง พวกเจ้า 4 คนไปดูสิ”ฮูหานได้สั่งการให้ชายชราในชุดสีม่วงใต้เวทีประชุม “ถ้ามันเป็นใอ้พวกสมองหนาต้องการทำร้ายนายน้อยหล่ะก็ ไม่ว่ามันจะเป็นใครฆ่ามัน ณ ตรงนั้นเลย!”
ชายชราชุดม่วงและชายชราอีก 3 คนก็ยืนขึ้น “ได้ขอรับ ท่านประมุข!”
“อืม ไปได้”ฮูหานก็ได้สั่งการออกมา
ทั้งสี่คนทำความเคารพก่อนจะทยอยออกไปจากห้องไปแล้วมุ่งหน้าไปหาฮูเฉิงตามที่สัญญาณของความช่วยเหลือได้ชี้ตำแหน่งไว้
ในตอนนี้ หวงเสี่ยวหลงได้มองกลุ่มศิษย์นิกายเก้าอสูรวิ่งเข้ามาหาเขา จากนั้นเขาก็พุ่งออกไปพร้อมกับเริ่มหมุนตัวด้ยความเร็วอันน่าตกตะลึงต่อหน้าสายตาอันตกใจของฮูเฉิงและศิษย์นิกายเก้าอสูร จากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบเทพอสูรออกไป ทำให้ปราณดาบที่เหวี่ยงออกไปนั้นกลายเป็นเส้นสายฟ้าและมังกรสายฟ้านับไม่ถ้วนที่บินคดเคี้ยวไปมา 4ทิศทาง
เคล็ดวชาดาบเทพอสูรกระบวนท่าที่ 4 เขตแดนสายฟ้า !
ในไม่ถึงหนึ่งลมหายใจศิษย์นิกายเก้าอสูรทั้งหลายก็ถูกมังกรสายฟ้าหลายตัวเข้าโจมตีใส่ ทำให้ปราณฉีและจิตวิญญาณต่อสู้ของพวกเขาหายไปพร้อมศิษย์นิกายเหล่านั้นล้มลงกับพื้นทีละคน
เมื่อศิษย์นิกายเก้าอสูรเหล่านี้หล่นลงไปนอนกองบนถนน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตัวพวกเขานั้นดำทมิฬราวกับชาร์โคล ฝูงชนต่างได้กลิ่นเนื้อถูกย่างไปทั่วถนน ในหมู่ศิษย์นิกายเก้าอสูร ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 3 และอ่อนแอที่สุดคือระดับโฮ่วเทียนขั้นที่ 10 แล้วพวกเขาจะสามารถต้านทานการโจมตีด้วยเขตแดนสายฟ้าของหวงเสี่ยวหลงได้อย่างไร? ด้วยพลังในปัจจุบันของหวงเสี่ยวหลงนั้น การลงมืออย่างจริงจังของเขานั้นก็เพียงพอจะทำให้ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ชั้นสูง-ปลายต้องรู้สึกอับอาย
หวงเสี่ยวหลงก็ยืนอยู่บนถนนและหันไปเหลือบมองร่างไหม้เกรียมที่กองอยู่บนพื้นและเดินเข้าไปหาฮูเฉิง
ฮูเฉิงนั้นมองเห็นร่างที่ไหม้เกรียมของศิษย์นิกายเก้าอสูรกระจายอยู่บนถนนและสัมผัสได้ถึงกลิ่นเนื่อย่างที่อบอวลไปทั่วถนนก็เกือบตัวแข็งทื่อไปด้วยความหวาดกลัว พอมองเห็นหวงเสี่ยวหลงเดินเข้ามาใกล้เขา เขาก็สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนนั่นคือ–ความกลัวตาย
“เจ้า!”ฮูเฉิงพยายามจะรวบรวมความกล้าเพื่อพยายามจะทำให้หวงเสี่ยวหลงในขณะที่เขาถอยหลังหนี “เจ้าเป็นใครกันแน่? ที่นี่คือเมืองปีศาจทมิฬ ถ้าหากเจ้าฆ่าข้า เจ้าไม่มีทางหลบหนีไปได้แน่!”
