Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 265
“ไม่คุกคามงั้นหรือ?”เจียงเทียนหัวก็พยักหน้า บางทีเขาอาจจะกังวลมากเกินไป อย่างที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ฉุยหมิงได้บอกไว้ แม้ว่าเฉินเสี่ยวเทียนและเกิงเคนจะตกลงกันไว้ พวกมันก็ยังไม่อาจคุกคามเขาได้อยู่ดี
“เปิดประตู”เจียงเทียนหัวก็พูดออกกับผู้อาวุโสสถาบันกลืนกินโลหิตที่ยืนอยู่ข้างเขา
“ได้ขอรับ ท่านประมุข!”พอตอบเจียงเทียนหัวไป ผู้อาวุโสคนนั้นก็ก้าวออกมาด้านหน้า และรวมปราณไว้ที่ฝ่ามือของเขาแล้วโจมตีใส่ประตูเพื่อจะเข้าสู่ห้องโถง
ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้นในขณะที่ประตูถูกทำลาย
“เข้าไป”เจียงเทียนหัวได้สั่งการด้วยการโบกมือ ฉุยหมิงและผู้อาวุโสที่เหลือก็ได้เดินตามเจียงเทียนหัวไปเป็นแถว
พอเข้ามาสู่ห้องโถงหลัก เจียงเทียนหัวก็มองเห็นเฉินเสี่ยวเทียนและเกิงเคน นอกจากพวกเขาแล้ว ก็มีผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาที่ยืนอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เจียงเทียนหัวตกใจนั้นคือบัลลังก์หลักภายในห้องโถงหลักแห่งนี้มีชายหนุ่มผมดำที่ไม่รู้จักนั่งอยู่ ในขณะที่เฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคน และคนที่เหลือนั้นยืนทำความเคารพทั้งซ้ายและขวา
ทุกคนต่างก็ตกใจอย่างไม่มีข้อยกเว้นซึ่งรวมไปถึงฉุยหมิงและคนที่เหลือที่เขามาหลังจากเจียงเทียนหัว แต่แล้ว ในหมู่ผู้อาวุโสถาบันกลืนกินโลหิตที่มากับเจียงเทียนหัวส่วนใหญ่นั้นได้ยอมจำนนแก่หวงเสี่ยวหลงไปแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องประหลาดใจสำหรับพวกเขามากนัก
เจียงเทียนหัวก็ยืนอยู่ตรงนั้น ลืมแม้กระทั่งจุดประสงค์ในการมานยิกายพ่อมดนภา
ชายหนุ่มผมดำคนนี้กลับนั่งอยู่บนบัลลังก์ของประมุขนิกายพ่อมดนภา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตกใจมาก
“ประมุขเจียงประหลาดใจงั้นหรือ?”ในตอนนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ได้พูดออกมาในขณะที่เขาเอานิ้วมือที่วางแขนและเคาะเบาๆเป็นเสียงดังขึ้น
พอได้ยินเสียงของหวงเสี่ยวหลง เจียงเทียนหัวก็หายประหลาดใจ
“เจ้าเป็นใคร?”เจียงเทียนหัวทนไม่ไหวจนต้องโพล่งคำถามออกมา ปฏิกิริยาของเขาก็คือการค้นหาถึงตัวตนของชายหนุ่มผมดำคนนี้ ฉุยหมิงและผู้อาวุโสสถาบันกลืนกินโลหิตก็ได้หันความสนใจไปหาหวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็หัวเราะออกมาอย่างไม่แยแสแก่คำถามของเจียงเทียนหัว “ไม่สำคัญหริกว่าข้าจะเป็นใคร แม้ว่าเจ้าจะรู้มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่ตอนนี้นิกายพ่อมดนภาตกอยู่ใต้การปกครองของข้า เฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคน และผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาทั้งหมดได้ยอมจำนนแก่ข้าแล้ว”
“ว่าไงนะ?!”ใบหน้าของเจียงเทียนหัวก็แข็งค้าง
เฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคน และผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาทั้งหมดได้ยอมจำนนแก่ชายหนุ่มผมดำคนนี้! ไม่มีใครในกลุ่มคนจากสาถบันกลืนกินโลหิตสามารถปกปิดความตกใจที่แสดงบนใบหน้าของพวกเขาได้เลยสักคน รวมไปถึงเจียงหัว ฉุยหมิง หรือกระทั่งผู้อาวุโสคนอื่นๆ
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน? ทำไมสถาบันกลืนกินโลหิตถึงไม่ได้รับข่าวนี้กัน?
