Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 301
Invicinble – โลกอมตะ ตอนที่ 301 ง้าวพระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่ง
สี่วันต่อมา นักพรตเต๋าน้อยก็ได้ถูกหวงเสี่ยวหลงกลั่นอย่างสมบูรณ์ ทําให้จิตสํานึกของมันนั้นได้ถูกขาอาคมหวนคืนสู่สวรรค์และปฐพีย่อยสลายไปอย่าช้าๆ
หลังจากจิตสํานึกของนักพรตเต๋โอสถวิญญาณระดับเทวะนั้นย่อยสลายหายไปแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ได้กลืนกินโอสถระดับเทวะนั้นลงไปแล้วนั่งสมาธิ เริ่มบ่มเพาะเคล็ดวิชาบ่มเพาะเทพอสูรเพื่อดูดซับผลของโอสถวิญญาณ
พลังงานในโอสถวิญญาณระดับเทวะนั้นเทียบได้กลับปลาพลังวิญญาณธรรมชาติ ทันทีที่มันเข้าสู่ร่างกาย พลังงานของโอสถก็ปะทุออกมาราวกับคลื่นน้ําที่พุ่งพรวดไปทั่วแขนขาและส่วนอื่นๆในร่างกายของหวงเสี่ยวหลง จากนั้นก็ได้มีกลิ่นสมุนไพรอันหอมหวนถูกปล่อยออกมาจากร่างของหวงเสี่ยวหลง แล้วแพร่กระจายออกไปทั่วรอบๆข้าง
ครึ่งเดือนผ่านไป
หวงเสี่ยวหลงก็ลืมตาขึ้นเมื่อเขาบ่มเพาะเสร็จ เขาสังเกตเห็นว่าเส้นลมปราณของเขานั้นขยายใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งมากขึ้นแต่ก่อน แม้กระทั่งปราณแก่แท้ที่อยู่ในตันเถียนของเขาก็ยังหนาแน่นขึ้นด้วย
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ทําการไหลเวียนเคล็ดวิชาเทพอสูรเพื่อดูดซับพลังวิญญาณรอบๆเข้าหาเขาด้วยความเร็วสูง ด้วยความเร็วขนาดนี้บางทีแม้กระทั่งความเร็วในการดูดซับพลังของผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับข้าได้” หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิดกับตัวเอง
ครู่ต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ยืนขึ้น จากนั้นเขาก็หันเหความสนใจไปที่ขวดหยกทั้ง 3 ที่เหลืออยู่บนลิ้นชัก ขวดหยกขวดแรกที่เขาตรวจสอบนั้นมีโอสถวิญญาณระดับเทวะบรรจุอยู่ แล้วขวดหยกใบอื่นเล่า? เขาก็แทบจะอดกลั้นความตื่นเต้นนี้ไว้ไม่ได้
พอเดินเข้าไป เขาก็ได้เปิดขวดหยกทั้งสามขวด ซึ่งขวดหยกทั้งสามนั้นได้บรรจุโอสถวิญญาณระดับเทวะไว้ทั้ง 3 ขวด ขวดที่สองนั้นบรรจุโอสถวิญญาณระดับเทวะที่เปลี่ยนร่างเป็นเสือมีปีก โอสถวิญญาณขวดที่ 3นั้นเป็นโอสถที่เปลี่ยนร่างเป็นมังกรจีนทองคํา ส่วนขวดที่ 4 โอสถวิญญาณ ได้เปลี่ยนร่างเป็นจิ้งจอกม่วง
ความแข็งแกร่งของเสือมีปีก มังกรจีนทองคํา และจิ้งจอกม่วงนั้นอ่อนแอกว่านักพรตเต๋าก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก ดังนั้น หวงเสี่ยวหลงจึงได้กลั่นพวกมันด้วยเตาพันอสูรและดูดซับพวกมันทีละตัวโดยไม่เสียเวลา
