Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 310
ตอนที่ 310 ก้าวเข้าสู่เมืองผี
ส่วนสําหรับเหยาเฟยนั้น หากพวกเขาได้พบกันอีกหล่ะก็ หวงเสี่ยวหลงก็มั่นใจว่าจะบดขยี้มันได้อย่างง่ายดาย! และมันก็คงไม่ต่างอะไรจาการบดขยี้หมดโดยใช้ซอกนิ้ว!
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงกําลังจะออกจากวิหารซูมแล้วออกไปข้างนอก เขาก็สังเกตเห็นว่าต้นไม้เพลิงไร้ชื่อนั้นออกผลไม้เพลิงนับไม่ถ้วนอยู่ตามกิ่ง เขาก็ยังสังเกตเห็นอีกว่าลําต้นและกิ่งก้านของมันก็ใหญ่ขึ้น แม้กระทั่งใบไม้ที่อยู่ตามต้นยังดูหนาแน่นขึ้นมาก
หวงเสี่ยวหลงก็จ้องมองมันด้วยสายตาเบิกกว้างอย่างตกใจ
หลายเดือนก่อน เขาได้ลองใช้วิธีการมากมายแต่กลับไม่สามารถทําให้ต้นไม้เพลิงไร้ชื่อนี้เติบโตหรือออกผลได้เลยสักครั้ง แต่ตอนนี้ไม่เพียงมันจะโตมากขึ้น มันกระทั่งมีผลอีกด้วย
1 2 3… !
แค่เพียงเหลือบมอง หวงเสี่ยวหลงก็สามารถนับผลไม้เพลิงได้ทั้งหมด 26 ผล ซึ่งมันมากกว่าตอนที่เขาพบผลไม้ต้นนี้เป็นครั้งแรกที่ก้นหุบเหวนั่น เมื่อครุ่นคิดถึงการเติบโตของต้นไม่เพลิงไร้ชื่อนี้ หวงเสี่ยวหลงก็คาดเดาได้ว่าการเติบโตของมันคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก่นแท้มังกร จากนั้นเขาก็กวักนิ้ว ทําให้ผลไม้เพลิงลอยเข้ามาในมือ จากนั้นเขาก็อ้าปากกลิ่นผลไม้ทั้งผล
พอกลืนเข้าสู่ร่าง ผลไม้เพลิงก็ละลายแปลเปลี่ยนเป็นพลังงานธาตุไฟบริสุทธิ์และกระจายไปสู่ทะเลปราณและเส้นลมปราณ ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป หวงเสี่ยวหลงก็สามารถดูดซับผลไม้เพลิงนี้ได้จนหมด หลังจากที่หวงเสี่ยวหลงดูดซับไข่มังกรปฐพีไปแล้ว ทะเลปราณ เส้นลมปราณและเลือดเนื้อของเขานั้นก็แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้นคือหวงเสี่ยวหลงก็ไม่จําเป็นลงทําสมาธิเพื่อดูดซับสมุนไพรวิญญาณอย่างผลไม้เพลิงอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัวออกมา ถ้าหากเขายังคงเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 9 อยู่หล่ะก็ ผลไม้เพลิงที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้คงจะสามารถเพิ่มการบ่มเพาะของเขาได้ แต่ตอนนี้มันกลับแทบจะไม่มีประโยชน์กับเขาเลย ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงเก็บพวกมันไว้ให้คนในครอบครัวของเขาเมื่อเขาได้พบคนในครอบครัวอีก
