Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 293
ตอนที่ 293 งั้นเรื่องก็เป็นแบบนี้…
“นายน้อยของพวกเจ้าต้องการพบข้างั้นหรือ?” หวงเสี่ยวหลงก็เหลือบมองชายหนุ่มสองคนที่แสดงสีหน้าอวดดีออกมา “แล้วข้าปฏิเสธ…?”
ใจจริงแล้วหวงเสี่ยวหลงไม่ได้ตั้งการจะมีปัญหากับจ้าวเฉินคนนี้ แต่เขาก็ไม่ใช่ลูกหมาที่ใครสั่งอะไรให้ทําก็ทํา
“ปฏิเสธงั้นหรือ?” เฉินเฉิงและจางฉูก็มองหน้ากันและกันแล้วหัวเราะออกมาอย่างไร้ยางอาย
เฉินเฉิงที่หัวเราะอยู่นั้นก็ได้พูดออกมาว่า “ไอ้สารเลวน้อย บางทีเจ้าอาจะไม่รู้ว่าน่าย น้อยของพวกเราคือใคร? นายน้อยของพวกเราก็คือนายน้อยจ้าวเฉิน ในดินแดนแห่งความโกลาหลนี้ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธคําพูดของนายน้อยของพวกเราได้สักคนเดียว!”
“นายน้อยของเราได้สั่งการมาว่าเจ้าจะต้องไปพบเขา และเจ้าก็ควรรู้สึกเป็นเกียรติด้วย” จางฉูก็เย้ยหยันออกมา “ไอ้สารเลวน้อย ข้าแนะนําให้เจ้าตามพวกเราไปเสียโดยดี มิฉะนั้นแล้ว ฮิฮิ.” จากนั้นในดวงตาของเขานั้นก็ได้แสดงความปฏิปักษ์ออกมา
หวงเสี่ยวหลงยังคงนิ่งเฉย “ถ้าหากนายน้อยของเจ้าต้องการพบข้า ไปบอกนายน้อยของเจ้าให้คลานมาหาข้า” หวงเสี่ยวหลงก็มองฉินหยางและคนที่เหลือโดยไม่รอดูปฏิกิริยาตอบรับจากชายหนุ่มทั้งสอง แล้วพูดออกมาว่า “ไปกันเถอะ”
“ได้ขอรับ นายน้อย”
กลิ้งมางั้นหรือ? เฉินเฉิงและจางฉูก็รู้สึกโมโหเมื่อได้ยินหวงเสี่ยวหลงกล้าพูดให้นายน้อยของ เขาคลานแม้ว่าจะรู้หวงเสี่ยวหลงจะรู้ตัวตนของนายน้อยพวกเขาก็ตาม
“สารเลว เจ้าแส่หาความตาย!” เฉินเฉิงก็ซัดหมัดออกใส่หวงเสี่ยวหลงด้วยความโกรธ หมัดของ เฉินเฉิงที่ซัดออกมานั้นได้มีร่างเงาเสือที่พุ่งตามมาพร้อมกับอ้าปากกว้าง
พอสัมผัสได้ถึงพลังงานอันแข็งแกร่งที่พรุ่งมาทางเขา หวงเสี่ยวหลงก็ไม่กล้าจะดูถูกศัตรู เขาได้ก้าวเท้าถอยออกไปในขณะที่กําหมัดซัดอกไป–หมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า
หมัดเทวะแห่งความว่างเปล่านั้นไร้ตัวตนแต่สัมผัสได้ ในคู่ต่อมามันหมัดนี้ก็ได้กลายเป็นมีตัวตนขึ้นราวกับกําเนิดจากภาพลวงตาและความเป็นจริงซึ่งมันได้พุ่งไปปะทะกับหมัดเสือ
ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้น ทําให้ฝุ่นทรายผงกระจายไปทั่ว
ร่างของหวงเสี่ยวหลงนั้นก็สั่นไหวในขณะที่เขาถูกผลักดันถอยไป 10 เมตร อย่างไรก็ตาม เฉินเฉิงก็ถูกผลักถอยไป 10 เมตรเหมือนกัน
“เจ้า!” เฉินเฉิงก็ตื่นตระหนกในขณะที่เขาจ้องมองหวงเสี่ยวหลง เขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 ชั้นสูงสุด ซึ่งเขานั้นมองเห็นได้ชัดเจนว่าหวงเสี่ยวหลงยังไม่ได้บรรลุระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 ชั้นต้นเลยด้วยซ้ํา
