Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 200
ตระกูลชั้นต่ำแสนโสโครกอย่างตระกูลหวง!
ทันทีที่เสียงของกั่วจื่อจบลง ก็มีเงาปรากฏขึ้นด้านหน้าเขา และสิ่งต่อมาที่เขารู้ก็คือเขาถูกมืออันทรงพลังบีบคอไว้!
เจ้าของมือไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวงเสี่ยวหลง หวงเสี่ยวหลงได้ยื่นมือขวาออกไปบีบคอกั่วจื่อแล้วยกลอยขึ้น กั่วจื่อมองเห็นดวงตาอันไร้ความรู้สึกราวกับจิตสังหารที่ไหลล้นทะลักออกมาเป็นคลื่นจากหวงเสี่ยวหลง
กั่วจื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 2 กลางสูง ซึ่งเขาไม่คิดว่าหวงเสี่ยวหลงจะโง่พอจะโจมตีใส่เขา การจับพุ่งเข้ามาจับตัวในระยะประชิดนั้น ทำให้เขาไม่มีโอกาสพอจะหลบได้
“เจ้า!”ใบหน้าของกั่วจื่อก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำจาการที่ถูกบีบคอให้ลอยขึ้น ดวงตาของเขาเลื่อนลอยราวกับปลาที่ถูดึงขึ้นจากน้ำและจะตายภายในไม่กี่วิ
กั่วเฟย ผู้คุ้มกันตระกูลกั่วที่เหลือและข้ารับใช้ของตระกูลต่างก็มองกั่วจื่อที่ถูกหวงเสี่ยวหลงยกขึ้นอย่างเลื่อนลอย ซึ่งพวกเขานั้นไม่สามารถตอบสนองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นด้วย
ในอดีต ตอนที่กั่วจื่อและกั่วเฟยเดินเที่ยวเล่นหาเรื่องสนุกทำในเมืองจักรพรรดิพร้อมกับผู้คุ้มกันและข้ารับใช้ ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือแม้แต่นายน้อยจากตระกูลอื่นๆก็ยังต้องเว้นระยะกับทั้งสองคนนี้ให้มากที่สุด ปกติแล้วทั้งสองพี่น้องมักจะบีบคอคนอื่น ซึ่งเหตุการณ์ที่กลับด้านแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย หากไม่สนตัวตนของพวกเขาหล่ะก็ ยังไงก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว!
“พี่ใหญ่!”ครู่ต่อมา ในที่สุดกั่วเฟยก็มีปฏิกิริยา เขาตะโกนเรียกพี่ชายของเขาแล้วหันหน้าไปมองหวงเสี่ยวหลงและคำรามออกมา “ใอ้สวะหวง เจ้ากล้าดีอย่างไร! ปล่อยพี่ชายข้าเดี๋ยวนี้ ! หากเจ้าไม่ทำหล่ะก็ ข้าจะฆ่าล้างตระกูลเจ้า 9 ชั่วโคตร!”
ฆ่าล้างตระกูลเจ้า 9 ชั่วโคตร!
