Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 282
รอบๆต่างก็เงียบลงทันที
ทั้งสามคน เจี่ยตง หลิวฉิง และฟานเอ๋อเฉิง ที่กําลังสู้อยู่ไม่ไกลนั้นก็ตกตะลึงซึ่งพวกเขาได้หันไปจดจ้องสิ่งที่อยู่ข้างหวงเสี่ยวหลงซึ่งเป็นที่ที่ฉินหยางนอนอยู่บนพื้นและแทบจะขยับไม่ได้เลย
การที่สามารถควบคุมเมืองปีศาจทมินโดยไม่มีความแข็งแกร่งนั้นเป็นไปไม่ได้ หลี่เฟยที่อยู่ข้างหวงเสี่ยวหลงนั้นไม่ได้ตกใจไปด้วย พอทั้งสามหายตกใจ เจี่ยตงและหลิวฉิงก็ทิ้งฟานเอ๋อเฉินและ รีบพุ่งไปหาอาจารย์ของพวกเขา
“ท่านอาจารย์!” เจี่ยตงและหลิวฉิง
“ท่านอาจารย์! “เจี่ยตงและหลิวฉิงก็ตะโกนออกมาอย่างร้อนรนในขณะเดียวกันพวกเขาก็พยุงฉินหยางลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง
ในตอนนี้เอง ในที่สุดฟานเอ๋อเฉิงก็หายตกใจ จากนั้นเขาก็พุ่งขึ้นฟ้าเพื่อจะหนีเพราะตกใจกลัว สิ่งที่เขาไม่รู้คือหวงเสี่ยวหลงนั้นเฝ้ามองดูการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ ตั้งแต่ช่วงที่ฟานเอ๋อเฉินลุกขึ้นเตรียมจะบิน หวงเสี่ยวหลงก็เคลื่อนไหวไปขวางทางฟานเอ๋อเฉินแล้ว
พอเห็นหวงเสี่ยวหลงอยู่ตรงหน้าเขา ทําให้ดวงตาของฟานเอ้อเฉิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่เขาก็ทําการสงบใจลงแล้วยิ้มออกมาอย่างหน้าเกลียด “ข้าขอทราบชื่อของน้องชายผู้สูงส่งได้หรือไม่? ต้องขอบคุณเมื่อครู่ที่น้องชายช่วยเหลือไว้ สําหรับข้าการเป็นคู่ต่อสู้ให้ฉินหยางนั้นเป็นเรื่องที่ลําบากมาก”
ต้องขอบคุณเมื่อครู่ที่น้องชายช่วยเหลือไว้? หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัวอยู่ในใจ ฟานเอ๋อเฉินคนนี้ ช่างหน้าด้านเสียจริง รู้ว่าจุดประสงค์ของเขานั้นเหมือนกับกลุ่มของฉินหยางแต่กลับแกล้งทําเป็นไม่รู้
“ส่งชิ้นส่วนแผนที่มา” หวงเสี่ยวหลงไม่สนใจจะคุยไร้สาระกับฟานเอ๋อเฉิงอีกแล้ว เขาได้ยื่นมืออกไปเพื่อตัดการพูดเรื่องไร้สาระในขณะที่เขายังคงแสดงสีหน้าไม่แยแส
ใบหน้าของฟานเอ๋อเฉิงก็บึ้งตึงไปสักครู่แต่เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ชิ้นส่วนแผนที่งั้นหรือ? ชิ้นส่วนแผนที่อะไร? ไม่ใช่ว่าน้องชายเข้าใจผิดหรืออย่างไร? บนตัวข้าไม่มีแผนที่อยู่เลย”
หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้มอย่างเย็นชา “ไม่มีงั้นหรือ?”เขาก็หันไปมองหลี่เฟย “เจ้ากำลังจะบอกว่าเธอโกหกข้างั้นหรือ?”
