Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 242
สาขาของหอการเก้าสมพันธ์หลายแห่งต่างถูกโอบล้อมโจมตีอย่างโหดร้าย ผู้เข้าร่วมงานแต่งหลายคนต่างคาดเดาได้ว่าเป็นฝีมือของตระกูลเหยาและนิกายนักรบแห่งพระเจ้าซึ่งเหมือนกับหวงเสี่ยวหลง ทุกคนในห้องโถงต่างเงียบซึ่งไม่มีใครกล้าขัดจังหวะการครุ่นคิดของหวงเสี่ยวหลง
มันเงียบมากจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นยังได้
“นายน้อย หรือว่าเราควรจะเดินทางไปสาขาย่อยเหล่านั้นดี?” ไม่กี่วิผ่านไป ทันทีจางฟูก็ยืนขึ้น
หวงเสี่ยวหลงกลับส่ายหัวแก่คำถามของเขา “ไม่จำเป็น”
มีหอการค้าเก้าสมพันธ์สาขาย่อยมากกว่า 10 แห่งถูกโจมตี ด้วยจางฟูแค่คนเดียว แม้ว่าเขาจะรู้วิธีแยกร่างโคลนหลายสิบร่างแล้วไปสถานที่เหล่านั้น แต่บางทีเขาจะตกไปอยู่ในกำดักของศัตรูก็ได้ จุดประสงค์ของตระกูลเหยาและนิกายนักรบแห่งพระเจ้าในการโจมตีสาขาย่อยของหอการค้าเก้าสมพันธ์เพื่อลากจ้าวชูและจางฟูออกไปจากเขา
“จำนวนคนตายของแต่ละสาขาหล่ะ?”หวงเสี่ยวหลงก็หันหน้าไปถามผู้คุ้มกันตระกูลหวงอย่างตรงๆ
“ตอบนายน้อย จำนวนพนักงานของหอการค้าเก้าสมพันธ์ทั้งหลายสาขานั้น….”พอมาถึงจุดนี้ผู้คุ้มกันตระกูลหวงก็ลังเล
“พูดมา!”หวงเสี่ยวหลงก็ขึ้นเสียง
“ได้เสียชีวิตเกือบทั้งหมด มีเพียงพนักงานไม่กี่คนเท่านั้นที่หนีออกมาจากแต่ละสาขาได้ทัน”ผู้คุ้มกันตระกูลหวงเสี่ยวก็พูดทุกสิ่งอย่างออกไป
ตายเกือบทั้งหมด! ใบหน้าของหวงเสี่ยวหลงก็มืดครึ้ม
สาขาย่อยของหอการค้าเก้าสมพันธ์ทุกแห่งนั้นมีพนักงานตั้ง 300-400 คน พอนับรวมทุกสาขาแล้ว มันก็มีพนักงานตั้ง 5 พันคน!
“สั่งการลงไป พนักงานทั้งหมดให้กลับมารวมตัวที่นี่”หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หนี้แค้นในครั้งนี้ หวงเสี่ยวหลงจดจำไว้จัดการตระกูลเหยาและนิกายนักรบแห่งพระเจ้าในอนาคต
“ได้ขอรับ นายน้อย!”ผู้คุ้มกันตระกูลหวงก็ตอบออกมาอย่างเคารพ
หวงเสี่ยวหลงก็โบกมือให้ผู้คุ้มกันคนนั้นออกไป วันนี้เป็นงานแต่งงานของน้องสาวเขา ซึ่งมันเป็นวันสำคัญสำหรับเธอ
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ในพื้นที่ทิ้งร้างที่ดูทรุดโทรมซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองจักรพรรดิต้วนเริ่น ได้เกิดการผันผวนของมิติขึ้น หลี่โม่หลิน บรรพบุรุษตระกูลเหยา เหยาซานและผู้อาวุโสนิกายนักรบแห่งพระเจ้านั้นก็ได้ปรากฏขึ้นจากช่องว่างมิติ และเหยาเฟยกับอ่าวไป๋เสวียนั้นก็ได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับพวกเขา
พวกเขามีทั้งหมด 6 คน หลี่โม่หลินก็เย้ยหยัน ข้าไม่คาดคิดว่าหวงเสี่ยวหลง ใอ้สารเลวนั่น จะยังอดทนไม่ถูกหลอกทำตามแผนเราซะได้!”
