Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 306
Invicinble – โลกอมตะ ตอนที่ 306 ต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับเทวะ
จ้าวเฉินก็ส่งเสียงเย้ยหยัน “เจ้ากล้าคิดจะสู้กับข้างั้นหรือ?”น้ำเสียงของเต็มไปด้วยความดูถูก
พ่อบ้านเฟิงและข้ารับใช้คนที่เหลือของจ้าวเฉินที่ยืนอยู่ห่างๆก็ส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยินว่าหวงเสี่ยวหลงไม่คิดหนี้
“ไอ้เด็กนี่ดูท่ามันจะประสาทเสียแล้วมั้ง? นี่มันคิดจะสู้กับนายน้อยของพวกเราจริงๆงั้นหรือ?”ข้ารับใช้ของจ้าวเฉินก็หัวเราะเยาะออกมา
“ข้าคิดมันคงจะแค่ขู่นายน้อยของเราเพราะหวาดกลัว! บางที่มันรู้ว่าไม่มีทางหนีไปได้นั่นแหละคือเหตุผลที่มันไม่ได้คิดจะหนี” หนึ่งในข้ารับใช้ของจ้าวเฉินก็ได้หัวเราะออกมา
พอได้ฟังเสียงพูดคุยของข้ารับใช้ของเขา จ้าวเฉินก็โบกมือให้พวกนั้นหยุด จากนั้นเขาก็หันหน้ากลับมามองหวงเสี่ยวหลง “อย่ามาบอกทีหลังว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้า เจ้าจงเรียกจิตวิญญาณต่อสู้ของเจ้าออกมาและก็ข้าก็จะไม่ใช่แขนทั้งสองข้างด้วย ถ้าหากเจ้าสามารถทําให้ข้าถอยไปเดียงครึ่งก้าวหล่ะก็ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”
จ้าวเฉินก็ยืนพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างไขว้และยืนตรงดุจขุนเขา ตัดสินจากการตั้งท่าของเขาแล้ว ดูเหมือนเขาวางแผนจะยืนอยู่แบบนั้นโดยปล่อยให้หวงเสี่ยวหลงโจมตีได้อย่างอิสระ
“จริงหรือ?” หวงเสี่ยวหลงยังคงพูดอย่างอดทน ทันที่รอบๆตัวเขาก็ได้มีพลังปีศาจอันแข็งแกร่ง ระเบิดออกมาซึ่งก็คือปราณฉีเทพอสูรอันชั่วร้ายได้แผ่กระจายไปทั่วสนามหญ้าราวกับคลื่นน้ำ กลิ่นอายอันแข็งแกร่งได้พุ่งออกมาจากร่างของหวงเสี่ยวหลง
พ่อบ้านเฟิงและข้ารับใช้คนที่เหลือของจ้าวเฉินก็มองวังวนพายุพลังงานปีศาจที่รวมตัวกันเหนือหัวหวงเสี่ยวหลง ซึ่งพลังงานเหล่านี้ได้รวมตัวกลายเป็นเมฆปีศาจ
สิ่งที่เกิดขึ้นต่างทําให้ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้รู้สึกตกใจอย่างมาก เมื่อคนผู้หนึ่งรวบรวมปราณชั่วร้ายได้ถึงระดับหนึ่ง มันจะทําให้เขาสามรถก่อตัวเมฆปีศาจออกมาได้ ซึ่งความต้องการในการทําแบบนี้นั้นเป็นสิ่งที่ยากลําบากมาก แม้กระทั่งผู้ฝึกตนระดับเทวะที่บ่มเพาะปราณชั่วร้ายก็ยังไม่สามารถทําได้ถึงขนาดนี้
“หวงเสี่ยวหลงผู้นี้มันบ่มเพาะปราณแบบใหนกัน?!”แม้กระทั่งจ้าวเฉินก็ยังรู้สึกตกใจ
