Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 261
“หลังจากนั้น เมื่อโตเหยินของเราฝึกวิชากายาปีศาจอมตะและอัชนีปีศาจแห่งความทุกข์ตรมได้สมบูรณ์ การฆ่าเฉินเสี่ยวเทียนก็ไม่ต่างอะไรกับการกระดิกนิ้ว”หลี่หยุหัวก็หัวเราะออกมาอย่างโจ่งแจ้ง
ขณะที่หลี่หยุนหัวหัวเราะออกมา ก็ได้มีเสียงดูถูกอันเย็นชาดังขึ้นจากช่องว่างมิติ มันกะทันหันเกินไปจนทำให้ผู้อาวุโสแห่งสถาบันกลืนกินโลหิตตกใจกลัว พอพวกเขาตื่นตัว พวกเขาก็หันหน้าไปด้านหลัวของตัวเองแล้วตรวจสอบรอบๆอย่างหวาดระแวงและจึงตะโกนออกไปว่า “ใครกัน?! โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
ต่อหน้าดวงตาที่ระหวาดระแวงของหลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยาง ร่างทั้งสองก็ได้โผล่ขึ้นมาจากช่องว่างมิตินั่นก็๕อเฉินเสี่ยวเทียนที่เผยตัวต่อหลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยาง
“เฉินเสี่ยวเทียน!”ทั้งหลี่หยุนหัวและหลิวหลี่ยยางก็ตกใจมากที่เห็นหึ่งในนั้นคือเฉินเสี่ยวเทียนมันเลยทำให้ทั้งสองอุทานออกมาเสียงดัง
แม้ว่าพวกเขาจะหัวเยาะเย้ยในความสามารถและความอ่อนแอของเฉินเสี่ยวเทียนต่อหน้าโตเหยินของพวกเขาอย่างไร ลึกๆแล้วไม่ว่าสิ่งที่พวกเขาคิดจะเป็นอย่างไร เฉินเสี่ยวเทียนก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 สูง-ปลายซึ่งเป็นหนึ่งในสามผ็มีอิทธิพลแห่งเมืองปีศาจทมิฬ
แต่ทว่าพวกเขานั้นเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ปลายเท่านั้น
แทบจะทันทีดวงตาของหลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางก็ได้สังเกตเห็นว่าเฉินเสี่ยวเทียนนั้นเดินอยู่เบื้องหลังชายหนุ่มผมดำอยู่ครึ่งก้าวด้วยท่าทีเจียมเนื้อเจียมตัวและงอตัวเล็กน้อย ทำให้สายตาของพวกเขาหันเหไปมองหวงเสี่ยวหลงด้วยความประหลาดใจ
หวงเสี่ยวหลงก็มองทั้งสองคนอย่างเย็นชา “ ฆ่าเฉินเสี่ยวเทียน? ดูดกลืนนิกายพ่อมดนภางั้นเรอะ?”โดยไม่รอคำตอบ หวงเสี่ยวหลงก็มองเฉินเสี่ยวเทียน “ข้าจะให้เจ้าจัดการพวกมัน ตราบใดที่พวกมันยังมีลมหายใจอยู่ก็ไม่เป็นไร”
ดวงตาของเฉินเสี่ยวเทียนก็เปล่งประกายเมื่อได้ยินคำพูดนี้และขอบคุณหวงเสี่ยวหลงอย่างเคารพ “ขอบคุณขอรับนายน้อย!”ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาได้ยินพวกมันพูดว่าถ้าหากโตเหยินและเจียงเทียนหัวแห่งสถาบันกลืนกินโลหิตต้องการจะฆ่าเขานั้นก็ใช้แค่เพียงการดีดนิ้ว เฉินเสี่ยวจึงได้ระงับความโกรธนี้ไว้ นั่นเพราะยังไม่มีคำสั่งให้ลงมือจากหวงเสี่ยวหลง เขาจึงไม่กล้าลงมือ และตอนนี้ ด้วยคำสั่งจากหวงเสี่ยวหลง เฉินเสี่ยวจึงได้พึ่งออกไปโจมตีหลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางในเวลาเดียวกัน
“นายน้อย?!”พอจับคำพูดที่เฉินเสี่ยวเทียนใช้เรียกชายหนุ่มผมดำที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา หลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้ยิน และก่อนที่พวกเขาจะสามารถทำความเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น การโจมตีของเฉินเสี่ยวเทียนก็ได้เข้ามาถึงตัวพวกเขาแล้ว