จางฉุงนั้นก็ตกตะลึงเหมือนกัน
“ไอ้เวร ไม่ต้องสงสัยทําไมเจ้าถึงหยิ่งยโส ดูเหมือนเจ้าจะมีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง” จาฉูก็เย้ยหยันออกมา “เจ้าคิดว่าแค่เพียงความแข็งแกร่งขนาดนี้ เจ้าก็สามารถขัดคําสั่งนายน้อยของพวกเราได้แล้วงั้นหรือ?! งั้นข้าจะแนะนําให้แล้วกัน แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะ การขัดคําสั่งนายน้อยของพวกเราก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น!” จู่ๆก็ได้มีแสงสีฟ้าเข้มระเบิดออกมาจากร่างของจางฉู จากนั้นเขาก็ได้งอมือเป็นกรงเล็บแล้วฟาดใส่หวงเสี่ยวหลง
แสงสีฟ้าเข้มเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นอสรพิษหลายสิบตัวที่มีขนาดใหญ่เท่าแขนตัว พุ่งเข้าใส่หวงเสี่ยวหลง
จางฉูนั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 9 ชั้นต้น แม้ว่าระดับการบ่มเพาะจะห่างกันไม่มาก แต่การโจมตีของเขานั้นกลับทรงพลังกว่าเฉินเฉิงหลายเท่า
ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็หรี่ลงในขณะเดียวกันเขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาออกมา จากนั้นเขาก็ได้ชัดฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปด้านหน้าซึ่งได้ปลดปล่อยวงแหวนสีทองพุ่งออกไป เมื่อวงแหวนสีทองพุ่งผ่าน การโจมตีทั้งหมดช้าลงเรื่อยแล้วค่อยๆหยุดลงกลางอากาศ
จางฉูก็ตกตะลึง นี่มันเคล็ดวิชาต่อสู้อะไรกัน?!
ในตอนนี้เอง ฉินหยาง หลี่เฟยและคนที่เหลือก็ได้ลงมือ พวกเขาทุกคนได้ชัดทําลายงูสีฟ้าเข้มทุกตัว
“ผู้ใดกัน? ที่กล้าสู้กันในเมืองหมื่นเทวะ!”ได้มีเสียงดังสั่นไปทั่วถนนจากระยะไกล ดูเหมือนกระทั่งสิ่งก่อสร้างก็ยังสั่นสะเทือน ในไม่กี่ลมหายใจ ก็ได้มีกลุ่มคนแต่งชุดทหารยามปกป้องเมืองที่ใส่ชุดกลุ่มสีดําส่องสว่างปรากฏขึ้นพร้อมกับขี่สัตว์อสูรเสือปฐพี มุ่งหน้ามาทางนี้
พอเห็นฉากนี้ เฉินเฉิงและจางฉูก็ทําอะไรไม่ได้นอกจากหยุด
ครู่ต่อมา กลุ่มทหายามปกป้องเมืองก็ได้เข้ามาถึง ชายวัยกลางคนเหมือนว่าจะเป็นดูหัวหน้าทหารยามได้บังคับเสือปฐพีที่เขาขี่เข้ามากใกล้และหยุดอยู่หน้าหวงเสี่ยวหลงลึคนอื่นๆ
“หัวหน้าหวัง” พอเห็นชายวัยกลางคน จางฉูก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
หวังไห่ก็ประหลาดใจที่เห็นว่าเป็นเฉินเฉิงและจางฉู จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “งั้นก็เป็นน้องจางและน้องเฉินนี่เอง” หวังไห่ก็ได้ลงมาจากอสูรปฐพี
หวงเสี่ยวหลงที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็เฝ้ามองการพูดคุยของพวกนั้น เขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่าเฉินเฉิงและจางฉูนั้นรู้จักกับหัวหน้าทหารยามของเมืองหมื่นอสูร พอตัดสินจาการทักทายของพวกนั้น ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะสนิทสนมกันดี ซึ่งเขานั้นรอดูว่าหวัหน้าทหารยามคนนี้เจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรอยู่
