Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 203
“ใช่แล้ว มันเป็นฝีมือของหวงเสี่ยวหลง!”กั่วเฟยก็พูดแทรกขึ้นมา!
กั่วชื่อเหวินมองไปที่พ่อบ้างเยี่ยด้วยสีหน้างุนงงหวงเสี่ยวหลงช่างเป็นชื่อที่แปลกหูนัก
จางเยี่ยก้าวเดินมาอย่างเชื่องช้าแล้วอธิบายให้กับกั่วชื่อเหวินฟัง “ชายที่ชื่อหวงเสี่ยวหลงก็คือผู้ชนะเลิศการแข่งขันในปีนี้นะขอรับ ตอนนั้นท่านประมุขไม่มีเวลาอยู่ชมการประลอง ท่านก็เลยไม่รู้จักหวงเสี่ยวหลง”
เมื่อตอนนั้น กั่วชื่อเหวินได้ออกไปจัดการเรื่องภายในสาหอการค้าล้านสมบัติสาขาย่อยและพึ่งจะกลับมาถึงไม่นานเอง ด้วยการที่เขาต้องจัดการธุระต่างๆของตระกูลทั้งเช้าเย็น ทำให้เขาไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องพวกนี้เลย แต่หลังจากนั้น ด้วยตัวตนของเขาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปติดตามข่าวสารเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างการประลองของเมืองหลวงด้วยเลยสักนิด ในสายตาเขา การประลองของเหมือนหลวงก็ไม่ได้เป็นอะไรไปไม่กว่าสนามเด็กเล่น
“ผู้ชนะเลิศการประลองปีนี้งั้นหรอ?”กั่วชื่อเหวินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าได้ยินมาว่าไอ้เด็กสารเลวเซี่ยพูถี จากตระกูลเซี่ยก็เข้าร่วมการประลองปีนี้ด้วยไม่ใช่หรอ?”
“ใช่แล้วขอรับ ในการประลองปีนี้ เซี่ยพูถีก็ได้เข้าร่วม” จางเยี่ยก็ตอบออกมาอย่างเคารพ “แต่ในรอบสุดท้ายเซี่ยพูถีกลับพ่ายแพ้ให้กับหวงเสี่ยวหลง ความสามารถของหวงเสี่ยวหลงคนนี้ค่อนข้างจะแปลกประหลาด และเด็กหนุ่มคนนี้ก็ยังมีจิตวิญญาณต่อสู้คู่อีกด้วยนะขอรับ!”
“ว่าไงนะ? จิตวิญญาณคู่งั้นหรอ!”กั่วชื่อเหวินก็ตกตะลึง
“ใช่แล้วขอรับ จิตวิญญาณคู่ของเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือมังกรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ตัวนึงคือมังกรดำและอีกตัวนึงเป็ฯมังกรตัวสีฟ้าที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน!”จางเยี่ยก็พูดเสริมขึ้นมา
“มังกรฟ้าที่ไม่เคยพบมาก่อนงั้นเรอะ!”กั่วชื่อเหวินก็หรี่ตาลงอย่างลึกลับ
“ท่านพ่อ ก่อนหน้านี้บนถนน หวงเสี่ยวหลงได้สร้างความอับอายให้พวกเราโดยการบีบคอพวกเรา!”กั่วจื่อก็รีบพูพดตัดบทอย่างรวดเร็ว “เราไม่สามารถปล่อยสุนัขพันทางหวงเสี่ยวหลงได้นะขอรับท่านพ่อ!”