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงกําลังยุ่งกับการดูดซับโอสถวิญญาณระดับเทวะอยู่นั้น ภายในคฤหาสน์ทางทิศใต้ของเมืองหมื่นเทวะ จ้าวเฉินได้แสดงสีหน้าหน้าเกลียดออกมา มันผ่านไปตั้งครึ่งปีแล้ว! หวงเสี่ยวหลง ไอ้สารเลวนั้นกลับยังหลบซ่อนอยู่แต่ในเมืองนี้
“เจ้าแน่ใจว่าหวงเสี่ยวหลง ไอ้สารเลวนั้นยังอยู่ในบ้านพักหลังนั้นตลอดเวลา?”ข้าวเฉินก็ถามออกมาด้วยน้ําเสียงเศร้าหมอง
พ่อบ้านเฟิงที่เป็นชายผมเงินนั้นก็ได้ก้าวออกมาตอบอย่างสุภาพ “คนของพวกเราได้เฝ้าดูบ้านพักหลังนั้นตลอด 24 ชั่วโมงขอรับ ซึ่งหวงเสี่ยวหลงนั้นไม่ได้ก้าวเท้าออกมาจากที่แห่งนั้นเลย มีเพียงพวกผู้ติดตามของเขาเท่านั้นที่มักจะออกไปข้างนอก แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นเจ้าพวกนั้นก็เพียงออกมาซื้อของใช้ประจําวันเท่านั้น ไม่มีใครออกจากเมืองไปเลยสักคน”
ดวงตาของจ้าวเฉินก็เปล่งประกายออกมา
แต่พ่อบ้านเฟิงที่มีผมสีเงินก็ได้พูดออกมาอย่างระมัดระวังอีกว่า “นายน้อย ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้มีคําถาม ข้าสงสัยว่าควรจะถามดีหรือไม่?”
จ้าวเฉินก็หันไปมองพ่อบ้านเฟิงอย่างรวดเร็วแล้วพูดออกมาว่า “เจ้าสงสัยว่าทําไมข้าถึงไล่ล่าหวงเสี่ยวหลงในเมื่อระหว่างพวกเราไม่มีข้อขัดแย้งกันสินะ?”
พ่อบ้านเฟิงก็ประหลาดใจเมื่อจ้าวเฉินรู้ถึงความคิดของเขา แต่เขากลับพยักหน้าออกมา “ใช่ขอรับ ข้ารับใช้คนนี้สงสัยมากเลยขอรับ นอกจากนี้หวงเสี่ยวหลงก็เป็นเพียงผู้น้อยไร้นาม ด้วยตัวตนของนายน้อยแล้ว ไม่จําเป็นต้องกระทําการด้วยตัวเองเลย”
ที่จริงแล้ว ก็เป็นอย่างที่พ่อบ้านเฟิงพูด ด้วยพื้นหลังของจ้าวเฉินแล้ว เขาไม่จําเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาใส่ใจเลยสักนิด ตราบใดที่เขาพูดออกมา ก็มีผู้คนมากมายยินดีที่จะยื่นมือมาช่วย
จ้าวเฉินก็พูดออกมา “ข้ามีเหตุผลส่วนตัวในการจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง อย่าถามในสิ่งที่เจ้าไม่ควรถาม แล้วในอนาคตเจ้าจะรู้เอง”
“ได้ขอรับ นายน้อย ขออภัยที่ข้ารับใช้ผู้นี้พูดมากเกินตัว” พ่อบ้านเฟิงก็ทําความเคารพ แต่หลังจากลังเลชั่วครู่ เขาก็กล่าวออกมาอีกครั้ง “อย่างไรก็ตาม ถ้าหากหวงเสี่ยวหลงก็ยังคงซุ่มหลบอยู่ในเมืองหมื่นเทวะต่อไปแล้วพวกเรา…?”
สายที่จ้าวเฉินมองก็ดูเคร่งเครียดขึ้น “เวลาที่เปิดเมืองผีนั้นเหลือเวลาอีก 3 เดือน ถ้าหากเจ้าหวงเสี่ยวหลงนั้นยังไม่โผล่หัวออกมาหล่ะก็ งั้นข้าก็คงจะต้องใช้กําลังเท่าแล้วเสียแล้ว!”
