Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 201
“พอมาตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดงั้นหรอ?”หวงเสี่ยวหลงก็เพ่งมองทั้งสองอย่างเย็นชาราวกับพายุหิมะซึ่งหวงเสี่ยวหลงก็ยังคงเดินเข้าไปใกล้สองพี่น้องตระกูลกั่วโดยไม่ชะลอฝีเท้าเลยสักนิด
“ใช่ ใช่ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเฉยๆ!”กั่วจื่อก็พยายามจะยิ้มออกมาให้ดีที่สุด
กั่วเฟยที่มีรูปร่างอ้วนท่วมก็เริ่มทำตามด้วยเหมือนกัน พอเขายิ้มแบบบังคับขึ้นมาก็ทำให้ตัวตนของเขาดูโดดเด่นขึ้นมา
“ใช่แล้วน้องเสี่ยวหลง เมื่อน้องสาวของเจ้าแต่งงานเข้าตระกูลกั่วมา พวกเราก็จะเป็นพี่น้องกันไง”กั่วเฟยก็หัวเรา “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไง”
“ใช่ๆ ครอบครัวเดียวกัน!”กั่วจื่อก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ
พอมาถึงจุดนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ยืนอยู่ห่างจากทั้งสอง 3 เมตร พอมองเห็นความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวที่ฉายอยู่บนใบหน้าของทั้งสองคน เขาก็หัวเราะออกมา “แล้วสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อก่อนหน้านี้เล่า ? ไม่ใช่เจ้าพูดว่าตระกูลชั้นต่ำโสโครกอย่างตระกูลกั่วอยากจะเข้ามาผูกสัมพันธ์กับตระกูลกั่ว….หรือว่าข้าหูแว่วไปเองไปหะ?”
ใบหน้าของกั่วจื่อและกั่วเฟยก็ดำมืดราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน
ก่อนที่ฝูงชนจะได้เข้ามาเห็นไปมากกว่านี้ จู่ๆกั่วจื่อก็ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเอง จากนั้นเขาก็ยิ้มให้หวงเสี่ยวหลงอย่างเป็นมิตร “มันเป็นปากข้าต่างหากที่มีปัญหา น้องเสียวหลง ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เก็บเรื่องไร้สาระพรรค์นี้เอาไปคิด!”
กั่วเฟยก็ทำตามกั่วจื่อตบหน้าตัวเอง เขายกมือขึ้นและยื่นตบหน้าตัวเองอย่างโหดร้าย หลังจากนั้น เขาก็บังคับตัวเองยิ้มออกมาให้หวงเสี่ยวหลง “ถูกแล้วน้องเสี่ยวหลง เจ้าเป็นคนที่ใจกว้างใหญ่เท่าผืนฟ้า ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงไม่ถือสาเรื่องเล็กๆน้อยๆพรรค์นี้ใช่มั้ย?”
เมื่อฝูงชนที่อยู่รอบๆเห็นสองพี่น้องตระกูลกั่ว กั่วจื่อและกั่วเฟยตบหน้าตัวเอง พวกเขาก็รู้สึกว่าประหลาดใจมากมาย
แต่หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัวให้พวกมัน “โชคร้ายที่ฉันไม่ใช่คนใจกว้าง ดังนั้น-”พอมาถึงตรงนี้หวงเสี่ยวหลงก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้เกิดคลื่นปราณฉีที่น่าหวาดหวั่นหมุนวนรอบฝ่ามือ
ทันทีใบหน้าของสองพี่น้องตระกูลกั่วก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม จากนั้นพวกเขาก็รีบถอยหนีอย่างลุ้กลี้ลุกลน
ในช่วงเวลาวิกฏต ก็ได้มีเสียงอันสง่างามคำรามขึ้น “ใครมันกล้าทำร้ายนายน้อย?!”ตามมาด้วยเสียงหวีดหวิวพร้อมกับมีสองร่างพุ่งมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อสองพี่น้องตระกูลกั่วเห็นผู้ที่มาถึง พวกเขาก็แสดงความดีใจขึ้นมา
หวงเสี่ยวหลงก็ดึงปราณฉีมาหมุนวนรอบฝ่ามือ
จากนั้น วิสัยทัศน์ของฝูงชนก็เบลอขึ้นในขณะที่มีชายชุดคลุมสีดำปรากฏขึ้นบนท้องถนน คนนึงตัวสูง ขนคิ้วสีขาวอันโดดเด่นแต่ทว่าอีกคนกลับมีคนคิ้วสีขาวคล้ายดอกไอริส
กั่วจื่อและกั่วเฟยก็รับวิ่งไปหาชายชราทั้งสองคนเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง “พ่อบ้านเฉิน พ่อบ้านลู่!”