กั่วชื่อเหวินก็มองดูลูกชายทั้งสองคน จู่ๆเขาก็ตบมือทั้งสองข้างพร้อมกันแล้วส่งลูกไฟสองลูกใส่หน้าอกลูกชายทั้งสองของเขา ทำให้รอยฝ่ามือสีดำที่หวงเสี่ยวหลงมิ้งไว้หายไปอย่างรวดเร็ว
พอความเจ็บปวดที่หน้าอกหายไป กั่วจื่อและกั่วเฟยก็รู้สึกดีใจมากๆ
“แล้วเฉินฉิงเฟิงและลู่อวี่ฟานไปใหนกัน?”กั่วชื่อเหวินก็ถามจางเยี่ย “ไปเรียกพวกมันมาที่นี่”
“ได้ขอรับ ท่าประมุข!”จางเยี่ยก็ตอบออกมาอย่างเคารพ
พอได้ยินคำพูดนี้ กั่วจื่อก็เกิดอาการลังเลในขณะที่เขาพูดออกมาว่า “ท่านพ่อ พ่อบ้านเฉินฉิงเฟิงและพ่อบ้านลู่อวี่ฟาน ตอนนี้ พะ-พวกเขา….!”
“พูดออกมาซะ!”กั่วชื่อเหวินก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
กั่วจื่อก็ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว “พวกเราสองคนได้ไปเจอหวงเสี่ยวหลงบนถนน หลังจากนั้นพ่อบ้านทั้งสองก็มา ดังนั้นพวกเขาก็น่าจะยังอยู่ที่นั่น!”
“พวกมันยังอยู่ที่นั่นงั้นหรอ?”กั่วชื่อเหวินและจางเยี่ยก็รู้สึกงุนงง ทั้งสองคนไม่เข้าใจในคำพูดของกั่วจื่อ
พอถูกกั่วชื่อเหวินและจางเยี่ยจ้องมอง กั่วเฟยก็อธิบายออกมาอย่างตะกุกตะกัก “พ่อบ้านทั้งสอง เฉินฉิงเฟิงและลู่อวี่ฟานได้รับบาดเจ็บ พวกเขา พวกเขาน่าจะยังนอนอยู่แถวนั้น แต่พวกเราไม่มั่นใจว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
“ว่าไงนะ?!”กั่วชื่อเหวินและจางเยียก็อุทานออกมาด้วยสาตาเบิกกว้าง
เฉินฉิงเฟิงและลู่อวี่ฟานทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บและยังนอนอยู่บนถนน แต่สองพี่น้องนี่กลับไม่มั่นใจว่าพวกเขามีชีวิตหรือไม่งั้นหรอ?!
กั่วจื่อและกั่วเฟยก็ก้มหัวลเพราะกลัวที่จะเผชิญหน้ากับการแสดงของกั่วชื่อเหวิน
“หรือว่ามันเป็นฝีมือผู้คุ้มกันของหวงเสี่ยวหลงงั้นหรอ?”กั่วชื่อเหวินก็ถามออกมาด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง
“ใช่แล้วขอรับ เป็นฝีมือผู้คุ้มกันคนนึงของหวงเสี่ยวหลง”กั่วจื่อก็รีบตอบออกไปแล้วอธิบายถึงรูปลักษณ์ของจ้าวชูให้พ่อของเขาฟัง
เมื่อกั่วจื่อพูดจบ กั่วชื่อเหวินและจางเยี่ยก็หันมาสบตากัน
“ผู้คุ้มกันของหวงเสี่ยวหลงทำให้เฉินฉิงเฟิงและลู่อวี่ฟานได้รับบาดเจ็บอย่างไรกัน?”กั่วชื่อเหวินก็ถามออกมาอีกคำถาม
“ผู้คุ้มกันของหวงเสี่ยวหลงมันทำเพียงโบกมือเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ฝ่ามือขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าและฝ่ามือพวกนั้นก็พุ่งลงใส่เฉินฉิงเฟิงและลู่อวี่ฟาน จากนั้นพ่อบ้านทั้งสองก็ถูกฝังลงใต้ดิน”กั่วเฟยก็พูดออกมา
“ว่าไงนะ?! เจ้ากำลังบอกว่าอีกฝ่ายทำเพียงโบกมือครั้งเดียวเนี่ยนะ?”กั่วชื่อเหวินและจางเยี่ยก็ตกใจขึ้นอีกครั้ง
“มันเป็นความจริงขอรับ ใอ้ผู้คุ้มกันนั่นใช้เพียงกระบวนท่าเดียว!”กั่วเฟยก็ตอบออกมาอย่างซื่อตรง
บรรยากาศภายในห้องโถงก็ราวกับหยุดนิ่ง
กั่วชื่อเหวินก็ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว และไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดๆออกมา
หลังจากเวลผ่านไปไม่นานแต่ราวกับยาวนาน กั่วชื่อก็เดินออกมาแล้วพึมพำอย่างระมัดระวัง “ท่านพ่อ เราไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้นะขอรับ”
กั่วชื่อเหวินก็หันไปมองลูกชายของเขา แล้วเขาก็ค่อยๆพูดออกมาช้าๆ “แน่นอนว่า เราไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆ!”ลูกชายของเขาทั้งสองที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลกลับได้รับบาดเจ็บและถูกทำให้อับอายในที่สาธารณะ แล้วตระกูลของพวกเขาจะเอาไปไว้ที่ใหนได้อีก?
