Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 271
หลินชวงก็ไปหาฮูเฉิง เขามองหน้าที่ยุบตัวของฮูเฉิงเนื่องจากการต่อของหวงเสี่ยวหลง ใบหน้าชของหลินชวงดูแย่มากแต่เมื่อเขามองไปที่รอยคาบเลือดที่ส่วนล่างของฮูเฉิงใบหน้าของเขากลับเลวร้ายกว่าเดิม………..ซูเกา เฉินเนียนหัวและลู่ยี่ก็รู้สึกโกรธด้วย
หลินชวงหันไปหาหวงเสี่ยวหลง ดวงของเขานั้นเย็นชาอย่างมากในขณะที่ร่างกายของเขานั้นได้ระเบิดจิตสังหารออกมาราวกับพายุ อากาศที่อยู่รอบข้างต่างก็หนาวเย็นขึ้นเพราะจิตสังหารอันหนาแน่นของหลินชวง
“เจ้า ต้อง การตายแบบใหน?”หลินชวงพูดย้ำทีละคำเสียงของเขาราวกับดังขึ้นมาจากนรก ปรารฉีของขานั้นได้ระเบิดออกมาพร้อมกับเปล่งประกายแสงระยิบระยับ
ฮูเฉิง นายน้อยแห่งนิกายเก้าอสูรกลับได้รับบาดเจ็บภายในเมืองปีศาจทมิฬ! แถมอวัยวะส่วนล่างของเขากลับถูกกระทืบจน…..?!
ตายซะ! ดวงตาของหลินชวงก็เปล่งประกายแสออกมาอย่างน่ากลัว
แต่ก่อนที่ปราณฉีของหลินชวงจะพุ่งออกมาจากร่างได้อย่างเต็มที่และก่อนที่เขาจะลงมือนั้น ก็ได้มีร่างหนึ่งโผล่ขึ้นมาซัดหมัดใส่เขา หลินชวงก็ตกใจและรีบขยับมือเพื่อป้องกันแต่เขากลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ไหลผ่านหน้าอกของเขา เขานั้นจ้องมองอย่างไม่อยากจะเชื่อในหมัดที่ซัดใส่หน้าอกเขาแล้ว หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หลินชวงก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆที่พุ่งขึ้นมาในลำคอ และจากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาในขณะที่เขาโซเซถอยหลังไปจนกระทั่งถึงขอบถนนและล้มไป
หวงเสี่ยวหลงก็ได้ถอนหมัก เขาได้ใช้สายตาอันเย็นชามองสังเกตหลินชวงที่ล้มลงไป ทุกๆคนต่างจ้องร่างของหลินชวงที่ล้มลงกับพื้นอย่างสับสน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนิกายเก้าอสูร อันดับที่ 3 หลินชวงกับได้รับบาดเจ็บจากหวงเสี่ยวหลงภายในกระบวนท่าเดียว! และหลินชวงเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ชั้นสูง-ปลายด้วย!
ซเกา เฉินเหนียนหัวและลูยี่ที่มาถึงพร้อมกับหลินชวงก็ยืนแข็งทื่อ ณ ตรงนั้นแต่ทว่าศิษย์นิกายพ่อมดนภาทั้งสองกลับตกใจ
ครู่ต่อมา ซูเกา เฉินเหนียนหัวและลู่ยี่ก็ฟื้นจากอาการ
“ผู้อาวุโสหลิน!”พวกเขาก็อุทานออกมาด้วยความตกใจในขณะที่เขาวิ่งไปหาหลินชวงและช่วยพยุงเขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พวกเขาวุ่นวายกับการช่วยเหลือหลินชวง ก็ได้มีเงาวูบวาบขึ้น ซูเกา เฉินเนียนหัวและลู่ยี่ทั้งสามนั้นไม่ได้ผ่อนคลายจากการระมัดระวังรอบข้าง แต่พวกเขานั้นตกใจที่ไดเห็นรัศมีพุทธะและพระพุทธรูปที่ส่องสว่างขึ้น รววกับโดนพายุซัดเข้าใส่ ซูเกา เฉินเหนียนหัวและลู่ยี่ก็โดนกระแทกรอยไป ซึ่งหลินชวงที่พวกเขาพึ่งจะช่วยพยุงขึ้นมาก็ถูกกระแทกลอยไปด้วยเหมือนกัน
นอกจากหลินชวง ใหนหมู่ผู้อาวุโสทั้ง 3 คนที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมีระดับการบ่มเพาะอยู่แค่เพียงระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 เท่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาและความสามารถของมังกรทมิฬ เงาปีศาจ ทำให้ความเร็วของเขานั้นเทียบได้กับผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 ชั้นต้น ไม่ต้องกล่าวถึง 3 ผู้อาวุโส แม้กระทั่งหลินชวงก็ยังพบว่ายากที่จะจับการเคลื่อนไหวของหวงเสี่ยวหลง