ทั้งสองคนก็คือพ่อบ้านของตระกูลกั่ว คฤหาสน์ตระกูลกั่วนั้นมีพ่อบ้านทั้งหมดสี่คน และทั้งสี่คนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้วยกันทั้งสิ้น!
คนที่มีขนคิ้วยาวสีขาวก็คือพ่อบ้านเฉิน เฉินฉิงเฟิง ส่วนอีกคนมีคนคิ้วสีขาวคล้ายดอกไอริสก็คือพ่อบ้านลู่ ลู่อวี่ฟาน
“นายน้อยทั้งสอง ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”เฉินฉิงเฟิงก็พยักหน้าให้กั่วจื่อและกั่วเฟยในขณะที่ถามออกมา
ตระกูลกั่วนั้นมีพ่อบ้านหลักที่มีตำแหน่งสูงอยู่ 4 คน ดังนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำการคารวะเหมือนกับผู้คุ้มกันและข้ารับใช้คนอื่นๆเมื่อพบกั่วจื่อและกั่วเฟย
พอได้ยินคำพูดนี้ กั่วจื่อก็ตะคอกกลับทันที แล้วชี้นิ้วไปที่หวงเสี่ยวหลงพร้อมกับมองอย่างดุร้าย แล้วคำรามขึ้นว่า “โชคดีจริงๆที่พ่อบ้านทั้งสองรีบมาที่นี่ มิฉะนั้น พวกข้าคงต้องถูกใอ้สุนัขพันทางนี้ฆ่าแล้ว!”
“ใอ้สุนัขพันทางนี่เกือบจะหักคอพวกเราแล้ว พ่อบ้านทั้งสองคน พวกท่านต้องจำกัดมันเดี๋ยวนี้เลย!”กั่วเฟยก็รีบพูดเพิ่ม
“ไม่อย่าฆ่าพวกมัน จับใอ้เวรนั่นกับใอ้แก่ทั้งสองคน ที่เหลือให้พวกเราจัดการเอง!”กั่วจื่อก็รีบพูดขัดแล้วชี้ไปที่หวงเสี่ยวหลง จ้าวชู และเฟยฮาว
ถ้าหากหวงเสี่ยวหลงตายง่ายๆหล่ะก็ มันก็คงไม่พอจะทำให้เขาดับกระหายความแค้นที่แผดเผาในใจเขาได้หรอก
พอนึกถึงฉากที่บีบคอลอยท่ามกลางฝูงชนแล้ว ความอับอายนั่นมันทำให้แววตาของกั่วจื่อเย็นชาขึ้น กั่วจื่อเพ่งมองไปที่หวงเสี่ยวหลงอย่างเอาเป็นเอาตาย และหวังว่าเขาจะสามารถแล่เนื้อมันออกมาเป็นชิ้นๆ
ไม่ต้องพูถึงตอนที่เขาและน้องชายของเขาอ้อนวอนขอความเมตตาแก่หวงเสี่ยวหลงเลย เพื่อชีวิตของตัวเอง เขาถึงกลับต้องตบหน้าตัวเองอย่างเต็มแรง
เฉินฉิงเฟิงและลู่อวี่ฟานก็สังเกตุ หวงเสี่ยวหลง จ้าวชู และเฟยฮาว ทั้งสามที่ยืนอยู่ตรงข้าม
