Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 279
“ศิษย์น้องหก!”หลี่เฟยก็กรีดร้องออกมาในขณะพุ่งไปหาโจวเฉิง ซึ่งในเวลานั้นโจวเฉิงก็ได้กระอักเลือดใส่หลี่เฟย จากนั้นหัวของเขานั้นก็ก้มลงราวกับไร้ชีวิตไปพร้อมกับล้มลงพื้นไปอีกรอบ
หลี่เฟยก็เช็ดเลือกออกจากใบหน้า เธอรู้สึกเหนียวๆอุ่นๆบริเวณนิ้วมือ
“ศิษย์น้องหก ศิษย์น้องหก!”หลี่เฟยก็ตะโกนเรียกออกมาไม่รู้จบ แต่โจวเฉิงกลับไม่ตอบกลับมาเลยสักนิด
ห่างออกไป หวงเสี่ยวหลงนั้นกำลังเดินเข้ามาหาทั้งสอง
เสียงฝีเท้าของหวงเสี่ยวหลงทำให้หลี่เฟยกลับมาสนใจรอบข้าง จากนั้นเธอก็หันตัวไปมองหวงเสี่ยวหลงด้วยท่าทีที่สงบเสงี่ยมพร้อมกับสายตาที่หวาดกลัวและหวาดระแวง นั่นเพราะเธอนั้นเข้าใจในความแข็งแกร่งของโจวเฉิงดี แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย มันง่ายดายเกินไป! ไม่ต้องกล่าวถึงเธอ แม้กระทั่งอาจารย์ของเธอ ประมุขนิกายเงาภูติก็ยังไม่สามารถทำแบบนี้ได้
“เจ้า เจ้าต้องการอะไรกัน?”หลี่เฟยก็ตะคอกใส่หวงเสี่ยวหลงอย่างกล้าๆกลั่วๆในขณะที่เธอก้าวถอยหลังไปด้วย
“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภา เติงกวงเหลียงและตู่ซินงั้นหรือ?”หวงเสี่ยวหลงก็เยาะเย้ย
หลี่เฟยก็แข็งค่าง
“ความจริงแล้ว นิกายพ่อมดนภาและสถาบันกลืนกินโลหิตนั้นได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของข้า”หวงเสี่ยวหลงก็พูดต่อ
หลี่เฟยก็ยืนแข็งทื่อพร้อมกับดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจในความหมายของคำพูด “เจ้า เจ้าหมายถึง….!”
เจ้าเมืองปีศาจทมิฬคนใหม่นั้นคือเจียงเทียนหัวแห่งสถาบันกลืนกินโลหิต แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับบอกว่าสถาบันกลืนกินโลหิตและนิกายพ่อมดนภานั้นอยู่ภายใต้การปกครองของเขา นั้นก็หมายความว่าเจ้าของเมืองปีศาจทมิฬนั้นคือชายหนุ่มผมดำคนนี้งั้นหรือ?! เป็นไปไม่ได้!
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่มีข่าวลือการตายของประมุขนิกายเก้าอสูร ฮูหานและการเปลี่ยนแปลงเจ้าเมืองของเมืองทมิฬอย่างกระทันหันนั้นมันทำให้หลายขุมกำลังที่อยู่รอบเมืองปีศาจทมิฬต่างสางคนไปตรวจสอบเรื่องราวที่แท้จริงที่เกิดขึ้น อาจารย์ของเธอ ประมุขนิกายเงาภูติก็รู้สึกว่ามันมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และตอนนี้ ชายหนุ่มผมดำที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ได้พูดว่าทุกสิ่งที่ทุกอย่างนั้นเป็นฝีมือของเขาที่บงการอยู่เบื้องหลัง?!
หลี่เฟยนั้นก็ยอมรับความจริงที่ได้ยินนี้ไม่ได้
“เมืองปีศาจทมิฬนั้นได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของข้าแล้ว ต่อไปก็จะเป็นเมืองแม่น้ำโลหิต”หวงเสี่ยวหลงก็พูดเพิ่ม “แน่นอนว่า ตอนนี้ข้าจะให้ตัวเลือกแก่เจ้าสองตัวเลือก หนึ่งคือยอมจำนนแก่ข้า หรือสองตาย” ณ ตอนที่โจวเฉิงโจมตี หวงเสี่ยวหลงก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า หลังจากนี้ เป้าหมายในการยึดครองต่อไปของเขานั้นคือเมืองแม่น้ำโลหิต และเขาจะเริ่มวางรากฐานตั้งแต่อตอนนี้เป็นต้นไป
หวงเสี่ยวหลงนั้นได้วางแผนจะยึดครองนิกายเงาภูติก่อน พอทำสำเร็จแล้วมันก็จะช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินแผนส่วนต่อไปของเขา นั่นคือ –––การยึดครองนิกายเบญจพิษแห่งเมืองแม่น้ำโลหิต จริงๆแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของหวงเสี่ยวหลงพร้อมกับการสนับสนุนจากนิกายเงาภูติ การพิชิตและทำลายนิกายเบญจพิษนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่
พิชิต!
