Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 322
ตอนที่ 322 ฤทธิ์เดชของผียักษ์เฟิงหยาง
หวงเสี่ยวหลงปลดปล่อยกลิ่นอายมังกรโบราณออกมาพร้อมกับปราณมังกรที่ทะลักออกมาจากร่างกายของเขากระจายไปทั่วสวรรค์ทั้ง 9
หลี่ฉิวปิงและคนที่เหลือก็มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าโดยเฉพาะมังกรน้ําเงินและมังกรดําที่ขดตัวอยู่รอบตัวหวงเสี่ยวหลงพร้อมกับอ้าปกค้าง
“จะ จิตวิญญาณมังกรคู่?!”
“มีจิตวิญญาณมังกรน้ําเงินแบบนี้อยู่ในโลกนี้ด้วยหรือ?!”
ทุกๆคนต่างก็ตกใจกับจิตวิญญาณพวกนี้
ในขณะที่ทุกคนกําลังตกใจอยู่นั้น ก็ได้เกิดประกายแสงสีน้ําเงินและสีดําส่องสว่างขึ้น ซึ่งนั่นก็คือหวงเสี่ยวหลงได้ทําการรวมร่างกับจิตวิญญาณมังกรคู่ในทันที ทําให้ร่างกายของหวงเสี่ยวหลงนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรฟ้าและมังกรดําอันแพรวพราวและบนแขนของเขานั้นก็มีโครงกระดูกแหลมคมงอกออกมาตามแขนของขาว
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็พุ่งตัวออกไปพร้อมกับกําหมักทั้งสองข้าง ชกใส่ในทิศทางที่จ้าวเฉินอยู่ให้เกิดหมัดไร้ตัวตนปิดกั้นท้องฟ้าขึ้นซึ่งมันได้แผ่กลิ่นอายอันลึกลับและลึกซึ้ง
“หมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า!”ใบหน้าของจ้าวเฉินก็กระชับแน่นพร้อมกับที่เขาได้ใช้หมัดทั้งสองเขาเข้าปะทะกับการโจมตีนี้ เมื่อจ้าวเฉินชกหมัดออกไป เขาก็ได้ปลดปล่อยหมัดเพลิงสีฟ้ามากมายพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงราวกับการปาลูกบอลพุ่งออกไป
หลายคนต่างก็ได้ยินเสียงอุทานออกจ้าวเฉิน หลี่ฉิวปิง หวังหลิน และคนที่เหลือแก็ได้จ้องมองไปที่การโจมตีของหวงเสี่ยวหลงโดยไม่กระพริบตา
หมักเทวะแห่งความว่างเปล่า?! หมักเทวะแห่งความว่างเปล่าในตํานานนั่นงั้นหรอ?!
ในเสี้ยววิหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่าของหวงเสี่ยวหลงก็ได้เข้าปะทะกับหมัดเพลิงสีฟ้าของ จ้าวเฉินกลางอากาศซึ่งทําให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับมีประกายไฟหล่นลง มาบนพื้น
ผลจากแรงปะทะทําให้จ้าวเฉินถอยหลังไปไหลก้าว ส่วนหวงเสี่ยวหลงนั้นแอบซ่อนตัวอยู่ข้างๆเขาแล้วปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับถือง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่ง จากนั้นเขาก็เหวี่ยงง่าวสร้างพายุหมุนอันเขี้ยวกราดที่แผ่ขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ
“เขย่าภูผาพลิกมหาสมุทร!”