หวงเสี่ยวหลงก็ได้ออกมาจากวิหารซูมภายในพริบตาแล้วเดินออกมาจากโพรงต้นไม้แล้วตรวจดูตําแหน่งที่เขาอยู่ในปัจจุบัน จากนั้นเขาก็ได้เดินทางมุ่งหน้าไปเมืองผี
การดูดซับไข่มังกรปฐพีนั้นได้ใช้เวลาไปถึงครึ่งเดือน ดังนั้นตอนนี้ เมืองผีก็คงปรากฏขึ้นมาได้ 8 วันแล้ว
ร่างของหวงเสี่ยวหลงราวกับเงาเมื่อยู่ภายใต้แสงจันทร์ซึ่งเขานั้นได้เร่งความเร็วในการเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปสู่หมายอย่างไม่หยุด ซึ่งเขาได้ใช้เวลาเช้าเย็นในการเดินทางไปจนถึงภูเขาวิญญาณชั่วร้าย
ภูเขาวิญญาณชั่วร้ายนั้นความจริงแล้วมันเป็นภูเขาที่ทอดยาวออกไปครอบคุลมพื้นที่ที่ไม่รู้จักและมันยังทอดยาวออกไปไกลสุดสายตา ดินแดนแห่งภูตผีนี้เป็นหนึ่งในดินแดนต้องของดินแดนแห่งความโกลาหลแต่ภูเขาวิญญาณชั่วร้ายนั้นกลับเป็นสถานที่ที่ใหญ่ในดินแดนแห่งความโกลาหลนี้ แม้ว่าภูเขาวิญญาณชั่วร้ายนั้นจะไม่ว่าเป็นส่วนลึกของดินแดนแห่งภูตผี มันก็เป็นจุดที่มีวิญญาณชั่วร้าย ปีศาจและภูตผีที่บ้าครั้งเป็นจํานวนมาก และมันก็ยังเป็นสถานที่มีกลิ่นอายปีศาจและกิล่นอายภูติผีหนาแน่น
ตอน แม้ว่าภูเขาวิกเกอรวญญาณชั่วร้ายนั้นแห่งภูตผีนี้เป็นหนึ่ง
อย่างไรก็ตา เมื่อหวงเสี่ยวหลงมาถึงภูเขาวิญญาณชั่วร้า สิ่งที่ทําให้เขารู้สึกกลัวไม่ใช่กลิ่นอายปีศาจและกลิ่นอายภูติแต่มันเป็นเมืองยักษ์ที่ลอยอยู่เหนือภูเขาวิญญาณชั่วร้ายต่างหาก!
เมืองสีแดงเข้มแห่งนี้มีขนาดกว้างประมาณหนึ่งหมื่นไมล์และดูเหมือนว่าความสูงนั้นจะเท่ากับความกว้างด้วย!
กําแพงเมือแห่งนี้มีความสูงประมาณ 100 จางซึ่งมันทํามาจากแร่อะไรไม่รู้ ด้านบนกําแพงนั้นมีเลือดไหลเวียนไปมาไม่รู้จบตลอดเวลา! เลือดพวกนี้มีสีแดงดําและมันยังปลดปล่อยกลิ่นอันน่าหวาดกลัวออกมา แม้ว่าจะยืนห่างจากมันหลายไมล์ หวงเสี่ยวหลงก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นฉุนที่เหมือนกับกลิ่นศพเน่าอายุหลายพันล้านปีที่กลิ่นไม่จางหายเสียที
ท้องฟ้าเหนือเมืองนั้นเต็มด้วยความมืดที่บดบัดแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา พอมองดูใกล้ๆหวงเสี่ยวหลงก็สังเกตเห็นว่าเมฆแห่งความมืดที่ลอยอยู่เหนือเมืองนั้นถูกสร้างมาจากวิญญาณชั่วร้าย ปีศาจ และพวกครึ่งปีศาจครึ่งวิญญาณ
ได้เกิดเสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังก้องออกมาจากบนท้องฟ้าเหนือเมืองซึ่งทําให้ใครที่ได้ยินต่างเจ็บแสบแก้วหู