และในตอนนั้นเองจางฉูก็ได้อธิบายสถานการณ์ด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าหวัง ท่านมาถึงทันเวลาพอดี” จากนั้นจางฉูก็ได้ชี้นิ้วใส่หวงเสี่ยวหลงในขณะที่พูดออกมาต่อ “เรามีความแค้นกับไอ้สารเลวนี้มาก่อน แต่เราไม่คิดว่ามันจะซุ่มโจมตีพวกเราในตอนที่พวกเราไม่ได้ทันตั้งตัว”
หวังไห่ก็พยักหน้า “งั้นเรื่องก็เป็นแบนนี้ “จากนั้นเขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาออกมาในขณะที่หันหน้ามามองหวงเสี่ยวหลง “ไอ้สารเลว เจ้าไม่รู้หรือไงว่าในเมืองหมื่นเทวะห้ามต่อสู้กันหน่ะ?”หวังไห่ก็โบกมือสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่อยู่ด้านหลังโดยไม่รอให้หวงเสี่ยวหลงอธิบาย “จับกุมพวกมันทั้งหมดแล้วโยนพวกมันใว้ในคุกใต้ดินซะ”
“ได้ขอรับ หัวหน้า”
กลุ่มทหารยามปกป้องเมืองก็ได้เข้าล้อมกรอบกลุ่มของหวงเสี่ยวหลงอย่างรวดเร็ว
ผลลัพธ์นี้ทําให้หวงเสี่ยวหลงแสดงสีหน้าเย้ยหยันออกมา เนื่องจากพวกมันอยากเล่นแบบนี้ เขาก็รังเกียจที่จะกําจัดพวกมันให้พันๆหน้า
แต่ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงกําลังจะเรียกดาบู่เทพอสูรเพื่อเตรียมนองเลือด จู่ๆก็ได้มีเสียงดังขึ้น มาจากข้างบนหัว “หยุด!” เสียงนั้นไม่ได้ตั้งแต่กลับเต็มไปด้วยแรงกดดันอันมหาศาลที่สามารถบดขยี้การโต้แย้งต่างๆได้อย่าง่ายดาย ทําให้ทุกคนต่างหันไปมอง
พบเขาก็มองเห็นชายชราผมสีเทาที่สวมชุดสีลูกหม่อนกําลังลอยอยู่ซึ่งตรงหน้าอกของชุดเขานั้นมีรูปสัตว์สวรรค์สองหัวที่มีเพลิงสีแดงเข้มราวกับมีชีวิตอยู่รล้อมรอบรูปสัตว์เหล่านั้นสลักอยู่
พอสังเกตเห็นการมาถึงชายชราผู้นี้ ใบหน้าของเฉินเฉิงและจางฉูก็ทิ้งตึงและซีดเซียวเล็กน้อย ในคู่ต่อมาหวังไห่ก็รีบไปทักทายชายชราคนนี้ทันที “ยินดีที่ได้พบผู้อาวุโสเหอ!”
ผู้อาวุโสเหอ? ชื่อนี้ก็ได้พุ่งเข้ามาในใจของหวงเสี่ยวหลง เหอหยุนเซียง ! ชายชราคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหอหยุนเชียงแห่งเมืองสหัสวรรษ หนึ่งใน 10 ผู้เชี่ยวชาญของดินแดนแห่งความโกลาหล-เหอหยุนเชียงคนนั้น
เหอยหยุนเซียงก็ไม่สนใจหวังไห่ จากนั้นเขาก็เดินตรงไปหาหวงเสี่ยวหลงในขณะที่เขาใช้ดวงตามองสังเกตหวงเสี่ยวหลงตั้งแต่บนลงล่าง จากนั้นเขาก็ลูบเคราของตัวเองด้วยท่าทางที่ชื่นชมพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม จากนั้นเหอหยุนเซียงก็ยิ้มออกมา “ไม่เลวนี้เจ้าหนู เจ้าสนใจทําความเคารพข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าใหม?”
