Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 317
Invicinble – โลกอมตะ ตอนที่ 317 พระราชวังใต้ดิน
เสาหินต้นนั้นก็พังทลายและล้มลงมา จากนั้นมันก็ได้กลิ้งไปทับฝังหลี่หลี่ทั้งเป็น!
“ศิษย์พี่หญิงห้า!!”ใบหน้าของคู่หัวกังก็ซีดเซียวเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นเขาก็ไปปรากฏตัวขึ้นเหนือซากเสาที่ถล่มลงมาในพริบตา แล้วสะบัดฝ่ามือปัดก้อนหินออกจากร่างของหลี่หลี่หลังจากนั้นเขาก็ลงมายืนด้านข้าง
ชายวัยกลางคนชุดน้ำเงินทั้งสองคนก็ได้รีบเข้าหาหลี่หล่อย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้พวกเขาก็มองเห็นรอยบาดจากง้าวบนหน้าอกของเธอ มันทำให้พวกเขาสูดหายใจเข้าอย่างหนาวเย็น
มันเป็นแผลที่เกิดจากรอยแทงลึกเข้าไปซึ่งมันมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวมากกว่าเดิมก็คือตรงส่วนมุมของบาดแผลนั้นมีเพลิงสีดำกำลังกัดกินเนื้อของเธอและแม้กระทั่งเพลิงฟีนิกซ์สีขาวอันศักดิ์สิทธิ์ยังไม่สามารถต้านทานมันได้ ดังนั้นเปลวเพลิงฟีนิกซ์สีขาวจึงไม่สามารถรักษาตัวเองบาดแผลของหลี่หลี
“นี่มัน…!”หัวกังและชายอีกสองคนก็พบว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นยากที่จะเชื่อได้
จากนั้นก็มีร่างเงาหนึ่งพุ่งมาหาพร้อมกับเหวี่ยงง่าวสร้างพายุเงาง้าวอันน่าหวาดหวั่นใส่พวกเขา พอทั้งสามคนมองดู พวกเขาก็มองเห็นหวงเสี่ยวหลงแทงง้าวมาทางพวกเขา
ไม่ว่าจะเป็นคู่หัวกังหรือชายวัยกลางคนทั้งสองก็ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับง้าวที่ดูอันตรายซึ่งกำลังพุ่งมาทางพวกเขา ด้วยความลังเลของพวกเขา จ้าวนั้นก็ได้พุ่งเสียบคอของหลี่หลี่ไปแล้ว
หลี่หลีที่ถูกคู่หัวกังและชายวัยกลางคนทั้งสองลุกนั้นก็ก้มลงมองง้าวที่เสียบคอเธอ จากนั้นเธอก็อ้าปากพูดออกมาอย่างยากลำบาก “เจ้า เจ้า กล้าฆ่าข้า?”
เธอไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เธอตกตายภายใต้เงื้อมมือของมดปลวกระดับเซียนเทียน และเธอไม่เคยคิดถึงการตายของเธอด้วยซ้ำ! เพราะตัวตนของมังกรเงิน อ่าวภู่ ในดินแดนแห่งความโกลาหลนี้มีผู้คนไม่มากที่กล้าจะฆ่าเธอ
“ถ้าข้าฆ่าเจ้าแล้วยังไงหล่ะ?” หวงเสี่ยวหลงก็กล่าวออกไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ข้าบอกเจ้าไปแล้ว ว่าโอกาสแบบนี้มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น” จากนั้นเขาก็ดึงง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่งออกมาแล้วก้าวเว้นระยะออกมา
เลือดก็ได้ไหลทะลักออกมาจากคอของเธอย่างรุนแรงจากนั้นเปลวเพลิงฟีนิกซ์ขาวของเธอก็ค่อยๆดับลง
หลี่หลีก็คว้าแขนของคู่หัวกังในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิตและพยายามพูดคำพูดสุดท้ายของเธอออกมา “บอกท่านอาจารย์ บอกเขาว่า ข้าไม่สามารถดูแลท่านได้แล้ว บอกให้เขาฆ่า ฆ่า ฆ่ามัน สับมันให้เป็นชิ้นๆ!”