ตอนนี้ จางเยี่ยก็ได้ก้าวเท้าออกมา “ท่านประมุข ถ้าหากอีกฝ้ายใช้แค่เพียงฝ่ามือเดียวแล้วทำให้เฉินฉิงเฟิงและลู่อวี่ฟานบาดเจ็บหล่ะก็ คนผู้นั้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีการบ่มเพาะใกล้เคียงกับระดับเซียนเทียนที่ 10 สูงสุด ซึ่งอาจะเป็นผู้ที่ใกล้จะทะลวงเข้าสู่ขั้นเทวะแล้วก็ได้”
กั่วชื่อเหวินก็เย้ยหยัน “มันเป็นผู้เชี่ยวชาญเซียนเทียนระดับ 10แล้วไง”ความอำมหิตก็ปรากฏขึ้นในสายตาเขาในขณะที่พูดออกมา “แม้ว่ามันจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเซียนเทียนระดับ 10 สูงสุด ในเมื่อมันกล้าทำร้ายลูกชายของข้า มีเพียงเส้นทางเดียวให้มันเลือก นั่นก็คือความตาย !”
ตาย!
ร่างกายของกั่วชื่อเหวินก็ระเบิดกลิ่นอายอันแข็งแกร่งออกมา
เวลาเดียวกันในคฤหาสน์ตระเหยา
เหยาเฟยก็แสดงท่าทางออกมาอย่างหดหู่ในขณะที่เขารับฟังรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
“ชายวัยกลางคนที่ทำให้เฉินฉิงเฟิงและลู่อวี่ฟานได้รับบาดเจ็บมันชื่อว่าอะไร?”ต่อมา เหยาก็ได้ถามขึ้น
ชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมสีน้ำเงินก็ก้าวเข้ามาใกล้ “ตามรายงานจากการตรวจสอบของผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ ชายคนนั้นมีชื่อว่าจ้าวชู”
ชายที่อยู่ข้างกายเหยาเฟยและตอบออกมานั้นมีชื่อว่าเสี่ยวเติง
“จ้าวชู” เหยาเฟยก็พูดซื้อนี้วกไปวนมา
เสี่ยวเติงก็ขยับเข้ามาใกล้แล้วพูดเสริมว่า “นายน้อย จ้าวชูคนนี้หน่ะเป็นคนที่ใกล้จะบรรลุระดับเทวะแล้วนะคับนายน้อย”
“ดูเหมือนว่า การตายของจินมูและจางเฟยจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับจ้าวชูคนนี้นะขอรับ” เหยาเฟยก็เย้ยหยัน “ผู้เชี่ยวชาญเซียนเทียนขั้นที่10 สูงสุดงั้นหรอ? ไม่แปลกใจเลยทำไมหวงเสี่ยวหลงถึงหยิ่งยโสนัก”
“นายน้อย แม้ว่าหวงเสี่ยวหลงจะเป็นแบบนี้เราก็เราก็น่าจะ….?”เสี่ยวเติงก็ลังเล
“ผู้เชี่ยวชาญเซียนเทียนขั้นที่ 10 ระดับสูงสุดแล้วไง สำหรับตระกูลเหยาที่ก่อตั้งมากกว่า2ทศวรรษแล้ว เราจำเป็นต้องกลัวเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมงั้นหรอ?”เหยาเฟยก็เย้ยหยัน “ไม่ว่าหวงเสี่ยวหลงจะมีพื้นเพหรือตัวตนแบบใหน สำหรับคนที่ทำให้ข้าขุ่นเคื่องจะมีเพียงผลเดียวที่รออยู่นั่นก็คือความตาย”
