Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 298
ตอนที่ 298 ดูซับปลาพลังวิญญาณทางธรรมชาติ
หวงเสี่ยวหลงก็เรียกมังกรฟ้าและมังกรดําเข้าสู่ร่างกลิ่นอายอันทรงพลังรอบตัวหวงเสี่ยวหลงก็ ค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ
ในครูต่อมา ก้อนหินต่างๆก็หยุดหล่นลงมาจากผนังหุบเหว
หวงเสี่ยวหลงมองต้นไม้ตรงหน้าของเขา พอเขานึกอะไรออก เขาจึงได้โจมตีใส่กิ่งไม้ทันที แต่ต้นไม้ต้นนี้กลับไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย! ด้วยความแข็งแกร่งของหวงเสี่ยวหลงในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 9 ชั้นกลาง-สูง การโจมตีของขั้นกลับไม่ทําให้เปลือกไม้หล่นลงมาแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่ต้องพูดถึงกิ่งไม้และใบไม้ พวกมันก็ยังคงอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้รับกระทบใดๆทั้งสิ้น
หวงเสี่ยวหลงนั้นรู้สึกประหลาดใจ จานกั้นเขาก็ทําการไหลเวียนปราณและใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างโจมตีใส่ลําต้น ทําให้เกิดเสียงดัง ปัง”ขึ้นมาแต่ต้นไม้สีแดงเพลิงนี้กลับไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย
สุดท้าย หวงเสี่ยวหลงจึงทําการร่วมร่างกับจิตวิญญาณมังกรดําและมังกรฟ้าแล้วจึงโจมตีใส่ลําต้นสุดําลัง อย่างไรก็ตาม ต้นไม้ต้นนี้เพียงแค่สั่นไหวเพียงชั่วขณะ แถมใบไม้กลับไม่ร่วงลงมาอีกด้วย นอกจากนี้ หวงเสี่ยวหลงที่ใช้ฝ่ามือโจมตีใส่เต็มกําลังกลับไม่ทิ้งร่องลอยเหลือไว้บนลําต้นอีกด้วย ไม่ต้องพูดถึงรอยฝ่ามือ กระทั่งรอยข่วนก็ยังไม่มี
หวงเสี่ยวหลงนั้นตกตะลึงอย่างมาก ความแข็งแรงทนทานของต้นไม้ต้นนี้มันช่างน่าหวาดกลัวเสียจริง ด้วยระดับพลังในปัจจุบันของเขา แรงจากฝ่ามือของเขานั้นสามารถจะระเบิดร่างผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ได้ แม้กระทั่งโดยที่เขาไม่ต้องรวมร่างกับจิตวิญญาณมังกรคู่ก็ยังสามารถทําให้ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 ร่างแหลกเป็นจุน
แต่หลังจากที่เขารวมร่างกับจิตวิญญาณมังกรคู่แล้วโมตีใส่ลําต้นเต็มกําลังกับไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้ต้นไม้ต้นนี้ได้เลย
หวงเสี่ยวหลงจึงได้กระโดดขึ้นไปยืนบนกิ่งไม้กึ่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็นั่งสมาธิและทําการใช้งานเคล็ดวิชาบ่มเพาะเทพอสูร ซึ่งทําให้เขาพบว่าการบ่มเพาะบนต้นไม้สีแดงเพลิงแห่งนี้บ่มเพาะได้เร็วกว่าการบ่มเพาะใต้ต้นไม้เสียอีก
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงดูดซับพลังวิญญาณอยู่นั้น ลําต้น กิ่ง ใบของต้นไม้สีแดงเพลิงก็ได้ทําการดูดซับพลังวิญญาณธาตุไฟจากอากาศ ในขณะที่พลังวิญญาณธาตุไฟได้ปกคลุมไปทั่วต้นนั้นมันก็ได้ปกคลุมร่างกายของหวงเสี่ยวหลงเหมือนกัน ส่งผลให้เขารู้สึกอบอุ่นจนไม่สามารถอธิบายเป็นคําพูดได้