พอกลับมามีสติทั้งคู่ก็ได้ยกมือป้องกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ปลายของพวกเขานั้น พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเสี่ยวเทียนอยู่ดี ในการโจมตีแรกนั้น เฉินเสี่ยวเทียนได้ใช้เคล็ดวิชาหมัดฝ่ามือเพลิงวายุหลั่งไหลออกมา หมัดและฝ่ามือได้ผสมผสานกันทำให้ในทันทีหลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางก็ได้ถูกกำราบลง จนกระทั่งพวกเขาไม่สามารถต้านไหวและได้ล้มลงกับพื้น แรงลมต่างพัดเศษหินกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่
“เฉินเสี่ยวเทียน หยุด!”พอกระอักเลือดจากปาก หลี่หยุนหัวก็ร้องออกมาอย่างกังวล หลิวหลี่หยางนั้นโกรธแค้นและตกใจพอๆกับหลี่หยุนหัว
เฉินเสี่ยวเทียนก็ได้ยืนอยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็ได้หัวเราะออกมาจากลำคอในขณะที่เขาวัดหมัดฝ่ามือวายุเพลิงออกไปใส่อกทั้งสองอีกครา แม้กระทั่งในการต่อสู้ หลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางจะไม่มีโอกาสเรียกจิตวิญญาณของตัวเองออกมารวมร่างเลยสักนิด พวกเขานั้นกรีดร้องออกมาเสียงดังในขณะที่ร่างของพวกเขาต่างดิ้นไปมาอยู่บนพื้นส่งผลให้เศษฝุ่นหินกระจายไปทั่ว สุดท้ายแล้ว หลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางก็ได้กระเด็นไปกระแทกใส่ก้อนหินยักษ์และไถลลงมา
หวงเสี่ยวหลงได้สั่งการไว้ว่าตราบใดที่พวกมันยังมีลมหายใจ จะเจ็บแค่ใหนก็ไม่เป็นไร ดังนั้นเฉินเสี่ยงเทียนจึงไม่ยั้งมือ ทุกการโจมตีนั้นเป็นการระบายความโกรธออกมาอย่างโหดร้ายใส่กระสอบทรายทั้งสองตัว และเฉินเสี่ยวเทียนนั้นก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขาก็ยังซัดทั้งสองลอยออกไปและโจมตีใส่หลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางด้วยหมัดและฝ่ามืออย่างไม่หยุดยั้ง
10นาทีต่อมา หลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางก็นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นโดยมีสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายแม้กระทั่งนิ้วก้อยยังขยับไม่ได้เลย อม้ว่าการโจมีตของเฉินเสี่ยวเทียนจะไร้ปราณี แต่การโจมตีพวกนี้ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าหลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางจะไม่ตกตายไป
“ดี พอแค่นั้น”หวงเสี่ยวหลงที่มองดูอยู่ด้านข้างตลอดเวลาในที่สุดก็พูดขึ้นมา
หวงเสี่ยวหลงก็ค่อยๆเดินไปหาทั้งสองที่เต็มไปด้วยเลือดและก้มลงมองใบหน้าที่เปื้อนเลือดของทั้งสองและพูดว่า “ข้าจะรู้ว่าเจ้าสงสัยในตัวตนของข้า แต่เจ้าจะรู้ในไม่ช้า ให้ข้าบอกเจ้าก่อนแล้วกัน นิกายพ่อมดนภานั้นได้อยู่ใต้อาณัติของข้าแล้วตอนนี้ เฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคนและผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาทั้งหมดได้ยอมจำนนแก่ข้าแล้ว”
หลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางที่บาดเจ็บหนักและอ่อนแอและไม่แทบจะไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ได้ลืมตาขึ้นมาทันทีแล้วจ้องมองหวงเสี่ยวหลง ในเวลาเดียวกันใจของพวกเขาก็สั่นไหวไปด้วยความตกใจ
ว่าไงนะ?!