“ไป สงคนไปติดตามการเคลื่อนไหวของหวงเสี่ยวหลงทุกฝีก้าว”
ภายในค่ำคืนอันหนาวเหน็บ
หวงเสี่ยวลงกำลังยืนอยู่ในสวนหญ้า ฉากที่หลี่ลู่ถูกพาตัวไปยังคงวนลูปอยู่ในจิตใจของเขา
“อ่าวไป๋เสวีย!”เขาก็กำมือแน่นจนนิ้วมือซีดในขณะที่เขาคิดถึงคำว่าอ่าวไป๋เสวียท่าเขได้พูดออกมา
มีเวลาไม่ถึง 7 ปี ก่อนที่นิกายนักรบแห่งพระเจ้าจะจัดการคัดเลือกศิษย์เข้าในนิกาย และหนึ่งเงื่อนไขในการเป็นศิษย์นิกายนักรบแห่งพระเจ้านั้นคือต้องทะลวงเข้าสู่ขั้นที่ 10 ของระดับเซียนเทียน
ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10!
สำหรับความสามารถสับประหลาดอย่างหวงเสี่ยวหลงแล้ว แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะให้เร็วขึ้นแค่ใหนก็ไม่มีทางที่เขาจะทะลวงเข้าสู่เซียนเทียนขั้นที่ 10 ภายใน 7 ปี ได้!
มันไม่มีทางอื่นอีกแล้วงั้นหรอ? หวงเสี่ยวหลงก็ขมวดคิ้วแน่นขนัด
“ท่านจักรพรรดิ!”จู่ๆ เสียงของจ้าวชูก็ดังขึ้น
“เข้ามาได้”หวงเสี่ยวหลงก็สงบสติอารมณ์แล้วตอบกลับไป
“ท่านจักรพรรดิ ท่านต้องให้กระผมทำอะไรให้ใหมขอรับ?”หลังจากก้าวเข้ามาในสวนหญ้าจ้าวชูก็ถามออกมา
“จ้าวชู เจ้ารู้วิธีที่ช่วยให้ข้าทะลวงเข้าสู่เซียนเทียนระดับ 10 ใน 7 ปีบ้างใหม?”หวงเสี่ยวหลงก็ถามออกไปอย่างตรงๆ
พอได้ยินคำพูดของหวงเสี่ยวหลง จ้าวชูก็ถอนหายใจภายในใจอย่าสงลับๆ เขารู้ในความตั้งใจของท่านจักรพรรดิดี แต่เขาก็ส่ายหัวแล้วพูดออกไปว่า “ท่านจักรพรรดิ มันไม่มีทางใด นอกจาก…”
“นอกจากอะไร?”หวงเสี่ยวหลงก็หันหน้ามาหาแล้วดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้น
“นอกจากท่านจักรพรรดิจะใช้เวลาบ่มเพาะอยู่ภายในโลกเทวะ”จ้าวชูก็พูดขึ้น
“โลกเทวะ”หวงเสี่ยวหลงก็ว่างเปล่าไปสักครู่แล้วส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น เรื่องนี้คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มีเพียงนิกายนักรบแห่งพระเจ้าเท่านั้นที่รู้จักอุโมงค์เชื่อมต่อสู่โลกเทวะ และตามที่จ้าวชูได้เคยอธิบายไปไว้ มันจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนขั้นที่ 10 สูงสุดหลายร่วมมือกันใช้ค่ายอาคมโบราณถึงจะสามารถเปิดอุโมงค์มิติได้
และแล้วอยู่ดีๆจ้าวชูก็มีความคิดพุ่งขึ้นมาจากใหนไม่รู้ ซึ่งเขาก็ได้ออกมา “มีอีกวิธีนึง บางทีมันอาจจะสามารถ…!”