Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 299
Invicinble – โลกอมตะ ตอนที่ 299 กันน้ําพุหนาวเย็น
“เจ้าอยู่ตรงนี้ ส่วนข้าจะลงไปดูเอง”เฟิงกงก็พูดออกมาอย่างจริงจัง
“ได้ขอรับ ท่านอาจารย์”ไต่ลี่ก็ตอบออกมาอย่างเคารพ
โดยไม่ชักช้า เฟิงกงก็ได้กระโดดลงไปในพริบตา จากนั้นเขาก็หมุนเวียนปราณเพื่อทําการลดความเร็วในหล่นลงไปในหุบเหวอย่างช้าๆ
ยิ่งเขาลงลึกไปมากเท่าไหร่ สายลมหนาวเย็นสีฟ้าก็ยิ่งพัดขึ้นมาเยอะขึ้นและบ่อยมากขึ้นเหมือนกับที่หวงเสี่ยวหลงได้พบ พอลงผ่านไปหลายร้อยเมตร เฟิงกงก็ถูกบังคับให้เรียกจิตวิญญาณต่อสู้ออกมาซึ่งจิตวิญญาณของเขาก็คือแมงปองปีศาจหกเขาจากนั้นเขาก็ได้ทําการรวมร่าง
อย่างไรก็ตามพอผ่านไปถึง1500 เมตร เฟิงกงก็ไม่สามารถต้านทานต่อความหนาวเย็นสุดขั้วได้เขาจึงได้กลับขึ้นบนหน้าผา
พอเห็นอาจารย์ของตัวเองกลับขึ้นมา ไต่ลี่ก็รีบเข้าไปถามด้วยความระมัดระวัง “ท่านอาจารย์เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
เฟิงกงก็ส่ายหัวแล้วพูดออกมาว่า “ลมหนาวเย็นที่พัดขึ้นมาจากก้นหลุมมันรุนแรงเกินไปเลยทําให้ข้าไม่มีทางลงไปถึงด้านล่างได้” จากนั้นเขาก็เขย่าร่างกายเพื่อขับลมไล่หนาวเย็นที่แทรกซึมเข้าสู่ร่างของเขา และเฟิงกงก็ได้รีบเอาโอสถชนิดหนึ่งออกมาแล้วกินลงไปพร้อมกับทําการไหลเวียนปราณฉี หลังจากทําแล้วเขาจึงสามารถสกัดกั้นผลกระทบจากลมหนาวเย็นสีฟ้า
ไต่ลื่นั้นตกใจในที่คําพูดของอาจารย์ของเขาอย่างเห็นได้ชัดเจน เขารู้ดีว่าอาจารย์ของเขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลาย! คนอย่างอาจารย์ของเขาที่อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะบรรลุระดับเทวะกลับไม่สามารถลงไปถึงก้นหุบเหว!
พอสังเกตเห็นสีหน้าของศิษย์ตัวเอง เฟิงกงก็อธิบายออกมาว่า “ความจริงแล้ว มีผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะหลายคนต่างพยายามลงไปก้นหุบเหวแห่งภูเขาช่องว่างเสือใจสลายแต่ไม่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ในช่วง 2000ปีมานี้กลับ ข้ากลับไม่เคยได้ยินว่ามีใครสามารถลงไปถึงก้นหุบเหวได้เลยสักคน”
“แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะก็ยังไม่สามารถลงไปก้นหุบเหวได้งั้นหรือ?”ไต่ลี่ก็รู้สึกตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องนี้
เฟิงกงก็พยักหน้า “ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกันแต่หลังจากเมื่อกี้ข้าได้ลงไป ดูเหมือนว่าข่าวลือพวกนั้นจะเป็นเรื่องจริง”
“แต่ท่านอาจารย์ แล้วเสียงคํารามมังกรที่ก้นหุบเหว…”ไต่ลี่ก็ถามขึ้น