จ้าวเฉินที่ลุกลี้ลุกลนก็รีบใช้หมัดทะลายดวงดาวออกไป และในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ใช้มิติเทวะป้องกันการโจมตีของหวงเสี่ยวหลง
แผ่นดินก็สั่นไหวราวกับโดนทัณฑ์สวรรค์
หวงเสี่ยวหลงก็กระโดดม้วนตัวกลางอากาศพร้อมกับควงง้าวในมืออย่างต่อเนื่องราวกับมังกรที่บินขึ้นจากมหาสมุทรแล้วใช้งาวแทงใส่จ้าวเฉิน
หวงเสี่ยวหลงก็ใช้ง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่งโจมตีต่อไปเรื่อยๆด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึงมันเร็วถึงขนาดที่แม้กระทั่งหลี่ฉิวปิงและคนที่เหลือก็เกือบจะมองตามไม่ทัน จ้าวเฉินก็ถูกกดดันอย่างตจต่อเนื่องและเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการต่อสู้นี้
การโจมตของหวงเสี่ยวหลงนั้นต่อเนื่องราวกับกระแสน้ําอันเชี่ยวกราด ซึ่งหลี่ฉิวปิงก็เห็นว่าจ้าวเฉินนั้นทําได้เพียงป้องกันและแทบจะไม่มีโอกาสได้โต้กลับเลย
จ้าวเฉินก็ตระหนักได้ความเสียเปรียบของตัวเขา เขาจึงได้แสดงสีหน้าน่าเกลียดออกมา
ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะกลับถูกผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนกดดันโดยไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะต้านทานเลยงั้นหรือ?! นอกจากนี้ถ้าไม่ใช่เพราะมิติเทวะของเขาที่ป้องกันการโจมตีขอหวงเสี่ยวหลงปานนี้เขาคงตายไปเรียบร้อยแล้ว
พออดทนรับการโจมตีอันรวดเร็วของหวงเสี่ยวหลงหลายสิบครั้ง จ้าวเฉินก็โมโหที่ถู กต้อนให้จนมุมถึงขนาดนี้
“ควบคุมสัมบูรณ์เ” จ้าวเฉินก็ตะโกนออกมาพร้อมกับถอยหลังหนีไปด้วย ในตอนนั้นเขาก็ได้ปลดปล่อยปราณฉีออกมาคลุมฝ่ามือและเล็งใส่หวงเสี่ยวหลง ซึ่งหวงเสี่ยวหลงรู้สึกราวกับพลังงานรอบๆตัวนั้นหายไปและเขานั้นก็ได้รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นตกอยู่ภายใต้สภาพสูญญากาศ
ร่างกายของเขานั้นถูกตรึงอยู่กลางอากาศจากแรงกดดันอันหนักหน่วง ทําให้เขานั้นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
นี่ก็คือการควบคุมพื้นที่มิติอย่างสมบูรณ์ของผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะ!
พอผู้ฝึกตนก้าวเข้าสู่ระดับเทวะนั้นหมายความว่าพวกเขานั้นมีความเข้าใจในกฎแห่งมิติ(ความว่างเปล่า)ซึ่งมันจะทําให้พวกเขาสามารถควบคุมพื้นที่มิติภายในระยะที่จํากัด ข้อเสียก็คือในจะกินปราณฉีในการใช้มาก อย่างน้อยถ้ามันไม่สําคัญจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ใช่วิธีนี้แน่
จ้าวเฉินก็แสดงสีหน้าที่ดูดุร้ายออกมาในขณะที่เขามองหวงเสี่ยวหลงถูกพันธนาการไว้กลางอากาศ จากนั้นก็ได้มีกระบี่ยาวปรากฏขึ้นในมือของเขา กระบี่ยาวนี้มีความยาวขนาดความยาวที่เหมาะกับผู้ใหญ่ ร่างของมันนั้นมีสีแดงเข้มและมีแผนภาพมังกรเพลิงถูกสลักไว้บนตัวดาบ
“ตายซะ!” จ้าวเฉินก็กู่คํารามออกมาด้วยความโกรธ กระบี่มังกรเพลิงก็พุ่งเข้าใส่หวงเสี่ยวหลงตรงๆ ในขณะที่ปลายกระบี่จะเสียทะลุหัวใจของหวงเสี่ยวหลง ก็ได้มีแสงระเบิดออกมาจากร่างหวงเสี่ยวหลงพร้อมกับมีพลังงานอันน่าหวาดหวั่นปะทุออกมาด้วย ด้วยการสั่นไหวของพลังงานนี้เพียงเล็กน้อย ทําให้กภูมิติที่กักขังหวงเสี่ยวหลงอยู่กับที่นั้นถูกทะลายลง
หวงเสี่ยวหลงจึงได้หายวูบหายตัวไปจากตรงนั้น แต่กระบี่มังกรเพลิงนั้นก็ยังสามารถสร้างรอยแผลบนหน้าอกของหวงเสี่ยวหลงได้
จ้าวเฉินก็ตกขึ้นมาซึ่งเขาตกใจแบบไม่เคยเป็นมาก่อน หวงเสี่ยวหลงกลับหนีรอดจากการควบคุมมิติอย่างสมบูรณ์ของกฏมิติของเขาได้?!