ด้วยฝ่ามือพุทธปฐพี หวงเสี่ยวหลงได้ซัดส่งคนทั้งสี่ลอยออกไป และจากนั้นเขาก็ค่อยเดินไปหาพวกนั้นช้าๆหลังจากที่พวกนั้นหล่นลงพื้นแล้ว ความจริงแล้วด้วยความแข็งแกร่งของหลินชวง ถ้าไม่ใช่เพราะความไม่ระมัดระวังของตัวเขา เขาก็คงจะสามารถต่อกรกับหวงเสี่ยวหลงหลายกระบวนท่า แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว เพราะเขาได้รับบาดเจ็บและแทบไม่มีแรงพอจะต้านทานเสียแล้ว
พอก้มมองดูทั้งสี่คน ดวงตาอขงเขาก็เปล่งประกายแสงออกมาอย่างเย็นชาในขณะที่เขาเอาดาบเทพอสูรออกมา พอเห็นดาบสีดำอันเลวร้ายในมือหวงเสี่ยวหลง ใบหน้าของพวกเขานั้นก็ซัดและแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน
“เจ้า!”หลินชวแงละคนที่เหลือก็พยายามจะลุกขึ้นยืนหาโอกาสหนี แต่หวงเสี่ยวหลงกลับเหวี่ยงดาบเทพอสูรออกมาเสียก่อน ทำให้เกิดแสงตัดผ่านอากาศ และทั้งสี่คนนั้นก็กรีดร้องออกมาเกือบๆในเวลาเดียวกัน
ศิษย์นิกายพ่อมดนภาและฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบๆก็แข็งค้างเมื่อเห็นเลือดไหลออกมาจากลำคอของหลินชวงและผู้อาวุโสนิกายเก้าอสูรอีก 3คน ซึ่งมันไหลลงมาปกคลุมพื้นใต้พวกเขาทันที
ทำให้เกิดเสียงอุทานตกใจขึ้นนับไม่ถ้วนจากฝูงชน
หลินชวงคนนี้เป็นถึงมือซ้ายและมือขวาของประมุขนิกายเก้าอสูรฮูหานและยังเป็นคนสนิทอีกด้วย ส่วนซูเกา เฉินเหนียนหัว และลู่ยี่นั้นเป็นคนที่มีความภักดีกับฮูหานมาก เนื่องจากหวงเสี่ยวหลงตัเสินใจจะทำลายนิกายเก้าอสูร เขาก็ฆ่าทั้งสี่คนโดยไม่ลังเลที่จะทำให้ขุมกำลังของฮูหานอ่อนแอลง
หลังจากฆ่าทั้งสี่คนไปแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้สนใจกับสายตาที่ตกตะลึงซึ่งกำลังจ้องมองเขาอยู่ แต่เขานั้นกลับเดินไปทางที่ฮูเฉิงอยู่
แม้จะเป็นตอนนี้ ฮูเฉิงก็ยังคุดคู้อยู่บนพื้นอย่างเจ็บปวด พอเขาสังเกตหวงเสี่ยหวลงเดินเข้ามาทางเขา ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความกลัวตาย จากนั้นเขาก็ร้องไห้อ้อนวอน “อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า ข้าไม่อยากตาย ข้าไม่อยากตาย!”เขามองเห็นอย่างชัดเจนว่าหวงเสี่ยวหลงฆ่าฮูเฉิงและผู้อาวุโสสามคนที่เหลืออย่างไร
“อย่ากังวลไป ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก” หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม้ว่าฮุเฉิงคนนี้จะสมควรตายหลายพันครั้ง แต่หวงเสี่ยวหลงก็จะต้องเก็บมันไว้ใช้ ดังนั้นเขาถึงได้ไว้ชีวิตมัน
พอได้ยินหวงเสี่ยวหลงพูดว่าจะไม่ฆ่าเขา ฮูเฉิงก็รู้สึกมีความสุขอย่างลับๆ ในใจฮูเฉิงนั้นรู้สึกโล่งอกมาก ในความคิดของเขา เขานั้นเป็นถึงนายน้อยนิกายเก้าอสูร หวงเสี่ยวหลงจึงรู้สึกเกรงกลัว นั่นแหละเหตุผลที่หวงเสี่ยวหลงไม่กล้าฆ่าเขา พอคิดได้ถึงจุดนี้ ในใจของฮูเฉิงก็ได้มีจิตสังหารปะทุขึ้น รอจนกว่าพ่อของข้าและผู้เชี่ยวชาญแห่งนิกายเก้าอสูรมาถึงก่อนแล้วกัน ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างสาสมเป็นร้อยเป็นพันเท่าเลยคอยดู
หวงเสี่ยวหลงก็เย้ยหยันเมื่อสัมผัสได้ถึงความคิดในใจของฮูเฉิงผ่านดวงตาที่กระพริบแสงของฮูเฉิง เขาก็หัวเราะอย่างเงียบๆ จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ก้าวเข้าไปผนึกการบ่มเพาะของฮุเฉิงโดยใช้การฝังเข็ม จากนั้นเขาก็ลากฮูเฉิงกลับไปที่ศูนย์หลักนิกายพ่อมดนภา
พอถูกลากไปตามถนน ฮูเฉินก็ได้กรีดร้องออกมาเป็ฯระยะเนื่องจากส่วนร่างของเขาที่เละไม่มีชิ้นดีได้เสียดสีไปกับพื้นผิวถนน พอผ่านไปได้ไม่นานศิษย์นิกายพ่อมดนภาทั้งสองก็ได้ฟื้นจากอากรตกตะลึง จากนั้นเขาก็ได้รีบวิ่งไล่ตามหวงเสี่ยวหลง ศิษย์ทั้งสองนั้นต้องการหยุดหวงเสี่ยวหลงแต่กลับไม่มีความกล้าพอ
……
ห้องโถงศูนย์หลักนิกายเก้าอสูร
ฮูหานกำลังอยู่บนบัลลังก์ คิ้วเขาขมวดแน่น มันผ่านไปนานแล้วตั้งแต่หลินชวงและคนอื่นออกไป ทำไมพวกนั้นถึงยังไม่กลับมา?
