Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 329
ตอนที่ 329 ไม่สามารถช่วยเหลือได้?
หวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางนั้นก็ได้เดินขึ้นยังชั้นสองทันทีที่พวกเขาเข้ามายังโรงเตี้ยมนี้แต่เขานั้นก็ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเจ้าของโรงเตี้ยมทันทีที่เขาก้าวเข้ามาสู่ชั้นที่สอง เมื่อได้เห็นหวงเสี่ยวหลงดวงตาของเจ้าของนั้นก็เบิกกว้างราวกับไข่ห่าน เขานั้นดูตื่นเต้นมากจนเสียงสั่นเครือเลย “ทะ-ท่านท่านคือนายน้อยหวงสินะขอรับ?!”
แม้ว่าจะผ่านไปหลายปีตั้งแต่ที่หวงเสี่ยวหลงจากอาณาจักลั่วถางไปแต่ด้วยความที่หวงเสี่ยวหลงนั้นมักจะแวะมาร้านนี้เจ้าของร้านจึงสามารถจับเขาได้แค่เพียงเห็น
แม้ว่าเขาจะลืมคนอื่นแต่ไม่ใช่หวงเสี่ยวหลง!!
หวงเสี่ยวหลงนั้นเป็นคนที่เป็นตัวแทนของอาณาจักรล้วถางในการประลองเมืองจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิตัวนเริ่นตัวตนในตํานานที่ชนะได้ที่หนึ่ง แล้วเขาจะไปลืมได้ไงกัน!
ปีนั้น หวงเสี่ยวหลงได้ชนะการประลองเมืองจักรพรรดิและได้ที่หนึ่งมา และเมื่อข่าวนี้มาถึงอาณาจักรลั่วถางทางอาณาจักรนั้นก็ได้จัดงานเลี้ยงฉลองกันไปทั่วอาณาจักร ราชาลู่เจ่อนั้นได้จัดงานเลี้ยงฉลองกันสามวันสามคืนพร้อมกับประกาศความสําเร็จของหวงเสี่ยวหลง!!
นอกจากนี้ เจ้าของร้านนั้นก็รู้ดีว่าหวงเสี่ยวหลวงนั้นเป็นคนที่แม้กระทั่งจอมพลของอาณาจักรล้วถางจอมพลฮ่าวเทียนก็ยังเคาพ!
เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าของโรงเตี้ยม หวงเสี่ยวหลงนั้นจึงยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าเบาๆ เขานั้นไม่คิดว่าเจ้าของโรงเตี้ยมนั้นจะยังจําเขาได้แม้ว่าจะผ่านไปหลายปี
เมื่อเห็นหวงเสี่ยวหลงพยักหน้าตอบรับ เจ้าของโรงเตี้ยมนั้นกลับยิ่งสําราญใจมากขึ้นไปอีกจนเกือบจะคุกเข่าทําความเคารพหวงเสี่ยวหลงในทันที หวงเสี่ยวหลงนั้นได้เข้าหยุดการคุกเข่าของเจ้าของโรงเตี้ยมไว้โดย การยื่นมือซ้ายออกมาพร้อมกับส่งซิกให้เขาลุกขึ้นยืนในขณะจ้องมองเขาและหันไปมองรอบๆอย่างมีเลศนัย
เมื่อเห็นการกระทําของหวงเสี่ยวหลง เจ้าของโรงเตี้ยมนั้นก็เข้าใจในทันทีว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นไม่อยากจะให้ใครรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ เขาจึงรีบลุกขึ้นยืนแต่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นเขาก็ยังคงแสดงความเคารพอย่างหวงเสี่ยวหลงและยืนตัวตรงจากนั้นเขานําทางหวงเสี่ยวหลงไปยังพื้นที่แยกไว้ด้วยตัวเองแล้วรับรายการสั่งอาหารของหวงเสี่ยวหลงด้วย
ลูกค้าคนอื่นนั้นก็สังเกตเห็นท่าทางอันเคารพของเจ้าของโรงเตี้ยมที่มีต่อหวงเสี่ยวหลงซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็ตกตะลึงและสงสัยมาก
ชั่วครู่ต่อมา เจ้าของโรงเตี้ยมนั้นก็ขอตัวลาอย่างเคารพ
ในขณะรอให้อาหารออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงวุ่นวายดังก้องขึ้นมาจากบนถนนซึ่งทําให้หวงเสี่ยวหลงสนใจเขาจึงหันไปมองออกไปนอกหน้าต่างและได้เห็นฝูงชนคนธรรมดาเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหนึ่ง
