Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 318
Invicinble – โลกอมตะ ตอนที่ 318 ผียักษ์ที่มีการบ่มเพาะระดับเทวะ
จู่ๆก็ได้เกิดเสียงร้องโหยหวนออกมาจากรอบด้าน หวงเสี่ยวหลงจึงตกขึ้นมา จากนั้นฉากตรงหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ภาพตรงหน้าเดิมที่เป็นทางเดินก็หายไปแต่รวมไปถึงร่างของซุนฮ่าวหลานและเผิงเฟิงก็หายไปด้วย
“นี่มันอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น?!” หวงเสี่ยวหลงก็เปิดเนตรนรกที่อยู่บนหน้าผากของเขาขึ้นมาแล้วใช้ตรวจสอบพื้นที่รอบๆ ในตอนนั้นก็ได้มีกลิ่นอายภูติผีออกมาจากความว่างเปล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งกลิ่นอายนี้ก็มาพร้อมกับจิตวิญญาณชั่วร้ายที่คำรามต่ำพร้อมกับแยกเขี้ยวหาเหยื่อของมัน
หวงเสี่ยวหลงจึงได้ซัดฝ่ามือพุทธปฐพีออกไปโดยไม่ลังเล ซึ่งมันทำให้เกิดพระพุทธรูปมากมายผุดขึ้นมาจากพื้นดินพร้อมกับรัศมีพุทธะที่ส่องสว่างไปทั่ว สถานที่ใดที่แสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์สาดส่องไป กลิ่นอายภูติผีตรงนั้นก็จะถูกชำระล้างให้บริสุทธิ์ ทันใดนั้นสภาพแวดล้อมรอบข้างก็สดชื่นและบริสุทธิ์ขึ้นทันที
อย่างไรก็ตามในขณะที่หวงเสี่ยวหลงฟังกำจัดศัตรูตัวกระจ้อยไปนั้นก็ได้มีกลิ่นอายภูติผีอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นมาใกล้ๆอย่างต่อเนื่องราวกับไม่มีที่สิ้นสุดและไม่สามารถกำจัดพวกมันได้
“นี่มัน? กำนักข่ายอาคม!”
พอเฝ้าดูจิตวิญญาณชั่วร้ายที่ปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่เขาได้กำจัดไปนั้น หวงเสี่ยวหลงก็เข้าใจได้ว่าพวกเขานั้นได้ก้าวเข้ามาเหยียบข่ายอาคมชนิดหนึ่งแล้ว และมันยังเป็นข่ายอาคมภูตผีที่ทรงพลังอีกด้วย
ตอนนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องทำมากที่สุดก็คือหาตำแหน่งแกนกลางของข่ายอาคม! หวงเสี่ยวหลงก็พบวิธีแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นร่างของเขาก็วูบไหวไปทั่วขายอาคม ในขณะที่เขาสังเกตข่ายอาคมและพยายามหาตำแหน่งจุดกำเนิดของกลิ่นอายภูติผีอย่างเข้มขนอยู่นั้น จำนวนจิตวิญญาณชั่วร้ายที่เขาฆ่านั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ตรงนั้น” ครูต่อมา ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็เปล่งประกายในขณะที่เขาจ้องมองจุดทางด้านขวา จากนั้นเขาก็พุ่งตรงไปหาจุดนั้นทันที
ฝามือพุทธะปฐพีเป็นศัตรูทางธรรมชาติของภูติผีปีศาจและจิตวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้น ดังนั้นในระหว่างทาง หวงเสี่ยวหลงจึงใช้กระบวนท่านี้กำจัดสิ่งกีดขวางต่างๆ แม้จะเป็นแบบนั้น แต่ยิ่งเขาเข้าใกล้จุดศูนย์กลางมากขึ้นเท่าไหร่ากลิ่นอายภูติผีก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้นรวมรวมไปถึงจิตวิญญาณชั่วร้ายที่ทางพลังและแข็งแกร่งมากขึ้นมารวมตัวหนาแน่นขึ้นด้วย เพราะจิตวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้ที่มีจำนวนมากขึ้นเขาจึงเข้าไปใกล้ได้ยากขึ้นตาม แม้ว่าเขาจะมีฝ่ามือพุทธะปฐพี แต่ความเร็วของหวงเสี่ยวหลงก็ค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ หวงเสี่ยวหลงที่รู้สึกหมดหนทางก็ไหลเวียนปราณฉีเต็มที่แล้วปลดปล่อยปราณพุทธะที่อยู่ภายในร่างของเขาออกมา รัศมีสีพุทธะอันสุกสกาวก็ส่องสว่างไปทั่วความมืดมิดทำให้พื้นที่รอบๆสว่างขึ้น จิตวิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ภายในความมืดก็สลายหายไปทันที
