Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 277
2 วันต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ได้ออกเดินทางไปเมืองหมื่นเทวะคนเดียว เขาได้ทิ้งเจียงเทียนหัว เฉินเสี่ยวเทียนและซูเหมยเหมยไว้ปกป้องเมืองปีศาจทมิฬ เผื่อมีปัญหาเกิดขึ้น
หลังจากที่หวงเสี่ยวหลงออกจากเมืองปีศาจทมิฬไปได้ไม่นาน ในพื้นที่ที่ห่างจากเมืองปีศาจทมิฬไปหมื่นลี้ได้เกิดมิติผันผวนพร้อมกับมีร่างปรากฏออกมา ชายคนนี้ก็ไม่ใช่นอกจากเหยาเฟยแห่งตระกูล
เหยาเฟยได้ยืนอยู่กลางอากาศและพึมพำขึ้น “ตามข้อมูลของนิกายนักรบแห่งพระเจ้า ไอ่สารเลวนั้นได้เข้ามาในดินแดนแห่งความโกลาหล แต่ดินแดนแห่งความโกลาหลนั้นกว้างใหญ่ไพศาลหลายสายลี้ ทำให้ยากที่จะหาตัวมันพบ”
“ช่างมัน เนื่องจากไอ้สารเลวนั้นอยู่ที่นี่แน่นอน ข้าไม่เชื่อว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีพ้นเงื้อมมือของข้าไปได้!”
ร่างเงาของเหยาเฟยก็ได้พุ่งหายไป และผ่านไปไม่นานเขาก็ได้มาปรากฏตัวขึ้นในสนามรบที่หวงเสี่ยวหลงเคยมา
“ช่างเป็นเมฆจิตวิญญาณแห่งความตายที่หนาแน่นจริงๆ!”แม้กระทั่งเหยาเฟยยังทนไม่ไหวจนต้องอุทานออกมาในขณะที่ข้ามผ่านเมฆสีแดงที่รวมตัวอยู่บนท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม ในครู่ต่อมา ดวงตาของเขาทอประกายแสงแห่งความดีใจขึ้น ด้านหลังของเขานั้นได้มีแสงสีดำสว่างวาบขึ้นไปพร้อมกับร่างใหญ่โตปรากฏขึ้นมา ร่างนี้ได้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งผู้กดขี่ อสูรและความมืดมิดซึ่งมันก็คือ––จิตวิญญาณต่อสู้ระดับ 12 ขั้นสูง ทรราชแห่งความมืด
เมื่อทรราชแห่งความมืดปรากฏขึ้น มันได้อ้าปากดูดราวกับวาฬดูดน้ำ เมฆจิตวิญญาณแห่งความตายขดตัวราวกับพายุหมุนเข้าสู่ปากของมัน
ร่างดั้งเดิมที่เป็นสีดำสนิทก็ค่อยเปล่งแสงสีแดงโลหิตขึ้นทีละนิด ทำให้ทรราชแห่งความมืดดูชั่วร้ายมากกว่าเดิม แม้กระทั่งดูเกรี้ยวกราดและโอหังมากขึ้น
เมื่อผ่านไปครึ่งวัน เหยาเฟยก็หยุดดูดซับและเรียกทรราชแห่งความมืดกลับคืน
“ถ้าไม่ใช่เพราะข้าต้องตามหาไอ้สารเลวนั่น ข้าคงอยู่บ่มเพาะในสนามรบแห่งนี้ได้และพอผ่านไป 3 ปี ข้าก็คงสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะได้” ดวงตาของเขาเหยาเฟยนั้นได้เปล่งประกายจิตสังหารอันเข้มข้น “แต่มันก็ยังไม่สายเกินที่ไปจะไปตามหาและฆ่าไอ้สารเลวนั่นก่อน จากนั้นค่อยกลับมาฝึกที่นี่แล้วกัน!”ในขณะที่เขาพูดตบ เขาก็พุ่งบินไปทางเมืองปีศาจทมิฬ
2 ชั่วโมงผ่านไป เหยาเฟยก็ได้ไปถึงเมืองปีศาจทมิฬ
หลังจากเข้าเมืองปีศาจทมิฬ เหยาเฟยก็ได้เลือกเข้าโรงเตี้ยม เมื่อเขานั่งลงและกำลังจะกินนั้น เขาก็ได้ยินคนบนโต๊ะข้างๆพูด
“ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้ โรงประมูลเมืองหมื่นเทวะจะจัดการประมูลเคล็ดวิชาบ่มเพาะและเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์หล่ะ!”ชายวัยกลางคนที่สวมชุดลายกะโหลกก็อุทานขึ้น
“เคล็ดวิชาบ่มเพาะและเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์งั้นหรือ?!”ชายที่นั่งข้างเขานั้นก็ประหลาดใจขึ้นมา
“ใช่แล้ว เคล็ดวิชาระดับสวรรค์พวกนั้นก็คือเคล็ดวิชาบ่มเพาะหมื่นภานุภาพและเคล็ดวิชาต่อสู้ดัชนีทะลายวายุ!”