หนึ่งวันผ่านไป หวงเสี่ยวหลงได้รู้สึกราวกับเขาได้เกิดใหม่
“พลังวิญญาณธาตุไฟนี้คงไม่ใช่พลังวิญญาณปกติอย่างที่เห็นเป็นแน่แท้” หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิดขึ้นมาในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกดีใจเมื่อพบว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น หรือว่าพลังวิญญาณธาตุไฟที่ต้นไม้สีแดงเพลิงนี้ดูดซับนั้นจะมาจากโลกเทวะ!? หวงเสี่ยวหลงก็มองต้นไม้ไร้นามต้นนี้พร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
ต้นไม่สีแดงเพลิงไร้นามต้นนี้จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย จากนั้นเขาก็คิดวิธีนํามันติดตัวไปด้วย อย่างไรก็ตาม ต้นไม้เทวะอย่างนี้คงไม่สามารถใส่ไว้ในแหวนมิติ ซึ่งรวมถึงแหวนเทพอสูรด้วย
แต่หวงเสี่ยวหลงก็อยากจะลองดู เขาจึงได้เรียกแหวนเทพอสูรปรากฏขึ้นมาบนนิ้วของเขาและได้ส่งปราณฉีเข้าไปในแหวนในขณะเดียวกันเขาก็พยายามบังคับต้นไม้สีแดงเพลิงใส่เข้าไปในแหวน จู่ๆ ต้นไม้สีเพลิงก็ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา มันได้ปลดปล่อยแรงกกดันออกมต่อต้านหวงเสี่ยวหลง ทําให้หวงเสี่ยวหลงถูกผลักถอยหลังไป
พอเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ หวงเสี่ยวหลกงส่ายหัวและปล่อยแหวนเทพอสูรกลับเข้าไปในร่าง
หวงเสี่ยวหลงก็ขมวดคิ้วในขณะที่จ้องมองต้นไม้สีแดงเพลิง จากนั้นเขาก็คิดวิธีออก! เขาก็รีบเรียกหุบเขาเทวะซูมี่ออก ถ้าหากแหวนเทพอสูรใช้ไม่ได้หล่ะก็ แล้วถ้าเป็ฯหุบเขาเทวะซูมี่หล่ะ?
หุบเขาเทวะซูมี่ก็ได้ลอยขึ้นไปอยู่เหนือต้นไม้สีแดงเพลิงภายใต้การควบคุมของหวงเสี่ยวหลง จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็โบกมือส่งปราณฉีเข้าสู่ข่ายอาคมพระพุทธสิบองค์เพื่อเปิดใช้งานขายอาคมทันทีก็ได้มีแสงระเบิดออกมาจากหุบเขาเทวะซูมี่พร้อมกับได้มีปราณพุทธะหลั่งไหลออกมาราวกับแสงอาทิตย์สาดส่อง จากนั้นแสงสีทองเหล่านั้นก็ได้พุ่งไปหาต้นไม้สีแดงเพลิงแล้วเข้าล้อมรอบต้นไม้ต้นนั้นทั้งต้น
เมื่อปราณพุทธะเข้าล้อมรอบต้นไม้สีแดงเพลิง หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกดีใจขึ้นมาเมื่อเขาพบว่าต้นไม้สีแดงเพลิงนี้ไม่ต่อต้านเหมือนเมื่อก่อนซึ่งมันทําเพียงเปล่งแสงสีแดงเพลิงออกมาอย่างเบาบาง
แสงสีแดงเพลิงนั้นก็ได้รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับปราณพุทธะซึ่งทําให้มันสว่างขึ้น ส่งผลให้ทั่วทั้งหุบเหวสว่างขึ้นราวกับภาพลงตัว
ครู่ต่อมา ต้นสีแดงเพลิงนี้ก็สั่นไหวในขณะที่รากของมันค่อยๆผุดขึ้นมาจากพื้นแล้วลอยเข้าไปหาหุบเขาเทวะซูมี่ซึ่งมันหายไปทันทีที่มันเข้าสู่มิติของหุบเขาเทวะซูมี่
ผลลัพธ์นี้ทําให้วหวงเสี่ยวหลงกระโดดไปมาอย่างดีใจ เขาคิดว่าการย้ายต้นไม้สีแดงเพลิงต้นนี้คงใช้แรงค่อนข้างมากแต่เขาไม่คิดว่าต้นไม้สีแดงเพลิงต้นนี้จะเข้าไปในหุบเขาเทวะซูมี่ได้ง่ายอย่าง
ในที่สุดเขาก็ได้ต้นไม้สีแดงเพลิงนี้มา!