หลี่เฟยก็รีบก้าวเข้ามา “นายน้อย ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้ไม่กล้าหลอกนายน้อยอย่างแน่นอน!” เธอหันไปหาฟานเอ๋อเฉิง “ฟานเอ๋อเฉิง ข้าแนะนําให้เจ้าส่งชิ้นส่วนแผนที่มาซะ อย่าหวังอะไรลมๆแล้งๆ ถ้าหากนายน้อยของข้าเจอชิ้นส่วนแผนที่บนร่างของเจ้าหล่ะก็ เจ้าก็คงจะจินตนาการถึงผลลัพธ์ได้หละนะ”
คําคุกคามของหลี่เฟยมันได้สั่นคลอนความมุ่งมั่นของฟานเอ๋อเฉิง
ในตอนนี้ก็ได้มีเสียงครางอย่างเจ็บปวดดังขึ้นมาจากฉินหยาง ด้วยการช่วยเหลือของเจี่ยตง และหลิวฉิง ทําให้ฉินหยางนั้นพอจะลุกขึ้นมาได้ ทําให้ทุกๆคนนั้นมองเห็นรอยกรงเล็บบนหน้าอกของฉินหยางอย่างชัดเจนซึ่งรอยนี้ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกมาพร้อมกับเสียงคร่ำครวญของภูติผีนับพันที่ทําให้ใครหลายคนถึงกับหนาวสั่นไปถึงจิตวิญญาณ และเนื้อบริเวณแถวหน้าออกของเขานั้นเน่าเปื่อยและแห้งตายทําให้มองเห็นกระดูกสีขาวที่อยู่ภายใน
ดวงตาของฉินหยางนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอันปิดบังไม่มิดในขณะที่เขาจับจ้องไปที่หวงเสี่ยวหลง และในขณะนี้เองใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด เห็นได้ชัดว่าเขาแทบจะไม่สามารถยับยังปราณเทพอสูรที่กําลังทําร้ายอวัยวะภายในของเขาอยู่
หวงเสี่ยวหลงนั้นไม่ได้สนใจฉินหยางและคนทั้งสอง แต่เขากลับหันไปจับจ้องฟานเอ๋อเฉิงแล้วพูดไปว่า “ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า ส่งแผนที่มาแล้วข้าจะไว้ชีวิต มิฉะนั้นแล้วข้าจะฆ่าเดจ้า แล้วค่อยหาแผนที่
พอเห็นสภาที่น่าเศร้าของฉินหยาง ฟานเอ่อเฉินก็ลังเลไปลังเลมาและพยายามตัดสินใจขั้นเด็ดขาด
ในความจริงแล้ว ชิ้นส่วนแผนที่ของหัวหน้าเผ่าเทวะโบราณนี้เป็นสิ่งเขาได้มาจากการฆ่าคนอื่น แต่เขานั้นมีหนี้แค้นต้องชําระด้วยชิ้นส่วนแผนที่อันนี้ เขาหวังว่าจะใช้มันแก้แค้น แต่ตอนนี้….!
“ได้!” ครู่ต่อมา ฟานเอ๋อเฉินก็กัดฟันอย่างไม่เต็มใจแล้วหยิบเอาบางอย่างออกมาจากแหวนมิติ ซึ่งของสิ่งนี้ดูเหมือนจะทํามาจากหนังสัตว์อะไรสักอย่าง และสิ่งนี้ก็คือชิ้นส่วนแผนที่ของหัวหน้าเผ่าเทวะโบราณ
พอมองชิ้นส่วนแผนที่ในมือฟานเอ๋อเฉิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วใช้แรงผลักชิ้นส่วนแผนที่ ให้ลอยไปหาหวงเสี่ยวหลง แม้ว่าแผนที่นี้จะสําคัญ แต่มันจะสําคัญเพียงใดหากเขาตายหนี้แล้วเขาจะชําระหนี้แค้นได้อย่างไร?