จากนั้นก็ได้มีปีกปีศาจงอกมาจากหลังของหวงเสี่ยวหลง ปีกปีศาจนี้ปกคลุมไปด้วยอักษรรูนอันลึกลับและมันยังปลดปล่อยความหนาวเย็นออกมาด้วย
“ดี อย่างน้อยเจ้าก็มีอะไรมาให้ข้าชม” จ้าวเฉินก็มองดูเมฆปีศาจที่ลอยอยู่เหนือหัวหวงเสี่ยวหลงและหัวเราะออกมาอย่างไร้ความกังวล “ข้ารู้สึกสงสัยว่าพลังต่อสู้ของเจ้าจะดีอย่างนี้ใหม”
แม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายที่ปลดปล่อยมาจากหวงเสี่ยวหลงนั้นมันไม่ได้อ่อนแอเลย แต่มันก็ยังไม่พอจะทําให้เขาจริงจัง
ภายในเสี้ยววิ หวงเสี่ยวหลงก็ได้เคลื่อนไหว – เขาใช้ฝ่ามือทั้งสองงอเป็นกรงเล็บแล้วโจมตีใส่จ้าวเฉิน ทําให้ปราณฉีเทพอสูรของเขานั้นได้แปลงกลายเป็นภูติผีที่มีเขี้ยวเล็บซึ่งพร้อมกับได้มีปราณรูปกรงเล็บที่หวงเสี่ยวหลงได้โจมตีออกมากนั้นพุ่งไปหาข้าวเฉิน แต่ก่อนที่กรงเล็บนั้นจะโจมตีโดนจ้าวเฉิน ลมอันเกรี้ยวกราดที่เกิดจากากรโจมตีของหวงเสี่ยวหลงนั้นนั้นได้ทําให้ชุดของจ้าวฉินโบกสะบัดอย่างรุนแรง นอกจากพ่อบ้านเพิ่งแล้วข้ารับใช้ของจ้าวเฉินคนที่เหลือที่ยืนอยู่ห่างไกลนั้นก็ยืนต้านพลังงานอันรุนแรงนี้ไม่ไหว พวกเขาจึงล่อถอยออกไป
นี่แค่เพียงพลังงานที่เกิดขึ้นจากกรงเล็บที่ทรงพลังนั้นนะเนี่ย!
จ้าวเฉินนั้นรู้สึกใจในกรงเล็บที่หวงเสี่ยวหลงได้ปล่อยออกมาอย่างแท้จริง จากนี้เขาก็ได้ปลดปล่อยปราณเทะวออกมาจากร่างแล้วสร้างกําแพงปราณขึ้นป้องกันรอบตัวเขา
ในขณะที่กําแพงปราณก่อตัวขึ้น กรงเล็บเทพอสูรก็ได้พุ่งใส่กําแพงปราณเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันทําให้เกิดเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วอากาศและส่งผลให้ข้ารับใช้ของจ้าวเฉินนั้นหูดับไปตามๆกัน
ต่อหน้าการเฝ้าดูของพ่อบ้านเฟิงและข้ารับใช้คนที่เหลือ นายน้อยของพวกเขาที่เอามือไขว้หลังอยู่นั้นได้ถูกดันถอยหลังไป
หนึ่งก้าว!
สองก้าว!
สามก้าว!
จ้าวเฉินนั้นได้ถอยหลังไปทั้งหมด 3 เก้า ในเวลาเดียวกันกรงเล็บเทพอสูรนั้นได้ทําให้กําแพงปราณสูญสลายไปเนื่องจากมันขาดแคลนปราณในการสนับสนุน
จ้าวเฉินก็มองลอยเท้าที่เขาสร้างขึ้นบนพื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่คือลอยเท้าของเข้างั้นหรือ? เขาคือผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะกลับถูกผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนกระจ้อยร่อยผลักถอยไปงั้นหรือ!!