หัวกังก็พยักหน้าด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม สุดท้ายร่างกายที่ไร้ชีวิตของหลี่หลี่ก็ล้มลง
“ศิษย์พี่หญิงห้า ศิษย์พี่หญิงห้า!” คู่หัวกังก็กรีดร้องออกมา
แต่กลับไม่มีการตอบรับใดๆ
แต่ในตอนนั้นก็ได้มีเสียงหวีดหวิวของลมดังขึ้น คู่หัวกังก็ได้หันกลับไปมองหวงเสี่ยวหลงที่ไม่ได้ถือง้าวยาวเล่มนั้นอีกแล้ว แต่ในตอนนี้กลับแทนที่ด้วยดาบดำสองเล่มที่ปลดปล่อยความหนาวเย็นออกมาแทน และหวงเสี่ยวหลงนั้นก็ได้ฟันลงมาใส่เขา
คู่หัวกังก็ใบหน้าซีดเซียวและตื่นตระหนกรวมถึงดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตาแต่เขากลับซัดฝ่ามืออย่างรวดเร็ว “โซ่ตรวนมังกร!” จากนั้นก็ได้มีปราณอันเข้มข้นถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือของเขาและแปรเปลี่ยนเป็นเชือกที่คล้ายเส้นเอ็นของมังกร เข้ามัดตรึงหวงเสี่ยวหลง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เส้นเอ็นมังกรเหล่านี้จะได้เข้าใกล้หวงเสี่ยวหลง พวกเขามันกลับถูกตัดขาดโดยคลื่นดาบของเขา จากนั้นดาบเทพอสูรก็ได้เข้าเนื้อนคอยู่หัวกังในทันที
หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้หยุดโจมตี เขาก็ได้ไปปรากฏอยู่ใกล้ตัวชายวัยกลางคนชุดน้ำเงินทั้งสองราวกับภูติผี
จากนั้น ดาบเทพอสูรอันหนาวเหน็บก็ได้เปล่งประกายราวกับบอกถึงชัยชนะ
เมื่อเท้าของหวงเสี่ยวหลงลงแตะพื้นที่เขาเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้ คู่หัวกังและชายอีกสองคนก็ล้มลงพื้น ส่วนเผิงเฟิงและซุนฮ่าวหลานก็จ้องมองศรีษะทั้งสามที่กลิ้งออกจากร่างอย่างตกตะลึง
ผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะตกตายทั้งหมด!
ในขณะที่เขาหันเหสายตาจากหัวที่กลิ้งอยู่บนพื้นมาที่หวงเสี่ยวหลง ตั้งแต่ต้นจนจบดูเหมือนว่าเผิงเฟิงและซุนฮ่าวหลานจะแสดงสีหน้าตกตะลึงอยู่ตลอด
ซุนฮ่าวหลานก็จำได้ถึงสิ่งที่อาจารย์เหอหยุนเซียงของเขาเคยพูดไว้ว่า ถ้าหากไม่มีอะไรเกิดขึ้นหล่ะก็ หลี่หลี่ก็จะทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะใน 10 ปี แต่ตอนนี้เธอนั้นกลับตายลง!