“วางใจได้เลยนายน้อย จะไม่มีพวกมันคนใหนสามารถหลบหนีไปได้แน่นอน!”ลู่อวี่ฟานก็มองกลุ่มของหวงเสี่ยวหลงแล้วพูดขึ้นอย่างมั่นใจและเย็นชา
เฉินฉิงเฟิงก็แสยะยิ้มออกมาในขณะที่เขามองหวงเสี่ยวหลง “ใอ้เด็กสารเลว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนกล้าทำร้ายน้อยน้อยตระกูลกั่วของพวกเราในเมืองจักรพรรดิ! เจ้าจะยอมแพ้เองหรือต้องการให้ข้าบดขยี้เจ้าหล่ะ?”พอมาถึงตรงนี้เฉินฉิงเฟิงก็พูดออกมาอย่างอวดอ้าง “ข้าหวังว่าเจ้าจะเลิกยอมแพ้จะดีกว่าเพราะถ้าหากข้าเคลื่อนไหวหล่ะก็ เจ้าจะต้องทุกทรมานมากแน่นอน!”
ฝูงชนก็ยังคงพูดซุบซิบกันต่อไป
“ไม่คาดคิดเลยว่าเฉินฉินเฟิงและลู่อวี่ฟานแห่งคฤหาสน์ตระกูกั่วจะมาด้วยตัวเอง ตอนนี้หวงเสี่ยวหลงคงถึงคราวสิ้นชีพแล้วหล่ะ! เพราะพ่อบ้านเฉินฉิงเฟิงเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 9!”
“หวงเสี่ยวหลงคนนี้นี่มันหยิ่งยโสและบ้าบิ่นเกินไปจรองๆ ข้าเคยได้ยินข่าวลือมาว่าไม่นานมานี้ในสถาบันต้วนเริ่น เขาได้สั่งให้นายน้อยไร้หัวใจคุกเข่าขอโทษเขาด้วยนะ! ผ่านไปได้ไม่กี่วัน เขาก็ยังมาหาเรื่องกับตระกูลกั่วอีกจนได้!”
“การหาเรื่องตระกูลกั่วและตระกูลเหยา…ไม่ว่าคนๆนั้นจะมีพรสวรรค์ดีเลิศแค่ใหน สุดท้ายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!”
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ที่อยู่ในฝูงชนก็ต่างส่ายหัวในขณะที่รุ่นเยาว์ต่างๆต่างอิจฉาในพรสวรรค์ของหวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงยืนนิ่งไม่ไหวติง เขาพูดด้วยความเย็นชาออกมาในขณะจ้องมองไปที่เฉินฉิงเฟิงและลู่อวี่ฟาน “ถ้าหากพวกเจ้าชอบทำตัวเหมือนหมาหล่ะก็ งั้นก็คุกเข่าและเห่าเหมือนหมาสักสองครั้งสิ แล้วจากนั้นก็ไปไกลๆตีนซะ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครา!”
