Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 323
ตอนที่ 323 เข้าสู่ถ้ําฝึกตนของราชาผี
ตอนแรก จ้าวเฉินเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่หวงเสี่ยวหลงเพียงผู้เดียว แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าข้ารับใช้ระดับครึ่งก้าวเทวะนั้นถูกฆ่าอย่างง่ายดายภายในไม่กี่ลมหายใจ และเขายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายภูตผีที่ไหลทะลักมาจากชายร่างยักษ์ สีหน้าของเขาจึงแข็งตึงขึ้นทันที “ภูติผี!”
หลี่ฉิวปิง หวังหลินและคนที่เหลือที่ได้ยคําพูดของจ้าวเฉิน ก็เรียบหันไปจ้องผียักษ์เฟิงหยางทันที
ช่างเป็นกลิ่นอายภูตผีที่น่าหวาดกลัวเสียจริงๆ มันจะเป็น..?
ระดับเทวะ!
ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขานั้นคือผู้ฝึกตนภูติผีระดับเทวะ! ภูตผีเทวะ!
พ่อบ้านเฟิงและผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะอีกคนที่ร่วมมือกันต่อสู้กับหวงเสี่ยวหลงอยู่นั้น เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงเสี่ยงหันหน้าไปมองการต่อสู้ทางฝั่งนั้น เมื่อเขาเห็นจุดจบของผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะทั้ง 5 คน ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเซียวขึ้นมา
หลังจากดูดกลืนวิญญาณระดับ เฟิงหยางก็เรอออกมาอย่างพึงพอใจ จากนั้นเขาก็โยนร่างไร้ชีวิตไปด้านข้างในขณะที่หอกโลหิตสามง่ามปรากฏขึ้นบนของเขา ต่อมาเขาก็ได้พุ่งออกไปแล้วแทงหอกโลหิตสามง่ามใส่จ้าวเฉินซึ่งหอกนี้ได้ส่องแสงสีแดงโลหิตออกมาอย่างแปลกประหลาด
แต่ก่อนที่หอกโลหิตสามง่ามจะเข้าถึงตัวจ้าวเฉิน กลิ่นอายแห่งความตายและกลิ่นเน่าเหม็นที่ไหลออกมาจอกหอก็เข้าปกคลุมจ้าวเฉิน จ้าวเฉินที่ตกใจก็รีบโบกมืออย่างเร่งรีบเพื่อเรียกมิติเทวะของเขามาต้านทานการโจมตีที่เข้ามาตรงหน้า
ต่อมาก็ได้เกิดระเบิดดังขึ้นซึ่งร่างของจ้าวเฉินนั้นได้ถูกส่งลอยออกไป ด้วยความที่เอวของเขายังได้รับบาดเจ็บอยู่จ้าวเฉินจึงได้กลับฟันเพื่อจะไม่ให้ร้องออกมา ในการปะทะกันสั้นๆ ปราณเทพอสูรที่แทรกซึมอยู่ในปราณเทวะของเขาเมื่อก่อนหน้านี้นั้นก็ได้ปะทุออกมา ซึ่งมันทําให้อวัยวะภาย ในของเขาได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บที่แสนทุกข์ทรมานซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ทําให้ใบหน้าข องจ้าวเฉินซีดเซียวราวกับคนใกล้ตาย
ผียักษ์เฟิงหยางก็เงยหน้ากู่ร้องออกมา จากนั้นมันก็เอาหอกโลหิตสามง่ามโจมตีออกไปอีกครั้ง
“นายน้อย!” พอเห็นว่าสถานการณ์อันเลวร้ายของจ้าวเฉิน พ่อบ้านเฟิงและผู้ฝึกตนระดับเทวะอีกคนก็ทนพัวพันกับหวงเสี่ยวหลงไม่ได้อีกแล้ว พวกเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นผียักษ์เฟิงหยาง อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกเขาทั้งสองคนนั้นเตรียมตัวจะไปช่วยจ้าวเฉิน ก็ได้มีร่างเงากระพริบขึ้น จากนั้นก็ได้มีพายุลําแสงกระบี่นับล้านเข้าปิดกั้นเส้นทางของพวกเขา และร่างเงานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวงเสี่ยวหลง
“พายุนรก!”
“น้ําตาเทพอสูร!”