ข้ารับใช้ของเขาก็ได้สูดหายใจอย่างหนาวเย็นเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะทั้ง 4คนในหมู่พวกเขา พวกเขาทั้ง 4 คนนั้นรู้สึกตกตะลึงไปถึงขั้วหัวใจ พวกเขารู้ถึงดีว่าความแข็งแกร่งและพลังป้องกันของผู้ฝึกตนระดับเทวะนั้นทรงพลังถึงขนาดใหน แม้ว่าจ้าวเฉินจะยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวและให้พวกเขาทั้งสี่คนโมตีพร้อมกัน จ้าวเฉินก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่เพียงนิ้วเดียว
แต่ตอนนี้! พวกเขาต่างจ้องมองหวงเสี่ยวหลงอย่างโง่งม นี่ไม่ได้หมายความว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขารวมกันสี่คนงั้นหรือ?! แต่อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มผมดําที่อยู่ตรงหน้า พวกเขานั้นก็เป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 อย่างปฏิเสธไม่ได้เลย
พอมาถึงจุดนี้ จ้าวเฉินก็หายใจตกใจแล้วแสดงสีหน้าน่าเกลียดออกมาและจับจ้องหวงเสี่ยวหลง ถ้าหากเรื่องที่เขานั้นถูกผีฝึกตนระดับเซียนเทียนผลักถอยกระจายออกไปหล่ะก็ เขาคงได้ถูกปฏิบัติเหมือนตัวตลกในดินแดนแห่งความโกลาหลนี้แน่
ยิ่งเขามองหวงเสี่ยวหลง จิตสังหารในดวงตาของเขายิ่งเข้มข้นขึ้น เขาไม่เคยอยากฆ่าใครถึงขนาดนี้มาก่อน จากนั้นจ้าวเฉินก็เดินไปหาหวงเสี่ยวหลงทีละก้าวพร้อมกับมีเพลิงสีฟ้าที่ปกคลุมร่างกายโบกสะบัดไปมา
“อะไรนะ ไม่ว่าใช่ว่าเจ้าจะไม่ใช้มือทั้งสองข้างงั้นหรือ?” พอมองเห็นจ้าวเฉินที่เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าดุร้าย หวงเสี่ยวหลงก็พูดยั่วยุ “ตอนนี้ เจ้าคงตั้งใจจะผิดคําพูดงั้นหรือ?”
จ้าวเฉินก็หยุดนิ่งและแสดงสีหน้าเคร่งขรึม จริงๆแล้ว คําพูดเหล่านี้คือสิ่งที่เขได้พูดไว้เมื่อกี้…ไม่เพียงเขาจะไม่ใช่มือทั้งสองข้าง แต่ถ้าหากหวงเสี่ยวหลงสามารถบังคับให้เขาถอยไปได้ครึ่งก่วหล่ะก็ เขาก็จะปล่อยหวงเสี่ยวหลงไป
จ้าวเฉินที่ใบหน้าหนาไร้ยางอายก็อดกลั้นความรู้สึกอับอายที่ร้อนผ่าวไปทั่วแก้ม อย่างไรก็ตาม นอกจากความรู้สึกอับอายนั้นสิ่งที่เขารู้สึกในตอนนี้คือความรู้สึกต้องการฆ่าหวงเสี่ยวหลง
“เพลิงเหมันขั้วโลก!” จ้าวเฉินก็วิ่งพุ่งออกไปพร้อมกับตบฝ่ามือใส่หวงเสี่ยวหลง เปลวเพลิงสีฟ้าก็ได้แผ่ขยายไปทั่วสนามหญ้าแต่ในขณะที่เพลิงเหล่านั้นกําลังจะกลืนกินหวงเสี่ยวหลง ร่างเงาของหวงเสี่ยวหลงก็ได้หายไปในพริบตา
ทําให้เปลวเพลิงสีฟ้าได้พุ่งเข้ากลืนกินภูเขาหินที่หวงเสี่ยวหลงเคยยืนอยู่เมื่อครู่นี้ ซึ่งทําให้มันแหลกสลายกลายเป็นผงไป
พอเห็นว่าหวงเสี่ยวหลงหลบการโจมตีของเขาได้ จ้าวเฉินก็แสดงสีหน้าเศร้าหมองออกมา
จากนั้นจ้าวเฉินก็ได้แผ่ขยายสัมผัสวิญญาณออกไปเพื่อต้องการจะตามหาหวงเสี่ยวหลง แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกความผันผวนของปราณขึ้นเบื้องหลังของเขา จ้าวเฉินจึงได้เอี้ยวตัวส่งฝ่ามืออกไปโจมตีโดยไม่คิดอะไรอีก ไม่ว่าปฏิกิริยาของเขาจะรวดเร็วเพียงได้ การโจมตีที่เขาส่งออกไปนั้นกลับโดนเพียงอากาศที่ว่างเปล่า จากนั้นเขาก็มองเห็นร่างของหวงเสี่ยวหลงปรากฏขึ้นอีกครั้ง
พอบรรลุระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นกลางแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็สามารถใช้ความสามารถของจิตวิญญาณต่อสู้ ซ่อนเร้น ได้อย่างง่ายดายและเวลาในการใช้ซ่อนเร้นในมิติปิดกั้นนั้นก็เพิ่มมามากกว่าหนึ่งนาที่ด้วย
หวงเสี่ยวหลงใช้ความสามารถจิตวิญญาณต่อสู้ได้อย่างเต็มก็ได้เข้าหลบซ่อนสลับกับโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง ในสายตาของกลุ่มพ่อบ้านเฟิง นายน้อยของพวกเขานั้นก็ได้กลายเป็นหุ่นฝึกซ้อมที่ยืนรอตอบโต้การโจมตีเมื่อหวงเสี่ยวหลงโจมตีออกมา
ด้วยการผสมผสานของความสามารถของจิตวิญญาณต่อสู้ ซ่อนเร้นและก้าวเงาของหวงเสี่ยวหลง ทําให้ความเร็วของเขานั้นเพิ่มขึ้นไปในระดับที่ไม่สามารถจินตนาการออกมาได้ซึ่งราวกับภาพลวงตาในตอนเช้า มีเพียงพ่อบ้านเฟิงที่เป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะเท่านั้นถึงสามารถจับภาพติดตาของหวงเสี่ยวหลงได้แต่ทว่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนคนๆอื่นกลับเห็นเพียงแค่ภาพลวงตาสีดําที่กระพริบไปมา พวกผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10ชั้นปลายยิ่งแย่ไปกว่าอีก ซึ่งพวกเขานั้นมองไม่เห็นอะไรเลย
จ้าวเฉินที่ยังคงยืนอยู่ ก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวซึ่งเขาไม่คาดคิดว่าความประมาทในการดูถูกหวงเสี่ยวหลงจะทําให้เขาต้องถูกโจมตีอย่างเจ็บปวดขนาดนี้
“ทะเลฟ้ากลืนสวรรค์!” จ้าวเฉินก็ได้ตะโกนออกมา
เพลิงสีฟ้าได้เข้าปกคลุมจ้าวเฉินแล้วกลายเป็นทะเลเพลิงสีฟ้าที่บดบังท้องฟ้าและแผ่ขยายไปทั่วพื้นสนามหญ้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่มาขวางในทางที่มันผ่านนั้นจะถูกเผาจนมอดไห้มกลายเป็นเถ้าถ่าน ซึ่งก็รวมไปถึงกําแพงและเก้าหินที่อยู่ในลานด้วย
พ่อบ้านเฟิง ฉินหางและคนที่เหลือก็รีบถอยหนีอย่างรวดเร็วจนกระทั่งพวกเขาออกไปอยู่นอกที่พัก ภายใต้แรงกดดันของทะเลเพลิงสีฟ้า ทําให้หวงเสี่ยวหลงถูกบังคับให้เผยตัวออกมา
“หมัดทลายดวงดาว!” พอเห็นว่าเขาทําให้หวงเสี่ยวหลงเผยตัวได้สําเร็จ จ้าวเฉินก็รีบออกไปอย่างเด็ดขาดซึ่งเขานั้นได้ชกหมักใส่หวงเสี่ยวหลง ในขณะนั้นเพลิงสีฟ้าได้ส่องสว่างขึ้นราวกับดาวตกในท้องฟ้ายามค่ำคืน เปลวเพลิงที่ลอยไปในอากาศก็ได้พุ่งเข้าหาหวงเสี่ยวหลงแล้วระบิดออกทันทีเมื่ออยู่ตรงหน้าหวงเสี่ยวหลง การระเบิดนั้นได้ปลดปล่อยพลังงานทําลายร้างอันทรงพลังพุ่งม้วนตัวไปหาหวงเสี่ยวหลง
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงได้โจมตีออกไปด้วยฝ่ามือพุทธปฐพี ทําให้เกิดมีภาพพระพุทธรูปส่องแสงสีทองสว่างสดใสขึ้นทั่วสนามหญ้าซึ่งการโจมตีนี้ได้เข้าปะทะกับพลังทําลายร้างที่พุ่งมาหาเขา
แม้จะเป็นแบบนั้น แรงปะทะอันหนักหน่วงก็ทําให้หงเสี่ยวหลงลอยถอยหลังไปหลายสิบเมตร แต่เมื่อเขาพยุงตัวได้แล้ว การโจมตีของจ้าวเฉินก็ได้มาถึงตัวเขาแล้ว หวงเสี่ยวหลงจึงชกหมัดออกไปปะทะกับการโมตีของจ้าวเฉินโดยไม่คิดให้เสียเวลา
การโจมตีของหวงเสี่ยวหลงนั้นทําให้เกิดปราณหมัดขนาดใหญ่บดบังท้องฟ้าซึ่งมันเป็นปราณหมัดที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้และยังดูลึกลับและลึกซึ้งอีกด้วย
หมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า!