Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 286
จินจงและเฉียงเหลียงก็เฝ้ามองท่าทางที่สงบเสงี่ยมของหวงเสี่ยวหลงอย่างสงสัยและไม่สั่งให้ศิษย์นิกายนักบุญพิษโจมตีด้วย
แต่ไม่กี่วิถัดมา จินจงก็เย้หยันออกมาทันทีแล้วพูดว่า “ไอ้สารเลวตัวน้อย เจ้าตบตาได้ดีจริงๆ ข้าจะดูว่าเจ้าจะแสดงสีหน้าใจเย็นนั่นได้อีกนานแค่ใหน!” จินจงก็โบกมือส่งสัญญาณให้เหล่าศิษย์นิกาย “ไปจับมัน!”
พอได้ยินคําสั่งของจินจง ศิษย์นิกายนักบุญที่ล้อมรอบอยู่ก็พุ่งเข้าไปหากลุ่มของหวงเสี่ยหลง
ด้วยการถูกดดันด้วยจํานวน ทําให้ฉินหยาง หลี่เฟย และคนที่เหลือทนไม่ไหวจนแตกตื่นขึ้นมา
แต่ในขระที่การโจมตีกําลังจะมาถึงตัวพวกเขา ก็ได้เกิดแสงสีเหลืองทองอันเจิดจ้าขึ้นเหนือหัวหวงเสี่ยวหลง และเมื่อมันหายไปนั้น ก็ได้ปรากฏ*มนุษย์*ยักษ์ 6 ตนรอยอยู่กลางอากาศ
หลังจากมนุษย์ยักษ์ทั้ง 6 ปรากฏขึ้นพวกมันก็ได้ใช้กําปั้นอันแข็งแกร่งซัดลงมาใส่ฝูงศิษย์นิกายนักบุญพิษที่พุ่งเข้า ซึ่งทําให้เกิดเสียงระเบิดขึ้นในหมู่ศิษย์ที่พุ่งเข้าโมตีหลายต่อหลายครั้ง
ศิษย์ที่ถูกโจมตีก็โดนแรงปะทะส่งลอยออกไปและกรีดร้องออกมากลางอากาศ อย่างไรก็ตามทุกคนที่ส่งลอยไปก็เงียบทันทีเมื่อพวกเขาพุ่งกระแทกพื้นดินห่างออกไปหลายร้อยเมตร นั่นเพราะพวกเขาไม่หายใจอีกต่อไปแล้ว
เหตุการณ์กลับพลิกด้านจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที
ฉินหยางและคนที่เหลือก็จ้องมองมนุษย์ยักษ์ทั้ง 6 ที่ปกป้องกลุ่มของหวงเสี่ยวหลง แม้กระทั่งจินจงและเฉียงเหลียงก็เฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อย่างมึนงงจากนั้นเขาก็จ้องมอง*คน*ยักษ์ทั้ง 6 ที่ดูเหมือนจะถูกเคลือบด้วยชั้นสีทองอย่างมึนงง
“นี่ นี่มันเผ่า เผ่ายักษ์ทองคํา?!” ก็ได้มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของจินจง ทําให้เขาทรนไม่ไหวจนอุทานออกมาด้วยความตกใจถึงขีดสุด
เผ่ายักษ์ทองคําแห่งยุคโบราณ?
ดวงตาของเฉียเหลียงก็เบิกกว้างไปด้วยความตกใจเหมือนกัน เขาไม่อยากจะเชื่อในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า จากนั้นเขาก็พูดตะกุกตะกักออกมา “ผะ-เผ่ายักษ์…เผ่ายักษ์ทองคําแห่งยุคโบราณ?! ไม่ใช่ว่าเผ่ายักษ์ทองคําสูญพันธุ์ไปหมดแล้วหรือไง?”
ในหมู่เผ่าพันธุ์อันยิ่งใหญ่ในยุคโบราณ ตอนนี้มีเหลือเพียงแค่เผ่าเอลฟ์และเผ่าคนแคระที่เหลืออยู่ เผ่าอื่นๆนั้นได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว
แล้วสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้ามันคืออะไรกัน?