หวงเสี่ยวหลงก็ใช้ดาบเพทอสูรในมือของเขาโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ให้พ่อบ้านเฟิง และผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะอีกคนมีเวลาหายใจได้และกดดันให้พวกเขาหันกลับมาสู้ตามเดิมพร้อมกับดึงให้พวกเขาออกห่างจ้าวเฉิน
อีกด้าน จ้าวเฉินนั้นกําลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ําแย่ เขานั้นได้ถูกหอกโลหิตสาง่ามของผียักษ์เฟิงหยางไล่ต้อนจนมุม
ศิษย์แห่งเมืองผีเขียว เมืองจักรพรรดดาบ เมืองมังกรเหมันก็กําลังเฝ้ามองดูการต่อสู้ในช่วงท้าย พวกเขานั้นต่างหันมองสีหน้าที่ตกตะลึงของกันและกันอย่างเงียบๆ ซึ่งในพวกเขาไม่เคยมีใครจินตนาการว่าสถานการณ์มันจะออกมาเป็นแบบนี้เลยสักคน
“ศิษย์พี่สอง พวกเราควรจะเข้าไปช่วยหรือ…?”หวังหลินฟื้นขึ้นมาจากความตกใจ ก็ได้หันไปมองหลี่ฉิวปิงแล้วถามขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จ้าวเฉินนั้นเป็นลูกชายของเจ้าเมืองแห่งบาป นอกจากนี้ จ้าวเฉินนั้นยังเป็นที่โปรดปรานของจ้าวยี่มากที่สุดด้วย หากจ้าวยี่รู้ว่าในขณะที่จ้าวเฉินตกอยู่ในปัญหาแต่ศิษย์ แห่งเมืองมังกรเหมันและคนอื่นๆกลับยืนเฝ้าดูจ้าวเฉินถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาหล่ะก็ จ้าวยคงได้เอาความโกรธของเขาไปลงใส่เมืองมังกรเหมันและเมืองอื่นๆแน่
“ไปช่วยเขากันเถอะ” หลี่ฉิวปิงก็ตัดสินใจ น้ําเสียงของเขาฟังดูโศรกเศร้ามาก
ไม่ว่าจะเป็นการทําเพื่อเจ้าเมืองแห่งบาปหรือเพื่อเรื่องการเป็นพันธมิตระหว่างเมืองมังกรเหมันและเมืองแห่งบาป เขาก็ไม่สามารถยืนเฝ้าดูจ้าวเฉินถูกฆ่าไปได้
หวังหลินก็พยักหน้าให้กับการตัดสินใจของหลี่ฉิวปิง ด้วยเพียงพูดเบาๆ แม้เส้นยาวก็ปรากฏขึ้นในมือของธอ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะอธิบายว่าแส้นเส้นนี้ทํามาจากอะไร สายหนังของแส้ แต่ละส่วนนั้นถูกแบ่งออกเป็น 13 ส่วน ด้วยการสะบัด แม้เส้นยาวนี้ก็ได้พุ่งเข้าไปมัดร่างของผียักษ์เฟิงหยางทันที
พอเห็นศิษย์แห่งเมืองมังกรเหมันเคลื่อนไหว ศิษย์แห่งเมืองจักรพรรดิดาบและเมืองผีเขียวก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าไปช่วยด้วย
ในช่วงสับสนอลหม่าน ผียีกษ์เฟิงหยางที่ได้รับความเจ็บปวดจากฝ่ามือของถั่วเตอฮุยแห่งเมืองผีเขียวที่โจมตีใส่หน้าของเขาก็ล้มลงไป และมีหมอกสีเขียวอันหนาแน่นพุ่งออกมาสู่อากาศ
“ไป!” พอมองเห็นสถานการณ์ที่จู่ๆก็เปลี่ยนไป หวงเสี่ยวหลงก็ตะโกนใส่เฟิงหยางแล้วใช้งานเขตแดนสายฟ้าด้วยดาบเทพอสูร ในขณะหวงเสี่ยวหลงใช้ซ่อนเร้นไปปรากฏตัวขึ้นข้างผียักษ์เฟิงหยาง เส้นสายฟ้าที่เคลื่อนไหวไปมาในท้องฟ้าก็ได้พุ่งลงมาขัดขวางพวกเหล่าศิษย์จากเมืองต่างๆที่เข้ามาโจมตีเฟิงหยาง หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ได้เอามือแตะลงบนไหล่ของเฟิงหยาง และต่อมาทั้งสองคนก็หายไปจากสายตาของศิษย์จากเมืองต่างๆเหล่านั้นในทันที
เมื่อจ้าวเฉินที่กําลังระงับปราณเทพอสูรที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างของเขาเห็นหวงเสี่ยวหลงและชายร่างยักษ์หายตัวไปต่อหน้าต่อตาของเขา เขาก็คํารามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “ไปค้นหามันซะ! จงไปลากไอ้ภูตผีเวรนั้นมาให้ข้าซะ!”
