Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 199
บูม!!! เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
ร่างกายของจ้าวชูก็สั่นแล้วก้าวถอยหลังกลับมา พอละวางการป้องการ เขาก็หันไปมองแหล่งที่มาของพลังและพบสตรีงดงามปรากฏขึ้นมาจากช่องว่างมิติ
“ท่านอาจารย์”พอเห็นสตรีนางนั้น หลี่ลู่ก็หลหลุดพูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
ในขณะนั้นอ่าวไป๋เสวียก็รีบมุ่งหน้าไปหาสตรีนางนั้นอย่างรวดเร็วและทำความเคารพ “ยินดีที่ได้พบขอรับ ท่านป้า”
สตรีนางนี้เป็นคนที่พาหลี่ลู่ไปเมื่อ 3ปีก่อน เธอชื่อหลี่โม่หลินซึ่งมีนามสกุลเดียวกับหลี่ลู่
หลี่โม่หลินก็พยักหน้าแล้วเดินมาหาจ้าวชู เธอก็เอ่ยขึ้นว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว แต่เจ้าก็ยังคงห่างชั้นกับข้า!”
จ่าวชูก็ถากถาง “ทำไมเจ้าไม่ลองทดสอบดูหล่ะ”
เมื่อก่อนหน้านี้ดูเหมือนจ้าวชูอาจจะตกเป็ฌนฝ่ายเสียเปรียบ แต่เขาก็แสดงการโจมตีออกไปอย่างรวดเร็ว และที่จริงแล้วความแข็งแกร่งของเขาและเธอนั้นมีความใกล้เคียงกัน
หลี่โม่หลินไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่เธอกลับหันหน้าไปมองหวงเสี่ยวหลงแทน “เจ้าชื่อหวงเสี่ยวหลงใช่มั้ย? ข้ารู้ว่าลูกศิษย์ของข้าชอบเจ้า แต่ตอนนี้เธอเป็นลูกศิษย์แห่งนิกายนักรบแห่งพระเจ้า ข้าไม่ได้คัดค้านหรอกนะหากพวกเจ้าต้องการอยู่ด้วยกัน…..แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องเป็นศิษย์นิกายนักรบแห่งพระเจ้าด้วย”
หลี่โม่หลินก็เหลือบมองจ้าวชูเมื่อเธอพูดเรื่องนี้ออกมาแล้วหันกลับไปมองหวงเสี่ยวหลง “ข้ารู้กว่าตัวตนของเจ้าไม่ใช่อะไรๆที่ธรรมดา แต่ไม่ว่าจะเป็นตัวตนหรือขุมกำลังที่สนับสนุนเจ้าแบบใหนพอมาอยู่ต่อหน้านิกายนักรบแห่งพระเจ้าแล้วมันก็ไม่มีค่าอะไรมากนัก เว้นแต่เจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะ!”
เมื่อเธอพูดจบ เธอก็หันไปมองอ่าวไป๋เสวียและหลี่ลู่ “ไปกันเถอะ!!!”จากนั้นเธอก็บินเข้าช่องว่างมิติไป
อ่าวไป๋เสวียก็รีบพุ่งตามไป
ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาม พอหลี่ลู่หันมามองหน้าของหวงเสี่ยวหลงเป็นครั้งสุดท้าย เธอก็ส่งเสียงออกมาอย่างสะอึกสะอื้น “เสี่ยวหลง ข้าจะรอเจ้าที่นิกายนักรบแห่งพระเจ้าตลอดไป!”จากนั้นเธอก็หันหน้าแล้วหายตัวไปทันที
พอมองหลี่โม่หลินออกไป จ้าวชูก็อยากจะหยุดเธอแต่หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว “ไม่จำเป็น”แม้ว่าจะเป็นเจ้าชู เขาก็คงไม่สามารถหยุดพวกนั้นได้ หลี่โม่หลินได้พูดไว้ว่าไม่ว่าจะมีตัวตนแบบใหนเมื่ออยู่ต่อหน้านิกายนักรบแห่งพระเจ้าแล้วมันก็ไร้ค่ายิ่งนักถ้าหากเจ้าไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นเทวะ!