ชายหนุ่มผมดำคนนี้ได้ควบคุมนิกายพ่อมดนภาทั้งนิกายแล้ว?! เฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคน และผู้อาวุโสนิกายทั้งหมดต่างยอมจำนนแก่เขา?!
สติของพวกเขาก็มึนงงขึ้นมา
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที สายตาของพวกเขาทั้งสองก็ได้มองไปที่ร่างของเฉินเสี่ยวเทียน มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อแต่ตัดสินใจการแสดงท่าทางของเฉินเสี่ยวต่อหน้าหวงเสี่ยวหลงเมื่อครู่นี้ที่แสดงความเคารพซึ่งไม่ต่างอะไรจากทาส หลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางก็รู้ว่าหวงเสี่ยวหลงพูดความจริง
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มผมดำคนนี้ทำให้เฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคน และผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาทั้งหมดยอมจำนนแก่เขาได้อย่างไร ? ทำไมสถาบันกลืนกินโลหิตหรือนิกายเก้าอสูรถึงไม่ได้รับข่าวใหญ่โตอันนี้เล่า?
“ข้าจะให้พวกเจ้าสองตัวเลือก หนึ่งคือยอมจำนนแก่ข้าเหมือนกับเฉินเสี่ยวเทียนและคนอื่นๆ หรือสอง ตาย!”หวงเสี่ยวหลงได้พูดเพิ่ม
ใบหน้าหลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางก็บึ้งตึง
“เจ้าฝันไปเถอะหากเจ้าต้องการให้พวกเรายอมจำนน!”หลี่หยุนหัวก็มองอย่างดุร้าย “เป็นไปไม่ได้! ไอ้เอก็สารเลว ฆ่าพวกข้าซะถ้าเจ้าต้องการ สถาบันกลืนกินโลหิตของพวกเราจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไป ไม่เพียงแค่เจ้าเท่านั้น สถาบันกลืนกินโลหิตจะทำลายนิกายพ่มอดนภาด้วยเหมือนกัน!”
ใบหน้าของหวงเสี่ยวหลงก็มืดครึ้ม จากนั้นเขาก็ส่ายหัว มันยังมีคนที่ไม่รู้ว่าทางใหนควรทางใหนไม่ควร งั้น….! ในดวงตาของหวงเสี่ยวก็ได้เปล่งสายของออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็ยกมือและชี้นิ้วออกไป ทำให้มีหมอกสีเทาเข้มไหลออกมาราวกับเมฆพายุที่มีปีศาจสีดำที่ส่งเสียงกรีดร้องไปถึงจิตวิญญาณซึ่งมันนั้นอยู่ลึกภายใหนมอก จากนั้นได้มีพลังอันน่าหวาดหวั่นระเบิดออกมาจากหมอกสีเทาเข้มและเข้าปกคลุ่มหลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยาง
นี่คือเคล็ดวิชาที่ได้รับสืบทอดจากไข่มุกวิญญาณ ดัชนีวิญญาณสัมบูรณ์!
การปรากฏของหมอกสีเทาและเสียงอันแปลกประหลาดได้ทำให้หลี่หยุนหัวตกตะลึง ในขณะที่เขากำลังจะร้องขอความเมตตา ปราณดัชนีวิญญาณสัมบูรณ์ก็ได้พุ่งเสียงเข้าไปในระหว่างคิ้วของเขา ซึ่งหลิวหลี่หยางได้มองเห็นเรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจนจากด้านข้าง ปราณดัชนีที่พุ่งทะลุระหว่างคิ้วของพรรคพวกเขานั้นก็ได้พุ่งออกมาจากหลัง ซึ่งทำให้เลือดและชิ้นส่วนสมองกระเด็นออกมา
หลี่นหยุนหัวก็ตัวแข็งทื่ออ้าปากกว่าในขณะที่เขาล่มลงกับพื้นไป