“มันคือเคล็ดวิชาบ่มเพาะหมื่นภานุภาพจริงๆงั้นหรือ? เคล็ดวิชาหมื่นภานุภานั้นเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เขาได้บ่มเพาะเมื่อ 3000 ปีก่อน! มีคนกล่าวไว้ว่าเมื่อมีคนบ่มเพาะเคล็ดวิชานี้ คนๆนั้นจะมีพลังพุทธะปกป้องร่างกายซึ่งมันเทียบได้การเป็นอมตะเลยหล่ะ และเคล็ดวิชาดัชนีทะลายวายุนั้นก็เป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของของตั้ว หมื่นภานุภาพศักดิ์สิทธิ์ หลายพันปีก่อน ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะนับไม่ถ้วนต่างตกตายเพราะดัชนีทะลายวายุของตั้ว หมื่นภานุภาพศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันทั้งสิ้น!
พอได้ฟังการพูดคุยจากโต๊ะข้างๆ เหยาเฟยก็โดนล่อลวงอย่างมาก การประมูลของเมืองหมื่นเทวะงั้นแล้วไง? สิ่งที่สนใจก็คือเคล็ดวิชาบ่มเพาะหมื่นภานุภาพและเคล็ดวิชาต่อสู้ดัชนีทะลายวายุต่างหาก!
เหยาเฟยยืนขึ้นและเดินไปที่โต๊ะข้างๆ จ้องมองชายวัยกลางคนในชุดลายกะโหลกแล้วถามออกมาว่า “เมืองหมื่นเทวะจะจัดการประมูลขึ้นเมื่อไหร่?”