ทําความเคารพเหอหยุนเซียงเป็นอาจารย์?
ผู้คนรอๆบที่รวมตัวกันอยู่ใกล้เคียงก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินคําพูดของเหอหยุนเซียง โดยเฉพาะหวังไห่ เฉินเฉิง และจางฉู พวกเขาอ้าปกหากกว้างอย่างตกตะลึง
หวงเสี่ยวหลงเหงื่อแตกพลั่กอยู่เงียบๆ หากเขาไม่รู้ว่าชายชราตรงหน้าเป็นเหอหยุนเชียงหล่ะก็ เขาคงสงสัยว่าชายชราคนนี้คงบ้าแน่ๆ ก่อน ก่อนที่หวงเสี่ยวหลงจะได้ตอบออกมาจางฉูก็ได้ก้าวออกมาแล้วพูดออกมาอย่างระมัดระวังว่า “ผู้อาวุโสเหอ เด็กนี่เป็นคนที่นายน้อยของเรา…”
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาพูดยังไม่ทันจบประโยค เหอหยุนเซียงก็ได้ขยับแขนเสื้อ ทําให้จางฉูราวกับถูกภูเขาสูงใหญ่กระแทกใส่ตัวของเขานั้นได้กระเด็นออกในขณะที่กรีดร้องออกมาจนกระทั่งเขาได้พุ่งไปถึงท้ายถนนและร่วงหล่นกระแทกถนนทางเดิน และไม่มีเสียงอะไรออกมาอีกแม้กระทั่งเสียงร้อง
“ข้า เหอหยุนเชียง กําลังพูดอยู่ มันไม่ใช่ที่ที่ทาสอย่างเจ้าสมควรพูดขัด”เหอหยุนเชียงก็หัวเราะออกมาซึ่งเขาไม่แม้จะหันไปมองดู
เฉินเฉิงก็มองไปที่ท้ายถนนที่ศพของจางฉูที่นอนกองอยู่พื้น ทําให้เขารู้สึกหวาดกลัวแม้กระทั่งกระดูสันหลังเขาก็ยังสั่นไหวอย่างหวาดกลัวทําให้เขาหล่นลงไปนั่งกับพื้น ซึ่งหวังไห่และกลุ่มทหารยามปกป้องเมืองก็เหงื่อแตกพลั่กออกมาไม่หยุดพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียวราวกับกระดาษ
จากนั้นเหอหยุนเซียงก็ชี้นิ้วไปที่เฉินเฉิง จากนั้นเฉินเฉิงนั้นก็ถูกผลักออกไปไกลหลายร้อยเมตร จากนั้นเขากระอักเลือดออกมาในขณะที่เขาหล่นลงกับพื้น
“กลับไปบอกเจ้าจ้าวเฉินว่าข้าชอบเด็กนี่” เหอหยุนเซียงก็พูดด้วยน้ําเสียงอันเบาบาง
“ได้ ได้ ได้ขอรับ ต้องขอบคุณผู้อาวุโสเหอที่เมตตาละเว้นชีวิตน้อยๆของข้า!” หลังจากก้มหัวคารวะแล้วเฉินเฉิงก็รีบหนีไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลาไม่กี่วินาที ร่างเขาก็หายไปในฝูงชน
หวังไห่ก็รู้สึกกระหายน้ําในขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้นและไม่กล้าจะเคลื่อนไหว
“ทําไมเจ้ามาไสหัวไปเล่า?”เหอหยุนเซียงตะคอกใส่หวังไห่
“ได้ ได้ขอรับ ผู้อาวุโสเหอะ” ทันทีเขาก็รีบพาผู้ใต้บังคัญชาวิ่งหนีไปโดยไม่แม้กระทั่งขึ้นสัตว์ขี่