Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 226
“ยินดีที่ได้พบท่านจักรพรรดิ”หวงเสี่ยวหลงก็ก้าวเท้าออกมาทำความเคารพอย่างสุภาพ
ชายที่ยืนหลังให้พวกเขาก็ได้หันหน้ามา เขามีใบหน้าเรียบเนียนธรรมดาไร้หนวดเคารพแต่พอได้มองก็ยากที่จะลืมเลือน ซึ่งชายคนนี้ก็คือฉื่อฟานเทียน
ฉื่อฟานเทียนเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับใบหน้าที่ธรรมดาแต่เขากลับมีกลิ่นอายที่ยากจะลืมเลือนซึ่งมันแตกต่างจากกลิ่นอายอันแหลมคนของจักรพรรดิต้วนเริ่น
เมื่อฉื่อฟานเทียนมองเห็นหวงเสี่ยวหลง เขาก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร “เฒ่ากฎบอกว่าพรสวรรค์และความสามารถของเจ้านั้นเหนือล้ำกว่าฟานเฉิน ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อหรอกนะ แต่ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว แท่นบูชาพระพุทธนั้นเป็นสิ่งที่อาจารย์ของข้าเหลืองทิ้งไว้ การที่เจ้าถูกเลือกโดยแท่นบูชาพระพุทธ ก็นับได้ว่าเจ้าก็คือศิษย์น้องของข้าเช่นกัน ดังนั้นข้าก็จะยกหินจิตวิญญาณระดับสวรรค์เป็นของขวัญแล้วกัน”
ในฝ่ามือของฉื่อฟานเทียนก็มีก้อนหินโปร่งใสอันน่าหลงไหลแต่มันกลับเปร่งประกายสว่างไสวปรากฏขึ้นซึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือของเขา และหวงเสี่ยวหลงก็สังเกตเห็นว่าพลังจิตวิญญาณที่อยู่รอบตัวนั้นได้ไปรวมอยู่ที่ก้อนหินอันนี้ ภายในก้อนหินนี่มีพลังงานอ่อนๆที่สามารถสังเกตเห็นได้ซึ่งมันทำให้ใจของหวงเสี่ยวหลงเต้นระรัว
“ท่านจักรพรรดิ เรื่องนี้…!”หวงเสี่ยวหลงก็มองหินจิตวิญญาณในมือของฉื่อฟานเทียนและลังเล
หินจิตวิญญาณนั้นเป็นของที่ล้ำค่ามาก
ฉื่อฟานเทียนก็โบกมือให้หวงเสี่ยวหลง “แค่เรียกข้าศิษย์พี่ก็พอแล้ว”
ศิษย์พี่? หวงเสี่ยวหลงก็มึนงง เขาคิดว่าจักรพรรดิฉื่อฟานเทียนคนนี้แค่เพียงเป็นพิธีเมื่อตอนที่เขาพูดว่าผู้ที่ถูกเลือกโดยแท่นบูชาพระพุทธก็เหมือนศิษย์น้องของเขา…….งั้น ฉื่อฟานเทียนก็พูดจริงสินะ?!
“ศิษย์พี่”หวงเสี่ยวหลงก็นิ่งเงียบอยู่สักพักกก่อนที่จะกล่าวออกไป เนื่องจากฉื่อฟานเทียนพูดแบบนั้นด้วยตัวเขาเอง เขาก็คงทนเสแสร้งแกล้งทำเป็นพิธีไม่ได้แล้ว เขาก็มีแต่ต้องยอมรับมัน ซึ่งการมีศิษย์พี่แบบนี้จะทำให้การอยู่ในอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ในอานาคตนั้นสะดวกขึ้นเยอะ
พอเห็นหวงเสี่ยวหลงยินดีเรียกเขาว่าศิษย์พี่ ฉื่อฟานเทียนก็มองหวงเสี่ยวหลงด้วยความขอบคุณ “ตามกฎแล้ว เจ้าสามารถขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง ตราบใดที่อยู่ในความสามารถของข้า ข้าก็จะทำตามคำขอของเจ้า”
หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคริดเล็กน้อยแล้วตอบไปว่า “ข้าต้องการจะเข้าถ้ำพุทธะ”
ฉื่อฟานเทียนก็มึนงง “เจ้าต้องการเข้าถ้ำพุทธะงั้นหรอ?”