เมืองผีนั้นเป็นหนึ่งใน 6 เมืองหลักในช่วงสมัยโบราณ ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ของหนึ่งในราชาโบราณที่หลงเหลือไว้ และมันจะปรากฏขึ้นทุกๆ 1 พันปี
ผ่านไปหนึ่งเดือน ในมิติลึกลับใต้บ่อน้ําหนาวเย็น หวงเสี่ยวหลงก็ดูดซับโอสถวิญญาณระดับเทวะทั้ง 3 ชิ้นได้เสร็จสิ้น มันทําให้การบ่มเพาะของเขานั้นเพิ่มขึ้นเป็นระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นกลาง
ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นกลาง!
หวงเสี่ยวหลงก็ยืนขึ้นและได้ใช้งานปราณฉี แค่เพียงเขาหายใจธรรมดาๆก็ทําให้อากาศไหลเวียนรวมตัวกันกลายเป็นเกลียวคลื่นแล้วเปลี่ยนเป็นมังกรวายุที่คํารามออกมาไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะที่บินวนไปมาอยู่นานแล้วจึงสลายไป
นี่ก็คือความแข็งแกร่งในปัจจุบันของหวงเสี่ยวหลง! ทุกๆรวมหายใจที่เขาสูดเข้าออกมานั้นมีกลิ่นอายมังกรผสมอยู่ด้วย จากนั้นหวงเสี่ยวลงก็ก้าวเดินออกมาจากกระท่อมแล้วเดินไปที่พื้นที่เปิดโล่ง จากนั้นเขาก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาดาบเทพอสูร ตั้งแต่เริ่มต้นที่ละท่า
ในขณะที่พายุเชี่ยวกลาดพัดไปมาเหนือหัวอยู่นั้นก็ได้มีสายฟ้าวูบวาบไปมาในอากาศ พร้อมกับมีดอกไม้ประหลาดหลายดอกผลิบานขึ้นในอากาศ จากนั้นก็มีดวงตาสีแดงปรากฏขึ้นมาจากาอากาศซึ่งมันได้ปลดปล่อยลําแสงอันน่าหวาดหวั่นออกมา
ครูต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็หยุดฝึกฝนซึ่งวายุเกรี้ยวกราด สายฟ้าอันทรงพลังและดวงตาสีแดงกว่าจะสลายไปนั้นก็ใช้เวลานานทีเดียว
หลังจากเขาที่เขาทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10ชั้นกลาง เขาจึงได้แสดงเคล็ดวิชาดาบเทพอสูรออกมาตั้งแต่ท่าแรกทีละกระบวนท่า ซึ่งหวงเสี่ยวหลงพบว่าเขามีความเข้าใจในกระบวนท่าพวกนี้ลึกซึ้งมากกว่าก่อนเสียอีก
“ข้าก็สงสัยว่าภายในกระท่อมหลังที่เหลือนั้นจะมีสิ่งใดอยู่บ้าง?”หวงเสี่ยวหลงก็หันกลับมาสนใจกลับปัจจุบัน ซึ่งดวงตาของเขานั้นยังคงจับจ้องอยู่กับกระท่อมหลังที่เหลือ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในกระท่อมหลังที่สามอย่างสุ่มๆในพริบตา
ภายนั้น นอกจากง้าวแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก
ตัวของง้าวเล่มนี้มีสีทองเข้มอันดูเงางามซึ่งบนตัวง้าวนี้มีรูปภาพสัตว์ในตํานานมากมายที่อยู่ในยุคโบราณนั้นสลักอยู่ แต่ละตัวนั้นดูสดใสราวกับมีชีวิต พอตรวจดูตามความยาวของง้าว หวงเสี่ยวหลงก็สังเกตเห็นตัวอักษรโบราณตัวหนาที่สลักอยู่บนส่วนล่างของ้าว
“ง้าวพระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่ง” หวงเสี่ยวหลงก็แปลตัวอักษรเหล่านี้ออกมา
