Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 312
Invicinble – โลกอมตะ ตอนที่ 312 แล้วถ้าข้าแทรกแซงหล่ะ?
หวงเสี่ยวหลงก็หยุดอยู่กลางอากาศชั่วครู่แล้วค่อยลงไปยืนบนหลังคาด้านหนึ่งของพระราชวัง
ในพระราชวังราชาผีแห่งนี้ หวงเสี่ยวหลงพบว่าสัมผัสวิญญาณของเขาถูกจำกัด มากสุดหวงเสี่ยวหลงสามารถขยายสัมผัสวิญญาณไปตรวจสอบรอบๆได้เพียง 100 เมตร แต่พื้นที่ของพระราชวังราชาผีนั้นใหญ่โตมาก แต่แค่สัมผัสวิญญาณเพียงร้อยเมตรนั้นก็ยังไม่พอ
ทันทีหวงเสี่ยวหลงก็คิดอะไรขึ้นมากได้ จากนั้นบนหน้าผากของเขาก็ได้มีรอยแยกขึ้น นั่นคือเนตรนรก เนตรนรกนั้นสามารถมองเห็นได้ไกลแลคมชัดขึ้นกว่าสัมผัสวิญญาณที่ใช้ในพระราชวังแห่งนี้ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าจะมีกำแพงขวางกั้นหลายชั้น หวงเสี่ยวหลงก็สามารถมองทะลุผ่านไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในได้โดยไม่มีอะไรขัดขวาง
แต่มันก็ยังถูกจำกัดซึ่งสามารถใช้ได้ภายในระยะหนึ่งพันเมตร
ระยะหนึ่งพันเมตรหวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว ความจริงแล้ว ระยะหนึ่งพันเมตรนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนักเท่าไหร่ จากนั้นเขาก็ได้กระโดดลงมาจากหลังคาลงยืนบนพื้น การที่ยืนอยู่บนหลังคานั้นทำให้ตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย
ในขณะที่เท้าของเขาถึงพื้น ก็ได้มีความผันผวนของพลังงานพุ่งมาจากตรงหน้าของเขา ตัดสินได้จากระดับการผันผวนพลังงานที่เกิดขึ้น มันแสดงให้เห็นว่ากำลังมีคนต่อสู้กันอยู่ 2 คน ซึ่งพวกเขาจะต้องผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งก้าวเทวะอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองนั้นก็มากกว่าความแข็งแกร่งของชายชราที่เขาได้ต่อสู้ด้วยบนภูเขาช่องว่างเสือใจสลาย
หวงเสี่ยวหลงก็พุ่งไปข้างหน้าและมุ่งหน้าไปหาแหล่งที่มาของพลังงานเหล่านั้น ในไม่ช้า เขาก็ได้มาถึงที่เกิดเหตุ
ทั้งสองคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้นเป็นชายหนุ่มชุดแดงในขณะที่คู่ต่อสู้ของเขาคือชายหนุ่มชุดม่วง บนหน้าอกของชายหนุ่มชุดแดงนั้นมีรูปสัตว์สวรรค์สองหัวอยู่ซึ่งมันเป็นลายที่หวงเสี่ยวหลงเคยเห็นมาก่อน เขาจำได้ว่า ในเมืองหมื่นเทวะ เขาเคยเห็นลายสัตว์สวรรค์สองหัวแบบเดียวกันนี้อยู่บนชุดของเหอหยุนเซียง
ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงคาดเดาว่าชายหนุ่มชุดแดงคนนี้คงเป็นคนจากเมืองสหัสวรรษ และมีโอกาสที่ชายคนนี้จะเป็นลูกศิษย์ของเหอหยุนเซียง แต่ทว่าชายหนุ่มชุดม่วง บนชุดของเขานั้นมีลายตรงอกเสื้อเป็นรูปช้าง
ช้าง? ดูเหมือนชายหนุ่มอีกคนนี้จะเป็นคนของเมืองหมื่นเทวะ ศิษย์ของถั่วหวูจุน!
ถั่วหวจุนนั้นเป็นเจ้าเมืองหมื่นเทวะ และยังเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของดินแดนแห่งความโกลาหล
สังเกตจากการต่อสู้ระหว่างทั้งสอง ลูกศิษย์ของถั่วหวูจุนคนนี้มีความแข็งแกร่งมากกว่าลูกศิษย์เหอหยุนเซียงเล็กน้อย พวกเขาก็ได้ปล่อยหมัดและฝ่ามือปะทะใส่กันทำให้เกิดเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วทันที ศิษย์ของถั่วหวูจุนก็ได้เปลี่ยนการเคลื่อนไหวกลางทางโดยการตีลังกาซัดฝ่ามือโจมตีออกไปใส่ลูกศิษย์ของเหอหยุนเซียง
ปึก! ซุนฮ่าวหลานก็ได้กระอักเลือดออกมาแล้วล้มลงพื้นไป
พอทำให้ซุนฮ่าวหลานบาดเจ็บ หรูจางก็ได้ลงมายืนบนพื้นแล้วจ้องที่สภาพน่าอนาถของซุนฮ่าวหลาน เขาก็ได้แสดงสีหน้าดูถูกออกมาอย่างเลือดเย็น “ซุนฮ่าวหลาน เจ้าไม่คิดสิว่าเจ้าจะต้องมาตายที่นี่ใช่มั้ย?”