อ่าวไป๋เสวียก็ขมวดคิ้วหนัก “ ด้วยการมีจ้าวชูและจางฟูอยู่เคียงข้ามัน มันคงเป็นการยากที่เราจะเคลื่อนไหว
เหยาเฟยก็เย้ยหยัน “ ไม่สำคัญหรอกแม้ว่าจ้าวชูและจางฟูจะอยู่ด้วย เพราะยาพิษไร้สีไร้กลิ่นของข้านั้น แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะขั้นสูงก็ยังไม่สามารถตรวจสอบพบได้เลย!” ในขณะที่เหยาเฟยพูดแบบนั้น เขาก็ได้หยิบขวดสีม่วงเข้มออกมาจากแหวนมิติ
พิษของยาพิษไร้สีไร้กลิ่นนั้นเหนือกว่ายาพิษทั้งหมด ซึ่งเทียบได้ว่ามันก็คือราชาแห่งพิษก็ว่าได้ มีข่าวลือเกี่ยวกับมันว่า ยาพิษไร้สีไร้กลิ่นนี้ไม่มีทั้งสี รสชาติ หรือรูปร่าง เป็นไปไม่ได้ที่จะมาด้วงตาเปล่าหรือใช้สัมผัสวิญญาณ แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะชั้นสูงก็ยังไม่สามารถตรวจสอบมันได้เลย ครั้งหนึ่งเมื่อมีคนผู้หนึ่งได้ติดพิษ นอกจากผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะที่สามารถยับยั้งหรือขับพิษออกจากพลังเทวะของเขาแล้ว พวกที่มีระดับบ่มเพาะที่ตำกว่าชั้นนั้นจะตายโดยไม่มีข้อยกเว้นสักลาย
และเหยื่อนั้นจะได้รับความเจ็บปวดราวกับโดนมดนับล้านรุมกัด ราวกับโดนงูนับล้านรุมกัด หรือราวกับโดนกูลนับล้านกัดกินวิญญาณซึ่งเหยื่อจะถูกทรมานจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายจนกระทั่งตาย
อย่างไรก็ตาม ยาพิษไร้สีไร้กลิ่นนี้มีคนพูดไว้ว่ามันได้สูญหายไปสองพันปีก่อนแล้ว และไม่มีใครคาดคิดว่าเหยาเฟยจะมีของแบบนี้กับตัว แม้กระทั่งบรรพบุรุษตระกูลเหยา เหยาซานก็ตาม
“ใช่แล้ว ยาพิษไร้สีไร้กลิ่น!”เหยาเฟยก็พยักหน้าอย่างอวดเบ่ง “ยาพิษไร้สีไร้กลิ่นนี้เป็นสิ่งที่ข้าได้รับมาเมื่อหนึ่งปีก่อนในถ้ำแห่งหุบเขาอีกา ข้าได้สั่งให้คนเสิร์ฟของตระกูลกั่วได้ผสมยาพิษนี่ลงในไวน์อวยพรที่จะถูกเสิร์ฟในพิธีของวันนี้!”
ที่จริงแล้ว เขาสามารถจินตนาการถึงใบหน้าอันบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดและความทุกข์ของหวงเสี่ยวหลงได้เลย หลี่โม่หลินและที่เหลือก็ถอนหายใจอยู่ภายใน ถ้าหากทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่เหยาเฟยพูดหล่ะก็ วันนี้ งานแต่งงานในคฤหาสน์ตระกูลกั่วนั้นจะกลายเป็นงานศพทันที!”