ณ ตอนนี้ ในที่สุดเจียงเทียนหัวก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเฉินเสี่ยวเทียนและเกิงเคนถึงได้จู่ๆหันมารวมมือกัน และทำไมเฉินเสี่ยวเทียนและเกิงเคนถึงปฏิเสธที่จะร่วมมือกับสถาบันกลืนกินโลหิตกัน
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดนั้นมาจากชายหนุ่มผมดำคนนี้! ทุกอย่างเป็นเพราะชายหนุ่มผมดำพูดแบบนั้น
ฉุยหมิงก็สรุปเรื่องราวทั้งหมดได้เหมือนกันในขณะที่ใบหน้าของเขากลายเป็นหน้าเกลียด
หลังจากนั้นสักพัก เจียงเทียนหัวก็บังคับให้ตัวเองดูใจเย็นและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้แก่หวงเสี่ยวหลง “งั้นนิกายพ่อมดนภาก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของน้องชาย จุดประสงค์ที่พวกเรามาในวันนี้คือการเป็นพันธมิตรกับน้องชายเพื่อต่อกรกับนิกายเก้าอสูร”
“เป็นพันธมิตรกับข้าแล้วต่อกรนิกายเก้าอสูรงั้นหรือ”หวงเสี่ยวหลงก็พึมพำ จากสีหน้าที่นิ่งเงียบของเขานั้นดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ใช่แล้ว ข้าแน่ใจว่าน้องชายคงจะรู้แล้วว่าสถาบันกลืนกินโลหิตของพวกเรานั้นจะถูกทำลายและถูดนิกายเก้าอสูรดูดกลืน จากนั้นเป้าหมายต่อไปของมันจะเป็ฯนิกายพ่อมดนภา”เจียงเทียนหัวก็พูดยืนยัน
หวงเสี่ยวหลงก็หัวเราะเบาๆ
เจียงเทียนหัวขมวดคิ้วให้กับปฏิกิริยาตอบรับจากหวงเสี่ยวหลง “น้องชายหัวเราะอะไรกัน?”ในคำพูดของเขานั้นไม่มีสิ่งที่น่าหัวเราะเลยสักนิด
หวงเสี่ยวหลงก็หันหน้าไปหาเจียงเทียนหัว “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันจะไม่ใช่ข้างั้นหรือที่จะทำลายนิกายเก้าอสูร?”
เจียงเทียนหัวก็ชะงัก
“เจ้า? จะล้างบางนิกายเก้าอสูรงั้นหรือ?”ฉุยหมิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อ “โดยมีเจ้าและนิกายพ่อมดนภาเล็กๆนี่ที่เจ้ารวบคุมอยู่งั้นหรือ?”