หม่าโปที่ถอนออกมาด้านข้างหลังจากที่เขาทักทายฉื่อฟานเทียนเมื่อกี้นี้ก็ตกตะลึงถึงขีดสุดเมื่อได้ยินคำขอที่ไม่คาดคิดของหวงเสี่ยวหลง
“ข้าทำไม่ได้งั้นหรือ?”พอสังเกตเห็นท่าทางของฉื่อฟานเทียน หวงเสี่ยวหลงก็ใจแป้ว ถ้าเขาไม่สามารถทำได้หล่ะก็ มันคงเป็นปัญหาแล้วหล่ะ
ฉื่อฟานเทียนก็หัวเราะขึ้นเมื่อเขาเห็นหวงเสี่ยวหลงกระวนกระวาย “ไม่ใช่ว่าเจ้าทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าข้าบอกไปแล้วงั้นหรอว่า ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่ข้าสามารถทำได้ เข้าก็จะทำตามที่เจ้าร้องขอ แต่ คำขอของเจ้านั้นมีแค่เพียงเข้าไปในถ้ำพุทธะจริงๆงั้นหรือ? เจ้ามีแค่โอกาสเดียวแล้ว เจาคงจะเสียใจทีหลังแน่หากเจ้าพลาด เหมือนกับศิษ์น้องฟานเฉินที่ร้องขอเคล็ดวิชาฝึกตนระดับสวรรค์ชั้นสูงจากข้า”
“เคล็ดวิชาฝึกตนระดับสวรรค์ชั้นสูงงั้นเรอะ!” หวงเสี่ยวหลงก็เดาะลิ้นด้วยความตกตะลึง
ฉื่อฟานเทียนคนนี้เป็นเจ้าของเคล็ดวิชาฝึกตนระดับสวรรค์ชั้นสูงจริงๆด้วย!
เคล็ดวิชาฝึกตนระดับสวรรค์ชั้นสูงแต่ละอันนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าหาที่เปรียบและมันก็ยังเป็นสิ่งที่ขาดแคลนกว่าผู้ฝึกตนระดับเทวะเสียอีก ดูเหมือนว่าฉื่อฟานเทียนคนนี้จะพูดเป็นนัยว่าเขาหน่ะเป็นคนให้เคล็ดวิชาฝีกตนอันมีค่าขนาดนั้นแก่ฟานเฉิน?!
พอมองดูความคิดของหวงเสี่ยวหลงเปลี่ยนไปมาซึ่งปรากฎบนใบหน้าอย่างชัดเจน ฉื่อฟานเทียนก้หัวเราะขึ้น “ใช่แล้ว พรสวรรค์ของศิษย์น้องฟานเฉินนั้นสูงส่งอย่างแน่แท้ และมันก็เพราะเขาบ่มเพาะเคล็ดวิชาฝึกตนระดับสวรรค์ชั้นสูง พระวินัยนิรันดร์หลับใหลที่ข้าเป็นคนให้เขาซึ่งมันทำให้เขาสามรรถทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะได้อย่างรวดเร็ว”
“เคล็ดวิชาพระวินัยนิรันดร์หลับใหล”ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็เปล่งประกายแสง
ที่จริงแล้ว เขาเคยได้ยินจ้าวชูกล่าวถึงเคล็ดวิชาพระวินัยนิรันดร์หลับใหลมาก่อน ซึ่งมันก็คือเคล็ดวิชาฝึกตนระดับสวรรค์ชั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย และเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าเคล็ดวิชาฝึกตนนี้จะมาจากฉื่อฟานเทียน
“คิดว่าไง? เจ้าค่อยๆคิดอย่างระเอียดถี่ถ้วนดีใหม?”ฉื่อฟานเทียนก็พูดเพิ่ม “ศิษย์น้องก่อหน้าฟานเฉินหลายคนต่างก็มีคำขอคล้ายๆกัน ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาฝึกตนหรือเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์ ชั้นสูง ซึ่งคำขอพวกนี้ก็มีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
“ยังไงเสียข้าก็ต้องการจะเข้าไปในถ้ำพุทธะ”หวงเสี่ยวหลงก็พูดอย่างจริงจัง
ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาฝึกตนหรือเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์ชั้นสูงมันก็ช่างเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจจริงๆ แต่มันก็ยังล่อตาล่อใจน้อยกว่ามากนักเมื่อเทียบกับหนึ่งในสมบัติสวรรค์ทั้งสิบชิ้นหุบเขาเทวะซูมี่ และสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้ก็เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของหวงเสี่ยวหลงในการมาครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม หวงเสี่ยวหลงก็ยังตกใจกับข้อเสนอของฉื่อฟานเทียน ไม่ใช่หมายความว่าเขาคอลเล็คชั่นเคล็ดวิชาฝึกตนและเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์ชั้นสูงงั้นหรือ?!