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในวิหารซูมี่ในพริบตาและพบว่าต้นไม้สีแดงเพลิงหยั่งรากลงตรงข้างๆกับข่ายอาคมพระพุทธสิบองค์ซึ่งต้นไม้เพลิงสีแดงนี้ทําให้บรรยากาศภายในวิหารซูมี่มี่นั้นอบอุ่นและสุขสบายขึ้นมาเนื่องจากพลังวิญญาณธาตุไฟได้ไหลเวียนไปทั่ววิหาร
พอมองดูต้นไม้สีแดงเพลิง หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกอารมณ์ดีมาก ด้วยการมีต้นไม้สีแดงเพลิงอยู่ใกล้กับข่ายอาคมพระพุทธสิบองค์ เขานั้นก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุระดับเทวะและกระทั่งทะลวงเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้นไปอีกนั่นคือ-ระดับพระเจ้า!
ครู่ต่อมาหวงเสี่ยวหลงก็ค่อยๆใจเย็นลงและได้ออกจากวิหารซูมี่ เนื่องจากเขาได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 9 ชั้นกลาง-สูงแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เขาจะดูดซับปลาพลังงานวิญญาณทางธรรมชาติทั้ง 2 ตัว
แม้ว่าต้นไม้สีแดงเพลิงนั้นจะถูกหวงเสี่ยวหลงถอนไปแล้ว แต่พื้นที่ก้นหุบเหวฝั่งนี้ก็ยังอบอุ่นราวกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ และพลังงานหนาวเย็นจากอีกฝั่งก็ไม่ได้ไหลเข้ามาที่นี่ด้วยแม้ว่าจะไม่มีต้นไม้สีแดงเพลิงอยู่ก็ตาม
หวงเสี่ยวหลงก็เดินตามรอยกลับเส้นทางเดินกลับไปสู่บ่อน้ำพุหนาวเย็น และในไม่นานเขาก็ได้มายืนอยู่ข้างบ่อน้ำพุหนาวเย็น
พอสังเกตเห็นปลาพลังงานวิญญาณทั้งสองตัวที่ว่ายน้ำอย่างเป็นสุข หวงเสี่ยวหลงก็เรียกเจดีย์หลิงหลงออกมาแล้วเปิดใช้งานข่าอาคมกลืนกินพันปีศาจซึ่งทําให้เกิดแรงดูดดูดปลาทั้งสองตัวเข้าไปในเตาพันปีศาจ
ทันทีที่ปลาทั้งสองตัวเข้าไปในเตาพันปีศาจ รอบๆเจดีย์หลิงหลงก็ได้ถูกชั้นน้ำแข็งปกคลุม หวงเสี่ยวหลงจึงได้ส่งปราณฉีเข้าไปในข่ายอาคมหวนคืนสู่สวรรค์และปฐพี่ที่อยู่ในภายในเตาเพื่อดูดซับปลาทั้งสองตัวพร้อมกับขับไล่ธาตุหนาวเย็นสุดขั้วออกไป ในเวลาเดียวกันนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ได้ส่งปราณฉีส่วนหนึ่งไปที่ข่ายอาคมพระพุทธสิบองค์เพื่อใช้งานปราณพุทธะในการละลายชั้นน้ำแข็งที่ปกคลุมเจดีย์หลิงหลง
แต่หวงเสี่ยวหลงก็ตกใจเมื่อชั้นน้ำแข็งที่ปราณพุทธะละลายไปแล้วนั้นกลับมีชั้นน้ำแข็งอีกชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นมาไม่รู้จบ ชั้นน้ำแข็งที่ปกคลุมเจดีย์หลิงหลงนั้นก็ปรากฏขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับปลาทั้งสองนั้นมีพลังงานธาตุหนาวเย็นอันไร้ขีดจํากัด