หัวใจของหลิวหลี่หยางก็สั่นไหวเมื่อจ้องมองร่างของหลี่หยุนหัวและจากนั้นก็มองหวงเสี่ยวหลงอีกครั้ง เขาไม่คาดคิดว่าหวงเสี่ยวหลงจะเด็ดขาดและไร้ปราณีถึงขนาดที่ไม่ให้โอกาสเป็นครั้งที่ 2
ในขณะที่ความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวหลิวหลี่หยาง หวงเสี่ยวหลงก็ได้หันมาหาเขาอย่างชั้นด้วยสายตาทิ่มแทงราวกับกระบี่ และในช่วงเวลานั้นร่างกายและจิตใจของหลิวหลี่หยางก็ได้ถูกเงามืดอันยิ่งใหญ่เข้าปกคลุม
“ข้าจะให้เวลาเจ้าครุ่นคิด คิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจและอย่าอ้าปากพูดสิ่งไร้สาระแบบมันแล้วกัน”จากนั้นหวงเสี่ยวหลกงพูดเพิ่ม แต่โอกาสนั้นมีเพียงแค่ครั้งเดียว นั่นคือจะอยู่หรือตาย”
สีหน้าของหลิวหลี่หยางก็กลายเป็ณห้นาเกียจภายใต้คราบเลือด
หวงเสี่ยวหลงได้สั่งการเฉินเสี่ยวเทียน “จัดการกับศพด้วย”แน่นอนว่าจะไม่มีทางการทิ้งศพของหลิวหลี่หยางไว้และร่องรอยหลักฐานทั้งหมดจะถูกลบหายไป
“ได้ขอรับ นายน้อย!”เฉินเสี่ยวเทียนก็ตอบออกมา จากนั้นได้มีแรงดึงดูดออกมาจากมือเขา ทำให้ศพของหลี่หยุนหัวลอยขึ้นมา ต่อมาเฉินเสี่ยวก็ได้ใช้ปราณเพลิงเผาศพให้เป็นเถ้าถ่านในขณะที่เขาโจมตีออกไปด้วยฝ่ามือเพลิงเมฆาหลั่งไหลเพื่อให้ขี้เถ้ากระจัดกระจายออกไปบนพื้น ผ่านไปไม่นานเขาก็ได้ใช้ลมปัดเป่าฝุ่นและทรายกลบเกลื่อนร่องรอย
สีหน้าของหลิวหลี่หยางก็เลวร้ายลงกว่าเดิมพอมเห็นเฉินเสี่ยวเทียนทำลายหลักฐานการคงอยู่ของหลี่หยุนหัวด้วยตาของตัวเอง
“ข้า เต็มใจ….ยอมจำนน!”ในขณะที่เศษขี้เถ้าสุดท้ายของหลี่หยุนหัวหายไป หลิวหลี่หยางก็ได้ตัดสินใจ
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าและได้สั่งให้หลิวหลี่หยางปลดปล่อยทะเลปราณออกมาให้เขาประทับตราจิตวิญญาณ
พอได้ยินหวงเสี่ยวหลงพูดถึงการประทับตราจิตวิญญาณ ก็ได้มีคลื่นความรู้สึกเข้ากระแทกใส่หัวใจของหลิวหลี่หยาง แต่ยังไงเสียเขาก็ไม่มีทางเลือกอยู่ดี สุดท้ายแล้ว เขาก็ต้องยอมทำตามอย่างที่หวงเสี่ยวหลงบอกโดยการปลดปล่อยทะเลปราณและให้หวงเสี่ยวหลงประทับตราจิตวิญญาณ
เมื่อทุกอย่างเสร็จลง หวงเสี่ยวหลงก็ถอนหายใจอย่างลับๆ การยอมจำนนของหลิวหลี่หยางนั้นนั้นคือก้าวแรกในการรวมสถาบันกลืนกินโลหิตและนิกายพ่อมดนภาเข้าด้วยกัน
เพราะหลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางนั้นได้ออกจากเมืองปีศาจทมิฬเพื่อไปตามหาหินจิตวิญญาณแห่งคำสาปในดินแดนแห่งความตาย จึงทำให้การลงมือของพวกเขานั้นปลอดภัย โตเหยินและเจียงเทียนหัวแห่งสถาบันกลืนกินโลหิตนั้นคงจะไม่สงสัยอะไรอย่างน้อยก็ใน 3 ถึง 4 เดือน
และภายใน3 ถึง 4 เดือนนี้ หวงเสี่ยวหลงก็จะเข้าแทรกซึมไปในสถาบันกลืนกินโลหิตก่อนที่เจียงเทียนหัวจะเริ่มสงสัย