Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 273
ผู้เชี่ยวชาญจากนิกายพ่อมดนภาและสถาบันกลืนกินโลหิตทั้งหมดยืนอยู่ในห้องโถงอย่างเป็นระเบียบ และลดเสียงหายใจให้เบาที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้….
หากในห้องโถงนี้มีเข็มตกคงได้ยินกันอย่างชัดเจน
เฉินเสี่ยวเทียนก็ยืน รายงาน “นายน้อย ตอนนี้ ประมุขนิกายเก้าอสูร ฮูหานได้สั่งการไว้ว่าเมื่อพวกมันเจอศิษย์นิกายพ่อมดนภาไม่ว่าคนใดก็ตาม พวกมันจะฆ่าทันที!”
“โห”ปฏิกิริยาของหวงเสี่ยวหลงนั้นสงบเงียบมากในขณะที่เขาใช้สายตากวาดมองฮูเฉิงที่อยู่ในห้องโถง แค่เพียงเหลือบมองธรรมดาก็ทำให้ฮูเฉิงตัวสั่นพร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษ
เฉินเสี่ยวเทียนนั้นก็ถอนตัวออกไปจากตรงนั้นหลังจากที่เขารายงานเรื่องราว จึงทำให้ห้องโถงแห่งนี้กลับมาเงียบสงบเหมือนเมื่อก่อน ทั้งนิกายพ่อมดนภาและสถาบันกลืนกินโลหิตนั้นรอคอยคำสั่งจากหวงเสี่ยวหลงอยู่
หวงเสี่ยวหลงก็เคาะนิ้วบนพนักพิงของบัลลังก์ เสียงเคาะนิ้วนั้นเอาบางได้ดังก้องไปทั่วห้องโถง
หวงเสี่ยวหลงนั้นสามารถยึดครองนิกายเก้าอสูรในตอนนี้ได้เลยอย่างไม่ต้องสงสัยแต่มันจะทำให้ชีวิตของเหล่านิกายพ่อมดนภาและสถาบันกลืนกินโลหิตต้องเสี่ยงชีวิตไปด้วย ดังนั้นแม้ว่าหวงเสี่ยวหลงจะยึดครองเมืองปีศาจทมิฬได้สำเร็จ แต่เมืองปีศาจทมิฬที่เขายึดครองนั้นจะอ่อนแอลงมากกว่าเดิม ถ้าหากศัตรูภายนอกโจมตีเมืองปีศาจทมิฬในเวลานี้หล่ะก็ มันคงจะยากที่เมืองปีศาจทมิฬจะต่อต้านผู้บุกรุก นี่แหล่คือสิ่งที่หวงเสี่ยวหลงไม่หวังให้มันเกิดขึ้น
อดทน เขาทำได้เพียงรออีกครึ่งเดือน
พลังจิตของหวงเสี่ยวหลงนั้นอยู่ในระดับวิชาเชิดหุ่นโบราณขั้นที่ 2 ในอีกครึ่งเดือน เขาจึงจะสามารถควบคุมผู้อาวุโสของนิกายเก้าอสูรที่อยู่ได้ทั้งหมด เมื่อเขาทำได้สำเร็จ มันก็จะถึงเวลาที่จะโจมตีนิกายเก้าอสูรและจัดการฮูหาน
ฮูเฉิงนั้นถือว่าตายไปแล้ว ดังนั้น ฮูหานจึงไม่สามารถปล่อยไว้ได้ ฮูหานนั้นจะต้องตาย สำหรับรองนิกายเก้าอสูร ซูเหมยเหมย ตราบใดที่เธอยอมจำนน หวงเสี่ยวหลงก็จะไว้ชีวิตเธอ
ครู่ต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ได้พูดกับเฉินเสี่ยวเทียน “ขังมันไว้ในเขาวงกตใต้ดิน”พร้อมกับชี้ไปที่ฮูเฉิง หลังจากหยุดชั่วครู่ เขาก็พูดต่อว่า “ อีกสองวัน ตัดแขนมันข้างนึงแล้วส่งไปให้ฮูหาน”
“ได้ขอรับ นายน้อย!”เฉินเสี่ยวเทียนและเจียงเทียนหัวก็ทำความเคารพ
“ไม่ ไม่ ไม่ อย่า ข้าขอร้อง! ไม่ว่าท่านต้องการอะไร นิกายเก้าอสูรของข้าสวามารถให้ท่านได้ทุกอย่าง อย่าตัดแขนข้าเลย!”ฮูเฉิงก็หน้าซีดราวกับคนตายเมื่อได้ยินคำสั่งของหวงเสี่ยวหลง เขาได้ร้องไห้ขอความเมตตา แต่ผู้อาวุโสพ่อมดนภาสองคนได้ลากฮูเฉิงคนละข้างออกไปจากห้องโถง
ฮูเฉิงก็พยายามจะตะเกียกตะกายกรีดร้องในขณะที่เสียงของเขาดังก้องไปทั่วจนในที่สุดก็หายไป
หวงเสี่ยวหลงได้หันกลับมาเฉินเสี่ยวเทียนและเจียงเทียนหัว “พวกเจ้าทั้งสอง จับตาการเคลื่อนไหวของนิกายเก้าอสูร แล้วมารายงานข้าทันทีที่มีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น”
“ได้ขอรับ นายน้อย!”