พวกเขาก็ใช้สายตาอันตกตะลึงของพวกเขาหันไปมองหวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็พูดยอมรับอย่างเย็นชา “เผ่ายักษ์ทองคํานั่นหน่ะถูกแล้ว แต่ที่ถูกที่สุดคือ เจ้าพวกนี้หน่ะเป็นหุ่นเชิดเผ่ายักษ์ทองคําต่างหาก”
“หุ่นเชิดเผ่ายักษ์ทองคําโบราณ!”จิงจงและเฉียงเหลียงก็ตะโกนออกมาพร้อมๆกัน ในตอนนั้นเอง ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้แล้วไพ่ตายของหวงเสี่ยวหลงคืออะไร
หุ่นเชิดเผ่ายักษ์ทองคําโบราณทั้ง 6 ตัวนี้ก็คือหุ่นเชิดที่หวงเสี่ยวหลงพบในเจดีย์หลิงหลงชั้นที่ 3 ในหลายเดือนมานี้ ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงบ่มเพาะเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณและบัญญัติวิญญาณ เขาก็ได้ควบคุมหุ่นเชิดเพิ่มเป็น 6 ตัว
หุ่นเชิดยักษ์อันแข็งแกร่งทั้ง 6 ตัวนี้ ตัวที่อ่อนแอที่สุดนั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ชั้นต้น ในขณะที่ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ชั้นกลาง ซึ่งมันมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 ชั้นต้น นอกจากนี้ หุ่นเชิดพวกนี้ก็มีความสามารถในการต้านทานพิษด้วย นั่นแหละคือเหตุผลที่หวงเสี่ยวหลงไม่ได้สนใจศิษย์นิกายนักบุญพิษพวกนี้เลย
คนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ศิษย์นิกายนักบุญพิษนั้นคือผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 และส่วนใหญ่ในหมู่ศิษย์นั้นมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 4 และขั้นที่ 5 ศิษย์ที่มีระดับบ่มเพาะสูงๆนั้นมีไม่มากนัก
ในไม่กี่ลมหายใจ หุ่นเชิดเผ่ายักษ์ทองคําโบราณทั้ง 6 ก็ได้ซัดหมู่ศิษย์นิกายลอยออกไป จากนั้นดวงตาของพวกมันก็เปล่งแสงออกมาพร้อมกับหมุนร่างโจมตีใส่หมู่ศิษย์นิกายพวกนั้นอีกครั้ง
ศิษย์นิกายที่เหลือต่างก็ตื่นตระหนก ในขณะนั้นพวกเขาก็ใช้ทั้งแขนและขาพยายามจะป้องกันและตอบโต้ไปในเวลาเดียวกันโดยบางคนใช้ยาพิษและบางคนดึงดาบออกมานั้น
จากนั้นก็ได้มีดาบอันคมกริบเฉือนใส่หุ่นเชิดเหล่านี้ซึ่งทําให้เกิดเสียงปะทะดังก้องไปทั่วแต่สิ่งที่ศิษย์หวาดนิกายนักบุญพิษนั้นหวาดกลัวคือ พวกเขาพบว่าการโจมตีท่าพวกเขาใช้ดาบฟันอย่างเต็มแรงนั้นทําได้เพียงทิ้งรอยสีขาวบนร่างหุ่นแค่นั้น และการกัดของเหล่าแมลงพิษนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเกาเบาๆให้หุ่นเหล่านี้อีกต่างหาก การโจมตีทั้งหมดนั้นเรียกได้ว่าไม่มีผลเลย
ผลลัพธ์ที่น่ากลัวนี้ทําให้ศิษย์นิกายนักบุญหลายคนไม่รู้ว่าพวกเขาจะทํายังไงดี
แม้ว่าขนาดของหุ่นพวกนี้จะใหญ่มาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะช้า ศิษย์นิกายนักบุญพิษหลายคนต่างก็ถูกซัดลอยไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
ร่างกายของหุ่นเชิดพวกนี้นั้นแข็งแกร่งมากและกําปั้นของพวกมันนั้นยังแข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้าเสียอีก ศิษย์นิกายนักบุญพิษส่วนใหญ่ที่ถูกมันซัดด้วยหมัด อวัยวะของพวกเขานั้นแหลกเป็นเสี่ยงๆจากแรงหมัดที่ได้รับ
พอเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า จินจงและเฉียงเหลียงก็ตกตะลึงและโมโหไปพร้อมๆกัน
ที่ตกตะลึงก็เพราะการป้อง พลังและความทนทานของหุ่นยักษ์เหล่านี้ แต่ที่โกรธเพราะศิษย์ของพวกเขานั้นช่างอ่อนแอและเปราะบางเมื่ออยู่ต่อหน้าหุ่นยักษ์พวกนี้
“ไม่ต้องสนใจหุ่นเชิดยักษ์พวกนั้นแล้วเข้าไปฆ่าพวกมันซะ!”เฉียเหลียงชี้นิ้วไปที่กลุ่มของหวงเสี่ยวหลงอย่างโมโห
ศิษย์นิกายนักบุญพิษก็ตอบสนองต่อคําสั่งไปทีละคนจากนั้นพวกเขาก็หลีกหนีหุ่นเชิดพวกนั้นแล้วเล็งการโจมตีทั้งหมดใส่ฉินหยาง หลี่เฟย เจี่ยตง และฟานเอ๋อเฉิง
แต่ศิษย์นิกายนักบุญพิษจากเดิม 50 ถึง 60 คนนั้นเหลือรอดไม่ถึงครึ่ง ซึ่งสําหรับกลุ่มฉินหยางแล้ว จํานวนขนาดนี้ไม่นับว่าเป็นภัยคุกคามเลยด้วยซ้ำ
คราวนี้ ฉินหยาง หลี่เฟยและอีกสองคนได้พุ่งเขาหาหมู่ศิษย์นิกายนักบุญพิษเหล่านั้น
พอเห็นเรื่องนี้ หวงเสี่ยวหลงที่ควบคุมหุ่นเชิดอยู่ก็ได้ควบคุมให้พวกมันโจมตีศิษย์นิกายนักบุญพิษต่อไปในขณะเดียวกันเขาก็ได้สั่งการหุ่นเชิดสองตัวที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 วิ่งเข้าไปหาจินจงและเฉียงเหลียง สําหรับผู้อาวุโสนิกายนักบุญพิษอย่างจินจงแลเฉียงเหลียงนั้น ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นนับได้ว่าไม่ได้อ่อนแอ โดยที่จินจงมีความแข็งแกร่งที่อยู่ที่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8ชั้นกลาง และเฉียงหลียงนั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 ชั้นสูง
แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นจะมากกว่าหุ่นเชิดพวกนี้และการโจมตีของพวกเขาแต่ละครั้งก็สามารถผลักดันหุ่นเชิดถอยกลับไปได้ แต่มันก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้พวกมันได้อยู่ดี หุ่นเชิดยักษ์ทั้งสองตัวนี้ไม่ได้มีความรู้สึกเจ็บปวดสักนิด หากพวกมันถูกผลักถอยไป พวกมันก็แค่วิ่งเข้าใส่เรื่อยไปเรื่อยๆ ยิ่งจินจงและเฉียงเหลียงต่อสู้กับหุ่นเชิดพวกนี้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกโมโหและหงุดหงิด
ในไม่ช้า จินจงก็ได้ซัดฝ่ามือเข้าใส่หุ่นเชิดที่เขาสู้ด้วย เขาก็อาศัยโอกาสนี้วิ่งไปข้างหน้าแล้วซัดฝ่ามือใส่หวงเสี่ยวหลง “เฉียงเหลียง เจ้ายื้อหุ่นเชิดยักษ์พวกนี้ไว้ เดี๋ยวข้าฆ่าไอ้สารเลวนั่นน้อง!”
ในที่สุดจินจงก็ตระหนักได้ว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นเป็นคนควบคุมหุ่นเชิดพวกนี้ การฆ่าหวงเสี่ยวหลงนั้นคือการกําจัดปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสําหรับพวกเขา เฉียงเหลียงเองก็สังเกตเห็นเรื่องนี้เหมือกัน
หวงเสี่ยวหลงที่ยืนอยู่จุดเดิมได้เฝ้ามองผู้อาวุโสนิกายนักบุญพิษ จินจง เข้ามาโจมตีเขาด้วยฝ่ามือ ทําให้เขายิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันขึ้นมาทันที
ตัดสินจากสีหน้าของผู้อาวุโสนิกายนักบุญพิษคนนี้ จินจงผู้นี้คิดว่าการเข้ามาจัดการเขามันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?