แม้ด้วยความแข็งแกร่งระดับเซียนเทียนขั้นที่ 9ชั้นกลาง-สูงของหวงเสี่ยวหลง แต่การที่ต้องแบ่งปราณไปใช้ทั้งสองด้านนั้นกลับเป็นสิ่งที่ลําบากมาก ต่อมา หวงเสี่ยวหลงจึงจําเป็นต้องใช้ปราณภายในในตันเถียนของเขาเพื่อสนับสนุน
ตอนนี้ปราณภายในของหวงเสี่ยวหลงนั้นก็ใกล้จะเปลี่ยนเป็นปราณแก่นแท้อย่างสมบูรณ์ เขาสังเกตเห็นว่าปราณพุทธะที่ออกมาจากข่ายอาคมพระพุทธสิบองค์นั้นบริสุทธิ์และหนาแน่นมากขึ้น เมื่อเขาใช้ปราณภายในเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่เขาใช้ปราณฉี
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ในที่สุดชั้นน้ำแข็งที่ปกคลุมเจดีย์หลิงหลงนั้นก็ค่อยละลายอย่างช้าๆและบางลง 3ชั่วโมงต่อมา ชั้นน้ำแข็งนั้นก็ไม่ปรากฏขึ้นมาอีก
พอเห็นเรื่องนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่เขาก็ยังไม่กล้าปล่อยปะละเลย จากนั้นเขาก็ได้ใช้ปราณทั้งหมดในการใช้งานเตาพันอสูรเพื่อดูดซับปลาทั้งสองตัวพร้อมกับขับไล่ธาตุหนาวเย็นออก
5 วันผ่านไป เตาพันอสูรก็สั่นไหวและเปล่งแสงออกมาพร้อมกับมีธาตุหนาวเย็นส่วนสุดท้ายถูกขับไล่ออกไปจากปลาทั้งสองตัว เมื่อเปิดฝาออก ปลาพลังงานวิญญาณทั้งสองก็บินออกมาจากเตาอย่างเปล่งประกาย
หวงเสี่ยวหลงจึงได้อ้าปากดูดปลาทั้งสองตัวเข้ามาในร่างง ทันทีก็ได้มีพลังวิญญาณที่ราวกับมหาสมุทรโบราณอันกว้างใหญ่ไพศาลพุ่งทะลักเข้าสู่ทุกส่วนในร่างกายของหวงเสี่ยวหลง หวงเสี่ยวหลงที่หวาดกลัวจึงได้รีบใช้งานเคล็ดวิชาบ่มเพาะเทพอสูรดูดซับและกดดันพลังวิญญาณเพื่อไม่ปล่อยให้มันเล็ดรอดออกไป
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงดูซับปลาพลังวิญญาณทั้งสองตัวนี้อยู่นั้น ก็ได้มีร่างสองร่างวิ่งมาทางภูเขาช่องว่างเสือใจสลายและมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผาเดียวกับที่หวงเสี่ยวหลงเคยมายืน
ผู้ที่มานั้นเป็นชายหนุ่มและผู้อาวุโส ทั้งสองคนนั้นสวมชุดสีม่วงเข้มซึ่งตรงหน้าอกของชุดนั้นมีตรารูปแมงปองปีศาจหกเขาสลักอยู่
“เจ้ามั่นใจว่ามีเสียงคํารามมังกรออกมาจากก้นหุบเหวนงั้นหรือ?” ชายชรานามว่าเฟิงกงก็ได้ถามขึ้น
ชายหนุ่มนามว่าไต่ลี่ก็รีบตอบออกมา “ใช่ขอรับ ท่านอาจารย์ ในตอนนั้นข้าอยู่ใกล้บริเวณนี้พอดี ข้าจึงได้ยินมันอย่างชัดเจน”
เฟิงกงก็พยักหน้าพร้อมกับจ้องมองหุบเหวอันไร้ที่สิ้นสุด