พอจ้องมองเมืองยักษ์ที่ลอยอยู่นั้น หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกประหลาดใจจนแทบอธิบายออกมาไม่ได้ ในขณะที่เขากําลังสังเกตเมืองที่ลอยอยู่นั้น จู่ก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างฉับพลัน จากนั้นก็ได้มีสิ่งมีชีวิตคล้ายภูติผีตัวใหญ่แยกออกมาจากเมฆดําที่ลอยอยู่เหนือเมืองซึ่งมนได้บินตรงมาหาหวงเสี่ยวหลง
ฉากที่เกิดขึ้นทําให้หวงเสี่ยวหลงตื่นขึ้นจากความประหลาดใจ หวงเสี่ยวหลงก็ตบฝ่ามือใสมันโดยไม่เหลือบมองแม้แต่น้อย ทําให้เกิดระเบิดขึ้นกลางอากาศ จากนั้นเขาก็ได้บินพุ่งขึ้นไปหาเมืองยักษ์ที่กําลังลอยอยู่
แต่ประตูเมืองที่ใช้เข้าไปในในเมืองนั้นกลับถูกขวางกั้นไว้ด้วยวิญญาณชั่วร้าย ปีศาจและสิ่งมีชีวิตครึ่งผีครึ่งปีศาจนับไม่ถ้วนซึ่งแม้กระทั่งน้ำยังไหลเข้าไปไม่ได้ สําหรับการที่หวงเสี่ยวหลงจะเข้าไปในเมืองผีได้นั้น เขาจะต้องฆ่าพวกนี้ถึงจะเข้าไปได้
ไม่ห่างไปจากประตูเมืองผี หวงเสี่ยวหลงก็มองเห็นชายวัยกลางคนสามคนในชุดนิกายสีฟ้ากําลังฆ่าพวกฎคติผีปีศาจเหล่านี้ไปพร้อมกับมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง แต่ก่อนที่พวกเขาจะทําสําเร็จ พวกเขาก็ถูกพวกภูตผีปีศาจรุมฉีกกระชากเป็นชิ้นและกัดกิน!
หวงเสี่ยวหลงก็เฝ้ามองพวกเขาทั้งสามคนที่โดนกลุ่มภูติผีปีศาจนับร้อยรุมกัดกินและฉีกกระชากร่างกายตั้งแต่แขนขาไปจนถึงส่วนอื่นๆ ภาพนองเลือดอันน่าสยดสะยองทําให้หวงเสี่ยวหลงขมวดคิ้วแน่น
ฉากน่ากลัวที่เกิดขึ้นนี้ทําให้เหล่าผู้ฝึกตนและศิษย์นิกายคนอื่นๆที่กําลังฆ่าภูติผีปีศาจ เพื่อเปิดทางให้ตัวเองเข้าสู่เมืองนั้นก็รีบถอยหนีอย่างตกใจกลัว ใบหน้าของพวกเขานั้นขาวซีดราวกับคนตายและพวกเขายังรู้สึกถึงหนาวสั่นไปถึงหัวใจ
พวกเขารู้ดีว่ากลุ่มคนทั้งสามนั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10ชั้นปลาย
“ดูนั่น มีคนพยายามจะทะลวงเข้าไปในเมืองผีอีกคนแล้ว!” ณ ตอนนี้เอง หนึ่งในผู้เฝ้ามองก็อุทานออกมาและชี้ไปที่หวงเสี่ยวหลง
“ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลาย-สูงงั้นหรือ? สงสัยจะมีอีกคนเข้าไปหาที่ตายซะแล้ว บางทีเขาคงถูกวิญญาณชั่วร้ายกัดกินก่อนจะได้ไปแตะประตูเมืองละมั้งเนี่ย!” ผู้เฝ้ามองคนนั้นก็เย้ยหยันออกมา
“ใช่แล้ว วันนี้ก็เป็นวันที่ 9 แล้วตั้งแต่ที่เมืองผีปรากฏตัวขึ้น จํานวนภูตผีปีศาจนั้นก็ได้เข้าไปรวมตัวกันที่ทางเข้าอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทางที่จะมีคนเข้าไปได้โดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะนําทางให้!”