ในตอนนี้ เสียงการสนทนาของโต๊ะด้านข้างนั้นก็ดังเข้ามาถึงหูของเขา
“รีบกินเร็ว หลังจากกินเสร็จ พวกเราจะต้องรีบมุ่งหน้าไปยังลานด้านหน้าประตูพระราชวังแล้วหล่ะวันนี้มีการแสดงดีๆให้ดูด้วย!!”หนึ่งในลูกค้าก็พูดออกมา
ลูกค้าอีกคนก็แส
“ชีวิตช่างแปลกเสียจริง ใครจะคิดเล่าว่า องค์ชาย ล่ไคจะตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบ ดงความคิดเห็น
“ไค!?”หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินชื่อของลูไค
“เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
“นายน้อยหวงนี่อาหารของนายน้อยครับ” ในตอนนี้ เจ้าของโณงเตี้ยมนั้นก็เดินกลับมาพร้อมกับนําอาหารของหวงเสี่ยวหลงมาเป็นการส่วนตัว
หลังจากเขาวางอาหารลงบนโต๊ะที่ละอันแล้ว หวงเสี่ยวหลงจึงถามขึ้น “แล้วเรื่องล่ไค มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
เมื่อยินคําถามขึ้น ท่าทางของเจ้าของโรงเตี้ยมนั้นก็แปลกไปซึ่งเขานั้นไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีในเมืองหลวงนั้นทุกคนต่างรู้กันว่าหวงเสี่ยวหลงและองค์ชายลูไคนนั้นเป็นสหายอันดีต่อกัน ดังนั้นเขาเองก็รู้ด้วย
“พูดมา!!”ใบหน้าของหวงเสี่ยวหลงนั้นก็มืดครึมลงพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันอันทรงพลังออกมาปกคลุมทั้งโรงเตี้ยม โรงเตี้ยมที่เสียงดังเลื้อยแจ้วนั้นก็เงียบลงอย่างฉับพลัน และทุกคนในโรงเตี้ยมนั้นต่างก็ตกอยู่ในความหวาดกลัวทันที
ซึ่งทางเจ้าของโรงเตี้ยมนั้นก็หวาดกลัวมากจนเข่าทรุด “หวง นายน้อยหวง…”ใบหน้าของเขานั้นก็ซีดเซียวและเหงื่อแตกพลั่กในขณะจ้องมองหวงเสี่ยวหลงอย่างอึ้ง
เมื่อเห็นท่าทางของเจ้าของโรงเตี้ยมแล้ว หวงเสี่ยวหลงจึงสลายแรงกดดันที่เขาปล่อยออกมาแล้วลดหน้าพร้อมกับพถูกว่า “ลุกขึ้นก่อน”
เข้าของโรงเตี้ยมที่ไม่กล้าจะรีรานั้นก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วเล่าเรื่องนั้นตั้งแต่เริ่มให้กับหวงเสี่ยวหลงด้วยน้ําเสียงอันสั่นเครือด้วยความเคารพ
ยิ่งหวงเสี่ยวหลงได้ฟัง สีหน้าของเขานั้นก็ยิ่งมืดครึ่มมากขึ้น
ในขณะเล่าไปจนจบ เจ้าของโรงเตี้ยมนั้นก็สังเกตเห็นว่าอาหารอันอุ่นๆที่มีควันโชยออกมาซึ่งเขาได้เสิร์ฟมาเมื่อสักครู่นั้นได้ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ําแข็ง ตอนนี้พวกเขานั้นอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลแล้วน้ําแข็งพวกนี้มาจาก ใหนกัน?
เมื่อเล่าหมดแล้ว เจ้าของโรงเตี้ยมนั้นก็สัมผัสได้ว่าคอของเขานั้นแห้งผากในขณะที่ยืนอยู่ตรงนั้นและไม่กล้าจะขยับไปใหน
หรือก็คือเพื่อยึดบัลลังก์ น้องชายของลูไค ลู่จึงนั้นได้เข้าร่วมนิกายที่เรียกตัวเองว่านิกายเทพวายุแล้วกราบไหว้ผู้นํานิกายเป็นอาจารย์แล้ววางแผนร่วมมือกันก่อกบฏ หลังจากเข้าควบคุมลู่เจ่อได้พวกมันจึงบังคับให้ลู่เจ่อถอดถอนสถานะองค์ชายของไคแล้วทําการส่งตัวลู่ไคเข้าคุกใต้ดิน
แถมยิ่งไปกว่านั้นคือพวกมันก็ได้ประกาศว่าจะนําตัวลูไคไปที่ลานตรงข้ามประตูพระราชวังเพื่อประหารชีวิตต่อหน้าประชาชนในที่สาธารณะ!!
