Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 249
ด้วยการมีตู่ซินและเติงกวงเหลียงติดตามเขาอยู่เบื้องหลัง จึงไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาให้หวงเสี่ยวหลง มิฉะนั้นในเมืองแห่งนี้คงมีคนหลายคนเข้ามาต้อนรับหวงเสี่ยวหลงอย่าง ‘อบอุ่น’
จากการสังเกตของหวงเสี่ยวหลงตลอดเวลา ผู้คนที่อยู่ในเมืองปีศาจทมิฬส่วนใหญ่นั้นจะมีจิตสังหารและกลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นเล็ดลอดออกมา แน่นอนว่าส่วนใหญ่นั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับสูง แม้กระทั่งเด็กเล็กๆที่วิ่งเล่นตามท้องถนนก็ยังปลดปล่อยบรรยากาศดุร้ายออกมารอบตัว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนแห่งความโกลาหลนั้นไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เห็น ในดินแดนแห่งความโกลาหลนี้ ความเมตตาไม่มีค่าเลยสักนิด!
“ได้-ได้โปรด ข้าขอร้องหล่ะ อย่าฆ่าข้าเลย!”ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงกำลังเดินต่อไปอย่างสงบเสงี่ยมนั้นก็ได้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในถนนเดียวกันกับที่เขาเดินอยู่ พอมองไปนั่น หวงเสี่ยวหลงก็ได้เห็นชายร่างใหญ่โตคุกเข่าร้องให้ขอความเมตตาต่อหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้หันหลังให้หวงเสี่ยวหลง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าหน้าตาเธอเป็นอย่างไร แต่ก็ยังมองเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงอย่างชัดเจนซึ่งเธอนั้นสูงผมอพร้อมกับมีส่วนโค้งเว้าอันน่าตรึงใจ
ในขณะที่ชายร่างโตกำลังคุกเข่าขอความเมตตา ผู้หญิงคนนั้นก็ชักกระบี่ออกมาจากฝักที่ติดอยู่ข้างเอว ใบดาบสะท้อนแสงเป็นประกายสีฟ้าเขียวออกมา
พอมองเห็นการกระทำของผู้หญิงคนนั้น ก็ทำให้ชายร่างโตขวาดกลัวขึ้นจากนั้นเขาโคกหัวกับพื้นในขณะที่เขาอ้อนวอนต่อไปเรื่อยๆ “อย่าฆ่าข้าเลย ข้ารู้ข้าผิด ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว!”
ในจังหวะที่เสียงของชายคนนั้นเงียบลง ผู้หญิงคนนั้นก็ตวัดมือเหวี่ยงกระบี่ออกไปเป็นแนวโค้ง ทำให้เสียงร้องไห้ของชายร่างโตเงียบลงไปตลอดกาล นิ้วของชายคนนั้นชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้น แต่ร่างของเขากลับล้มลงไปด้านข้าง จากนั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากคอของเขาทำให้พื้นทางเดินถูกย้อมไปด้วยสีแดง
คนที่เดินเท้าอยู่ต่างก็มุงดูจากระยะไกลราวกับฝูงผู้ชมที่กำลังดูการแสดงและก็มีเสียงพูดคุยและหัวเราะราวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา
หลังจากฆ่าชายร่างโต ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้มองศพของเขาสักนิด เธอนั้นได้หันเดินออกไปโดยไม่พูดไม่จา เมื่อเธอหันหน้า หวงเสี่ยวหลงก็เหลือบมองไปเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น เป็นใบหน้าที่ ––สวยงามแต่เย็นชา
ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นออกไปนั้น สายตาของเธอก็ได้กวาดมองใบหน้าของหวงเสี่ยวหลง เมื่อเธอมองเห็นตู่ซินและเติงกวงเหลียงที่อยู่ด้านหลังเขา เธอก็ตกใจออกมา แต่มันก็เพียงชั่วครู่ในขณะที่เธอเดินผ่านหวงเสี่ยวหลงและหายไป
ใจของหวงเสี่ยวหลงก็บีบแน่น –ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ง่ายดายเลยสักนิด ความแข็งแกร่งของเธอนั้นใกล้เคียงกับเขา อย่างน้อยก็จะต้องเป็นระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7
“ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นคนจากนิกายเงาภูติ”หลังจากผู้หญิงคนนั้นหายไปจากสายตา ตู่ซินก็เดินเข้ามาใกล้หวงเสี่ยวหลงและอธิบาย
“นิกายเงาภูติ?”หวงเสี่ยวหลงก็สับสน
“ใช่ขอรับ นายน้อย พลังอำนาจของนิกายภูติเงาในดินแดนแห่งความโกลาหลนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่านิกายพ่อมดนภาของพวกเรา ความจริงแล้ว พวกนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเราเล็กน้อย”เติงกวงเหลียงก็พูดเพิ่ม “ประมุขของนิกายเงาภูตินั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 และผู้หญิงคนเมื่อกี้ก็น่าจะเป็นศิษย์ส่วนตัวของประมุขนิกายเงาภูติ กุ่ยหยิง ที่ตั้งของนิกายนั้นอยู่ในเมืองแม่น้ำโลหิต ไม่ไกลจากเมืองปีศาจทมิฬของพวกเรามากนัก”
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า
เมืองแม่น้ำโลหิตสินะ? อืม หลังจากเขาควบคุมเมืองปีศาจทมิฬได้แล้ว เมืองที่อยู่รอบข้างเมืองปีศาจทมิฬก็จะเป็นเป้าหมายต่อไปของเขา
ทันที ตู่ซินและเติงกวงเหลียงก็พาหวงเสี่ยวหลงไปที่คฤหาสน์ของพวกเขา
การมีคฤหาสน์ส่วนตัวในเมืองหลักอย่างเมืองปีศาจทมิฬนั้นเป็นเครื่องหมายของพลังและอำนาจ ปกติแล้วมีเพียงผู้เชี่ยวชาญรดับเซียนเทียนขั้นกลางที่มีสถานะอย่างตู่ซินและเติงกวงเหลียงเท่านั้นถึงจถสามารถมีที่ดินส่วนตัวในเมืองปีศาจทมิฬแห่งนี้ได้ ผู้เชี่ยวชาญเซียนเทียนที่มีการบ่มเพาะและสถานะที่ตำกว่านั้น มากสุดก็สามารถมีที่พักเล็กๆเป็นของตัวเองได้
พอเข้าไปในคฤหาสน์ ข้ารับใช้และยามก็เข้ามาทักทายตู่ซินและเติงกวงเหลียงอย่างเคารพในขณะที่พวกเขาเดินไปที่ห้องโถงหลัก
ในห้องโถงหลัก
หวงเสี่ยวหลงได้นั่งอยู่ในกลางอี้หลักที่อยู่ใจกลาง เขาได้สั่งการให้ตู่ซินและเติงกวงเหลียงเรียกข้ารับใช้และยามของคฤหาสน์ทั้งหมดมาที่ห้องโถงหลัก พอเข้าใจความตั้งใจของหวงเสี่ยวหลง ทั้งสองคนก็ดำเนินตามคำสั่งอย่างไม่สงสัย
เมื่อข้ารับใช้และยามทั้งหมดเข้ามาถึง แต่ละคนก็ตกใจเมื่อสังเกตเห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลักนั้นเป็นคนที่พวกเขาไม่รู้จัก ในขณะที่ตู่ซินและเติงกวงเหลียงยืนอยู่ด้านข้างแต่ละด้าน
ด้วยการที่ทุกคนมารวมตัวกัน ตู่ซินจึงแนะนำหวงเสี่ยวหลงให้ข้ารับใช้และยามทุกคน แน่นอนว่ามันคือการปกปิดพื้นหลังของหวงเสี่ยวหลง เรื่องหลักที่หวงเสี่ยวหลงพูดก็คือการให้เรียกเขาว่านายน้อยหวง และเห็นว่าพวกเขามองเขาไม่แตกต่างอะไรไปจากเติงกวงเหลียงแถมยังแสดงความเคารพเหมือนๆกัน
แม้ว่าหลายคนต่างอยากรู้และสงสัยเกี่ยวกับหวงเสี่ยวหลง ก็ไม่มีใครกล้าถามสิ่งใด และทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง
หวงเสี่ยวหลงก็ตรวจสอบหน้าตาของข้ารับใช้และยามจากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างช้าและตอบความอยากรู้ของพวกเขา “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทั้งหมดอยากรู้ถึงตัวตนของข้า แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจว่าอะไรควรพูดและอะไรไม่ควรพูด! ใครกล้าเปิดเผยเรื่องนี้และพูดถึงตัวตนของข้าภายนอกห้องโถงหลักแห่งนี้ ถ้าหากข้ารู้หล่ะก็ มันผู้นั้นจะถูกฆ่า ณ ตรงนั้นทันที! เจ้าเข้าใจหรือไม่?”หวงเสี่ยวหลงก็ปลดปล่อยจิตสังหารอันคมกริบออกมาจากร่าง เข้าห่อหุ้มห้องโถงหลักด้วยแรงกดดันอันยากจะหายใจ
การถูกปกคลุมด้วยจิตสังหารอันหนาวเหน็บทำให้ข้ารับใช้และยามทุกนรู้สึกราวกับพวกเขาร่วงหล่นลงไปในนรกเยือกแข็งพันปี ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในขณะที่พวกเขาคุกเข่าลงบนพื้นซึ่งแตะลคนต่างยืนยันว่าพวกเขาจะไม่หลุดพูดออกไป ในเวลานั้นพวกเขาตระหนักแล้วว่า นายน้อยหวงคนนี้แข็งแกร่งกว่านายท่านของพวกเขาขนาดใหน