.ชายวัยกลางคนในชุดคลุมลายกะโหลกก็มองเหย้าเฟยแล้วเย้ยหยัน “เด็กน้อย เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ข้าไม่ค่อยได้ยินเจ้า…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เหยาเฟยก็ได้บีบคอเขาและยกลอยขึ้น
“เจ้าได้ยินข้าไม่ชัดงั้นหรือ?”เหยาเฟยก็ถามออกมาอย่างเย็นชา
“ได้––ข้าได้ยิน ข้าได้ยินชัดเจน………..งานประมูลของเมืแงหมื่นเทวะจะเริ่มในอีก 28 วัน”ในดวงตาของชายวัยกลางคนก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวในขณะที่เขาพยายามพูดข้อมูลที่เหยาเฟยต้องการ
พอฟังจนชายคนนั้นพูดจบ เหยาเฟยก็เพิ่มแรงบีบ ด้วยการบิดข้อมือก็ได้ทำให้เกิดเสียงกระดูกหักขึ้น จากนั้นเหยาเฟยก็ได้โยนร่างของชายวัยกลางคนนั้นไปที่หัวมุมห้องของโรงเตี้ยม คอของชายคนนั้นโค้งงอและไม่มีเสียงลมหายใจเหลืออยู่เลย เห็นชัดว่าคอของเขานั้นถูกหัก
เหยาเฟยมองไปที่คนทั้ง4ที่นั่งโต๊ะเดียวกันกับชายวัยกลางคน พอเผชิญหน้าเหยาเฟย ทั้ง 4 คน ก็ถอยออกไปอย่างตื่นกลัว แต่เหยาเฟยนั้นหมดความสนใจในตัวพวกเขาหลังจากที่เขาฆ่าชายวัยกลางคนไปแล้ว เขาจึงหันตัวเดินออกไปและหายตัวไปในพริบตา พอออกจากประตูเมืองปีศาจทมิฬแล้ว เขาก็ได้เดินทางไปเป้าหมายต่อไปนั่นก็คือเมืองหมื่นเทวะ
“เคล็ดวิชาหมื่นภานุภาพ!”ในดวงตาของเหยาเฟยก็ได้เปล่งประกายเพลิงสีดำขึ้น จากที่เขารู้ คนที่สร้างเคล็ดบ่มเพาะวิชาหมื่นภานุภาพเมื่อ 3พันปีก่อนคือของตั้ว หมื่นภานุภาพศักดิ์สิทธิ์และเขายังเป็นคนที่มีจิตวิญญาณต่อสู้ธาตุมืด ด้วยเคล็ดวิชาหมื่นภานุภาพ การบ่มเพาะปราณฉีของเขานั้นคงเร็วมากขึ้นกว่าเดิม และวันที่เขาจะทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะนั้นก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ระดับเทวะ!
ดังนั้น ครั้งนี้ เขาจะต้องเอาเคล็ดวิชาบ่มเพาะหมื่นภานุภาพมาให้ได้! ไม่ว่าจะได้ด้วยการประมูลหรือวิธีอื่นก็ตาม
ในขณะที่เหยาเฟยกกำลังมุ่งหน้าไปเมืองหมื่นเทวะอยู่นั้น อีกด้านหนึ่งบนพื้นที่รกร้าง ก็ได้มีร่างหนึ่งกำลังบินอยู่ ซึ่งร่างนี้ก็คือหวงเสี่ยวหลงที่กำลังเดินทางไปเมืองหมื่นเทวะนั่นเอง
หวงเสี่ยวหลงได้บินตรวจสอบดินแดนรกร้างข้างล่างแล้วหยิบแผนที่ออกมาจากแขนเสื้อ
“ที่นี่น่าจะเป็นดินแดนรกร้างอำมหิต”หวงเสี่ยวหลงมองดูแผนที่แล้วพูดกับตัวเอง
แผ่นที่ดินแดนแห่งความโกลาหลนี้เป็นสิ่งที่หวงเสี่ยวหลงขอให้เจียงเทียนหัวเตรียมให้เขา แม้ว่ามันจะไม่ละเอียดมากนัก แต่มันก็มีเครื่องหมายบอกจุดสถานที่ที่สำคัญ ในหมู่สถานที่สำคัญนั้นก็คือดินแดนรกร้างอำมหิตแห่งนี้