“หนี?”หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว ภายในพริบตาหวงเสี่ยวหลงก็ไดเดินมาอยู่ตรงหน้าฮูเฉิงพร้อมกับชกหมัดออกไป ฮูเฉินนั้นตื่นตัวและพยายามจะยกแขนขึ้นขัดขวางหมัดของหวงเสี่ยวหลง แต่หมัดของหวงเสี่ยวหลงนั้นได้มาถึงหน้าอกของเขาแล้ว ซึ่งหมัดที่หวงเสี่ยวหลงใส่พลังชกใส่ฮูเฉิงนั้นได้ทะลุร่างเขาไปทางแผ่นหลัง ทำให้ตัวอาคารที่อยู่สุดเส้นของถนนต้องสั่นสะเทือน
ชุดของฮูเฉิงนั้นฉีกขาดเป็นชิ้นๆจากแรงชกและปลิวไปตามลมในขณะที่ร่างของเขานั้นพุ่งกระเด็นและกลิ้งไปตามพื้นออกไปไกลกว่า 20 เมตร จากนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงวิ่งไปหาฮูเฉิงอย่างสบายๆ
ณ จุดนี้ ไม่มีใดผ้าสักผืนที่ปกปิดร่างกายของฮูเฉิงซึ่งในตอนนี้นั้นเขาได้เปลือยเปล่าต่อหน้าทุกคนที่อยู่บนถนน พอยืนอยู่ข้างหน้าฮูเฉิงที่เปลือยเปล่า หวงเสี่ยวหลงก็รีบเหลือบมองส่วนล่างของฮูเฉิง ฮูเฉิงคนนี้เติบมาอย่างแข็งแกร่งแต่เพื่อนยากส่วนล่างของเขากลับเป็นหนอนเสียงั้น หวงเสี่ยวหลงรู้สึกปวดใจและยกเท้าขึ้นกระทืบอย่างไร้ปราณี
ในเมืองปีศษจทมิฬแห่งนี้ ไม่รู้ว่ามีชายหญิงที่ถูกทรมานโดย *มัน*ไปแล้วบ้าง การกระทืบนี้ถือว่าเป็นการชำระหนี้ของพวกนั้น
ฮุเฉิงก็กรีดร้องออกมาและจับส่วนล่างของเขาพร้อมกับกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด
ศิษย์นิกายอื่นๆและคนธรรมดาต่างปรบมือด้วยความดีใจอย่างลับเมื่อมองเห็นฮูเฉิงทนทรมานอย่างเจ็บปวดและพวกเขานั้นก็รู้สึกพึงพอใจมาก อย่างไรก็ตาม ศิษย์นิกายพ่อมดนภาก็หน้าซีดเซียวไร้สี ถ้าหากหวงเสี่ยวหลงฆ่าฮุเฉิง นิกายพ่อมดนภาคงได้รับผลกระทบหนักแน่!
“ในขณะที่พวกเขากำลังจะก้าวออกไปหยุดหวงเสี่ยวหลง ก็ได้มีเสียงคำรามดังมาแต่ไกล “ใครบังอาจทำร้าย นายน้อยของพวกเรา!”
ฝูงชนก็ตกใจ พวกเขาก็หันหน้าไปมองและมองเห็นร่างเงาทั้ง 4 กลังวิ่งเข้ามาทางนี้จากระยะไกลซึ่งมีชายชราชุดม่วงคิ้วหนาวิ่งนำมา
“นั่นมันผู้อาวุโสนิกายเก้าอสูรหลินชวง!”
“ในนิกายเก้าอสูร ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสหลินชวงนั้นอยู่อ่อนแอกว่าเพียงฮูหานและซูเหมยเหมย เพราะเขานั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 สูง-ปลาย!”
“แล้วยังมีซูเกา เฉินเหนียนหัว และลู่ยี ที่เป็นผู้อาวุโสระดับสูง พวกเขาก็มาที่นี่ด้วย!”
ฝูงชนรอบๆต่างอุทานออกมาด้วยความตกใจ
หวงเสี่ยวหลงก็หยุดทำในสิ่งที่เขาจะทำแล้วหันหน้าไปมองร่างทั้งสี่ที่กำลังบินมาอย่างรวดเร็ว
หลินชวง? หวงเสี่ยวหลงจับจ้องไปที่คนที่อยู่หน้าสุด หลินชวงคนนี้คือคนที่เฉินเสี่ยวเทียนกล่าวถึงเมื่อก่อนหน้านี้ เรื่องเกี่ยวกับคนที่แข็งแกร่งที่สุด สามอันดับแรกในนิกายเก้าอสูร แม้ว่าทั้งหลินชวงและเฉินเสี่ยวเทียนจะเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7ปลาย-สูง หลินชวงนั้นก็ยังแข็งแกร่างกว่าเฉินเสี่ยวเทียนอยู่ดี
ในชั่วพริบตา กลุ่มของหลินชวงก็ได้เข้ามาถึงบนถนน สิ่งแรกที่หลินชวงทำก็คือตรวจสิบรอบด้าน และเมื่อเขามองเห็นฮุหานที่เปลือยเปล่าที่นอนคุดคู้อยู่กับพื้นอย่างเจ็บปวด ใบหน้าของเขาก็บึ้งตึง
“นายน้อย!”หลินชวงก็รีบไปหาฮูเฉิง