ผู้เชี่ยวชาญขั้นเทวะ!
พอหวงเสี่ยวหลงก็มองเงาของหลี่ลู่ที่ค่อยๆหายไปและอ่าวไป๋เสวียที่อยู่ข้างเธอ เขาก็กำหมัดแน่น พอเฝ้ามองเธอที่ค่อยๆเหินห่างออกไปทำให้เขารู้สึกปวดใจยิ่ง
มันนาอึดอัดยิ่งนัก !
ทั้งหมดที่หวงเสี่ยวหลงคิดก็คือเขาจะต้องเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งพอจะปกป้องครอบครัวและคนใกล้ชิด แค่เพียงมีพลังอันน้อยนิดก็ทำให้เขามีความคิดโง่เขลาและน่าหัวเราะมาจนถึงทุกวันนี้
เขาหน่ะยังไม่มีพลังพอจะปกป้องคนที่เขารักได้เลย!
ในทีสุด เขาก็ทำได้เพียงมองดูหลี่ลู่ถูกเอาตัวไปต่อหน้าต่อตา กลิ่นอายสังหารอันหนาวก็พุ่งพล่านออกมาจากร่ายกายหวงเสี่ยวหลง ทำให้อากาศที่ไหลเวียนอยู่รอบตัวเย็นยะเยือกไป
การมองเห็นของหวงเสี่ยวหลงก็กลายเป็นสีแดงอันหนาวเหน็บ
จ้าวชูที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็ต้องการจะพูดปลอบประโลมแต่เขากลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี เขาก็เลยทำตัวเงียบต่อไป เขาเข้าใจความรู้สึกของท่านจักรพรรดิดี ซึ่งมันก็เหมือนกับตอนนั้นที่เขาอ่อนแอและไร้พลัง ในปีนั้นตัวเขาที่ไร้พลังและอ่อนแอทำได้เพียงมองดูคนที่เขารักถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดมันทำให้หัวใจของเขาแทบแหลงสลายไปหลายครา
ไม่นานท้องฟ้าก็มืดลง หวงเสี่ยวหลงก็เลยเคลื่อนไหว เขาหันตัวกลับเข้าคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้โดยไม่พูดไม่จาจนกระทั่งเข้ามาถึงสนามหญ้า เขาก็หันกลับมามองจ้าวชู “เจ้าไปพักได้ ข้าไม่เป็นไรหรอก”หวงเสี่ยวหลงก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
“ได้ขอรับ ท่านจักรพรรดิ!”จ้าวชูก็ทำความเคารพและออกไป เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่หวงเสี่ยวหลงต้องการมากที่สุดในเวลานี้ก็คือความเงียบสงบ
หลังจากจ้าวชูออกไป หวงเสี่ยวหลงก็ยืนอยู่ภายในสนามหญ้า จากนั้นเขาก็นั่งลงด้านขวาของสนามหญ้า เขาไม่พูดสิ่งใดออกมาแต่กลับปราณฉีและจิตสังหารระเบิดออกมาจากร่างกายของเขาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
หนึ่งคืนผ่านไป
หวงเสี่ยวหลงได้นั่งอยู่ในสนามหญ้าทั้งคืนราวกลับรูปปั้นที่ไม่ขยับเขยื้อน
แสงอาทิตย์ยามเช้าได้สาดส่องลงมากระทบร่างกายของหวงเสี่ยวหลง แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย จิตสังหารอันหนาแน่ที่ห้อมล้อมหวงเสี่ยวลงได้ให้กำเนิดความรู้สึกอ้างว้างในเพียงชั่วข้ามคืน