ในขณะที่เขากําลังตกใจอยู่นั้น ก็ได้มีแสงดาบพุ่งเข้าหาจ้าวเฉิน เขาจึงรีบหลบอย่างเฉียดฉิวด้วยความตื่นตระหนก ฉีก! เสียรอยบาดก็ดังขึ้นในขณะที่แสงดาบนั้นกรีดผ่านขอบชุดของเขาจ้าวเฉินก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แพร่กระจายจากเอวสู่ร่างกายทุกส่วนของเขา
จ้าวเฉินก็กระโดดถอยหลังไปไกลก่อนที่เขาจะหยุดยืน เขาได้ใช้แขนซ้ายของเขาแตะที่แผลบนเอว เขาก็เห็นเลือดเปื้อนฝ่ามือและมีรอยแผลลึกสองรอยที่กรีดยาวไปถึงแผ่นหลังของเขาพอสัมผัสได้ถึงอาการบาดเจ็บของตัวเอง จ้าวเฉินก็ตกใจขึ้นมา และเขายังลืมหลงหลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ
มันผ่านไปหลายปีแล้วที่เขาได้หลงลืมความเจ็บปวดแบบนี้
หลี่ฉิวปิง หวังหลิน ทั่วเตอฮียและฝูงชนที่ยืนมุงดูจากรยะไกลก็แทบไม่อยากจะเชื่อในขณะที่เขาจ้องมองบาดแผลบนร่างของจ้าวเฉินที่บาดลึกไปถึงกระดูก
“นายน้อย!”ในที่สุดพ่อบ้านเพิงและคนที่แหลือก็ตอบสนอง พวกเขาจึงรีบไว้ไปหาจ้าวเฉินด้วยความเร็วสูงสุดพร้อมกับใบหน้าซีดเซียว
หลังจากเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กๆน้อยๆ พ่อบ้านเฟิงและข้ารับใช้คนอื่นๆก็เอาโอส ถขนาดนิ้วโป้งสีทองหลายชิ้นออกมาจากแหวนมิติแล้วส่งให้จ้าวเฉินกิน และพ่อบ้านเฟิงก็ได้เอาของเหลวสีเขียวมรกตออกมาจากขวดหยกอันอื่นทาบาดแผลบนร่างจ้าวเฉิน
จ้าวเฉินก็โบกมือให้พวกเขาและพูดไปว่า “ข้าไม่เป็นไร” ความเจ็บปวดจากแผลที่เอวของเขานั้นช่วยให้สมองเขาโล่งขึ้นมา
หวงเสี่ยวหลงนั้นยืนอยู่ห่างออกไปซึ่งเขาไม่โจมตีในตอนที่ข้ารับใช้ของจ้าวเฉินรักษาอาการบาดเจ็บให้จ้าวเฉิน แต่ในดวงตาของหวงเสี่ยวหลงนั้นราวกับธารน้ําแข็ง ไม่เป็นไรงั้นหรือ? บางทีในสายตาของจ้าวเฉิน อาการบาดเจ็บนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับบาดแผลภายนอกแต่ในไม่ช้าเขาก็ จะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดอันแสนทุกทรมานจากการกกรัดร่อนเลือดเนื้อของปราณเทพอสูร
และก็เป็นจริงอย่างที่หวงเสี่ยวหลงคิด ครู่ต่อมาจู่ๆสีหน้าของจ้าวเฉินก็ซีดเวียวไร้สีสันทันทีรอบๆบาดแผลของเขานั้นก็ได้มีควันสีดําโผล่ออกมาพร้อมกับมีเสียงกรีดร้องอันน่าหวาดกลัวดัง
พ่อบ้านเฟิงและคนที่เหลือที่สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็ตกใจขึ้นมา
“นายน้อย ท่านเป็นอะไรใหม?!” พ่อบ้านเฟิงก็เข้าไปหาจ้าเวฉินพร้อมกับถามคําถามด้วยสีหน้ากังวล
จ้าวเฉินก็เงยหน้าและใช้ดวงตาอันดุร้ายจับจ้องหวงเสี่ยวหลงที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นเขาก็พูดออกมาพร้อมกับมีจิตสังหารที่พุ่งออกมาจากดวงตาของเขา “ฆ่าพวกมันซะ!”
ฆ่า!