เห็นได้ชัดว่า ในความคิดของฉุยหมิง หวงเสี่ยวหลงนั้นยิ่งยโสและประเมินความสามารถของตัวเองสูงส่งเกินไป
หวงเสี่ยวหลงก็หันสายตาไปหาฉุยหมิง “ถ้าหากเจ้าคุกเข่าและข้อความเมตตาตอนนี้บางทีข้าอาจจะพิจารณาให้ปล่อยเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อ”
“เจ้าพูดว่าไงนะ?!”ฉุยหมิงก็แสดงสีหน้าเศร้าหมองและจ้องมองหวงเสี่ยวหลงอย่างดุร้าย โดยไม่มีการเตือน ร่างของฉุยหมิงก็ได้มีแสงสดใสระเบิดออกมา
คุณภาพของปราณฉีของคนผู้หนึ่งนั้นจะมีความเกี่ยวข้องระดับเคล็ดวิชาที่คนผู้นั้นฝึก แต่ทว่าสีของปราณฉีนั้นจะขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณต่อสู้ของคนผู้นั้น โดยปกติแล้ว ปราณฉีสีขาวนั้นแทบจะไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่
หวงเสี่ยวหลงได้มองปราณฉีสีขาวของฉุยหมิงและเย้ยหยัน จากปกของเฉินเสี่ยวเทียนและเกิงเคน เขารู้แล้วว่าจิตวิญญาณของฉุยหมิงผู้นี้คือจิตวิญญาณต่อสู้หน้าผี
จิตวิญญาณต่อสู้หน้าผีนั้นเป็นจิตวิญญาณต่อสู้ประเภทวิญญาณที่ค่อนข้างจะหากยาก และจิตวิญญาณต่อสู้หน้าผีอันนี้มี2ประเภทนั่นคือหนึ่งคือจิตวิญญาณต่อสู้หน้าผีดำและอีกอันคือจิตวิญญาณต่อสู้หน้าผีขาวซึ่งจิตวิญญาณต่อสู้หน้าผีขาวนั้นก็คือจิตวิญญาณของฉุยหมิง
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ฉุยหมิงกำลังจะโจมตีออกไป เจียงเทียนหัวก็ได้ยื่นแขนออกไปขวางฉุยหมิงไว้ ตลอดเวลา ดวงตาของเจียงเทียนหัวนั้นไม่เคยออกห่างจากหวงเสี่ยวหลงเลย เขาก็ถามหวงเสี่ยวหลงพร้อมกับหัวเราะเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งขอนิกายพ่อมดนภา เจ้าสามารถจะล้างบางนิกายเก้าอสูรได้งั้นหรือ?”
พอทำไม่สนใจกับการถากถาง หวงเสี่ยวหลงก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “บางทีตอนนี้อาจจะไม่เพียงพอ แต่หลังจากยึดครองสถาบันกลืนกินโลหิตของพวกเจ้า มันก็สามารถทำได้”
คำตอบของหวงเสี่ยวหลงนั้นตกตะลึงจนทำให้เจียงเทียนหัวและฉุยหมิงแข็งค้างไปชั่วขณะ ในไม่กี่วิต่อมา แต่ะละคนก็ได้ปลดปล่อยปราณฉีออกมาทำให้ห้องโถงแห่งนี้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของพายุ
“เจ้ามัน่ใจว่าสิ่งที่เจ้าพูดไม่ใช่เรื่องตลก?”เจียงเทียนหัวก็จ้องมองหวงเสี่ยวหลงอย่างคมกล้าโดยไม่ปกปิดจิตสังหารที่แวบเข้ามาในดวงตาของเขา
หวงเสี่ยวหลงก็ตอบออกไปด้วยคำถาม “แล้วเจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกใหมล่ะ?”