ตามที่เขียนไว้นั้น ตราบใดที่เขาสามารถกลั่นง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่งให้กลายเป็นของเขา เขาก็จะได้รับสืบทอดพระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่ง ซึ่งง้าวพระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่งนี้ เป็นสิ่งของที่ถูกทิ้งไว้โดยเจ้าของที่แห่งนี้ ซึ่งก็คือผู้อยู่เหนือเทวทูต ส่วนพระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่งนี้เป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
โดยการครอบครองง้าวพระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่งนี้ คนผู้นั้นจะได้รับเคล็ดวิชาพระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่ง นี่ช่างเป็นการได้รับผลประโยชน์อย่างไม่คาดฝัน” หวงเสี่ยวหลงก็ดวงตาเปล่งประกายออกมา แม้ว่าเขาจะขาดแคลนเคล็ดวิชาต่อสู้หรือเคล็ดวิชาบ่มเพาะเคล็ดวิชา พวกนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าหวังถึงแต่เขากลับมีมันมากเกินไป
พอตัดสินจากสถานการณ์แล้ว ผู้อยู่เหนือเทวทูตคนนี้จะต้องเป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลังมากแน่ มีเพียงผู้ที่บรรลุถึงระดับพระเจ้าเท่านั้นถึงจะสามารถสร้างเคล็ดวิชาบ่มเพาะหรือเคล็ดวิชาต่อสู้ใส่ไว้ ในสิ่งของไม่มีชีวิตที่สามารถเก็บรักษาได้นานหลายปี ซึ่งมันก็คือมรกดกตกทอด
ดังนั้น ตามวิธีการครอบครองง้าวพระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่งที่ถูกสลักไว้บนตัวอาวุธ หวงเสี่ยวหลงจึงได้ส่งปราณฉีเข้าไปเพื่อกลั่นง้าวนี้ให้กลายเป็นของเขา
หลายชั่วโมงต่อมา เมื่อหวงเสี่ยวหลงกลั่นน้าวให้กลายเป็นของเขาได้สําเร็จ จู่ๆในจิตใจของเขาก็ได้มีฉากปรากฏขึ้น
ในฉากนั้น มีชายที่สูง 3 จางยืนอยู่เหนือยอดภูเขา เขาได้ใช้ง้าวของเขาฟันทะเลที่อยู่ตรงหน้าของเขาโดยไม่มีแรงต้าน! จากนั้นเขาก็ได้เหวี่ยงง้าวของเขา ปลดปล่อยปราณง้าวพุ่งทะลุผ่านตรงกลางภูเขาแล้วทะลุผ่านออกไปไกลพึงหนึ่งพันไมล์
กระบวนท่าที่ละท่าที่คนยักษ์แสดงต่อเนื่องอยู่นี้ก็คือ – -พระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่ง!
พอเห็นพลังที่สามารถพลิกแม้น้ําทะลายภูเขาของเคล็ดวิชาพระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่ง หวงเสี่ยวหลงก็ตกใจถึงขีดสุด
ทันที ฉากที่ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขาก็จบลงแล้วหายไป
พระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่งมีทั้งหมด 9 กระบวนท่า ทุกกระบวนท่านั้นแข็งแกร่งและทรงพลัง
“ข้าต้องหาเวลาถามจ้าวชูและจางฟูเรื่องผู้อยู่เหนือเทวทูตนี้เสียแล้ว เขาไม่น่าจะเป็นคนไร้นามอย่างแน่นอน หวงเสี่ยวหลงก็ได้จดจําไว้
พอมองดูง้าว ด้วยใช้ความคิดมันก็เล็กลงเรื่อยๆ ในท้ายที่สุด มันก็หายไปในแขนขวาของหวงเสี่ยวหลง ที่ดาบคู่เทพอสูรได้ใช้เป็นที่สิงสถิตเมื่อนานมาแล้ว และตอนนี้นอกจากลายสักดาบคู่สีดําก็มีรอยสักรูปง้าวสีทองเพิ่มมา