ในเสี้ยววิที่คำพูดของหวงเสี่ยวหลงดังขึ้น ฝูงชนก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย นักรบหลายๆคนต่างหายใจออกมาอย่างตกใจแล้วส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นเวทนาหวงเสี่ยวหลงมากแค่ใหน ในความคิดของพวกเขา พวกเขาเคยเจอรุ่นเยาว์ที่หยิ่งยโสและอวดดีมามากมายแต่พวกเขาไม่เคยเจอใครหยิ่งยโสและอวดดีขนาดนี้มากก่อน เด็กคนนี้มันไม่รู้ความกว้างใหญ่ของสวรรค์เลยจริงๆ
อย่างไรก็ตาม กั่วจื่อและกั่วเฟยก็กำลังเฝ้ามองเหตุการณอยู่ข้างปิติยินดี
เพราะพวกเขารู้จักแผนการของพ่อบ้านเฉินฉิงเฟิง เขาช่างเป็นคนที่โหดร้ายจริงๆ เมื่อครั้งหนึ่ง สองพี่น้องนี่เคยเห็นเฉินฉิงเฟิงทรมานศัตรูจนกระทั่งศัตรูคนนั้นอยากตายก็ไม่ได้ตายอยากอยู่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยตาของตัวเองมาแล้ว พอนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นมามันทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นเลยทีเดียว
แน่นอนว่าคำพูดของหวงเสี่ยวหลงนั้นทำให้เฉินฉิงเฟิงโมโห และเมื่อเฉินฉิงเฟิงโมโห หวงเสี่ยวหลงก็คงต้องตายอย่างอนาถแน่นอน
และมันก็เป็นไปตามที่สองพี่น้องตระกูลกั่วคาดการณ์ เฉินฉิงเฟงก็ปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวออกมาอย่างมหาศาล ออร่าสังหารที่หนาวเหน็บได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาพร้อมๆกัน ทำให้ท้องฟ้าที่สว่างสดใสก็ดำมืดลง จากนั้นก็ได้มีเกล็ดหิมะสีดำตกลงมา
ฝูงชนที่เฝ้าดูเหตุการ์อยู่ทั้งหมดก็หลบหนีออกไปทันที
“ใอ้เด็กสารเลว ดูเหมือนเจ้าจะไม่เข้าใจในแผนการของข้าเฉินฉิงเฟิงผู้นี้!” พ่อบ้านเฉินก็ได้พูดออกมาพร้อมกับมีหิมะสีดำตกมาเรื่อยๆ “ข้าจะทำให้เจาได้ร็ว่าเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่กันแน่!”
แต่ก่อนที่เขาจะทำตามที่พูด จู่ๆก็มีฝ่ามือยักษย์ที่ปกคลุมผืนฟ้าทั้งหมดราวกับภูเขาโบราณอันทรงพลังปรากฏจากช่องว่างมิติ และตบลงใส่หัวของเฉินฉิงเฟิง
เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องในอากาศทำให้ถนนทั้งเส้นถึงกับสั่นไหว ถนนที่ทำมาจากหินอ่อนที่แสนทนทานก็ถึงกับพังทะลายและสูญสลายไป
เมื่อฝุ่นควันกระจัดกระจายไป สิ่งที่ปรากฏขึ้นในทัศนวิสัยของทุกคนก็คือเฉินฉิงเฟิงที่แบนเหมือนเค้กและถูกฝังลึกลงไปใต้พื้นถนนหลายเมตร และนี่ก็คือปร่องภูเขาไฟขนาดใหญ่รูปมนุษย์
ทุกๆคนมองไปที่ปร่องภูเขาไฟนั่นด้วยความหวาดกลัวและเฉินฉิงเฟิงก็อยู่ในปร่องภูเขาไฟนั้นด้วย
ครู่ต่อมา ทุกๆคนก็สูดหายใจเดข้าไปอย่างหนาวเหน็บในขณะที่มองไปที่จ้าวชู พึ่งรู้ว่ามันเป็นฝีมือของจ้าวชู
กั่วจื่อและกั่วเฟยที่กำลังรอว่าเฉินฉิงเฟิงจะทรมารหวงเสี่ยวหลงอย่างก็มองไปที่หลุมขนาดใหญ่บนถนนอย่างตกตะลึง แรงกดดันอันหนาวเย็นที่ส่งออกมาจากทั้งแปดทิศทำให้เฉินฉิงเฟยไม่มีแม้แต่พลังพอจะตกออกมา และนี่คือสิ่งที่ทำให้สองพี่น้องตระกูลกั่วถึงกับมึนงง