ไม่เพียงหวงเสี่ยวหลงจะตาย แม้กระทั่งสมาชิกตระกูลหวงสมาชิกตระกูลกั่ว และแขกรับเชิญที่มาร่วมแสดงความยินดีกับตระกูลกั่วซึ่งมาจากหลายขุมกำลังน้อยใหญ่ไม่ว่าจะเป็นประมุขหรือสมาชิกตระกูล พวกเขาทั้งหมดจะได้พบแก่จุดจบ
ซึ่งมีเพียงบรรพบุรุษตระกูลกั่ว กั่วเกิน จ้าวชู จางฟู และจักรพรรดิต้วนเริ่นเท่านั้นที่จะสามารถรอดชีวิตได้
“วิธีนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือ?”บรรพบุรุษตระกูลกั่วเหยาซานก็พูดพร้อมขมวดคิ้ว “จักพรรด้ต้วนเริ่นและพระสนมเฟยก็อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลกั่วด้วย
ต้วนหวูเหินนั้น เป็นลูกชายสุดที่รักของจักรพรรดิต้วนเริ่นซึ่งเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์แต่ทว่าพระสนมเฟยนั้นเป็นนางสนมของจักรรพรรดิต้วนเริ่น และก็ยังเป็นแม่ของต้วนหวูเหิน ถ้าหากทั้งสองคนตายด้วยาพิษไร้สีไร้กลิ่นแบบนี้ในคฤหาสน์ตระกูลกั่ว ความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อกันนั้นจะกลายเป็นหนี้เลือดทันทีไม่มีจบสิ้นทันที!
ถ้าหากมันเป็นแบบนั้น ตระกูลเหยาคงไม่สามารถก่อตั้งขึ้นในแผ่นดินของจักรวรรดิต้วยเริ่นได้อีกต่อไป!
เหยาเฟยรู้ว่าบรรพบุรุษของเขากังวลสิ่งใด เขาจึงได้พูด ท่านบรรพบุรุษ ต้วนเริ่นนั้นคงไม่ปล่อยเราไปหรอกแม้ว่าเราจะไม่ได้ฆ่าต้วนหวูเหิน เนื่องจากมันเป็นแบบนั้นแล้ว ทำไมเราจะต้องสนใจต้วนหวูเหินด้วย? นอกจากนี้ เรากำลังจะทำลายจักรวรรดิต้วนเริ่นในไม่ช้าก็เร็ว การฆ่าต้วนหวูเหินตอนนี้มันก็เหมือนกับการถอนรากถอนโคน ไม่ใช่ว่าสำหรับพวกเรานั้นดีกว่างั้นหรือ?”
พอได้ยินสิ่งนี้ เหยาซานก็พยักหน้าเห็นด้วย
…..
ในตอนนั้น คฤหาสน์ตระกูลกั่วนั้นเต็มไปด้วยความสุข ส่วนใหญ่นั้นเป็นเพราะหวงเสี่ยวหลงได้หยุดหารือเรื่องเกี่ยวกับหอการค่าเก้าสมพันธ์สาขาย่อยหลายแห่งถูกโจมตีซึ่งมันเลยทำให้ไม่มีผลกระทบต่อพิธีแต่งงานมากนัก
พอใกล้ 5 โมงเช้า กั่วไท่และหวงเสี่ยวหมินที่แต่งชุดแต่งงานสีแดงสดใสนั้นก็ได้เขามาคุกเข่าคำนับฟ้าดินและทำความเคารพพ่อแม่และผู้อาวุโสภายใต้การแนะนำของผู้นำทำพิธี
“หนึ่งคุกเข่าคำนับฟ้าดิน!”ผู้นำพิธีก็พูดออกมาอย่างดัง
หลังจากกั่วไท่ และหวงหมินที่ทำเสร็จแล้ว ผู้นำพิธีก็ได้พูดต่อ “สองคำนับพ่อแม่!”