ในขณะที่คนรอบข้างพูดคุยอยู่นั้น ภายในช่วงเวลาสั้นๆ หวงเสี่ยวหงก็ได้บินพุ่งไปตรงไปและหยุดลอยอยู่ห่างจากประตูเมืองประมาณ 300 เมตร
พอภูติผีปีศาจที่รวมตัวอยู่ตรงทางเข้าเห็นเหยื่อตัวใหม่พุ่งเข้ามาใกล้ พวกมันก็แยกเขี้ยวออกมาอย่างตื่นเต้นแล้วกระโจนเข้าหาหวงเสี่ยวหลง
พอมองดูเหตุการณ์นี้ หวงเสี่ยวหลงก็ส่งเสียดุถูกแล้วยกแขนขึ้นมาแล้วโจมตีออกไปด้วยฝ่ามือพุทธปฐพี ในขณะนั้นเอง รอบตัวของเขาก็ได้ปรากฏพระพุทธรูปมากมายพร้อมกับมีรัศมีพุทธะอันศักดิ์สิทธิ์ส่องลงมาสู่ผืนดิน
ภูตผีปีศาจมากมายต่างกรีดร้องออกพร้อมกับที่ร่างกายของพวกมันได้ระเบิดออกและเลือนหายไปจากโลกนี้
ปราณพุทธะได้หลั่งไหลออกมาจากร่างหวงเสี่ยวหลงราวกับคลื่นน้ำอันเกรี้ยวกราดที่กระจายออกไปรอบตัวเขา
ฝูงสิ่งมีชีวิตสีดํา ที่กําลังเข้ามาสมทบนั้นก็รีบล่าถอยทันทีราวกับพวกมันได้พบเจอกับสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดในโลก บางตนก็พุ่งเข้ามากระทบปราณพุทธะที่ไหลออกมาจากร่างหวงเสี่ยวหลงโดยที่ไม่มีเวลาพอจะหนี ทําให้พวกมันกรีดร้องเนื่องจากได้รับความเจ็บปวดอย่างสาหัสพร้อมกับได้มีหมอกสีเขียวเข้มไหลออกมาจากร่างของสิ่งมีชีวิตสีดําพวกนี้
พวกปีศาจภูตผีพวกนี้ก็รีบถอยหนีจากเส้นทางของหวงเสี่ยวหลงทันที
ผู้ฝึกตนและศิษย์นิกายคนอื่นๆก็อ้าปากค้างออกมาเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เมื่อร่างของหวงเสี่ยวหลงหายไปจากประตูเมือง พวกเขาก็ฟื้นจากอากาตกใจ
“นี่มัน เด็กคนนี้เป็นใครกัน? ทําไมเขาถึงได้มีปราณพุทธะที่บริสุทธิ์ขนาดนี้เ”
“นี่หรือว่าจะเป็นศิษย์ลับของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์กัน?!”
“ฝ่ามือเมื่อครู่นี้ มันเป็นวิชาอะไรกัน? อาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์มีเคล็ดวิชาแบบนั้นด้วยงั้นหรือ?”
ผู้คนมากมายที่รู้สึกตกใจต่างเสียใจอย่างสุดซึ้ง ถ้าพวกเขารู้ก่อนหล่ะก็ พวกเขาคงติดตามหวงเสี่ยวหลงเข้าเมืองผีไปแล้ว
หลังจากที่เขาเข้ามาในเมือง หวงเสี่ยวหลงก็หันมามองด้านหลัง พวกเขาภูตผีปีศาจนั้นรวมตัวอยู่นอกห่างออกไป 300 จางประตูเมืองซึ่งพวกมันนั้นไม่สามารถผ่าเข้ามาใกล้ได้แม้กระทั่งแค่เพียงครึ่งนิ้วก็ตาม รอบประตูเมืองนั้นมีขายอาคมพิเศษที่มีไว้กันไม่ให้พวกมันเข้ามาในเมือและส่วนฝูงสิ่งมีชีวิตจํานวนมากที่ลอยอยู่เหนือเมืองนั้นก็คงโดนข่ายอาคมแบบเดียวกันขัดขวางไว้เหมือนกัน
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงได้เดินเข้ามายืนอยู่บนถนนเส้นหนึ่งพร้อมรับสายลมหนาวเย็นที่พัดเขามา ภายในเมืองมีเสียงหอนหวนที่พอจะทําให้ใครหลายคนหวาดกลัวถึงสุดขึ้น หวงเสี่ยวหลงจึงได้หันไปมองรอบๆดู และทั้งหมดที่เขาเห็นมันก็คือสถานที่ที่รกร้างอันเปล่าเปลี่ยว ทางด้านซ้ายและขวาของเขานั้นมีตึกอาคารที่พังทลาย ซากปรักหักพัง และศพไร้หัวที่กระจายเกลื่อนกราด ศพแต่ละร่างนั้นมีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์และมีลอยคราบเลือดเป็นแนวติดอยู่บนตัว