หวงเสี่ยวหลงก็เพิ่มความเร็วมุ่งหน้าไปแกนกลางข่ายอาคม 20 นาทีต่อมา เขาก็ได้มาถึงห้องโถงอันกว้างใหญ่
ในใจกลางห้องโถงนั้นมี ธงสูงหลายเมตรปักอยู่บนพื้น บนผิวของเธอนั้นถูกสลักไว้ด้วยตัวตัวอักษรรูปภาพวิญญาณชั่วร้ายในขณะที่ตัวเสาของธงนั้นมีสีดำอ่อนและถูกสลักไว้ด้วยสัญญาณอาคมประหลาดหลายอัน สัญลักษณ์พวกนี้มีความคล้ายคลึงกับตัวอักษรโบราณแต่มันก็ไม่ใช่อักษรโบราณ
กลิ่นอายภูตผีนั้นได้กระจายออกมาผิวธงอย่างไร้สิ้นสุดและในขณะเดียวกันวิญญาณชั่วร้ายนั้นก็บินไปมาอยู่รอบๆธงรอย่างชัดเจนซึ่งพวกมันราวกับฝูงหมาป่าที่ไล่ล่าหาเหยื่อ ถ้าหากไม่ใช่เนตรนรกของหวงเสี่ยวหลงหล่ะก็ การตามหาตำแหน่งของธงผืนนี้ท่ามกลางความมืดมิดที่มีวิญญาณชั่วร้ายเข้ามาปิดกั้นเส้นทางก็คงเป็นไปไม่ได้แน่
ธงผืนนี้คงจะต้องเป็นแกนกลางหลักของข่ายอาคมภูติผีพวกนี้อย่างแน่นอน แต่ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงก้าวเข้าไปและเตรียมจะดึงขึ้นจากพื้น ก็ได้เกิดแสงสีดำสว่างวาบไปทั่วห้องโถงนี้ พอแสงหายไปมันก็ได้มีร่างผีขนาดใหญ่ยืนขั้นกลางระหว่างหวงเสี่ยวหลงและธงผืนนั้น
ผียักษ์ตัวนี้มีความสูง 4 เมตรและมันก็มีเกล็ดสีดำที่เปล่งประกายซึ่งมันคล้ายกับเกล็ดงูห่อหุ้มร่างของมันไว้ในมือมันนั้นมีหอกสามง่ามที่ ในแต่ละง่ามหอกนั้นมีกระดูกติดไว้อยู่และดูเหมือนว่าที่หอกสามง่ามนี้จะมีเลือดหยดออกมาอยู่
เมื่อผียักษ์ตัวนี้ปรากฏตัวขึ้น มันก็ได้โจมตีหวงเสี่ยวหลงด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง ความเร็วของมันนั้นมากกว่าจ้าวเฉินเสียอีก หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกตกใจแล้วรีบเรียกง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่งออกมาปะทะกับหอกโลหิตสามง่ามของอีกฝ่าย
เปร้ง! ได้เกิดเสียงโลหะปะทะกันดังขึ้นอย่างชัดเจน
หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกชาไปทั่วแขน และจากการปะทะที่เกิดขึ้นทำให้หวงเสี่ยวหลงต้องถอยหลังไปหลายก้าว แต่ทางฝ่ายยักษ์ผีนั้นยังคงนิ่งไม่ขยับเขยื้อนราวกับภูเขาที่มั่นคง
“ช่างเป็นพละกำลังที่แข็งแกร่งเสียจริง!” ดูเหมือนผียักษ์ตัวนี้จะสละความเป็นภูติผีแล้วทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะไปแล้ว
เมื่อผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์นั้นทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะ พวกเขาก็จะสละความเป็นมนุษย์ของตัวเองซึ่งก็เป็นหลักการเดียวกันกับผู้ฝึกตนเผ่าภูติผี พอทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะนั้นหมายถึงการสละความเป็นภูติผีและก่อร่างกายที่แท้จริงซซึ่งสร้างขึ้นจากเลือดเนื้อ ในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่ง พลังป้องกัน และพลังชีวิต ร่างกายที่ก่อร่างขึ้นใหม่นี้จะมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้ฝึกตนธรรมดาของเผ่ามนุษย์หลายเท่า หรือสั้นก็คือมันแข็งแกร่งจนใกล้เคียงกับความเป็นอมตะเลย แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะก็ยังต้องหันหน้าหนี เมื่อพวกเขาไปเจอเข้ากับภูตผีที่ก้าวเข้าสู่ระดับเทวะแล้ว