แต่เมื่อเขาเห็นหลี่ฉิวปิงและคนอื่นไม่ได้ลงมือ เขาก็โยนความโกรธใส่พวกนั้น “พวกเจ้ามัวยืนอยู่ทําหอกอะไร ไปตามหาพวกมันสิวะ!”
คิ้วของหลี่ฉิวปิงก็ขมวดขึ้นด้วยความไม่พอใจในทัศนคติของจ้าวเฉินที่ตะโกนใส่พวกเขาราวกับเป็นขี้ข้า เขาจึงได้โต้กลับไปด้วยการเยาะเย้ย “จ้าวเฉิน พวกข้าไม่ใช่ทาสของเจ้าหรอกนะ”
จ้าวเฉินก็โมโหมาก
“เอาหล่ะ เอาหล่ะ พวกเราที่อยู่ที่นี่ทุกคนเป็นสหายกัน อย่าสู้กันเพราะแค่ผู้ฝึกตนระดับเวียนเทียนตัวกระจ้อยเลย มันสามารถหนีไปได้ แต่มันคงหนีไปได้ไม่ไกลหรอก มันคงไม่มีทางหลบหนีออกจากดินแดนแห่งความโกลาหลได้อย่างแน่นอน เมื่อเราไล่ต้อนจนมันจนมุมได้เมื่อไหร่ พี่จ้าวเฉินก็ค่อยจัดการมันอย่างที่ท่านต้องการแล้วกัน”กั่วเตอฮุยก็ทําตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ยแล้วยิ้มออกมาอย่างมีอัธยาศัยดี
จากนั้นใบหน้าของจ้าวเฉินจึงดูดีขึ้นมาหน่อย
”บางทีเจ้าเด็กนั่นอาจจะหลบหนีเข้าไปในถ้ําฝึกตนของราชาผี”ศิษย์ของเมืองจักรพรรดิดาบก็พูดขึ้น “พวกเราก็รีบเข้าไปกันเถอะ มิฉะนั้นมันคงคว้าคัมภีร์ราชาผีและโอสถวิญญาณราชผีไปก่อนแน่”
“คัมภีร์ราชาผีและโอสถวิญญาณราชาผีงั้นหรอ?” จ้าวเฉินก็ยิ้มออกมาอย่างดูถูก “สมบัติพวกนั้นไม่ใช่สิ่งเขาที่มันควรจยื่นมือไปแตะต้องเพราะมันต้องการได้หรอกนะ?” จ้าวเฉินที่ไม่พูดอะไรต่อก็ได้หยิบเอายันต์ออกมาแล้วใช้ขายอาคมที่สลักอยู่ในยันต์ เรียกผู้เชี่ยวชาญของเมืองแห่งบาปมา
หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับเทวะแล้ว ผู้ฝึกตนจะได้รับความสามารถในการควบคุมมิติ ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายอาคมหรือยันต์อาคมประเภทนี้เรียกพรรคพวกหรือส่งข้อความแก่กันและกัน
ครูต่อมา จ้าวเฉินและคนที่เหลือก็มุ่งหน้าเข้าสู่ถ้ําฝึกตนของราชาผี
อีกด้าน หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ได้เดินทางผ่านถ้ําฝึกตนของราชาผีชั้นที่ เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ชั้นที่สอง พร้อมกับผียักษ์เฟิงหยางที่เป็นผู้น้ําทาง ชั้นแรกนั้นเป็นทุ่งหิมะอันกว้างใหญ่แต่ทว่าชั้นสองนั้นเป็นหุบเขาอันไร้ที่สิ้นสุด
เหนือหุบเขานั้นก็มีพระอาทิตย์อันสดใสที่ดูเหมือจะไม่เคยตกลงมา ซึ่งเป็นภาพที่ทําให้รู้สึกเงียบสงบ แต่ผียักษ์เฟิงหยางกับหันหน้าไปหาหวงเสี่ยวหลงด้วยสีหน้าที่จริงจัง “นายท่าน หุบเขาบนชั้นสองนี้ถูกสร้างขึ้นจากข่ายอาคมทรงพลังมากมาย หากเขาไปสัมผัสกับกิ่งไม้หรือใบไม้ใบเดียวโดยไม่ระวังก็จะทําให้ขายอาคมพวกนี้ทํางานขึ้นได้ ดังนั้นเราจะต้องบินข้าหุบเขาที่ยอดยาวไปกลแห่งนี้ไปในที่เดียวอย่างระมัดระวัง
