Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 234
“พวกเขาก็เป็นตระกูลที่มีความสัมพันธ์กับตระกูลกั่วงั้นหรอ?”หวงเสี่ยวหลงก็ประหลาดใจ ตาแล้วเขาก็ขมวดคิ้วในขณะที่เขามองไปที่ลูกหลานตระกูลเถี่ยที่กำลังขี่ม้าพุ่งเข้ามาแล้วพูดออกไปว่า “เป็นแค่ลูกหลานตระกูลเถี่ยแล้วกล้าจะขี่ม้าเข้ามาในเมืองจักรพรรดิงั้นเรอะ พวกมันไม่เกรงกลัวบทลงโทษจากกฏหมายเลยหรือไง?”
เสียงพูดคำถามที่ดูไร้เดียงวสาก็ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาในขณะที่เขาส่ายหัวไปด้วย “ตั้งแต่ที่ตระกูลกั่วสานสัมพันธ์กับตระกูลหวง แม้กระทั่งจักรพรรดิก็ยังต้องไว้หน้าตระกูลกั่ว นอกจากนี้ตระกูลหวงก็มีความสัมพันธ์กับตระกูลกั่วอีกด้วย ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องการขี่ม้าบนถนนในเมืองจักรพรรดิ แม้พวกมันจะฆ่าคนบนถนนกลางวันแสกๆ ก็ไม่มีใครกล้าหยุดพวกมัน!”
ในตอนนั้นเอง กลุ่มลูกหลานตระกูลเถี่ยก็ได้ขี่ม้าเข้ามาในระยะ 100 ใกล้ตัวหวงเสี่ยวหลง คนอื่นที่อยู่ใกล้ก็ได้รีบแยกย้ายหลบเลี่ยงเส้นทางของพวกมัน
พอมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มคนนั้นก็ได้เตือนอย่างวิตกกังวล “พวกเราก็รีบหลบกันเถอะ มิฉะนั้นลูกหลานตระกูลเถี่ยนั้นจะต้อง…..!”ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดจบ เขาก็ยื่นมืออกไปดึงหวงเสี่ยวหลงหลบไปอยู่ข้างถนนที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม หวงเสี่ยวหลงก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นราวกับขุนเขาที่ตั้งตระง่าน
ชายหนุ่มก็มึนงง แต่ลูกหลานตระกูลเถี่ยนั้นอยู่อีกห่างจากพวกเขาอีกเพียงไม่กี่เมตร ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียวและได้ปล่อยมือหวงเสี่ยวหลง จากนั้นเขาก็กระโดดหลบออกไปจากเส้นทางของลูกหลานตระกูลเถี่ยเหมือนกับคนอื่นที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน
และในตอนนี้ ระหว่างม้าที่วิ่งอยู่กับหวงเสี่ยวหลงนั้นมีเพียงช่องว่างเพียงไม่กี่เมตรแต่ทว่ากลุ่มลูกหลานตระกูลเถี่ยกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหลังจากตกใจที่เห็นหวงเสี่ยวหลงยืนขวางทางพวกเขาไม่เหมือนคนอื่นๆที่รีบวิ่งหนีเพื่อความปลอดภัยของตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้
“พี่น้อง มันมีคนที่เกรงกลัวความตายด้วยหล่ะ!”ชายหนุ่มที่อยู่หน้าสุดนั้นได้หัวเราะออกมาดังๆราวกับส่งสัญญาณ ทำให้คนที่เหลือหัวเราะไปพร้อมกับเขา
หวงเสี่ยวหลงก็มองไปที่กลุ่มคนที่หัวเราอะอยู่อย่างเย็นชา