หวงเสี่ยวหลงได้ให้ภารกิจกับพวกเขาทั้งสองหลายอย่าง หลังจากนั้นเขาก็บอกให้ทุกคนออกไปได้ เมื่อในห้องโถงเหลือเขาแค่คนเดียว หวงเสี่ยวหลงก็ได้เข้าไปในวิหารซูมี่ เพื่อกลืนกินโอสถพุทธจักวาลแล้วบ่มเพาะ
2 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในวันนี้ หวงเสี่ยวหลงได้เตือนให้เฉินเสี่ยวเทียนตัดแงนข้างหนึ่งของฮูเฉิงแล้วส่งไปที่ศูนย์หลักนิกายเก้าอสูร
พอเห็นแขนของลูกชายตัวเองที่ถูกตัดเอามาส่งให้เขา ความโกรธของฮูหานก็เดือดพล่าน แต่เขากลับยังไม่สั่งการให้นิกายเก้าอสูรโจมตีศูนย์หลักนิกายพ่อมดนภา แต่ในหลายพื้นที่ของเมืองปีศาจทมิฬนั้นได้เกิดการปะทะฆ่าฟันระหว่างศิษย์นิกายเก้าอสูรและศิษย์นิกายพ่อมดนภา รวมกับความขัดแย้งระหว่างนิกายเก้าอสูรและสถาบันกลืนกินโลหิตครั้งก่อนห้านี้ เมืองปีศาจทมิฬนั้นได้ตกอยู่ความโกลาหลและมีเลือดหลั่งนองไปทั่ว
คนเดินเท้าบนถนนนั้นน้อยลงจนทำให้บรรยากาศในถนนราวกับอยู่ในทะเลทราย
10 วันผ่านไป
ในศูนย์หลักนิกายเก้าอสูร
“นี่คือสิ่งที่เจ้าบอกว่างั้นหรือ? นอกจากเด็กผมดำนั่นแล้ว ในนิกายพ่อมดนภานั้นไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นอีก?”ฮูหานที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็มองไปที่ผู้อาวุโสฟานไห่
ฟานไห่ก็ตอบออกมาอย่างเคารพ”นั่นถูกแล้วขอรับ ท่านประมุข ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ได้ตรวจสอบอย่างชัดเจน ภายในนิกายพ่อมดนภานั้นไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นอีก นอกจากนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้พบว่าเด็กนั่นถึงมาถึงดินแดนแห่งความโกลาหลเมื่อครึ่งปีก่อนด้วยขอรับ”
“พึ่งมาถึงดินแดนแห่งความโกลาหลเมื่อครึ่งปีก่อนงั้นหรือ!”ดวงตาของฮูหานก็เปล่งประกาย “เจ้าพูดว่าในดินแดนแห่งความโกลาหลนี้เด็กนี้ไม่มีคนสนับสนุนงั้นหรือ?”
ฟานไห่พยักหน้า “ใช่ขอรับ ท่านประมุข”
“เจ้าได้หาพบใหมว่าก่อนที่จะเข้ามาในดินแดนแห่งความโกลาหลนี้ เด็กนั่นมาจากตระกูลใหนและอาณาจักรอะไร?”ฮูหานก็ถามออกมาอย่างจริงจัง
“เรายังไม่พบขอมูลนี้เลยขอรับ”ฟานไห่ก็ตอบออกมา
ฮูหานก็พยักหน้า สิ่งที่เขากังวลที่สุดคือการที่เด็กนี่เป็นส่วนหนึ่งของขุมกำลังยักษ์ใหญ่ในดินแดนแห่งความโกลาหลนี้ แต่ตอนนี้เขาสามารถลงมือโดยไม่ต้องเตรียมการสำรองแล้ว
ไม่ว่าเด็กนี่จะมาจากอาณาจักรหรือตระกูลใหน มันก็ไม่สำคัญอะไร ดินแดนแห่งความโกลาหลนั้นมีกฏเป็ยของตัวเองแม้กระทั่งตระกูลทรงอำนาจจาก 3 ดินแดนหลักก็ยังไม่แหกกฏได้ตามที่ต้องการ
“ท่านประมุข เราควรจะทำอะไรดีตอนนี้?”ฟานไห่ก็ขยับเข้ามาใกล้และถามออกมาอย่างระมัดระวัง
ในดวงตาของฮุหานก็เปล่งประกายจิตสังหารออกมา “สั่งการไปว่าให้ผู้อาวุโสนิกายทั้งหมดยกเลิกหน้าที่ที่ทำแล้วมารวมตัวที่ห้องโถงหลักนี้ซะ”
ฟานไห่ก็รู้สึกมีความสุขเมื่อได้รับคำสั่งนี้ “ได้ขอรับท่านประมุข”เขารู้ว่าประมขุของเขานั้นในที่สุดก็จะลงกับนิกายพ่อมดนภา
….