หวงเสี่ยวหลงก็ทำการเรียกจิตวิญญาณมังกรดำและมังกรฟ้าออกมาด้วยไม่เสียเวลา และเข้ารวมร่างทันที ภายในข่าอาคมภูติผีนี้ เขาไม่ต้องต้องกังวลเรื่องการเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา ดังนั้นหวงเสี่ยวหลง จึงไม่จำเป็นต้องซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเองอีกต่อไป
หลังจากทำการรวมร่างเกล็ดมังกรดำและมังกรฟ้าก็ได้ปกคลุมร่างของหวงเสี่ยวหลง ในช่วงที่หวงเสี่ยวหลงรวมร่าง ผียักษ์ก็ได้ใช้หอกสามง่ามโจมตีใส่เขาอีกครั้ง
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงจ้องมองหอกสามง่ามที่กำลังจะพุ่งมาเสียบเขา ในดวงตาของเขานั้นก็เปล่งประกายไปด้วยความต้องการต่อสู้ และในตอนนั้นเขาก็ได้เหวี่ยงง้าวออกไป ทำให้เกิดเสียงโลหะปะทะกันดังขึ้น
เมื่อตอนที่หวงเสี่ยวหลงต่อสู้กับจ้าวเฉินในเมืองหมื่นเทวะนั้น เขายังคงอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นกลาง นอกจากนี้ พวกเขานั้นต่อสู้ในที่สาธารณะและเขาก็กังวลว่าไพ่ตายของเขาจะถูกเปิดโปง ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงใช้แผนการกองโจร โจมตีแล้วหนีของ
แต่ในสถานการณ์ในตอนนี้มันต่างออกไป เขานั้นได้บรรลุระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลายสูงแล้ว และผีระดับเทวะนี้ตัวนี้ก็เป็นคู่ต่อสู้ที่ดีที่สุดที่เขาสามารถทดลองความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาด้วย
เคร้ง! ก็ได้เกิดเสียงปะทะกันขึ้นไปทั่วห้องโถง ซึ่งทำให้กลิ่นอายภูติผีนั้นกระเพื่อมอย่างรุนแรงแรงปะทะอันหนักหน่วงที่เกิดจากการต่อสู้นั้นทำให้ผียักษ์ถูกผลักถอยหลังไปหลายสิบก้าวแต่ทว่าทางหวงเสี่ยวหลงนั้นกลับแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน เท้าของเขานั้นยังคงเหยียบอยู่บนจุดเดิมไม่ไปไหน
ในการปะทะกันเมื่อครู่นี้โดยไม่ทำการรวมร่างกับจิตวิญญาณมังกรคู่หรือใช้กายาเทพอสูร หวงเสี่ยวหลงสัมผัสได้ว่าเขานั้นอ่อนแอกว่าผียักษ์เล็กน้อย แต่หลังจากทำการรวมร่างกับจิตวิญญาณ
ญาณมังกรคู่แล้ว ความแข็งแกร่งของหวงเสี่ยวหลงนั้นไม่เพียงเพิ่มขึ้นธรรมดาเท่านั้นแต่มันกลับเพิ่มขึ้นหลายเท่าเลย
ถ้าหากมีคนอยู่ที่เขาก็จะสังเกตเห็นว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นสามารถผลักดันผียักษ์ที่ทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะได้จริงๆ บางทีมันอาจจะทำให้พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
หลังจากผลักดันผียักษ์ไปแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็พุ่งเข้าไปหามันพร้อมกับเหวี่ยงง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่งออกไปซึ่งมันทำให้เกิดงาวเงานั้นไม่ถ้วนพุ่งออกไปราวกับฝนดาวตก
“จ้าวกาแล็กซี่!”