หวงเสี่ยวหลงก็รับแผนที่มาแล้วสังเกตอย่างละเอียด แผนที่นี้อาจจะถูกสร้างจากหนังสัตว์สมัยโบราณขอบของแผนที่ส่วนใหญ่ถูกกัดกร่อนตามกาลเวลาแถมสัญลักษณ์บนแผนที่ก็ไม่ชัดเจน จนแทบจะมองไม่เห็น หวงเสี่ยวหลงก็ได้เก็บชิ้นส่วนแผนที่ลงในแหวนเทพอสูรโดยไม่พูดพลั่งทําเพลง นั่นก็เพราะฟานเอ๋อเฉิงคงไม่กล้าหลอกลวงเขาโดยส่งแผนที่ปลอมมาแน่
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงเก็บแผนที่ ฉินหยาง เจี่ยงตงและหลิวฉิงที่อยู่ใกล้ๆก็ทําได้เพียงจ้องมองอย่างไม่ชอบใจ พวกเขาใช้เวลา 10 วัน 10 คืนไล่ตามฟานเอ๋อเฉินมาโดยตลอด แต่แผนที่กลับตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ไม่ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจมากแค่ใหน ก็ไม่มีกล้าลงมือแย่งแผนที่จากหวงเสี่ยวหลงเลยสักคน
ซึ่งทั้งสามคนนั้นก็ได้ยืนอย่างหวาดระแวงและหวาดกลัวที่จะลงมือ
หลังจากเก็บแผนที่ไปแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็หันกลับไปมองฟานเอ๋อเฉิน “ข้าจะปล่อยเจ้าไปก็ได้”
ฟานเอ๋อเฉินก็แสดงสิหน้าดีใจ
“แต่ เงื่อนไขก็คือเจ้าต้องสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อฉันเหมือนเธอ” หวงเสี่ยวหลงก็ชี้นิ้วไปที่หลี่เฟย แน่นอนว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นจะไม่ปล่อยไว้แบบนี้ได้ หากข่าวลือแพร่ไปเมื่อไหร่ เขาก็จะกลายเป็นคนต่อไปเหมือนกับฟานเอ๋อเฉิงที่โดนไล่ล่า
พอมองดูหลีเฟย ฟานเอ๋อเฉินก็แสดงสีหน้าต่อต้านออกมาอย่างชัดเจน แต่เขารู้ว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆแน่
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ได้ประทับตราจิตวิญญาณลงในทะเลปราณของฟานเอ๋อเฉิน ฉินหยาง เจี่ยตงและหลิวฉิงที่เฝ้าดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าตั้งแต่เริ่ม แต่ละคนต่างก็แสดงสีหน้ากังวลออกมา
หลังจากจัดการฟานเอ๋อเฉิงแล้ว ในที่สุดหวงเสี่ยวหลงก็หันไปหากลุ่มของกลุ่มของฉินหยาง หวงเสี่ยวหลงเฝ้ามองพวกเขาต่อไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไร พร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดัน อันลึกลับออกรอบๆ
ภายใต้แรงกดดันอันหนักหน่วง ฉินหยางที่บาดเจ็บสาหัสก็มีสีหน้าซีดเซียวมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเขาจําเป็นต้องยับยั้งปราณเทพอสูรอันเป็นยะเยือกไปด้วยในเวลาเดียวกัน แต่ทว่าเชื่ยวตงและหลิวนิ่งกลับเหงื่อแตกพลั่ก
พอผ่านไปไม่นานฉินหยางก็เปิดปาก “ข้า ข้าขอยอมจํานนต่อเจ้า” พอสักพักเขาก็หยุดลงชั่วขณะ จากนั้นเขาก็พูดเพิ่มว่า “แต่ข้ามีเงื่อนไข”
“เงื่อนไข?” หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมาอย่างเย็นชาแล้วส่ายหัวปฏิเสธในสิ่งที่ฉินหยางพูด “เจ้า ไม่มีค่าพอจะต่อรองกับข้า”
คําพูดนี้ได้ย่ำยีความภาคภูมิใจของฉินหยาง
“ท่านอาจารย์ ท่านจําเป็นต้องขอร้องหมอนี่เลย! แม้ว่าศิษย์พี่ใหญ่และข้าจะตาย พวกเราจะทําให้ท่านหนีรอดไปอย่างปลอดภัยเอง!” หลิวฉิงก็ตะโกนออกมา “หลังจากท่านหนีไปได้ท่านค่อยกลับมาล้างแค้นไอ้สารเลวกับนางแพศยานั้นให้พวกเรา” นางแพศยานั้นหมายถึงหลี่เฟย
พอหลิวฉิงพูดจบ หวงเสี่ยวหลงก็หายตัวไปจากที่ที่เขายืนอยู่ และสิ่งต่อไปที่ทุกคนได้ยินคือ เสียงคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ทุกคนก็มองหาแหล่งที่มาของเสียงแล้วพบว่าตรงกลางหน้าผากของ หลิวฉิงนั้นได้ถูกทิมเป็นลอยดัชนซึ่งมีเลือดทะลักออกมาราวกับน้ำพุ เมื่อร่างของหลิวฉิงหล่นลงพื้น ร่างของหวงเสี่ยวหลงก็ค่อยๆปรากฏขึ้นที่เดิมที่เขายืนอยู่อย่างช้าๆ
ทุกคน ณ ตรงนี้ต่างก็มองศพของหลิวฉิงที่แข็งที่ออย่างมึนงงนั้นก็รวมไปถึงคนที่ได้ยอมจํานนต่อหวงเสี่ยวหลงเป็นคนแรก นั่นก็คือหลี่เฟย!