พอใกล้ขึ้น ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็เหลือไม่ถึง 5 เมตร จู่ๆหวงเสี่ยวหลงก็ได้ยกแขนขวาขึ้นแล้วโจมตีออกไปข้างหน้าด้วยฝ่ามือ ทำให้เกิดแสงสีทองนับไม่ถ้วนพุ่งใส่ลูกหลานตระกูลเถี่ย ทุกๆคนและม้าที่ถูกแสงสีทองโจมตีใส่นั้นได้หยุดเคลื่อนไหวและแน่นิ่งณะตรงนั้นซึ่งอยู่ห่างจากหวงเสี่ยวหลงเพียงไม่กี่เมตร ต่อหน้าสายตาของฝูงชนที่อยู่รอบๆ
ชายหนุ่มคนเมื่อก่อนหน้านี้ก็แสดงสีหน้าตกใจและมองรูปปั้นรูปหลานตระกูลที่ยังคงมีชีวิตอยู่
“นี่มันเคล็ดวิชาอะไรกันเนี่ย?!”ซึ่งเขาไม่ใช่คนเพียงคนเดียวที่มองเหตุการร์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างมึนงง
หวงเสี่ยวหลงก็ก้าวเดินไปทางชายหนุ่มที่นำกลุ่มลูกหลานตระกุลเถียมาอย่างไม่เร่งรีบ
พอเห็นหวงเสี่ยวหลงเดินเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มคนนั้นก็หวาดกลัวและโมโหในเวลาเดียวกัน พอกลบเกลือนความกลัว เขาก็ได้ขู่หวงเสี่ยวหลงว่า “ไอ้สารเลว เจ้าต้องตายแน่! เจ้ากล้าโจมตีทำให้พวกเราบาดใจ? เจ้าไม่รู้หรือว่าพวกเราเป็นใคร? พวกเราคือลูกหลานตระกูลเถี่ย! ข้าคือเถี่ยเสี่ยวและพ่อข้าคือประมุขตระกูลเถี่ย เถี่ยฟาง! ข้าบอกเลย เจ้าต้องตาย!”
“เถี่ยฟาง?” หวงเสี่ยวหลงก็หัวเราะเยาะ
งั้นใอ้สารเลวนี่ก็คือลูกชายของประมุขเถี่ยที่ชื่ออะไรสักอย่าง หรืออีกในนึงก็คือ หลานของกั่วฉื่อเหวิน? ไม่ต้องสัยเลยว่าทำไมไอ้สารเลวนี้ถึงเป็นนายน้อยที่ยิ่งยโสอีกคน!
หวงเสี่ยวหลงก็ยกแขนขวาขึ้นอีกครั้งแล้วงอนิ้วราวกับกรงเล็บและขว้าคอของเถี่ยเสี่ยวแล้วยกขึ้น เขาทำเหมือนกับที่เขาเคยทำกับสองพี่น้องตระกูลกั่วเมื่อ 2 ปีก่อน
พอถูกตับคอยกขึ้น เถี่ยเสี่ยวก็แสดงใบหน้าไม่อยากจะเชื่อและหวาดกลัวขึ้นมา
“ไอ้สารเลว เจ้ากล้า––!”
“รีบปล่อยนายน้อยของพวกเราเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่งั้นแม้แต่ผู้อมตะร่วงหล่นก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้หรอก
“ไม่เพียงแค่เจ้าเท่านั้น แม้กระทั่งตระกูลของเจ้าก็จะถูกฝังไปพร้อมกับเจ้าด้วย!”ข้ารับใช้ตระกูลเถี่ยก็กู่ร้องสุดเสียงในขณะที่คนที่เหลือจ้องมองหวงเสี่ยวหลงที่โอ้อวดอย่างมึนงง รวมไปถึงชายหนุ่มที่พยายามช่วยเหลือหวงเสี่ยวหลงให้ปลอดภัยด้วย
พอฟังเสียงโห่ร้องจากข้ารับใช้ตระกูลเถี่ย หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้มมุมปากอย่างลึกลับ จากนั้นเขาก็ปล่อยมือที่จับคอเถี่ยเสี่ยวโดยไม่มีการแจ้งเตือน อย่างไรก็ตามการกระทำของหวงเสี่ยวหลงทำให้เถี่ยเสี่ยวคิดว่าหวงเสี่ยวหลงกลัว เลยชี้นิ้วใส่เขาในขณะที่ตะเบงเสียงออกมาว่า “ไอ้สารเลว แม้ว่าเจ้าจะปล่อยข้าไปตอนนี้มันก็สายไปแล้ว! ข้าต้องการให้ตระกูลของเจ้าตาย! รวมถึงเจ้า!”