ค่ำคืนนี้ดูเหมือนจะเงียบสงบ ในขณะที่ดวงจันทร์อันสว่างได้สาดแสงลงมาสู่พื้นดินอันมืดมิด
ได้มีร่างหลายร่างบินออกมาจากศูนย์หลักนิกายเก้าอสูรราวภูติยามราตรีที่มุ่งหน้าไปที่นิกายพ่อมดนภา
ในไม่นาน ร่างเงาทั้งหลายก็มุ่งหน้าไปถึงจุดหมายนั่นก็คือ––ศูนย์หลักนิกายพ่อมดนภา หนึ่งในร่างเงาก็ไดส่งสัญญาณมือ ทำให้ร่างเงาทั้งหลายแยกย้ายกันแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องโถงหลักของนิกายพ่อมดนภา
ระหว่างทางที่พวกเขาพบเห็นศิษย์นิกายพ่อมดนภา ศิษย์เหล่านั้นจะถูกฆ่าอย่างเงียบๆทันทีโดยไม่ทันทำอะไร ศิษย์นิกายพ่อมดนภานั้นล้มลงทีละคน ทำให้กลิ่นอายแห่งความตายหนาแน่นขึ้น ในไม่กี่วินาที ทั้งกลุ่มก็ได้ไปถึงประตูห้องโถงหลักของนิกาย
ณ ตอนนี้ หนึ่งในนั้นก็ได้พูดขึ้น “ท่านประมุข ครั้งนี้เฉินเสี่ยวเทียนจะต้องคิดไม่ออกแน่ว่าพวกเราจะจู่โมนิกายพ่อมดนภาอย่างไม่ทันตั้งตัว”
ชายคนหนึ่งได้หัวเราะออกมา “ใครจะรู้กัน บางทีเฉินเสี่ยวเทียนคงเล่นจ้ำจี้กับผู้หญิงอยู่ก็ได้ จากนั้น เมื่อพวกเราวิ่งเข้า บางทีมันอาจจะหวาดกลัวจนใส่กางเกงไม่ทันเลยก็ได้!”
พรรคพวกที่เหลือต่างก็หัวเราะออกมาอย่างค่อยๆ
ฮูหานก็หัวเราะเบาๆ ก่อนที่สายตาของเขาจะกลายเป็นเย็นชา “หลังจากนั้น ไว้ชีวิตใอ้เด็กผมดำนั้นกับเฉินเสี่ยวเทียนไว้ให้ข้า ฟานไห่ พวกเจ้าทั้งสี่คนไปพาฮูเฉิงออกมาจากคุกใต้ดินนิกายพ่อมดนภา”
“ได้ขอรับท่านประมุข”ฟานไห่ก็ตบออกมาด้วยความเคารพ
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน ฮูหานก็ได้สั่งการผู้อาวุโสคนอื่นให้ทำลายประตูห้องโถงหลักและให้ทุกคนเตรียมพร้อมวิ่งเข้า แต่จู่ๆซูเหมยเหมยก็ได้ตะโกนขึ้น “เดี๋ยว!”
ฮูหานและคนที่เหลือก็หยุดทันที
ซูเหมยเหมยก็พูดขึ้น “ท่านประมุข ข้าสัมผัสได้ว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ ไม่ใช่ว่าเราเข้ามาในศูนย์หลักนิกายพ่อมดนภาง่ายเกินไปงั้นหรือ?”ในระหว่างทาง พวกเขาไม่ได้เจอการต่อต้านอะไรเลยและทุกคนต่างก็เข้ามาในใจกลางนิกายพ่อมดนภาอย่างง่ายดาย
ฮูหานก็ขมวดคิ้วถึงเรื่องนี้
“รองประมุข เจ้าคิดมาเกินไป แผนการโจมตีของเราในครั้งนี้เป็นแบบสายฟ้าแลบ นอกจากนี้มันเป็นความลับระดับสูง มันเป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”ในตอนนั้น ผู้อาวุโสในกลุ่มก็หัวเราะขึ้น
ซูเหมยเหมยก็ไม่ได้โต้แย้ง
“พอ หลังจากวิ่งเข้าไป ฆ่าเกิงเคนก่อนและตามด้วยผู้อาวุโสที่เหลือ ตัดแขนตัดขาพวกมัน” ฮูหานได้สั่งการออกมา “แล้วถ้าหากมีสิ่งผิดปกติ ถอนตัวทันที!”
ผู้อาวุโสนิกายเก้าอสูรทั้งหมดก็ตอบรับทราบด้วยเสียงกระซิบอันเบาบาง
เพื่อจะไม่เสียเวลา ฮูหานจึงซัดประตูเปิดออกด้วยฝ่ามือแลพุ่งเข้าไปในห้องโถงด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
ด้านใน ฮูหานก็ได้ตรวจสอบรอบข้างแต่ห้องโถงนิกายพ่อมดนภานั้นดูว่างเปล่าและเหมือนถูกทิ้งร้าง