ในช่วงหยุดนิ่งชะงักก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในอากาศพร้อมกับมีกลิ่นอายอันทรงพลังเล็งเป้าหมายไปที่เจียงเทียนหัวจากด้านหลัง ใบหน้าของเจียนเทียนหัวก็แข็งค้าง เขานั้นได้พุ่งกระโดดลอยขึ้นไปโดยไม่คิดในขณะที่ซัดฝ่ามืออกไปโจมตีผู้ที่แอบโมตี
ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นในห้องโถงนี้
พอลงมายืนในอีกด้านของห้องโง เจียงเทียนหัวก็หันไปมองในท่ามกลางหมู่ผู้อาวุโสที่มากับเขาด้วยนั้นมี 5 คนได้ล้มลงไปกับพื้นแล้ว แต่ทว่าคนที่โจมตีพวกนั้นกลับเป็นผู้อาวุโสสถาบันกลืนกินโลหิต
“พวกเจ้า!”เจียงเทียนหัวและฉุยหมิงก็ตกตะลึงและโมโหขึ้นมา
ผู้อาวุโสสถาบันกลืนกินโลหิตหลายคนก็ได้มายืนตรงหน้าหวงเสี่ยวหลและคุกเข่าทำความเคารพ “ยินดีที่ได้พบนายน้อย!”
ยินดีที่ได้พบนายน้อย? เจียงเทียนหัวและฉุยหมิงก็อ้าปากค้างตกใจเมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้ ซึ่งสีหน้าของเพวกเขานั้นเลวร้ายลงมาก
“พวกเจ้าทุกคนยืนขึ้นได้”หวงเสี่ยวหลงได้มองกลุ่มผู้อาวุโสสถาบันกลืนกินโลหิตที่คุกเข่าต่อหน้าเขาและพูดขึ้น
“ขอบคุณนายน้อย!”หลังจากนั้นผู้อาวุโสเหล่านั้นก็ได้ยืนขึ้นและถอยหลบไปด้านข้าง
ในหมู่ผู้อาวุโสสถาบันกลืนกินโลหิตทั้ง 16 คนที่เจียงเทียนหัวพามานิกายพ่อมดนภากับเขานั้น 11 คนได้ยอมจำนนต่อหวงเสี่ยวหลงไปแล้ว เมื่อตอนที่ 11 คนนี้รอบโจมตีอย่างรวดเร็ว นอกจากฉุยหมิงและเจียงเทียนหัว ผู้อาวุโสเหลืออยู่ 5 คน นั้นได้รับบาดเจ็บกันทุกคน
“เจ้าพวกคนทรยศ!”ฉุยหมิงได้ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว! ร่างเขาได้กระพริบไหวแล้วพุ่งออกไปเล็งไปที่ผู้อาวุสาบันกลืนกินโลหิตที่ยืนอยู่ข้างหวงเสี่ยวหลง ในขณะที่ฉุยหมิงซัดมือออกไปนั้น ได้มีกรงเล็บกระดูกแขนสีขาวพุ่งไปจับกุมผู้อาวุโสคนนั้นไว้
แต่ก่อนที่การโจมตีของฉุยหมิงจะไปถึงเป้าหมาย ก็ได้มีเสียงเย้ยหยันอย่างเย็นชาดังขึ้นในห้องโถง นั่นก็คือหวงเสี่ยวหลงที่พุ่งออกไปจากบัลลังก์แล้วซัดฝ่ามือออกไปด้วยฝ่ามือพระพุทธ 4หมื่นข้างในขณะที่มีแสดงรัศมีพุทธะสว่างขึ้น
ฝ่ามือพุทธปฐพี!
ฝ่ามือพุทธปฐพีได้ทำลายกรงเล็บกระดูกทันทีและในเวลาเดียวกันหวงเสี่ยวหลงก็ได้มาถึงตรงหน้าฉุยหมิง
พอหลบหนีไม่ได้ หุยหมิงก็ได้โจมตีออกไปอย่างหมดวหวัง ซึ่งเขาได้ซัดฝ่ามือปะทะหมัดของหวงเสี่ยวหลง แต่ในขณะที่เขาโจมตีออกไปนั้น ปราณแสงรูปร่างหมัดเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา มันหน้าหวาดกลัว ราวกับเขาได้ตกลงไปในทรายที่ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้
และในตอนนั้นหมัดของหวงเสี่ยวหลงก็ได้ซัดใส่หน้าอกของเขา
ทำให้เกิดแรงระเบิดมหาศาลขึ้น