พอได้ยินหวงเสี่ยวหลงยืนยันจะเข้าไปในถ้ำพุทธะ สำหรับฉื่อฟานเทียนแล้วมันเป็นสิ่งไม่คาดคิดไว้เลย มันต่างจากที่เขาคิดว่าหวงเสี่ยวหลงร้องขอเข้าถ้ำเทวะเพียงเพราะต้องการสร้างความประทับใจให้แก่เขา และหลังจากที่เขาเตือนด้วยความหวังดี หวงเสี่ยวหลงก็คงจะต้องเลือกเคล็ดวิชาบ่มเพาะหรือเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์ชั้นสูงอย่างแน่นอน ซึ่งเขาไม่คาดคิดว่าหวงเสี่ยวจะยังคงร้องขอเข้าถ้ำพุทธะอยู่
แม่กระทั่งหม่าโปที่ได้ยินคำร้องขอของหวงเสี่ยวหลงก็ยังสับสนมึนงง
“ดี เนื่องจากเจ้าตัดสินใจแบบนั้น ข้าก็จะไม่พูดพล่ำทำเพลง “ครู่ต่อมา ฉื่อฟานเทียนก็อธิบาย “นี่คือเหรียญพุทธะ พกสิ่งนี้ไวกับตัวแล้วเจ้าจะสามารถเข้าถ้ำพุทธะได้”
ในขณะที่ฉื่อฟานเทียนพูดนั้น ก็มีเหรียญปรากฏขึ้นซึ่งมันล่องลอยอยู่ในฝ่ามือของเขา ทั้งสองด้านของตัวเหรียญนั้นมีรูปสลักพระพุทธอยู่ซึ่งมันได้เปล่งประกายรัศมีสีทองอันสดใส
หวงเสี่ยวหลงก็เข้าใกล้เหรีญตราพุทธะมันทำให้เขาประหลาดใจที่ฉื่อฟานเทียนยกเหรียญพุทธะให้เขาอย่างง่ายดายเพียงเพราะเขาต้องการเข้าไปในถ้ำพุทธะ เหรีญพุทธะแห่งอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะสามารถมีได้
พอรับเหรียญแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ขอบคุณอย่างจริงใจ “ขอบคุณศิษย์พี่ขอรับ”
ฉื่อฟานเทียนก็โบกมืออย่างเมินเฉย “มันก็แค่เหรียญพุทธะธรรมดา ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น นอกจากนี้เหรียญที่อยู่ในมือเจ้าก็ไม่สามารถเทียบได้กับเคล็ดวิชาพระวินัยนิรันดร์หลับใหลของฟานเฉินด้วย”
หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้ม
ครู่ต่อมา ขุนนางชั้นสูงสุดหม่าโปก็ได้นำทางหวงเสี่ยวหลงออกจากวัดพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์
ฉื่อฟานเทียนก็จ้องมองไปทางที่หวงเสี่ยวหลงออกไปและพึมพำกับตัวเองว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหวงเสี่ยวหลง ไม่ต้องสงสัยเลยจริงๆ!”เมื่อก่อนหน้านี้ตอนที่หวงเสี่ยวหลงปลดปล่อยแรงกดดันมังกรอันทรงพลังเมื่อตอนเข้ามาในห้องโถง ฉื่อฟานเทียนก็คาดคะเนตัวตนของหวงเสี่ยวหลงได้แล้ว
แม้ตั้งแต่การประลองเมืองจักรพรรดิแห่งอาณาจักรต้วนเริ่นที่หวงเสี่ยวหลงได้เปิดเผยจิตวิญญาณต่อสู้มังกรคู่ที่มีพรสวรรค์อันสูงส่ง มังกรดำและมังกรฟ้า ผู้เชี่ยวชาญจากหลายอาณาจักรในทวิปหิมะโปรยปรายต่างก็ให้ความสนใจในตัวเขาแล้ว