พอเห็นว่าทุกอย่างเสร็จสิ้น หวงเสี่ยวหลงจิ๋วได้เก็บดาบเพทอสูรเข้าสู่แขนและเดินไปหาศพทั้ง 4 แล้วเก็บแหวนมิติจากแต่ละร่าง จากนั้น เขาก็โบกมือปล่อยเพลิงแก่นแท้ลงไปบนศพทั้ง 4 ซึ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ซุนฮ่าวหลานนั้นเคยเห็นหวงเสี่ยวหลงทำแบบนี้กับศพของหวูจางมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ประหลาดใจ แต่เผิงเฟิงนั้นกลับสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บในขณะที่เฝ้ามองการกระทำของหวงเสี่ยวหลงที่จัดการร่างของหลี่หลี่และคนที่เหลืออีก 3 คนให้กดลายเป็นเถ้าถ่านภายในพริบตามันจึงทำให้เขารู้สึกหนาวสั่น
หลังจากเผาร่างทั้ง 4 หวงเสี่ยวหลงจึงได้เดินไปหาเผิงเฟิงและซุนฮาวหลานที่พึ่งจะรู้สึกตัวหลังจากที่หวงเสี่ยวหลงเดินเข้ามาหาพวกเขา
พอเห็นหวงเสี่ยวหลงเข้ามาใกล้ เผิงเฟิงก็รู้สึกกังวลและรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยซึ่งเขาไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี
“ศิษย์พี่สาม ให้ข้าแนะนำท่านแล้วกัน คนๆนี้คือพี่หวง” ซุนฮ่าวหลานก็พูดออกมาพร้อมกับแนะนำหวงเสี่ยวหลให้เผิงเฟิง จากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาหวงเสี่ยวหลงแล้วพูดออกมาว่า “พี่หวงนี่คือศิษย์พี่สามของข้า เผิงเฟิง”
เผิงเฟิงก็รีบก้าวออกมา “พี่หวง ข้าขอบคุณที่ช่วยเหลือมากๆ”
หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้มและตอบไปว่า “ไม่เป็นไร”
เผิงเฟิงก็ตอบไปอย่างสุภาพและเขานั้นรู้สึกดีใจเล็กน้อย
“ศิษย์พี่สาม ท่านรู้หรือไม่ว่าอาจารย์และศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเราอยู่ที่ใหน?”ซุนฮ่าวหลานก็ถามเผิงเฟิงและแสดงความกังวลออกมา “ท่านอาจารย์และศิษย์พี่ใหญ่อาจจะตกอยู่ในอันตรายก็เป็นได้เ”
เผิงเฟิงนั้นก็ดูกังวลมาก “ครึ่งวันก่อน ข้าได้แยกตัวจากพวกเขา ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใหนกันแล้ว แต่ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นศิษย์พี่ใหญ่ เขานั้นได้มุ่งหน้าไปส่วนลึกของพระราชวัง
“มุ่งหน้าไปส่วนลึกของพระราชวังผี!” ซุนฮาวหลานก็อุทานออกมา “งั้นตอนนี้พวกเรามุ่งหน้าไปที่นั่นกันเถอะ”ในขณะที่เขาพูดออกมา เขาก็มองหวงเสี่ยวหลงแล้วถามขึ้น “พี่หวงแล้วท่านหล่ะจะทำยังไงต่อ?”
“ข้าจะตามเข้าไปด้วย” หวงเสี่ยวหลงก็ตอบออกมาอย่างจริงจัง
ตามการอธิบายของซุนฮ่าวหลานเมื่อครู่นี้ ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าคัมภีร์ราชาผีนั้นจะปรากฏตัวขึ้นในส่วนลึกของพระราชวังใต้ดินราชาผี หวงเสี่ยวหลงจึงได้ตัดสินใจเดินทางไปตรวจสอบพระราชวังใต้ดินเพื่อดูว่าเขาจะเอาเคล็ดวิชาบ่มเพาะคัมภีร์ราชาผีมาได้หรือไม่ แม้ว่าเขานั้นไม่จำเป็นใช้เคล็ดวิชาบ่มเพาะอันอื่น แต่ถ้าหากเขาสามารถเอาข้อมูลบางส่วนมาจากเคล็ดวิชาบ่มเพาะนี้ได้หล่ะก็ มันก็น่าจะมีประโยชน์ต่อเขาอยู่บ้าง