พอการโจมตีนี้ถูกปล่อยออกไปมันก็สายเกินไปที่จะหลบทำให้การโจมตีทั้งหมดพุ่งแทงร่างของผียักษ์ ภายใต้ความเจ็บปวดมหาศาล มันก็ได้กรีดร้องออกมาและร่างของมันก็ได้ล้มลงไปกระแทกใส่เสาต้นหนึ่งที่อยู่ข้างในสุดของห้องโถงซึ่งทำให้อาคารทั้งหลายสั่นไหวอย่างรุนแรง
พอหวงเสี่ยวหลงปลดปล่อยการโมตอันรุนแรงใส่ผียักษ์ได้สำเร็จ หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจเลยสักนิด ผู้ที่บรรลุระดับเทวะได้สำเร็จและมันยังเป็นตัวตนที่ยากจะโค่นล้มซึ่งมันไม่ควรจะแพ้ง่ายๆขนาดนี้
พอผ่านไปไม่ถึงลมหายใจ เจ้าผียักษ์นั้นก็กระโดดลุกขึ้นมาและคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ดวงตาของมันนั้นกลายเป็นสีแดงเข้ม และดูเหมือนว่าหอกสามง่ามในมือของมันจะสั่นสะท้านและเปล่งแสงสีแดงสดใสออกมา จากนั้นมันก็ได้วิ่งเข้ามาหวงเสี่ยวหลงอย่างรวดเร็ว
หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นว่าการโจมตีง่าวกาแล็กซี่ของเขาอย่างเต็มกำลังนั้นสร้างบาดแผลบนร่างของมันได้เพียงเล็กน้อย พลังป้องกันขอผีระดับเทวะที่มาบ่มเพาะมาถึงขั้นนี้จะไม่น่าหวาดกลัวไปหรือไง?
โชคดีที่ผีระดับเทวะตัวนี้ไม่เหมือนผู้ฝึกตนระดับเทวะเผ่ามนุษย์ที่สามารถแกนมิติเทวะขึ้นในปราณฉีของตัวเองได้ มิฉะนั้นแล้ว มันคงเป็นการต่อสู้ที่เหน็ดเหนื่อยสำหรับหวงเสี่ยวหลงแน่
(จากผู้แปล : ขอเปลี่ยนจากมิติเทวะ*เป็นแกนมิติเทวะ*)
พอเห็นการโจมตีของผียักษ์ที่เข้ามาใกล้ หวงเสี่ยวหลงกได้แทงง้าวออกไปพร้อมกับหมุนง้าวซึ่งทำให้เกิดกระแสวังวนปราณขึ้น
“เหวี่ยงสวรรค์ย้ายปฐพี!”
ภายใต้กระแสวังวนปราณ ทำให้ผียักษ์นี้ชะงักล้มลง หวงเสี่ยวหลงก็ใช้โอกาสนี้ ใช้ง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่งแทงเข้าไปผ่านใจกลางกระแสวังวนแล้วทิ่มใส่หน้าอกของผียักษ์
ซึ่งทำให้ผียักษ์ตัวนี้กรีดร้องออกมา จากนั้นร่างมันก็กระเด็นออกมาจากกระแสวังวนปราณ ที่หน้าอกของมันนั้นมีเลือดสีดำไหลออกลงสู่พื้น และตรงพื้นที่เลือดหยดลงนั้นก็มีเสียงซ่าๆออกมาพร้อมกับควันสีเขียวที่ลอยออกมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ถูกหวงเสี่ยวหลงแทงด้วยง้าวไปแล้ว ผียักย์ตัวนี้กลับลุกขึ้นมาโมตีใส่หวงเสี่ยวหลงอีกรอบ
หวงเสี่ยวหลงจึงขมวดคิ้ว แบบนี้คงไม่จบไม่สิ้นแน่ เขาจะต้องหาวิญญาณของผียักษ์ตนนี้เพื่อจะได้จัดการปัญหาที่เดียว
ร่างกายของผีที่ทะลวงสู่ระดับเทวะนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอมตะ มีเพียงทำลายดวงวิญญาณที่อยู่ภายในร่างเท่านั้นถึงจะทำให้มันตายได้