บินข้ามหุบเขาที่ทอดยาวไปไกลโดยไม่หยุดพักงั้นหรอ? หวงเสี่ยวหลงก็ตกตะลึง จากนั้นเขาก็สูดหายใจลึก เรื่องแบบนี้อาจจะเป็นเรื่องลําบากสําหรับผู้อื่นแต่ไม่ใช่กับเขา
เพราะเขานั้นไม่หุบเขาเทวะซูม หากหยิบยืมพลังจากข่ายอาคมพระพุทธสิบองค์หล่ะก็ เขาจะสามารถใช้หุบเขาเทวะซูมบินข้ามไปจนถึงทางเข้าชั้นที่สามได้เลย
“นอกจากนี้ มีอะไรที่ข้าต้องให้ความสนใจหรือไม่?” หวงเสี่ยวหลงก็ถามขึ้น
พอเห็นว่าหวงเสี่ยวหลงดูเหมือนจะไม่ใส่ใจในสิ่งที่เขาเตือน เขาจึงทนไม่ให้พูดเน้นย้ําออกมาอีกครั้งไม่ได้ “นายท่าน ขายอาคมรอบหุบเขานี้มันแข็งแกร่งมากเลยนะขอรับ หากไปทําให้มันทํางานโดยไม่ตั้งใจ แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะก็ถูกมันเล่นงานได้เลยนะขอรับ”
หวงเสี่ยวหลงก็โบกมือ “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น”
เฟิงหยางก็ทําได้พียงหยุดและเปลี่ยนหัวข้อเพราะพฤติกรรมของหวงเสี่ยวหลง “นอกจากนั้นแล้ว บนชั้นที่สองนี้ก็มีสิ่งมีชีวิตประเภทภูติผีที่เรียกว่าภูติกริชโลหิต แม้ว่าภูติกริชโลหิตนี้จะไม่แข็งแกร่งและมีความแข็งแกร่งอยู่เพียงระดับครึ่งก้าวเทวะหรือระดับครึ่งก้าวเทวะขั้นสูงสุด ปัญหาก็คือจํานวนของพวกมัน พวกมันเป็นพวกกัดไม่ปล่อยและยังฆ่ายากอีกด้วย”
“ภูติกริชโลหิต?” หวงเสี่ยวหลงก็มีนงง “ไม่ใช่ว่าเจ้าพูดว่าทุกที่นั้นเต็มไปด้วยข่ายอาคมหรอกหรอ? แล้วภูติกริชโลหิตพวกนี้ไม่หวาดกลัวขายอาคมเลยหรือไง?”
ผียักษ์เฟิงหยางก็ส่ายหัวอย่างไม่รู้ “ ”เรื่องนี้ ข้ารับใช้ผู้นี้ก็ไม่รู้ถึงเหตุผลแน่ชัด ถ้าหากให้ข้ารับใช้ผู้นี้คาดเดา เหตุผลที่ภูติกริชโลหิตถึงไม่หวาดกลัวหรือไม่โดยข่ายอาคมโจมตี อาจจะเป็นเพราะราชาผีได้ทําสัญญาบางอย่างบนข่ายอาคมเมื่อตอนที่เขาวางขายอาคมพวกนี้
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าเห็นด้วย
เขานั้นไม่ได้สนใจอะไรพวกภูติกริชโลหิตพวกนี้มากนัก คนที่ต้องการบินข้ามหุบเขานั้นจะต้องเฝ้ามองดูการโจมตีจากพวกมัน แต่หวงเสี่ยวหลงนั้นไม่ได้ห่วงเรื่องพวกนี้เลยเรพาะเขาจะใช้หุบเขาเทวะซูมี
หวงเสี่ยวหลงก็ได้เอาหุบเขาเทวะซูมออกมาโดยไม่เสียเวลาให้มากความ ในขณะที่ภูเขาสีทองปรากฏขึ้น รัศมีพุทธะก็ส่องสว่างไปทั่วรอบด้าน
“ไปกันเถอะ” ต่อสายตาของผียักษ์เฟิงหยางที่แสดงความตกใจออกมา ฉากตรงหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปทันทีในขณะที่เขาถูกนําเข้าสู่วิหารซูม จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ใช้งานข่ายอาคมพระพุทธสิบองค์และจากนั้นหุบเขาเทวะซูมก็พุ่งหน้าออกไปเป็นเส้นแสงสีทองและหายไปจากสายตา