“มีเวลาเหลือเท่าใดกว่าจะเริ่มการประหาร?”หลังจากเงียบมาสักครู่ หวงเสี่ยวหลงนั้นก็จ้องมองเจ้าของโรงเตี้ยม
เจ้าของโรงเตี้ยมนั้นก็หันไปมองท้องฟ้าข้างนอกแล้วตอบ “ประมาณหนึ่งชั่วโมงขอรับ”
“หนึ่งชั่วโมง” หวงเสี่ยวหลงจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับเตรียมตัวออกไปกับผียักษ์เฟิงหยาง
เมื่อคาดเดาได้ว่าหวงเสี่ยวหลงต้องการจะทําอะไร เจ้าของโรงเตี้ยมจึงกล่าวออกมาอย่างกล้าหาญ “นายน้อยหวง ข้ารู้ดีว่าท่านคงอยากจะช่วยองค์ชายลู่ไคแต่แค่เพียงท่านทั้งสองคน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการทหารองครักษ์นับแสนคนได้ หากว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ ไม่เพียงท่านจะช่วยองค์ชายลูไคไม่ได้ ท่านก็อาจจะเสียชีวิตไปด้วยนะขอรับ
ในปีนั้นในตอนที่หวงเสี่ยวหลงได้พาครอบครัวของเขาไปยังจักรวรรดิโวนเงิน จอมพลอ่าวเทียนนั้นก็ได้ร่วมเดินทางไปกับตระกูลหวงด้วย ดังนั้นแล้ว หวงเสี่ยวหลงนั้นจึงไม่มีกําลังเสริมภายในอาณาจักรล้วถางอีกแล้ว ถ้าหากเขาวางแผนที่จะช่วยเหลือองค์ชายลูไคเพียงแค่สองคน ในความคิดของเจ้าของร้าน นี่กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่สิ้นคิดมากแม้ว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นจะทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียน(นักรบเหนือธรรมชาติ)แล้วก็ตาม
หวงเสี่ยวหลงนั้นก็จ้องมองเจ้าของโรงเตี้ยมแล้วยิ้มออกมา “เสียชีวิตงั้นเหรอ?”เขานั้นไม่ได้โมโหและเขานั้นก็เข้าใจดีว่าเจ้าของโรงเตี้ยมนั้นหวังดีกับเขา
เมื่อเห็นหวงเสี่ยวหลงยังคงไม่แยแสกับเรื่องนี้ เขาจึงเคร่งเครียดและรีบพูดขึ้น “ใช่ขอรับ ข้าคิดว่านายน้อยหวงคงจะทะลวงระดับเซียนเทียนไปแล้ว แต่นอกจากทหารองครักษ์นับแสน ข้าได้ยินว่าคนที่รับหน้าที่คอยคุ้มกันองค์ชายลูไคนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียน 2 ขั้นสูงสุด”
“ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียน 2 ขั้นสูงสุด?”หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ตกตะลึง อาณาจักรเล็กๆอย่างลั่วถางนั้นกลับมีผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียน 2 ขั้นสูงสุด
เจ้าของโรงเตี้ยมจึงพยักหน้าอย่างเร่งรีบ “ใช่แล้วขอรับ ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นเป็นคนจากนิกายเทพวายุและเป็นศิษย์พี่ของลู่จึง มีนามว่า เหอฮุย”
“งั้น คนจากนิกายเทพวายุสินะ? แต่ไอ้นิกายพรรค์นี้มันโผล่มาจากใหนกัน? กระทั่งเจ้าของโรงเตี้ยมก็ยังไม่รู้
แต่ไม่ว่ามันจะมาจากที่ใหน สิ่งที่คอยคอยนิกายเทพวายุนั้นก็คือการถูกทําลาย!!
“อุ่นอาหารพวกนี้ไว้รอข้าแล้วกัน หลังจากข้าช่วยสหายของข้าได้ ข้าจะมากินดื่มกับเขาที่นี่”หวงเสี่ยวหลงนั้นก็พูดกับเจ้าของโรงเตี้ยมและหัวเราะออกมาในขณะชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะ
เจ้าของโรงเตี้ยมนั้นก็ยืนอย่างมึนงงแล้วจากนั้นเขาก็เข้าใจในความหมายของหวงเสี่ยวหลงขึ้นมาแต่ในขณะเดียวกัน หวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางนั้นก็ได้หายไปจากสายตาของเขาแล้ว
เจ้าของโรงเตี้ยมนั้นก็จ้องมองจุดที่หวงเสี่ยวหลงและชายร่างยักษ์ยืนอยู่เมื่อครู่อย่างอึ้ง ซึ่งตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมด หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็ส่ายหัวและพึมพํากับตัวเอง “ข้าหวังว่าสวรรค์จะประทานพรให้นายน้อยหวงพ้นภัย”เขานั้นไม่คิดว่าหวงเสี่ยวหลงและพรรคพวกนั้นจะสามารถช่วยเหลือลไคได้
ในตอนนี้ประหลักของพระราชวังนั้นก็ได้ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ไคที่ถูกมัดตรึงแขนขาไว้กับเสาเหล็กซึ่งถูกคุ้มกันโดยกลุ่มทหารองครักษ์ก็ได้ถูกนําตรงไปยังลานตรงหน้าประตูพระราชวัง ในรอบๆลานนี้ก็ได้มีเครื่องกีดขาวงถูกวางกั้นไว้อย่างแน่นเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสโดยตรงกลางเป็นสถานที่จัดการประหาร
เหล่าคนธรรมดาที่มาเฝ้าดูการแสดงนี้ต่างก็ยืนออรอบลานนี้พร้อมกับใช้นิ้วชี้และส่ายหัวไปมาบางคนสงสารบางคนเห็นใจ