ก่อนที่เถี่ยเสี่ยวจะพูดโดยใช้พลังอำนาจจากตระกูลเขาคุกคามหวงเสี่ยวหลงได้จนเสร็จนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ได้โจมตีออกไปด้วยฝ่ามือโดยโมตีเล็งไปที่หน้าอกของเถี่ยเสี่ยว จากนั้นเขาก็กระเด็นลอยออกไปพร้อมกับส่งเสียงครวญคราญราวกับหมูโดนเชือด และเมื่อเขาล้มลงกับพื้น เขาก็ได้กระอักเลือดออกมาอย่างมหาศาล
“นายน้อย!”ผู้คุ้มกันตระกูลเถี่ยก็ได้โห่ร้องออกมา หวงเสี่ยวหลงก็ได้โจมตีออกไปอีกหนึ่งฝ่ามือ แต่ครั้งนี้เป้าหมายของเขาก็คือผู้คุมกันตระกูลเถี่ย ซึ่งเขาได้ส่งพลังปราณรูปฝ่ามือพุ่งออกไป ทำให้กลุ่มผู้คุ้มกันตระกูลเถี่ยกระเด็นลอยออกไปราวกับโดนพายุพัด หวงเสี่ยวหลงนั้นได้ผนวกกระบวนท่าแรกของเคล็ดวิชาดาบเทพอสูรลงในการโจมตีด้วยฝ่ามือเมื่อครู่ แม้ว่ามันจะอ่อนกว่าการใช้ดาบเทพสูร แต่มันก็พอจะจัดการลิ่วล้อพวกนี้ได้ ซึ่งในกลุ่มผู้คุ้มกันตระกูลเถี่ยนั้น คนที่แข็งแกร่งที่สุดมีระดับการบ่มเพาะอยู่เพียงระดับเซียนเทียนขั้นที่ 2 ดังนั้นสำหรับหวงเสี่ยวหลงคนพวกนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไร
หลายคนในฝูงชนต่างก็หันไปมองเถี่ยเสี่ยวและผู้คุ้มกันของเขา จากนั้นพวกเขาก็หันไปอีกด้านเพื่อมองหวงเสี่ยวหลง พวกเขามีการแสดงอารมณ์ที่แตกต่างกันไปซึ่งมีตั้งแต่ชื่นชมไปจนถึงเคารพบูชา มีสงสารและอื่นๆ
พอมาถึงจุดนี้ ชายหนุ่มที่พยายามจะดึงหวงเสี่ยวหลงเมื่อครู่ก็ได้เดินมายืนอยู่ข้างเขาแล้วพูดออกไปด้วยเสียงกังวลว่า “นี่สหาย รีบออกไปจากเมืองจักรพรรดิทันที รีบหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้! ถ้าหากคนของตระกูลกั่วและตรกูลเถี่ยมาถึงหล่ะก็ เจ้าอาจจะไม่สามารถหนีไปได้แม้ว่าเจ้าจะต้องการ!”
“หนีงั้นเรอะ?”หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว “ข้าแค่กลับมางานแต่งงานของน้องสาวข้าใน 3 อีกวัน ข้าจำเป็นอยู่ในพิธีดังนั้นข้าจะไม่หนี”
ชายหนุ่มก็รู้สึกอึ้งกับเหตุผลของหวงเสี่ยวลง “นี่สหาย ทำไมเจ้าถึงยังคงคิดถึงเรื่องงานแต่งงานของน้องสาวเจ้าในสถานการณ์แบบนี้ได้อยู่หล่ะ? การหนีเอาตัวรอดนั่นหล่ะคือสิ่งสำคัญ ถ้าหากเจ้าไม่มีชีวิตแล้ว เจ้าจะยังคงพูดเรื่องการเข้าร่วมงงานแต่งงานข้องน้องสาวเจ้าได้อยู่อีกหรอ?!”
พอมองดูความกังวลของชายหนุ่มที่มีต่อเข้า ทำให้เขารู้สึกประทับใจในตัวชายหนุ่ม ซึ่งพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนแปลกหน้าที่พบกันในถนนเส้นเดียวกัน “แล้วเจ้ามาจากตระกูลใหนหล่ะ?”หวงเสี่ยวหลงมองชายหนุ่มแล้วถามขึ้น
และชายหนุ่มก็มึนงงขึ้นมาอีกครั้ง นี่ชายคนนี้เขารู้ใหมว่าเขาอยู่ในสถานการณ์แบบใหนกันและครั้งนี้เขาก็ยังมาถามว่าข้ามาจากตระกูลใหน?!