ตาย!
สีหน้าของหลี่เฟยก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เธอสามารถบอกได้ว่าชายหนุ่มผมดำคนนี้ไม่ได้พูดโกหก และเนื่องจากเขากล้าเปิดเผยความจริง นั่นก็แสดงว่าเขาไม่กลัวว่าเธอจะหลบหนี ถ้าหากเธอพยายามจะหลบหนี เธอคงจบชีวิตลงแบบศิษย์น้องหกของเธอ!
ดวงตาของเธอก็เหลือบไปมองศพของโจวเฉิงที่นอนอยู่บนพื้นโดยบังเอิญ….แต่ ถ้าหากเธอยอมจำนนหล่ะก็ งั้น….!
“เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอาจารย์ของเจ้า ไม่ช้าก็เร็วมันจะไม่ใช่เพียงอาจารย์ของเจ้า แต่รวมไปถึงทั้งนิกายเงาภูติและเมืองแม่น้ำโลหิตก็จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของข้า”หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมาขัดหลี่เฟยที่กำลังคิดอยู่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส
หลี่เฟยรนั้นมองดูหวงเสี่ยวหลง จากสีหน้าและน้ำเสียงของชายหนุ่มผมดำ เธอสัมผัสได้ถึงความมั่นใจที่จะปกครองทุกสิ่งอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นหวงเสี่ยวหลงนั้นก็ไม่ได้พูดไปมากกว่านี้ เขาทำเพียงแค่มองหญิงสาว มันคงจะดีที่สุดหากผู้หญิงคนนี้เต็มใจยอมจำนน มิฉะนั้นเขาคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฆ่าเธอ สำหรับหวงเสี่ยวหลงแล้ว การฆ่าเธอนั้นไม่ได้มีผลต่อการยึดครองเมืองแม่น้ำโลหิต มันก็แค่เหมือนกับตอนที่เขาค่อยๆเปลี่ยนผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาและผู้อาวุโสแห่งสถาบันกลืนกินโลหิตย้ายมาอยู่ฝั่งเขาอย่างไม่รีบร้อน ซึ่งมันจะทำให้เขามีเวลาไตร่ตรองในเรื่องต่างๆด้วย
หลังจากผ่านไปครึ่งธูป หลี่เฟยก็เปิดเผยทะเลปราณให้หวงเสี่ยวหลงทำการประทับตราจิตวิญญาณ เมื่อประทับตราจิตวิญญาณเสร็จหวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกโล่งอก ตัวตนของหลี่เฟยนั้นจะมีผลประโยชน์แต่แผนในการยึดครองนิกายเงาภูติในอนาคตของเขา
หลังจากนั้น หลี่เฟยก็ได้บอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอรู้เกี่ยวกับนิกายเงาภูติอย่างไม่ปิดบังข้อมูล ในหนึ่งชั่วโมงให้หลัง หลี่เฟยก็ได้พูดจบลง
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ข้อมูลที่หลี่เฟยได้เล่ามานั้นทำให้หวงเสี่ยวหลงเข้าใจสถานการณ์ภายในของนิกายเงาภูติอย่างชัดเจน นั่นก็คือประมุขนิกายเงาภูตินั้นมีการบ่มเพาะอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 เทียบได้กับฮูหานที่เป็นประมุขนิกายเก้าอสูรคนก่อน นอกจากประมุขนิกายแล้ว ก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ในขณะเดียวกันก็มีผู้ฝึกตนระดับเซียนขั้นกลางถึง 30 คน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือประมุขนิกายเงาภูตินั้นได้ฝึกกลุ่มหน่วยข่าวสารภูตผีแห่งความตาย รวมทั้งหมด 38 คน แต่ลพคนนั้นมีการบ่มเพาะอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 4 ขึ้นไป และคนที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมีการบ่มเพาะอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 สูง-ปลาย เมื่อตอนที่หวงเสี่ยวหลงได้สั่งการให้นิกายพ่อมดนภาและสถาบันกลืนกินโลหิตไปตรวจสอบนิกายเงาภูตินั้น ข้อมูลส่วนนี้ไม่ได้รวมอยู่ในนั้นด้วย