ไม่มีใครเห็นว่าหวงเสี่ยวหลงฆ่าหลิวฉิงอย่างไร แม้กระทั่งฉินหยางที่อยู่หลิวฉิงก็ตาม
การควบคุมมิติงั้นหรือ? ฉินหยางก็มองหวงเสี่ยวหลง และรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา มีเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะเพียงเท่านั้นที่จะสามารถใช้พลังควบคุมมิติได้ แต่หวงเสี่ยวหลงนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกตนระดับเทวะด้วยซ้ำ!
หวงเสี่ยวหลงที่ทําเป็นไม่สนใจสายตาที่ตกตะลึงที่เฝ้ามองเขาก็หันไปมองฉินหยางโดยไม่แม้ จะเหลือบมองศพของหลิวฉิง “ตอนนี้ เจ้ายังต้องการจะต่อรองอีกหรือไม่?
ฉินหยางก็หน้าซีดเซียวและพูดไม่ออก
ผ่านไปไม่นานฉินหยางก็ได้ยอมจํานนแต่หวงเสี่ยวหลงโดยไม่มีข้อแม้ หลังจากที่ฉินหยางยอมจํานน เจี่ยตงก็ยอมจํานนตามโดยไม่ต่อต้าน
หวงเสี่ยวหลงก็ได้เริ่มทําการประทับตราจิตวิญญาณและเมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ เขาก็รู้สึกสบายใจ ด้วยเหตุนี้นิกายเงาภูติก็ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขานับตั้งแต่บัดนี้ หรืออีกในหนึ่งก็คือ เมืองแม่น้ำโลหิตก็อยู่ไม่ไกลแค่เอื้อมแล้ว
ความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นผลประโยชน์ที่เขาไม่คาดคิด ผ่านไปไม่นานเขาได้สั่งการให้ทั้งสี่คนจัดการศพของหลิวฉิง จากนั้นทั้งห้าคนก็ได้ออกจากหุบเขาแล้วเดินทางขึ้นเหนือ ในครึ่งวันต่อมาพวกเขาก็ได้มาหยุดลงที่ดินเขาแห่งหนึ่ง
หวงเสี่ยวหลงก็หยิบแผนที่ออกอ่าน ในอดีตตอนที่เขาเรียนอยู่ที่สถาบันแสงดาราและสถาบันต้วนเริ่น เขาได้ทําการค้นคว้ารูปภาพและตัวอักษรโบราณนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นเขาจึงสามารถถอดถวามหายออกมาว่าบนชิ้นส่วนแผนที่นั้นเขียนอะไรไว้บ้าง
“ภูเขาสี่ทะเลแห่งเมืองหมื่นเทวะ?” หลังจากใช้เวลาอ่านแผนที่ไปหลายชั่วโมงสถานที่ที่แผนที่ได้ชี้ไปนั้นอยู่ใกล้กับเมืองหมื่นเทวะ ซึ่งมันอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าภูเขาสี่ทะเล
หรืออีกในหนึ่งก็คือ สถานที่ที่หัวหน้าเผ่าเทวะโบราณได้ไปบ่มเพาะในช่วงมีชีวิตอยู่นั้นก็คือภูเขาสี่ทะเล