พ่อบ้านเฟิงและข้ารับใช้คนอื่นก็เรียกจิตวิญญาณต่อสู้ของตัวเองออกมาแล้วทําการรวมร่างจากนั้นพวกเขาก็พุ่งเข้าใส่หวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางราวกับหมาป่าผู้หิวโหย
ฝ่ายของจ้าวเฉิน นอกจากพ่อบ้านเฟิงก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะหนึ่งคน ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะสองคนั้นก็ได้ร่วมมือกันโจมตีใส่หวงเสี่ยวหลงแต่ทว่าผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะทั้ง 5 นั้นได้โจมตีใส่ผียักษ์เฟิงหยาง
ในสายตาพ่อบ้านเฟิงและข้ารับใช้คนอื่น ภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุดคิดหวงเสี่ยวหลง ตราบใดที่พวกเขาจัดการหวงเสี่ยวหลงได้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะอยู่ในการควบคุมของพวกเขาส่วนสําหรับชายร่างยักษ์ที่อยู่ด้านหลังของหวงเสี่ยวหลงนั้น พวกเขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด
จ้าวเฉินก็เฝ้ามองผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะทั้ง5คนรุมจัดการชายร่างยักษ์แล้วสั่งการไปอย่างเย็นชาว่า “รีบๆจัดการมันซะ!”
“ได้ขอรับ นายน้อย!” ผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะทั้ง5คนก็ตอบออกมาพร้อมกันแล้วพุ่งเข้าไปพวกเขาแต่ละคนก็ใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดโจมตีใส่เฟิงหยาง ในภายเสี่ยววิ หมัดและฝ่ามือมากมายก็ปกคลุมไปทั่วพื้นที่แห่งนี้ซึ่งทําให้พื้นที่แห่งนี้สว่างขึ้น
พอเผชิญหน้ากับการโจมตีทั้ง 5 ทิศทาง ผียักษ์เฟิงหยางก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วคําราม เสียงอันแปลกประหลาดที่ทําให้แสบแก้วหูดังก้องไปทั่ว เหล่าผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะที่รุมโจมตีผียักษ์เฟิงหยางนั้นก็ตกใจที่เห็นว่าชายร่างยักษ์นั้นปล่อยให้พวกเขาทั้ง 5 คนโมตีใส่ร่างโดยไม่หลบการโจมตีหรือต้านทานการโจมตีใดๆเลย
ตุบ! ปัง! ได้เกิดการระเบิดมากมายดังขึ้นเรื่อยๆ แต่เฟิงหยางนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม
สายตาของผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวทั้ง 5 ก็แทบจะถลนออกมาจากเบ้าตาด้วยความตกตะลึง
เมื่อแสงสว่างจางหาย ผียักษ์เฟิงหยางก็ยกหมัดขึ้นแล้วโจมตีใส่ผู้ฝึกตนครึ่งก้าวคนหนึ่งและผู้ฝึกตนตนนั้นก็ได้พยายามป้องกันการโจมตีของผียักษ์เฟิงหยางแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ถูกชกลอยออกไปพร้อมกับกรีดร้องออกมา ซึ่งร่างกายของเขาได้ระเบิดเป็นชิ้นๆกลางอากาศแล้วกลายเป็นหมอกเลือดไป
หนึ่งหมัดชกทําลายผู้ฝึกตนครึ่งก้าวแตกสลายเป็นสี่ยงๆ
และผู้ฝึกตนคนนั้นก็เป็นผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะขั้นสูงสุดด้วย
จากนั้นเฟิงหยางก็ได้ใช้หมัดทั้งสองโจมตีใส่ลําตัวผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะอีกสองคน ซึ่งหมัดของเฟิงหยางนั้นก็พุ่งเสียบทะลุออกมาด้านหลังของผู้ฝึกตนสองคนนั้น
ผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะที่เหลืออีกสองคนก็หน้าซีดเซียวไร้สีสัน ในขณะที่พวกเขาจะหันหน้านี้มือยักษ์ก็ได้คว้าจับคอพวกเขาไว้จากด้านบนซึ่งนิ้วทั้ง 5 ของมือยักษ์นั้นก็ได้เสียบทะลุเข้าไปในกะโหลกของทั้งสองคน ซึ่งทําให้เสียงกรีดร้องของผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะทั้งสองคนได้ขาดหายไปทันที
จากนั้นผียักษ์เฟิงหยางก็ได้อ้าปากแล้วดูดกลืนวิญญาณของผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะเข้าสู่ร่างไป