คำพูดยิ่งใหญ่อาจจะเพียงเป็นแค่ลมปากแต่กั่วเฟยไม่ได้โกหก สำหรับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลกั่ว การฆ่าล่างตระกูลเล็กๆ 9 ชั่วโคตรนั้นไม่ได้ยากเย็นกว่าการผายลมเลยสักนิด
ในเวลาเดียวกันกับที่กั่วเฟยพูดจบ ก็ได้เกิดเงาวูบไหวขึ้น หวงเสี่ยวหลงได้ยื่นแขนซ้ายออกไปบีบคอกั่วเฟยแล้วยกขึ้นกลางอากาศเหมือนกับที่ทำไว้กับกั่วจื่อ
ใบหน้าและคอของกั่วเฟยก็ม่วงคล้ำภายในไม่กี่วินาทีพร้อมกับดวงตาที่เกือบถลนออกจากเบ้าเหมือนกับกั่วจื่อ กั่วเฟยที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็เหวี่ยงแขนขาไปมา เขาต้องการจะพูดออกไปแต่คำพูดกับติดอยู่ในลำคอ เขาก็เลยไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
คนคุ้มกันและข้ารับใช้ของตระกูลกั่วก็ต่างมองหวงเสี่ยวหลงยกกั่วจื่อและกั่วเฟยคนละข้าง ตอนแรกพวกเขาก็มึนงงจากนั้นก็เริ่มโกรธขึ้นมาแต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็กลัวว่าหวงเสี่ยวหลงจะทำร้ายนายน้อยของพวกเขา ดังนั้นเลยไม่มีใครกล้าเข้าไปแทรกแซง
ในที่สุด ผู้คุ้มกันก็ตะโกนด่าหวงเสี่ยวหลง
“ใอ้สารเลว เจ้ารู้ใหมว่านายน้อยของพวกเราเป็นใคร? ถ้าหากเจ้ารู้ว่าอะไรถูกผิด ก็ปล่อยนายน้อยทั้งสองเดี๋ยวนี้!”
“ถ้าหากเจ้ากล้าทำร้ายนายน้อยแม้แต่ผมเส้นเดียวหล่ะก็ เตรียมตัวตายโดยไม่มีหลุมฝังได้เลย!”
พวกผู้คุ้มกันทั้งหลายก็พูดข่มขู่ใส่หวงเสี่ยวหลงเรื่อย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่พวกเขาสามารทำได้ก็แค่นั้น
ในขณะที่ผู้คุ้มกันและข้ารับใช้ตระกูลตะโกนด่า หวงเสี่ยวหลงก็หันไปมองคนพวกนี้อย่างเฉียบคมราวดาบศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งเสียบใส่พวกเขา แค่เพียงเหลือบมองครั้งเดียวก็ทำให้ข้ารับใช้และผู้คุ้มกันของตระกูลกั่วตัวสั่นอย่างหวาดกลัว และยังทำให้พวกเขาหุบปากอีกด้วย
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ออกแรงบีบเพิ่มขึ้น ทั้งกั่วจื่อและกั่วเฟยก็ดิ้นทุรนทุรายและเอามือฟาดใส่แขนของหวงเสี่ยวหลงที่จับคอของพวกเขาอยู่ เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้พวกเขาทุกข์ทรมานมาก
พอมาตอนนี้ ก็ไม่มีใครจากตระกูลกั่วกล้าพุดอะไรสักคำเลย พวกเขารู้ว่าพอมาถึงจุดๆนี้ไม่ว่าจะด่าออกไปอย่างไรมันก็ไม่มีความหมาย
คนที่เดินผ่านไปมาก็เริ่มจะเดินช้าลงและเริ่มเข้ามารุมล้อมเฝ้ามองหวงเสี่ยวหลง…..และคนทั้งสองที่อยู่ในมือของหวงเสี่ยวหลงที่ถูกยกลอยขึ้นนั้นก็คือ–– สองพี่น้องตระกูลกั่ว กั่วจื่อและกั่วเฟย
ผู้คนส่วนใหญ่ที่เป็นคนธรรมดาและจากตระกูลชนชั้นสูงรู้ทันทีว่าเป็นกั่วจื่อและกั่วเฟย และพอพวกเขารู้ว่าเป็นสองพี่น้องนี่พวกเขาก็ตกตะลึงไปเลย
มันมีคนที่กล้าบีบคอกั่วจื่อและกั่วเฟยยกขึ้นด้วยงั้นหรอ?!
“ใอ้สารเลวนั่นมันเป็นใครกัน? มันกล้าทำร้ายสองพี่น้องตระกูลกั่วได้อย่างไร?”
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นหวงเสี่ยวหลง?”