เฟิงกงก็พูดด้วยน้ําเสียงจริงจัง “เมื่อหลายหมื่นปีก่อน ในโลกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเรามังกรบรรพกาลเทวะนั้นได้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว เสียงคํารามมังกรนั้นคงไม่ได้เป็นของมังกรตัวจริงมันอาจจะเป็นสมบัติซะมากกว่าอีก เราจะอยู่ที่นี่กันสักพักเพื่อยืนยันว่าก้นหุบเหวนั้นมีสมบัติล้ําค่าถือกําเนิดหรือไม่”
แต่ทว่าที่กันหุบเหว หวงเสี่ยวหลงนั่นกําลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างบ่อน้ําพุหนาวเย็นและดู ดซับพลังวิญญาณธรรมชาติจากปลาพลังวิญญาณทางธรรมชาติที่เขากลืนลงไป แม้ว่าจะผ่านไป 5 วันแล้วแต่พลังวิญญาณในร่างของเขานั้นกลับยังคงหนาแน่นอยู่เหมือนเดิม และยังได้เกิดการไหลเวียนของอากาศรอบตัวหวงเสี่ยวหลงขึ้นซึ่งมันได้รวมตัวกันกลายเป็นพายุพลังงานซึ่งในตาพายุนั้นมีแสงสีม่วงเข้ม สีฟ้า สีอําพันและสีทองเปล่งประกายขึ้นไม่รู้จบ
พายุพลังงานนี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นทุกๆนาที
บนผิวหนังของหวงเสี่ยวหลงนั้นได้มีคลาบสีดําปรากฏขึ้นมา และพวกมันก็คือสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในร่างกายซึ่งได้ถูกขับออกมา
ครึ่งเดือนผ่านไป
พายุพลังงานที่มีหวงเสี่ยวหลงอยู่ใจกลางพายุนั้นก็ได้ขยายใหญ่จนสูงถึง 10 จางพร้อมทั้งส่งเสียงลมกรรโชกออกมาในขณะที่มันหมุนตัวด้วยความเร็วสูง
หลังจากผ่านไปมากกว่า 20 วัน พายุพลังงานที่ปกคลุมรอบตัวหวงเสี่ยวหลงนั้นจู่ๆก็หยุดลงซึ่งแตกกระจายออกมาราวกับฟองน้ําและหายไป จากนั้นได้ปรากฏร่างอันทึกบินของหวงเสี่ยวหลงที่อยู่ใจกลาง
ในตอนนี้ ชุดที่หวงเสี่ยวหลงได้ใส่มานั้นก็ได้ถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆกระจายอยู่รอบๆ ทําให้เผย ให้ให้รูปร่างของหวงเสี่ยวออกมาอย่างชัดเจน กล้ามเนื้อของหวงเสี่ยวหลงนั้นราวกับรูปปั้นแกะสลักที่ถูกแกะสลักด้วยรูปทรงอันสมบูรณ์แบบพร้อมกับใบหน้าที่ถูกสลักเข้าคู่กับกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์แบบของเขา และยังมีดูดวงตาที่ดุจดั่งจักวาลอันกว้างใหญ่พร้อมกับคมคิ้วดุจดั่งกระบี่
ผ่านไป 20 กว่าวัน ในที่สุดหวงเสี่ยวหลงก็ดูดซับพลังวิญญาณจากปลาพลังงานวิญญาณทางธรรมชาติ 1 ตัวได้จนหมด พอตรวจสอบร่างกายด้วยสัมผัสวิญญาณ หวงเสี่ยวหลงก็พบว่าการบ่มเพาะปราณฉีของเขานั้นได้บรรลุมาถึงระดับเซียนเทียนขั้นที่ 9ชั้นสูงสุด ซึ่งเขาสามารถมองเห็นได้ว่าเขาสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ เส้นลมปราณและเส้นเลือดของเขานั้นก็แข็งแรงและใหญ่ขึ้นกว่าเดิมซึ่งเลือดที่ไหลเวียนไปตามเส้นเลือด ไขกระดูกและเลือดเนื้อของเขาดูเหมือนจะเปล่งรัศมีสีเหลืองทองออกมาด้วย เขารู้สึกว่าร่างกายเบามากขึ้นกว่าเดิมและรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขานั้นชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม
“ผลประโยชน์จาการดูดซับปลาพลังงานวิญญาณทางธรรมชาตินี่มันน่าอัศจรรย์จริงๆ หวงเสี่ยวหลงก็อุทานขึ้นในใจ หลังจากบ่มเพาะด้วยปลาพลังงานวิญญาณทั้งสองตัวแล้วร่างกายของเขาหวงเสี่ยวหลงก็แข็งแกร่งขึ้นและทรงพลังมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงจิตวิญญาณของเขานั้นก็แข็งแกร่ งขึ้นด้วย ซึ่งมันทรงพลังถึงขนาดที่เขาสัมผัสได้ว่าวิชาเชิดหุ่นโบราณของเขานั้นใกล้จะพัฒนาเข้าสู่ ขั้นที่ 4แล้ว
หวงเสี่ยวหลงก็ทําใจเย็นลงแล้วเอาเสื้อใหม่ออกมาจากแหวนเทพอสูรแล้วสวมใส่ จากนั้นเขาก็เอาเจดีย์หลิงหลงออกมาแล้วทําการดูดปลาวิญญาณทางธรรมชิตตัวที่ 2 เข้ามาในเตาพันอสูรแล้วเปิดใช้งานข่าอาคมหวนคืนสู่สวรรค์และปฐีเพื่อขับไล่ธาตุหนาวเย็นออกไป
20วันต่อมา
ในช่วง 20 วันที่ผ่านไปนั้น หวงเสี่ยวหลงได้ทําการดูดซับปลาพลังงานวิญญาณตัวสุดท้ายและในที่สุดเขาก็ทะลวงเข้าสู่ระดับเวียนเทียนขั้นที่ 10
แม้ว่ามันจะเป็นแค่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นต้น ความแข็งแกร่งของหวงเสี่ยวหลงนั้นก็มากกว่าผู้ฝึกตนปกติในระดับเดียวกันเสียอีก แม้ว่าเขาจะไม่รวมรางกับจิตวิญญาณมังกรคู่ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้น 10 ที่ชั้นสูงก็ยังได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจาการรับหมัดจากเขา
แต่ก่อนที่เขาจะลงมาที่หุบเหวนี้ หวงเสี่ยวหลงนั้นยังมีการบ่มเพาะอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7อยู่เลย แต่หลายเดือนต่อมาเขาก็ได้ทะลวงข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 เขานั้นรู้สึกประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้จริงๆ
หวงเสี่ยวหลงก็ยืนขึ้นและใช้สายตาตรวจสอบรอบๆหุบเหวนี้พร้อมกับใช้สัมผัสวิญญาณกระจายออกไป อยู่ที่นี่มาหลายเดือน หวงเสี่ยวหลงได้ตรวจสอบพื้นที่ส่วนใหญ่แล้วแต่เขากลับไม่พบสถานที่ที่เรียกเป็นที่อาศัยของผู้ฝึกตนของเผ่าเทวะโบราณเลยสักแห่ง
หรือว่าผู้ฝึกตนเผ่าเทวะพวกนั้นจะไม่ได้บ่มเพาะในหุบเหวนี้?
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงกระจายสัมผัสวิญญาณออกไป ก็ได้มีพลังงานอันอ่อนแอกระ เพื่อมออกมาจากก้นบ่อน้ําพุหนาวเย็น แม้ว่ามันจะอ่อนแอ แต่หวงเสี่ยวหลงตรวจพบทันทีทีพลังงานเหล่านั้นกระเพื่อมออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็ใช้สายตาจดจ้องไปที่บ่อน้ําพุหนาวเย็น หรือว่าจะมีสิ่งซ่อนเร้นอยู่เบื้องล่างของน้ําพุแห่งนี้?