คนที่นั่งอยู่ต่ำกว่าฮูหานก็คือหญิงงามอันทรงเสน่ห์ที่สีผิวบนมือนั้นราวกับเกาลัด แต่เล็บของเธอนั้นกลับยาวกว่าปกติอย่างเห็นไดชัด นอกจากนี้พวกมันยังมีสีเขียวราวกับหยก และเธอคนนี้ก็คือรองประมุขนิกายเก้าอสูณ ซูเหมยเหมย ความแข็งแกร่งของเธอนั้นเป็นรองเพียงแค่ฮูหาน
“ท่านประมุข ข้าว่าข้าควรจะไปดูสักหน่อย?”พอสังเกตเห็นสีหน้าของฮูหาน ซูเหมยเหมยก็อาสาไปดู หลินชวงและผู้อาวุโสอีกสามคนนั้นได้ใช้เวลานานเกินจนทำให้เธอสับสนเหมือนกัน
“ท่านประมุข ด้วยความแข็งแกร่งของหลินชวง ในเมืองปีศาจทมิฬแห่งนี้มีเพียงแค่เจียงเทียนหัวแห่งสถาบันกลืนกินโลหิตเท่านั้นที่จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้” ในขณะนั้น ผู้อาวุโสนิกายเก้าอสูรคนหนึ่งก็ได้ลุกขึ้นพูด “ดังนั้น ท่านประมุขและรองประมุขไม่จำเป็นต้องกังวลไป ข้าคิดว่าผู้อาวุโสหลินและคนที่เหลือก็คงจะกลับมาในไม่ช้า”
ฮาหานก็พยักหน้าเห็นด้วย ที่จริงแล้วนอกจากเขาและซูเหมยเหมย ในเมืองปีศาจทมิฬแห่งนี้ก็มีเพียงโตเหยินแห่งสถาบันกลืนกินโลหิตที่จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้หลินชวงได้ พอคิดถึงจุดนี้ ฮูหานก็ผ่อนคลายลง
อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้น ศิษย์นิกายเก้าอสูรก็ได้วิ่งเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบและกังวล พอเห็นสีหน้าของศิษย์คนนี้ ฮุหานก็ใจห่อเหี่ยว
ผู้อาวุโสทุกคนในห้องโถงนี้ต่างก็หันไปมองศิษย์คนนั้น
“ท่านประมุข แย่แล้ว!”ทันทีที่ศิษย์คนนั้นวิ่งเข้ามาในห้องโถง เขาก็ได้คุกเข่าและพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”ฮูหานก็แสดงสีหน้าเศร้าหมองไปพร้อมกับตะคอกใส่ศิษย์คนนั้น
“ท่านประมุขผู้อาวุโสหลิน พวกเขา พวกเขา พวกเขาถูฆ่าทั้งหมด!”ศิษย์นิกายเก้าอสูรคนนั้นก็พูดออกมาด้วยความหวาดกลัว
“ว่าไงนะ?!”มันราวกับเกิดระเบิดขึ้นกลางห้องโถง ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนกและสับสน ฮูหานและซูเหมยเหมยก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมา
“ลูกข้า ลูกข้าอยู่ที่ใหน?”ฮูหานก็กระโดดขึ้นจากที่นั่นและตะโกนออกมาอย่างโมโห
“นายน้อย เขาถูกคนๆนั้นพาตัวไป!”ศิษยนิกายคนนั้นก็พูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“ถูกพาตัวไป?”หลังจากนั้นฮูหานก็โล่งอก ถูกพาตัวไปหมายถึงลูกชายของเขายังมีชีวิต
“แต่ นายน้อย เขา เขา….”ศิษย์คนนั้นก็ลังเลที่จะอธิบายมากกว่านี้
“พูดมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกข้า?”ฮูหานก็หงุดหงิด
“ส่วนล่างของนายน้อย ส่วนล่างของนายน้อยถูกตอน”ศิษย์คนนั้นก็พูดออกมา
ส่วนล่างถูกตอน? ผู้อาวุโสในห้องโถงทุกคนต่างตกตะลึง แตะละคนได้แสดงสีหน้าที่ดูแปลประหลาดออกมา