“หวงเสี่ยวหลง? ผู้ชนะเลิศการประลองปีนี้ หวงเสี่ยวหลงคนนั้นอะนะ?”
ฝูงชนรอบๆต่างก็ระเบิดเสียงพูดคุยกันขึ้น
หวงเสี่ยวหลงก็จ้องมองกั่วจื่อและกั่วเฟยโดยไม่สนฝูงชน ดวงตาของพวกเขาหมุนกลิ้งไปจนมองเห็นได้แค่ตาขาวอย่างชัดเจน นั่นก็เพราะพวกเขานั้นใกล้จะหมดลมหายใจ
เมื่อหวงเสี่ยวหลงรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็เหวี่ยงแขวนขว้างพวกมันทั้งสองคนอออกไป
กั่วจื่อและกั่วเฟยที่พุ่งชนเข้ากับถนนแล้วกลิ้งไถลไปไกลหลายเมตรจนหยุด แล้วก็ส่งเสียงร้องโอดโอยออกมา
“นายน้อย!”
ทั้งผู้คุ้มกันและข้ารับใช้ของตระกูลกั่วก็วิ่งเข้าไปข้างๆกั่วจื่อและกั่วเฟยแล้วช่วยดึงพวกเขาขึ้นยืนอย่างเคร่งเครียด
เนื่องจากแรงบีบที่คอจากหวงเสี่ยวหลง หลังจากที่ข้ารับใช้และผู้คุ้มกันช่วยเขาลุกขึ้นยืน ผิวหน้าของเขาก็ยังคงซีดอยู่สักครู่ ทั้งสองคนไอออกมาไม่หยุดในขณะที่เขายืนอยู่ ที่คอของพวกเขาเป็นรอยช้ำรูปมือ
“เพื่อกั่วไท่ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าวันนี้ แล้วก็ไสหัวไปซะ!”หวงเสี่ยวหลงจ้องมองพวกมันทั้งสอง และส่งเสียงอันหนาวเหน็บเสียดแทงกระดูกออกมา
และสิ่งที่หวงเสี่ยวหลงพูดออกไปนั้นก็คือความจริง ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเขาไว้หน้ากั่วไท่ที่เป็นน้องเขยของเขาหล่ะก็ ป่านนี้เขาก็คงจะกำจัดพวกมันทิ้ง ณ ตอนนี้โดยไม่ลังเลไปแล้ว แต่คำพูดของหวงเสี่ยวหลงที่เข้าไปในหูของกั่วจื่อและกั่วเฟยนั้นมันก็คือการดูถูก เป็นคำดูถูกที่ไม่น่าให้อภัย
พวกเขารู้สึกอับอาย
พอลูบรอยช้ำที่คอ ในสายตาของพวกเขาที่มองหวงเสี่ยวหลงก็มีแต่ความเคียดแค้นทันที
“ฆ่ามัน ฆ่าใอ้สารเลวนี่ซะ!”เมื่อรอยแผลบนคอของเขาดีขึ้นเล็กน้อย กั่วจื่อก็คำรามออกมาในขณะที่ชี้ใส่หวงเสี่ยวหลงเหมือนหมาบ้า
“ข้าไม่สนว่าจะเป็นใคร หากเจ้าฆ่าหวงเสี่ยวหลงได้ข้าจะตบรางวัลให้เจ้า 10 ล้านทอง!”กั่วเฟยก็ส่งเสียงพูดตามออกมา
ในขณะที่คำพูดของกั่วเฟยดังขึ้น ฝูงชนบนถนนก็ต่างตื่นตระหนก
คนที่เดินผ่านไปมาบางส่วนก็ถูกล่อลวง การฆ่าหวงเสี่ยวหลงจะทำให้เขาได้ 10ล้านทอง!