ดูภายนอก หวงเสี่ยวหลงนั้นเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7เท่านั้น
เมื่อระยะระหว่างหวงเสี่ยวหลงและผู้อาวุโสจินจงเหลือไม่มา ทันใดนั้นก็ได้มีหมอกอสูรสีดําปกคลุมหวงเสี่ยวหลง ซึ่งหมอกนี้ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารราวกับน้ำทะลักออกมารอบด้าน
กลิ่นอายสังหารที่พุ่งกระจายออกมาอย่างแบพลันทําให้ใจของจินจงถึงกับสั่นไหวไปด้วยความไม่สบายใจ เขาจึงเลิกโจมตีอย่างรวดเร็ว ในครูต่อมาก็ได้มีปีกสีดําสนิทโผล่ขึ้นมาจากแผ่นหลังของหวงเสี่ยวหลงพร้อมกับมีอักษรรูนสีแดงดําสลักอยู่บนผิวของปีก อักษรรูนสีแดงดํานั้นมีพลังงานลึกลับที่ทําให้คนรอบข้างต่างใจเต้นไปด้วยความหวาดกลัว
และผมของหวงเสี่ยวหลงปลิวไสวไปมาโดยไม่สนแรงโน้มถ่วงและกลายเป็นสีขาวในขณะที่ดวงตาของเขานั้นได้กลายเป็นสีแดงเข้ม
“นี่มัน..?!”เมื่อจินจงและเฉียงเหลียงที่ยืนอยู่ไม่ไกลเห็นการแปลงร่างของหวงเสี่ยวหลง กระทั่งคําว่า *ตกตะลึง*ก็ยังไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ของพวกเขาได้เลย
และก่อนที่พายุที่เกิดจากการแปลงร่างของหวงเสี่ยวหลงจะหายไปนั้น ก็ได้มีเสียงมังกรคํารามขึ้นมา ในชั่วพริบตาต่อมาพวกเขาก็ตกตะลึงที่มีมังกรดํายักษ์ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหวงเสี่ยวหลง
“มังกรดํา…จิตวิญญาณต่อสู้!”จินจงและเฉียงเหลียงก็ตกตะลึง
การปรากฏตัวของมังกรดํายักษ์ได้ดึงดูดความสนใจของศิษย์นิกายนักบุญพิษที่อยู่รอบข้าง
พออัญเชิญมังกรดออกมา หวงเสี่ยวหลงก็ทําการเปลี่ยนวิญญาณทันที จากนั้นก็ได้มีเกล็ดสีดำอันสว่างใสวครอบคลุมแขน หน้าอก ขา และร่างกายส่วนที่เหลือของเขา จากนั้นแขนของเขาก็ใหญ่ขึ้นพร้อมกับมีนิ้วมือทั้งสิบของเขาที่เปลี่ยนไปราวกับกรงเล็บมังกร ในตอนนั้นกลิ่นอายมังกรที่หวงเสี่ยวหลงนั้นปลดปล่อยออกมาก็เพิ่มขึ้นจนทะยานขึ้นสูงท้องฟ้า
ก่อนที่จินจงที่หายตกตะลึง หวงเสี่ยวหลงก็ได้ลงมือเคลื่อนไหว ซัดฝ่ามืออกไป ฝ่ามือพุทธปฐพี
จากนั้นก็ได้มีพระพุทธรูปปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมส่องสว่างรัศมีพุทธะไปทั้งสี่ทิศทาง
จินจงที่หายตกใจนั้นก็พยายามถอยหนีอย่างหมดหวังในขณะที่เดียวกันเขาก็ได้เรียกจิตวิญญาณต่อสู้ออกมา จากนั้นก็ได้มีร่างยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหลังของจินจงซึ่งร่างนี้ไดถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งราวกับคริสตัลที่เรืองแสงสีเขียวราวกับภูติผี
นี้ก็คือจิตวิญญาณต่อสู้ของจินจง ปีศาจวิญญาณธารน้ำแข็ง