แต่ดูเหมือนว่าประมุขนิกายเงาภูติคนนี้จะมีนิสัยราวกับน้ำนิ่งไหลลึก (คนที่มีท่าทางเฉยๆ ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น แต่ภายในแล้วเป็นคนช่างคิด มีความคิดดีๆอยู่เสมอ ฉลาด) จากข้อมูลของหลี่เฟยขุมกำลังที่แท้จริงของนิกายเงาภูตินี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าขุมกำลังของเจ้าเมืองแม่น้ำโลหิตหรือก็คือนิกายเบญจพิษ หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ยังได้พบจากหลี่เฟยอีกว่านิกายเงาภูติและหุบเขาพายุนั้นได้จับมือเป็นพันธมิตรกันเพื่อต่อกรกับนิกายเบญจพิษ และตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในช่วงกลางของแผนการโจมตีในอีกไม่กี่วันเพื่อไปแทนที่ตำแหน่งเจ้าเมืองแม่น้ำโลหิตของนิกายเบญจพิษ
ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็เปล่งประกาย
“แล้วพวกเจ้ามาทำอะไรที่ดินแดนรกร้างอำมหิตนี้กันหล่ะ?”หวงเสี่ยวหลงก็ถามขึ้น
“ท่านอาจารย์สั่งให้พวกเรามาหาตาหคนที่ชื่อฟานเอ๋อเฉิง”หลี่เฟยก็ตอบออกมา “คนๆนี้มีชิ้นส่วนแผนที่ของหัวหน้าเผ่าเทวะที่ทิ้งไว้ตั้งแต่ยุคโบราณ”
“ชิ้นส่วนแผนที่ของหัวหน้าเผ่าเทวะที่ทิ้งไว้ตั้งแต่ยุคโบราณงั้นหรือ!”หวงเสี่ยวหลงก็ตกตะลึง
“ใช่แล้ว”หลี่เฟยก็พูดยืนยัน “นอกจากข้ากับศิษย์น้องหก ก็มีท่านอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่ และศิษย์น้องสามก็อยู่มาที่ดินแดนรกร้างอำมหิตนี้ พวกเราได้แยกกันไปคนละทิศทาง ท่านอาจารย์ไปคนเดียว ข้ากับศิษย์น้องหกจับกลุ่มเป็นทีมเดียวกันในขณะที่ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์น้องสามนั้นจับกลุ่มเป็นอีกทีม”
ชิ้นส่วนแผนที่ของหัวหน้าเผ่าเทวะที่เหลือทิ้งไว้! หวงเสี่ยวหลงแทบจะอดกลั้นความปลื้มปิติในใจไว้ไม่ได้ แผนที่นี้อาจจะเป็นที่แผนที่ที่บอกที่หลบซ่อนของพวกเขา นอกจากี้ เขาไม่คาดคิดว่าประมุขนิกายเงาภูติจะอยู่ที่นี่ด้วย!
ในตอนนี้ บริเวณเอวของหลี่เฟยก็ได้มีบางสิ่งบางอย่างสั่นไหวขึ้น จากนั้นเธอก็หยิบป้ายหยกขนาดเล็กออกมา
“ศิษย์พี่ใหญ่กำลังเรียกพวกข้า!”พอนำป้ายหยกขนาดเล็กออกมา หลี่เฟยก็เหลือบมองดูและรายงานหวงเสี่ยวหลง “มันจะต้องเป็นเรื่องที่ศิษย์พี่ใหญ่รู้ที่อยู่ของฟานเอ๋อเฉิงแล้วแน่เลย!”
“ไป พาข้าไปที่นั่นเดี๋ยว!”หวงเสี่ยวหลงก็ลุกขึ้นทันที
“ได้ขอรับ นายน้อย!”หลี่เฟยก็ออกเดินทางไปทางที่ศิษย์พี่ใหญ่ของเธอยู่โดยนำทางหวงเสี่ยวหลงไปด้วย
ทั้งสองคนได้วิ่งไปด้วยความเร็วสูงสุด และ20นาทีให้หลัง พวกเขาก็ได้มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่งที่สั่นไหวจากแรงผันผวนของพลังงานจากการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น
หวงเสี่ยวหลงและหลี่เฟยก็ได้บินเข้าไปในหุบเขาและรีบมุ่งหน้าไปตรงสถานที่ที่กำลังเกิดการต่อสู้ขึ้น พอเข้าไปใกล้สถานที่ที่กำลังเกิดการต่อสู้ หวงเสี่ยวหลงและหลี่เฟยก็ได้มาพบชายวัยกลางคนสองที่สวมชุดศิษย์นิกายเงาภูติกำลังโจมตีชายชราชุดเขียวอยู่
ศิษย์นิกายเงาภูติสองคนนี้จะต้องเป็นศิษย์พี่ใหญ่ เจี่ยตงและศิษยน้องสามหลิวฉงของหลี่เฟยอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ชายชราในชุดเขียวนั้นจะต้องเป็นฟานเอ๋อเฉิงอย่างแน่นอน
แค่เพียงเหลือบมองหวงเสี่ยวหลงก็สามารถบอกได้เลย แม้ว่าเจ่ายงตงและหลิวฉงจะโมตีพร้อมกัน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ฝ่ายที่ได้เปรียบ รวมไปถึงฟานเอ๋อเฉิงด้วย
พอได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ทั้งสามคนก็หันมามอง
“ศิษย์น้องหญิง!”
“ศิษย์พี่หญิง!”
พอเห็นว่าเป็นหลี่เฟย เจี่ยงตงและหลิวฉงก็ดีใจขึ้นมา แต่พวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อสังเกตเห็นตัวตนของหวงเสี่ยวหลง
ตอนที่ 279 สิ่งตกค้างจากผู้เชี่ยวชาญแห่งชนเผ่าเทวะโบราณ