สำหรับขุมกำลังหรือตระกูลเล็กๆ 10ล้านทองนั้นเป็นมูลค่ามหาศาลทีเดียว
พอมาถึงจุดๆนี้ ผู้คุ้มกันและข้ารับใช้ตระกูลกั่วต่างก็ชักอาวุธและโจมตีใส่หวงเสี่ยวหลง
พอมองดูกลุ่มคนที่กำลังเข้ามาโจมตีใส่ตัวเอง หวงเสี่ยวหลงก็เย้ยหยัน เมื่อกลุ่มผู้คุ้มกันเข้ามาโจมตีใส่หวงเสี่ยวหลง จ้าวชูและเฟยฮาวก็เคลื่อนไหวทันที
เฟยฮาวได้กระโดดออกไปจากนั้นแม่น้ำสีเงินก็ได้ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ปราณฉีที่หมุนวนไปมาในอากาศได้พุ่งเข้าป้องกันการโจมตีจากตระกูลกั่วและข้ารับใช้
จ้าวชูก็ยืนอยู่ที่เดิมและยกแขนขึ้นโจมตีด้วยฝ่ามือออกไป ฝูงชนมองดูผู้คุ้มกันและข้ารับใช้ตระกูลกั่วพุ่งลอยออกไปและกระอักเลือดออกมาราวพวกเขาโดนคลื่นยักษ์ชนใส่
ในเวลาไม่กี่วิ ทั่วถนนก็เงียบลงราวกับป่าช้า
เสียงสูดหายใจก็ดังขึ้นในขณะที่ความสนใจทั้งหมดก็ลงไปอยู่กับจ้าวชูที่ยืนอยู่ข้างหลังหวงเสี่ยวหลง
ผู้คุ้มกันตระกูลกั่วส่วนใหญ่นั้นจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นเซียนเทียน และส่วนใหญ่พวกเขาก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นแรกหรือไม่ก็ขั้นสองเท่านั้น แต่ทว่าพวกเขานั้นโจมตีประสานกัน! อย่างไรก็ตามพวกก็ยังพ่ายแพ้ให้กับชายวัยกลางคนที่ดูถ่อมตัวซึ่งยืนอยู่ข้างหลังหวงเสี่ยวหลง
ผู้เชี่ยวชาญที่ถูกรางวัล 10ล้านเหรียญทองของกั่วเฟยล่อลวงเมื่อก่อนหน้านี้ถึงกับเหงื่อตกและหนาวเหน็บขึ้นมาทันที
กั่วจื่อและกั่วเฟยก็ตกตะลึงเหมือนกับคนที่เหลือง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อในขณะที่พวกเขาตรวจสอบผู้คุ้มกันและข้ารับใช้ที่รับการโจมตี
หวงเสี่ยวหลงก็แสดงสีหน้าเย็นชาขึ้นมากกว่าตอนที่เขาเหลือบมองสองพี่น้องตระกูลกั่วซะอีก เขาได้ยกเท้าก้าวเดินออกไปทีละก้าวซึ่งเขาได้เดินเข้าไปหากั่วจื่อและกั่วเฟย
มีเพียงตอนนี้เท่านั้นที่ปลุกพวกเขาให้ตื่นจากความฝัน พอเห็นหวงเสี่ยวหลงเข้ามาใกล้ พวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาซึ่งทำให้พวกเขาก้าวถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว
“เสี่ยวหลง พี่เสี่ยวหลง นี่มันก็แค่การเข้าใจผิดเล็กน้อย แค่การเข้าใจผิดเฉยๆเอง”กั่วจื่อบีบบังคับตัวเองให้ยิ้มออกมาอย่างน่าเกียจแล้วโบกมือไปมารัวๆ เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของเขานั้นสั่นเคลือ
“ใช่ ใช่แล้ว แค่การเข้าใจผิดกัน เราไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆ”กั่วเฟยก็บีบบังคับให้ตัวเองยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรเหมือนกัน แต่การแสดงออกที่ใบหน้าของเขานั้นดูหน้าเกียจกว่าตอนร้องไห้ซะอีก