ในขณะที่จ้าวชูและเฟยฮาวเข้ามาในสนามหญ้าของหวงเสี่ยวหลง เขาก็มองเห็นหวงเสี่ยวหลงนั่งอยู่กลับพื้นเลยทำให้พวกเขาหยุดเดิน
“ถ้าหากท่านจักรพรรดิยังคงเป็นแบบนี้หล่ะก็ ข้าเกรงว่าท่าน..”เฟยฮาวก็พูดออกมาอย่างกังวล จ้าวชูได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกลับเขาไปเรียบร้อยแล้ว
“สิ่งที่ดีที่สุดก็คือพวกเราจะต้องปล่อยให้ท่านจักรพรรดิใจเย็นลงสักหน่อย”จ้าวชูก็ส่ายหัว “ด้วยนิสัยของท่านจักรพรรดิแล้วมนคงไม่มีอันใดเกิดขึ้นหรอก”
เฟยฮาวก็พยักหน้า
ทั้งสองคนก็ถอยออกมาจากหสนามหญ้าของหวงเสี่ยวหลง เวลาก็หลั่งไหลไปเรื่อยๆ
พระอาทิตย์ก็เคลื่อนตัวไปจุดสูงสุด ทำให้ความร้อนเข้าปกคลุมพื้นดิน และจากนั้นก็คล่อยๆเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเป็นสัญญาณใกล้มืด เมื่อถึงตอนนั้น ท้องฟ้าก็มืดลงอย่างเงียบสงบ
ในวันที่ 3 พระอาทิตย์ก็ส่องแสงสาดส่องลงพื้น
ก็เหมือนกับหลายวันก่อน หวงเสี่ยวหลงก็ยังคงนั่งอยู่ในสวนหญ้าโดยไม่ขยับเขยื้อนมา3วัน3คืน ในช่วง 3 วันนี้ จ้าวชูและเฟยฮาวก็เดินมาที่สนามหญ้าของหวงเสี่ยวหลงอยู่บ่อยๆ
3วันหลังจากนั้น จู่ๆหวงเสี่ยวหลงก็เริ่มขยับเขยื้อน จิตสังหารและบรรยากาศอันอ้างว้างที่ห้อมล้อมเขาหลายวันก่อนก็พังทะลายลงราวกับกำแพงน้ำแข็งที่สลายไปกับสายลม
หวงเสี่ยวหลงก็ยืนขึ้นแล้วเดินออกจากสนามหญ้าไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จ้าวชูและเฟยฮาวก็เดินมาที่สนามหญ้าของหวงเสี่ยวหลงแต่แล้วพวกเขาก็ตกใจเมื่อพวกเขาเห็นหวงเสี่ยวหลงเดินออกมา เส้นผมแต่ละเส้นของหวงเสี่ยวหลงก็กลายเป็นสีเทาไปจนหมดสิ้น
“ท่านจักรพรรดิ ท่าน..!”ทั้งสองคนก็อุทานออกมาเสียงดัง
“ข้าไม่เป็นไร”หวงเสี่ยวหลงก็กล่าวออกมาอย่างสงบเพื่อความมั่นใจ
ทั้งจ้าวชูและเฟยฮาวต้องการจะพูดมากกว่านี้แต่พอเห็นท่าทางของหวงเสี่ยวหลง พวกเขาก็เลยกลืนคำพูดของตัวเองลงไป
“จ้าวชู เฟยฮาว ออกไปเดินเล่นกับข้าหน่อยแล้วกัน”หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมา
“ได้ขอรับ ท่านจักรพรรดิ!”ทั้งสองคนก็ตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ดังนั้น ทั้ง3คนก็เลยเดินออกไปจากคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้
หวงเสี่ยวหลงนั้นเดินอย่างไร้จุดหมายแต่จ้าวชูและเฟยฮาวก็ยังเดินติดตามเขาไปอย่างภักดีและไม่กล้าส่งเสียงใดๆออกมา