“สหาย ลืมเรื่องตระกูลของข้าเถอะ เจ้ารีบๆออกไปจากเมืองจักรพรรดิซะ ดูเหมือนว่าตระกูลกั่วและตระกูลเถียจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่แล้วหล่ะ!”ชายหนุ่มคนนั้นก็กังวลมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ทว่าหวงเสี่ยวหลงกับใจเย็นไปไม่สะทกสะท้าน “เจ้าจะกังวลขนาดนั้นเพื่อะไร?”
พอได้ยินคำพูนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก ในที่สุดเขาก็ทำได้เพียงยอมแพ้แล้วตอบหวงเสี่ยวหลงไปอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าเกาหยง มาจากตระกูลเกาแห่งอาณาจักรเงือก”
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า “เนื่องจากพวกเราว่างทั้งสองฝ่าย ทำไมเราไม่ไปหาอะไรดื่มกันสักหน่อยหล่ะ?”
เนื่องจากพวกเราว่าง?
หาอะไรดื่มสักหน่อย?
ชายหนุ่มคนนั้นก็รู้สึกเวียนหัว นั่นเพราะเขาไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะพูดอะไรออกไปดี
…..
ในเวลานี้ กั่วฉื่อเหวิน กั่วเฉื่อหยวนและคนอื่นๆกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงหลักแห่งคฤหาสน์ตระกูลกั่วและส่งเสียวหัวเราะกันไปทั่ว ด้านข้างกั่วฉื่อเหวินนั้นมีสาวสวยนั่งอยู่และสาวสวยคนนั้นก็คือกั่วเสี่ยวฉิง ซึ่งเธอนั้นเนน้องสาวของกั่วฉื่อเหวินและกั่วฉื่อหยวนนั่นเอง
กั่วเสี่ยวฉิงก็หัวเราะอย่างงดงาม “พี่ใหญ่ พี่สอง ตอนนี้ตระกูลของเราก็ได้เกี่ยวดองกับตระกูลหวงแล้ว และแม้กระทั่งจักรพรรดิต้วนเริ่นก็จะต้องให้ความสนใจตระกูลกั่วเราด้วย ในอนาคตข้าอยากจะเห็นจังเลยว่าผู้ใดจะกล้าดูหมิ่นพวกเราตระกูลกั่ว!”
กั่วฉื่อเหวินและกั่วฉื่อหยวนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ท่านประมุข!”ในขณะนั้นก็ได้มีผู้คุ้มกันตระกูลกั่ววิ่งเข้ามาในห้องโถงและตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบ “แย่แล้วขอรับ นายน้อยเถี่ยเสี่ยวถูกทำร้ายบนถนน!”
กั่วฉื่อเหวิน กั่วฉื่อหยวน และกั่วเสี่ยวฉิงก็ตกตะลึง!
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”พอผ่านไปชั่วครู่ จู่ๆกั่วเสี่ยวฉิงได้ตอบสนองซึ่งเป็นเพราะคำพูดของผู้คุ้มกันตระกูลกั่ว “เจ้าพูดว่ามีคนทำร้ายเสี่ยวเอ๋อของข้า?”
“ใช่แล้วขอรับ บนถนนแม่น้ำรุ่งอรุณ!”ผู้คุ้มกันคนนั้นก็พูดยืนยัน
“ถนนแม่น้ำรุ่งอรุณ”กั่วฉื่อหยวนก็พูดทบทวน “มันไม่ไกลจากคฤหาสน์ตระกูลกั่วเรามากนัก”
กั่วเสี่ยวฉิงก็กระโดดขึ้นยืน น้ำเสียงของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่สามารถปิดบังได้ “ข้าต้องการเห็นว่าใครบังอาจกล้าทำร้ายเสี่ยวเอ๋อของข้า!”
กั่วฉื่อเหวินก็ลุกขึ้นตามและสั่งกันผู้คุ้มกันด้วยเสียงเย็นชา “บอกทุกคนให้ไปปิดประตูเมือง ต้องไม่ให้ไอ้สารเลวนั่นหนีไปได้!” เขาก็หันไปหากั่วฉื่อหยวนและกั่วเสี่ยวฉิง “ไปดูกันเถอะ พวกเราจะต้องจับเป็นไอ้สารเลวนั่น!”