พอมองดูผู้เยาว์ทั้งสอง หวงเผิง ซูหยาน กั่วฉื่อหยวน และผู้อาวุโสคนอื่นๆ รวมไปถึงหวงเสี่ยวหลงด้วยก็มีความสุข
พอคำนับพ่อแม่เสร็จ กั่วไท่และหวงหมินก็คำนับครั้งที่ 3 และครั้งสุดท้ายนั้นเป็นการคำนับระหว่างกันของสามีและภรรยา
ดังนั้น พิธีการก็ได้เสร็จสมบูรณ์
“เยี่ยมมาก! พวกเรารีบไปนั่งที่แล้วเริ่มงานเลี้ยงฉลองกันเถอะ”ครู่ต่อมา บรรพบุรุษตระกูลกั่ว กั่วเฉินก็ได้ประกาศ หวงเสี่ยวหลงจึงได้พยักหน้า
พอเห็นหวงเสี่ยวหลงพยักหน้า ทุกๆคนก็เดินไปที่โต๊ะซึ่งรวมไปถึงแขกที่รออยู่นอกห้องโถงที่ประกอบไปด้วยประมุขจากอาณาจักรใต้อาณัติของจักรวรรดิต้วนเริ่น
กั่วฉื่อหยวนก็ได้สั่งให้พ่อบ้านจางเยี่ยมาเสิร์ฟไวน์และอาหารหลังจากได้รับคำสั่งโดยการพยักหน้าจากพ่อเขา
“ขอรับ!”จางเยี่ยก็แสดงความเคารพ เขาได้หันไปและตะโกนออกมา “เสิร์ฟไวน์และอาหารได้!”
“เสิร์ฟไวน์และอาหารได้!”
ข้ารับใช้ตระกูลกั่วทั้งหลายต่างรีบนำไวน์และถาดอาหารหลายถาดไปส่งที่โต๊ะแขก ไม่นานนัก โต๊ะเหล่านั้นต่างก็เมไปด้วยกลิ่นหอมและอาหารหลากสีสัน แต่ละโต๊ะนั้นมีอาหารอยู่ 16 ประเภท ซึ่งอาหารแต่ละอย่างนี้ถูกนำมาจากทางเท้าหรือไม่ก็ทางทะเล เลยทำให้บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอันเจื้อยแจ้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อกั่วไท่ยืนขึ้นพร้อมกับแก้วไวน์ในมือเพื่อดื่มอวยพรพร้อมกับหวงเผิง หวงเสี่ยวหลง และคนอื่นๆ หวงเสี่ยวหลงก็ได้แผดเสียงดังขึ้นมา “เดี๋ยวก่อน!”
มันเร็วเกินไปจนทำให้แขกตกใจ ทุกคนต่างก็หันมามองหวงเสี่ยวหลง
ต่อหน้าทุกคน หวงเสี่ยวหลงก็ได้เทไวน์ใส่มือด้วยมือเดียว “มีสิ่งผิดปกติในไวน์นี้!”
“ว่าไงนะ?! มีสิ่งผิดปกติในไวน์งั้นหรือ?”ทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างก็มึนงง
“นี่มัน…?!”กั่วเฉิน จักรพรรดิต้วนเริ่น จ้าวชู และจางฟูก็มองหน้ากันอย่างมึนงง
แต่ก่อนที่เพวกเขาจะพูดอะไรออกมา ก็ได้มีแสงสีดำและสีฟ้าพุ่งออกมาจาร่างกายของหวงเสี่ยวหลงราวกับสายฟ้า ซึ่งหวงเสี่ยวหลงนั้นได้ทำการเปิดเผยจิตวิญญาณมังกรคู่ของเขาที่อยู่ด้านหลัง มังกรดำและมังกรฟ้าต่างก็ดูดไวน์ในแก้ว ซึ่งพวกมันได้ดึงเอาเส้นแสงสีม่วงดำออกมาจากแก้วไวน์ จากนั้นพวกมันก็ได้รวมตัวกันในอากาศกลายเป็นเงาปีศาจอันคลุมเครือที่กรีดร้องออกมา ทำให้ทุกคนต่างตัวสั่น