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงถนนที่ดูมีชีวิตชีวา จู่ๆก็มีกลุ่มคนเดินเข้ามาทางพวกเขา ไม่ต้องแปลกใจหรอก เพราะพวกมันก็คือสองพี่น้องตระกูลกั่ว กั่วเฟยและกั่วจื่อพร้อมกลับกลุ่มข้ารับใช้และผู้คุ้มกันด้านหลัง
ทุกครั้งที่กั่วจื่อและกั่วเฟยก็เดินเล่นรอบๆในเมืองจักรพรรดิก็มักจะมีกลุ่มข้ารับใช้และผู้คุ้มกันตามไปด้วย
“พี่ใหญ่ นั่นมันใอ้เด็กสารเลวหวงเสี่ยวหลง!”กั่วเฟยพูดออกไปอย่างเร็วเมื่อเขาเห็นหวงเสี่ยวหลงเดินมาทางเขา
กั่วจื่อก็เงยหน้าขึ้นและเมื่อเขาเห็นว่าเป็นหวงเสี่ยวหลง มุมปากของเขาก็เย้ยหยันออกมาอย่างเย็นชา “ไป เราไปหามันกันเถอะ”และเขาก็นำกลุ่มข้ารับใช้และผู้คุ้มกันตระกูลกั่วมุ่งหน้าไปหาหวงเสี่ยวหลง
กลุ่มคนตระกูลกั่วก็เข้ามาขวางทางหวงเสี่ยวหลง
“หวงเสี่ยวหลง ข้าไม่คิดว่าคืนนั้นเจ้าจะยับงมีชีวิตรอดอยู่หรอกนะ!”กั่วจื่อก็อุทานออกมาอย่างไม่หวาดหวั่นและหยิ่งยโส
วันนั้นหลังจากออกจากร้านไวน์น่าคมคาย พวกเขาก็ไปตรวจสอบตัวตนของหวงเสี่ยวหลงและต่อมาก็ส่งคนไปรอบฆ่า อย่างไรก็ตามคนที่ส่งไปฆ่าหวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้กลับมารายงา
แต่ที่น่าแปลกใจคือ พวกเขาไม่ได้สนใจว่ามันล้มเหลวหรือใส่ใจในตัวหวงเสี่ยวหลงเลย พวกเขาได้ตรวจสอบพื้นเพของหวงเสี่ยวหลงมาแล้ว หวงเสี่ยวหลงไม่ได้มีอะไรสักอย่างนอกจากมาจากตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลหวง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมจอมพลอาณาจักรเล็กๆถึงเรียกหวงเสี่ยหลงว่านายน้อย แต่ในความคิดของกั่วจื่อเรื่องนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไร
สำหรับจอมพลของอาณาจักรลั่วถางที่เรียกว่าจอมพลฮ่าวเทียน เขาก็สามารถลบตัวตนของมันง่ายๆเพียงผิวปาก
“ข้ากำลังอารมณ์เสีย มันจะดีกว่าหากเจ้าไปไกลๆให้พ้น!”หวงเสี่ยวหลงก็เหลือบมองกั่วจื่อและกั่วเฟย
การจากไปของหลี่ลู่ได้ไปกระตุ้นความต้องการฆ่าในตัวของหวงเสี่ยวหลง!
“เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรนะ?”พอได้ยินหวงเสี่ยวหลงบอกให้เขาออกไปให้พ้นตอนที่เขาเปิดปากออกมามันก็ทำให้ใบหน้ากั่วจื่อกลายเป็นหน้าเกียจ “ใอ้สารเลวเอ้ย เจ้าคิดว่าเพราะน้องสาวของเจ้าหมั้นกับใอ้เวรกั่วไท่แล้วข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้างั้นหรอ? มันก็แค่งานหมั้น แม้ว่ากั่วไท่จะแต่งงานกับน้องสาวเจ้า ข้าก็สามารถทำให้เธอหย่าได้!”
“ตระกูลชั้นต่ำแสนโสโครกอย่างตระกูลหวงอยากจะเข้ามาในบ้านตระกูลกั่วงั้นหรอ?!”