พอครุ่นคิดสักพัก หวงเสี่ยวหลงจึงตัดสินใจลงไปน้ําพุหนาวเย็นแล้วตรวจสอบดู เขาจึงได้เอาหุบเขาเทวะซูมออกมาทันทีพร้อมกับหายตัวเข้าไปข้างใน จากนั้นเขาก็สั่งกาหรหุบเขาเทวะจากข่ายอาคมพระพุทธสิบองค์ให้ลอยลงไปในบ่อน้ําพุหนาวเย็น
พอหุบเขาเทวะซูมจมลงไปแล้ว สิ่งที่เขาเห็นนั้นมีเพียงน้ําสีฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุด
และไม่มีสิ่งอื่นใด
พอลงไปลึกว่านั้นอีก เขาก็ได้ลงมาถึงก้นบ่อ แต่นอจากทรายและโคลน มันก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีกหวงเสี่ยวหลงก็ขมวดคิ้ว เขามั่นใจว่ามีการผันผวนของพลังงานเกิดขึ้นมาจากข้างล่างนี้แล้วมันจะไม่มีสิ่งใดได้อย่างไร
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงควบคุมหุบเขาเทวะซูมให้สํารวจลึกต่อไปนั้น ก็ได้มีพลังงานอันพลุ่งพล่านปะทะใส่ ทําให้หุบเขาเทะวซูมีส้นไหว
เกิดอะไรขึ้น? จากนั้นฉากตรงหน้าของหวงเสี่ยวหลงก็เปลี่ยนไปนั่นเพราะเขาได้เข้าไปในมิติ
ฉากตรงหน้าของเขานั้นเป็นพื้นที่สีเขียวอันดุมสมบูรณ์ที่มีดอกไม้เบ่งบานและเสียงนกร้องอย่างร่าเริง ซึ่งตรงพื้นนั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณหลากหลายประเภทและด้านบนนั้นคือน้ําตกนี่มันสรวงสวรรค์ชัดๆ
“นี่…หรือว่านี่จะเป็นมิติบ่มเพาะของผู้ฝึกตนเผ่าเทวะโบราณ?”ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็เปล่งประกายออกมา
เขานั้นคาดเดาได้ถูกแล้ว! ผู้ฝึกตนเผ่าเทวะโบราณได้สร้างที่บ่มเพาะอยู่ข้างใต้บ่น้ําพุหนาวเย็นถ้าไม่ใช่เพราะเจดีย์หลิงหลงที่ทําให้เขาสามารถดูดซับธาตุหนาวเย็นภายในบ่อน้ําพุหนาวเย็นหล่ะก็ และ ถ้าไม่ใช่เพราะหุบเขาเทวะวมีหล่ะก็ หรือถ้าไม่ใช่เพราะคลื่นพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาหล่ะก็บางทีเขาอาจจะไม่มีทางได้พบสถานที่แห่งนี้
หวงเสี่ยวหลงก็ใช้สายตากวาดมองรอบๆและไปเพ่งมองลงบนสมุนไพรวิญญาณต่างๆที่อยู่บนพื้น
“เห็ดวิญญาณเจ็ดสี!”
“หญ้าม่วงเก้าใบ!”
“ผลหยางสุดขั้ว!”
หวงเสี่ยวหลงก็อุทานชื่อสมุนไพรเหล่านี้ออกมา
สมุนไพรวิญญาณทั้งหลายที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่แห่งนี้ต่างเป็นวัตถุดิบที่หายากทั้งนั้น พอตัดสินจากรูปร่างของพวกมันแล้ว สมุนไพรวิญญาณแต่ละอันนั้นมีอายุมากกว่าหมื่นปีทุกอัน
ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็เปล่งประกายด้วยความดีใจ ทั้งหมดนี่คือสมบัติ !! ไม่เพียงแค่นั้นมันยังมีหลายอันที่เขาไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร
ผ่านไปสักพักหวงเสี่ยวหลงจึงละสายตาออกจากสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นมามองกระท่อมเล็กๆหลายกระท่องมีอยู่ข้างน้ําตก
“นี่คือสถานที่ที่ผู้ฝึกตนชนเผ่าเทวะโบราณมากฝึกฝันกัน? ไม่ใช่ว่ามันกระจอกงอกง่อยเกินไปงั้นหรือเปล่า?”