พอมองเห็นกลุ่มข้ารับใช้และยามคุกเข่า หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจต่อการตอบสนองของพวกเขา จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็โบกมืออนุญาตให้พวกเขายืนขึ้น “พวกเจ้าออกไปได้ กลับไปทำในสิ่งที่พวกเจ้าทำอยู่ซะ”
ทุกคนก็ตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียงและรีบถอนตัวออกไปจากห้องโถงหลัก
หวงเสี่ยวหลงก็ถอนสายตาจากข้ารับใช้ที่ออกไป เขานั้นยังไม่ควบคุมนิกายพ่อมดนภาอย่างสมบูรณ์ดังนั้นเขาไม่ต้องการให้ตัวตนของเขาถูกเปิดโปงในเมืองปีศาจทมิฬแห่งนี้เร็วนัก เพราะมันจะดึงดูดความสงสัยจากเฉินเสี่ยวเทียนและเกิงเคน และมันจะทำให้เขาเข้าควบคุมนิกายได้ลำบากขึ้น เขาเชื่อว่าด้วยการตักเตือนเมื่อกี้ มันคงจะไม่มีใครในหมู่ข้ารับใช้และยามเผลอหลุดพูดออกไป เว้นแต่จะมีคนทรมานพวกเขา
แน่นอนว่าหวงเสี่ยวหลงสามารถใช้การประทับตราจิตวิญญาณควบคุมพวกนั้น แต่อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่เขาใช้วิธีนี้ มันจะใช้พลังจิตของเขาค่อนข้างเยอะ และการใช้วิธีการนี้มากเกินไปนั้นจะมีผลลัพธ์ข้างเคียงเกิดขึ้นซึ่งมันจะเป็นอันตราต่อการบ่มเพาะในอนาคตของเขา ดังนั้นอย่างน้อยถ้าไม่สำคัญจริงๆ หวงเสี่ยวหลงจะไม่เสียพลังจิตเพราะวิธี
“นายน้อย ต่อไปเราควรจะทำอะไรดี?”หลังจากทุกคนออกไปจากห้องโถงหลัก เติงกวงเหลียงก็ถามหวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงมองทั้งสองคนแล้วพูไปว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ข้าจะบอกเจ้าว่าจะทำอะไรเมื่อเวลานั้นมาถึง”
ทั้งสองคนก็ตอบออกมาอย่างเคารพ
หวงเสี่ยวหลงได้เอาโอสถวิญญาณออกมาจาแหวนเทพอสูรซึ่งทำให้มีแสงเปล่งประกายขึ้นในมือของเขา “นี่คือโอสถวิญญาณระดับ 6” หวงเสี่ยวหลงก็ได้ส่งโอสถทั้งสองเม็ดให้กับตู่ซินและเติงกวงเหลียง
ทันที ก็ได้มีกลิ่นหอมที่น่าหลงใหลเข้าเตะจมูกตู่ซินและเติงกวงเหลียง
“โอสถวิญญาณระดับ6!”ทั้งสองคนก็อุทานออกมาอย่างประหลาดใจในขณะที่มองโอสถในมือตัวเอง แม้กระทั่งในดินแดนแห่งความโกลาหล โอสถวิญญาณระดับ 6 นั้นก็เป็นสิ่งที่ยากจะได้รับ
“นายน้อย นี่คือรางสำหรับพวกเรางั้นหรือ?”ตู๋ซินไม่มั่นใจจึงได้เสี่ยงถามออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า “หากในอนาคตพวกเจ้าทำได้ดีกว่านี้ ข้าก็จะให้โอสถวิญญาณระดับ 6 มากกว่านี้”แม้ว่าหวงเสี่ยวหลงจะประทับตราจิตวิญญาณลงในทะเลปราณของพวกเขา เพื่อบังคับให้พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของเขา หวงเสี่ยวหลงก็เป็นคนที่แบ่งแยกการลงโทษกับรางวัลอย่างชัดเจน ผู้ที่สมควรได้รับรางวัล เขาก็จะไม่ขี้เหนียว
นอกจากนี้ สำหรับคนอื่น การสกัดโอสถวิญญาณระดับ 6 นั้นเป็นสิ่งที่ยาก แต่มันก็ไม่ใช่กับหวงเสี่ยวหลงที่มีเตาหมื่นอสูรอยู่ภายในเจดีย์หลิงหลง
“ขอบคุณมากๆ นายน้อย! เราจะทำตามคำส่งนายน้อยอย่างเคร่งครัด และทำให้ดีที่สุดเพื่อนายน้อยจนกว่าจะถึงวันตายของพวกเรา!”ตู่ซินและเติงกวงเหลียงก็คุกเข่าคำนับหวงเสี่ยวหลงในขณะที่เขาพูดสาบานออกมา
คำพูดที่ออกมานั้นเป็นคำพูดที่ซื่อสัตย์และจริงใจ
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า อนุญาตให้พวกเขาออกไปตอนนี้ ซึ่งเขาค่อยคำแนะนำแก่ทั้งสองทีหลัง นั่นเพราหวงเสี่ยวหลงนั้นได้วางแผนยึดครองนิกายพ่อมดนภาไว้เรียบร้อยแล้ว