ดินแดนรกร้างอำมหิตเป็นหนึ่งในสถานที่อันแปลกประหลาดของดินแดนแห่งความโกลาหล ตามตำนานได้กล่าวไว้ว่าเมื่อหลายแสนปีก่อน นั้นมีเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนดินแดนแห่งนี้ แต่เพราะการต่อสู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะทั้งสองทำให้เมืองถูกทำลาย และพวกเขาทั้งสองก็ได้ตกตายที่นี่ ผ่านไปแสนปี กระทั่งต้นหญ้าต้นเดียวก็ไม่สามารถงอกขึ้นที่นี่ได้
พอเก็บแผนที่ไป หวงเสี่ยวหลงก็มองท้องฟ้าที่กำลังมืดจากนั้นเขาก็ลงยืนบนเนินเขา ตอนนี้มันมืดแล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะพักที่นี่ในคืนนี้ก่อนที่จะเดินทางต่อในพรุ่งนี้
บนเนินเขา หวงเสี่ยวหลงได้ยกฝ่ามือขึ้นมาในขณะที่บนฝ่ามือนั้นเกิดแรงดูด ดูเอาไม้แห้งมารวมเป็นกอง จากนั้นเขาก็จุดไฟโดยการใช้นิ้วชี้ หลังจากก่อไฟ หวงเสี่ยวหลงก็ได้ใช้ความสามารถของจิตวิญญาณต่อสู้ ฟื้นฟูทันที ฟื้นฟูปราณฉีและปราณภายในที่ใช้ไปให้ฟื้นฟูกลับมาเต็มดังเดิม
ในขณะที่พลังของหวงเสี่ยวหลงเพิ่ม ความสามารถของจิตวิญญาณต่อสู้ทั้ง 3 ของเขานั้นก็แข็งแกร่งขึ้นไปพร้อมกับเขา
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ได้ใช้เวลาในการบ่มเพาะเคล็ดวิชาเทพอสูรและพระคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ในขณะที่มืดขึ้นเรื่อยๆ แสงจัดที่สาดส่องมานั้นทำให้เห็นทะเลหมอกเลือดที่ปลกคลุมทั่วพื้นที่ดินแดนรกร้างอำมหิต
ตั้งแต่ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะตกตายลงที่นี่ ผ่านไปหลายพันปี เมื่อถึงเวลากลางคืน ทะเลาหมอกสีเลือดนี้ก็จะปรากฏขึ้น ดังนั้นมันถึงชื่อว่าดินแดนรกร้างอำมหิต
“อีกครึ่งเดือน เมืองหมื่นเทวะถึงจะจัดการประมูลขึ้น”หวงเสี่ยวหลงก็คำนวลเวลา
การเดินทางไปเมืองหมื่นเทวะนั้นก็เพื่อหินจิตวิญญาณระดับ 1 เมืองแห่งนี้นั้นเป็นอนุสาวรีย์ของเผ่าเทวะที่เหลือทิ้งไว้ ในพื้นของเมืองหมื่นเทวะและรอบเมืองนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของผู้เชี่ยวชาญเผ่าเทวะ ซึ่งหวงเสี่ยวหลงนั้นต้องการไปเสี่ยงโชคและดูว่าเขาจะหาที่อยู่อาศัยของเผ่าเทวะเจอสักแห่งหรือไม่ ปกติแล้ว มันคงจะมีโอสถวิญญาณระดับ 10 หรือแม้กระทั่งโอสถวิญญาณระดับสวรรค์
พอคำนวณเวลาแล้ว การคัดเลือกศิษย์เข้านิกายนักรบแห่งพระเจ้านั้นเหลือเวลาไม่ถึง 3 ปี ความเร็วในการบ่มเพาะของหวงเสี่ยวหลงนั้นน่าตกตะลึงมาก แต่มันยังห่างไกลจาการทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะภายในกำหนดการ 3 ปี …..อย่างน้อยเข้าจะต้องโอสถวิญญาณระดับในตำนานหรือโอสถสวรรค์ถึงจะสามารถทำได้ตามกำหนดการ
แม้ว่าภายในพื้นรอบเมืองหมื่นเทวะนั้นจะมีมิติซ่อนเร้นของผู้เชี่ยวชาญเผ่าเทวะนับไม่ถ้วน แต่ผู้คนที่ค้นพบพวกนั้นได้น้อยมาก และโอกาสนั้นน้อยกว่าหนึ่งในพันเสียอีก
ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเสียงแหลมคมลอยเข้าหูหวงเสี่ยวหลง พอหันไปดู เขาก็มองเห็นคนสองคนกำลังบินมาทางเขาด้วยความเร็วสูง