ผู้ที่เป็นเจ้าของจิตวิญญาณต่อสู้ มังกรเทวะบรรพกาลในทวีปหิมะโปรยปรายนั้นแทบจะนับได้ด้วยมือเลย นอกจากหวงเสี่ยวหลง ก็มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ฉื่อฟานเทียนเคยพบมาก่อน
ในขณะที่หม่าโปนำทางหวงเสี่ยวหลงออกจากวัดพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ให้เหรียญตราขุนนางชั้นสูงสุดแก่ หวงเสี่ยวหลง หม่าโปนั้น เป็นขุนนางชั้นสูงสุดของอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเขามีสถานะสูงมากแต่อยู่ต่ำกว่าแค่จักรพรรดิฉื่อฟานเทียนแล้วและพระสงฆ์ที่เคารพทั้ง 8 ซึ่งรวมไปถึงเฒ่ากฎด้วย เหรียญที่หม่าโปให้นั้น หวงเสี่ยวหลงก้ไม่ได้ปฏิเสธ
เหรียญตราขุนนางชั้นสูงสุดของหม่าโปนั้นจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต นั่นเพราะเหรียญพุทธะมันเป็นสิ่งที่ดึงดูความสนใจมากเกินไปอย่างไงหล่ะ บางเรื่องมันก็ไม่สะดวกในการใช้เท่าไหร่
พอเห็นหวงเสี่ยวหลงเต็มใจรับเหรียญจากเขา หม่าโปก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขจากนั้นเขาก็บอกหวงเสี่ยวหลงว่าหากพบเรื่องที่เขาไม่สามารถรับมือได้ ให้หวงเสี่ยวหลงมาตามหาเขาที่เขตอาศัยขุนนางชั้นสูง
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าพร้อมกับพูดขอบคุณ จากนั้นหม่าโปก็ออกไป
พอมองดูร่างของหม่าโปเดินทางออกไป หวงเสี่ยวหลงเก็บเหรียญขุนนางชั้นสูงไป เหรียญอันนี้เป็นตัวแทนของความเมตตามากกว่าความเยินยอเลียแข้งเลียขา
พอหม่าโปลาลับหายไป หวงเสี่ยวหลงก็มุ่งหน้าไปที่ถ้ำพุทพะและได้เดินทางมาถึงทางเข้าโดยใช้เวลาไม่นาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาต้องการจะเข้าถ้ำพุทธะ ก็แรงกดดันอันมหาศาลที่ปะทุออกมาจากภายในหยุดหวงเสี่ยวหลงที่หน้าทางเข้า และครู่ต่อมาก็มีร่างเงาปรากฏขึ้น
พอรู้ว่าคนๆนี้คือผู้พิทักษ์แห่งถ้ำพุทธะ หวงเสี่ยวหลงก็แสดงเหรียญพุทธะก่อนที่อีกฝ่ายจะเปิดปากพูดซะอีก
พอเห็นเหรียญพุทธะในมือหวงเสี่ยวหลง ร่างกายนั้นก็สับสนชั่วขณะแล้วจึงพยักหน้าให้หวงเสี่ยวหลงและหายลับไปทันที ณ จุดนั้น
หวงเสี่ยวหลงก็ถอนหายใจอย่างลับแล้วก้าวเดินเข้าถ้ำพุทธะไป คร้งนี้ไม่มีอะไรมาขัดขวางทางเดินของเขาอีกแล้ว พอผ่านทางเข้าไป หวงเสี่ยวก็รู้สึกราวกับเข้าได้เข้ามาอีกโลกนึง ตรงหน้าของเขาที่ไกลออกไปเท่าที่ตาของเห็น เขามองเห็นเพียงแค่….พระพุทธรูป!