มีโอกาสที่คัมภีร์ราชาผีจะบรรจุบันทึกของราชาผีและมันจะทำให้เขาเข้าใจในประสบการณ์การบ่มเพาะของราชาด้วย ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือการได้โอสถราชาผีที่ราชาผีเป็นคนปรุงขึ้นด้วยตัวเองตามที่ข่าวลือได้กล่าวไว้ โอสถราชาผีนี้มีประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการทะลวงขั้นสู่ระดับเทวะ
ทั้งเผิงเฟิงและซุนฮ่าวหลานก็ดีใจขึ้นมาเมื่อหวงเสี่ยวหลงนั้นจะเดินทางไปกับพวกเขาต่อ
“พี่หวง งั้นพวกเราเดินทางกันเลยใหม?”ซุนฮาวหลานก็ถามออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า
สมบัติภายในวิหารผีแห่งนี้ได้ถูกกลุ่มของหลี่หลี่เก็บไปหมดแล้ว ดังนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องสำรวจวิหารผีไปมากกว่านี้ เนื่องจากแหวนมิติของพวกนั้นอยู่ที่หวงเสี่ยวหลงทั้งหมด
จากนั้น ทั้ง 3คนก้ได้บินไปในทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นทางที่มุ่งหน้าไปส่วนลึกของวิหารผี
ในขณะที่พวกเขากำลังเข้าใกล้ใจกลางของวิหารผีนั้น กลิ่นอายภูตผีก็หนาแน่นมากขึ้น กลิ่นอายพวกนี้รวมตัวกลายเป็นหมอกรูปทรงประหลาดที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าเหนือพระราชวังผี หากมองจากระยะไกล จะมองเห็นว่ามันไม่ต่างจากกองภูเขาภูติผีเลยแม้แต่น้อย
หนึ่งวันผ่านไป พวกเขาทั้ง 3 ก็ได้เดินทางมาถึงทางเข้าที่จะนำไปสู่พระราชวังใต้ดิน
ทางเข้าพระราชวังใต้ดินนั้นมีความกว้างและความสูงหลายสิบจางหลัง ผ่านเข้าไปข้างในนั้นมีแต่เพียงความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด หวงเสี่ยวหลงนั้นยืนอยู่ห่างจากทางเข้าหนึ่งร้อยเมตร แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายภูติผีที่น่าหวาดกลัวพัดออกมาจากพระราชวังใต้ดิน ซึ่งมันทำให้หวงเสี่ยวหลงนั้นรู้สึกไม่สบายใจเลย
เขาก็ขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้สึกไม่สบายใจขนาดนี้ตั้งแต่ที่เขามาถึงโลกใบนี้
“พี่หวง เราเข้าไปกันเลยใหม?” ซุนฮ่าวหลานก็พูดออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า เนื่องจากเขานั้นมาถึงที่นี่แล้ว ดังนั้นเขาก็ควรผ่อนคลายและให้มันเป็นไปอย่างที่มันเป็น มาถึงจุดนี้แล้วเขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ ด้วยหุบเขาเทวะซูมที่เขาครอบครองอยู่ คงไม่มีทางเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นแน่
ทั้ง 3 คนก็บินผ่านทางเข้าและเข้าไปข้างใน ร่างของพวกเขานั้นก็ถูกความมืดมิดของพระราชวังใต้ดินกลืนกินไปในพริบตา และภายนี้ต่างถูกบดบังไปด้วยกลิ่นอายภูติผีที่หนาแน่น
“พี่หวง โครงสร้างของพระราชวังใต้ดินนี่มันช่างซับซ้อนเสียจริงและมันยังเมไปด้วยป้ายและกับดักเต็มไปหมดและนี่ยังไม่ต้องกล่าวถึงภูติผีที่อยู่ภายในนี้ด้วย “พวกเราควรจะก้าวเดินอย่างระมัดระวังและตื่นตัวเป็นพิเศษ”เผิงเฟิงก็พูดเตือน
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เผิงเฟิงพูด พื้นที่รอบๆสะท้อนให้เห็นบางสิ่งบางอย่างราวกับผี