“ถ้าหากข้าตาย อาจารย์ของข้าจะล้างแค้นให้”
หวูจางก็ระเบิดเสียงหัวเราะเมื่อได้ยิน “อาจารย์ของเจ้างั้นหรือ? เจ้าคิดว่าไอ้เฒ่าเหอหยุนเซียงจะออกไปจากเมืองผีอย่างมีชีวิตงั้นหรอ? ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟังแล้วกัน การปรากฏเมืองผีในครั้งนี้ การที่อาจารย์ของเจ้ารวมไปถึงศิษย์พี่ศิษย์น้องของเจ้าทั้ง 9 จะออกไปจากที่แห่งนี้อย่างมีชีวิตคงเป็นได้เพียงแค่ฝัน!”
“เจ้า!” ซุนฮ่าวหลานก็หน้าซีดเซียว “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”
“ข้าพูดอะไรงั้นหรือ?” หวูจางก็ส่งเสียงดูถูก “งั้นเจ้าก็ไปรอเหอหยุนเซียงในนรกแล้วกัน แล้วเจ้าค่อยถามมันด้วยตัวเอง” หวูจางก็เคลื่อนไหว เขาได้ซัดฝ่ามือทั้งสองข้างใส่ตัวของซุนฮ่าวหลาน
ซุนฮ่าวหลานก็รีบหลบแต่ฝ่ามือของหวูจางกลับไล่ตามเขาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆราวกับเงา ในขณะที่ฝ่ามือของหวูจางจะโจมตีด้วยฝ่ามือได้สำเร็จ ก็ได้เกิดประกายแสงสีทองสว่างไปทั่วอากาศพร้อมกับมีพระพุทธรูปโผล่ขึ้นมาจากพื้น
หวูจางที่ตกตะลึงก็รีบเปลี่ยนทิศทางการโจมตีด้วยการหมุนข้อมือเข้าปะทะใส่การโจมตีที่เข้ามาหาเขา
ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้น แรงปะทะที่เกิดขึ้นได้ผลักหรูจางถอยหลังไปไกลหลายร้อยเมตร หวูจางนั้นรู้สึกตกใจมากและได้ใช้สายตาอันมีนงงตรวจสอบรอบๆและพบชายหนุ่มผมดำที่ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าของซุนฮ่าวหลาน
หวงเสี่ยวหลงก็หันมามองซุนฮ่าวหลานโดยไม่สนใจหวูจางที่ตกตะลึง “เจ้าไม่เป็นไรสินะ?”
ซุนฮ่าวหลานก็มองแผ่นหลังของหวงเสี่ยวหลงด้วยความมึนงง แต่เสียงพูดของหวงเสี่ยวหลงก็ทำให้เขาหายมึนงง เขาจึงได้ส่ายหัว “ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณมาก”
หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิดสักพักแล้วหยิบเอาเห็ดหลินจือขาวออกมาจากแหวนเทพอสูร กลิ่นของสมุนไพรชิ้นนี้ได้อบอวลไปทั่วอากาศ ทำให้ท้องฟ้าอันมิดมัวสว่างขึ้นราวกับกลางวัน
“นี่ นี่มันเห็ดหลินจือขาว!”ทั้งหวูจางและซุนฮ่าวหลานก็อุทานออกมาอย่างประหลาดใจ สายตาของพวกเขานั้นจับจ้องไปที่เห็ดสีขาวที่ลำต้นของมันทั้งต้นนั้นเป็นโปร่งใสราวกับคริสตัลและภายในของเห็ดต้นนี้ก็มีของเหลวสีขาวไหลเวียนอยู่ภายในอยู่ในซึ่งมันอยู่ในมือของหวงเสี่ยวหลง
นี่คือหนึ่งในสมุนไพรวิญญาณหลายชนิดที่หวงเสี่ยวหลงได้พบในก้นหุบเหวของภูเขาช่องว่างใจสลาย เห็ดหลินจืออายุ100ปีนั้นเป็นของธรรมดา หากมันอายุพันปีหรือมากกว่านั้นเป็นของหายาก แต่หากเป็นเห็ดหลินจืออายุหมื่นปีนับได้ว่าเป็นของในตำนาน ไม่ต้องกล่าวถึงราชาแห่งเห็ดหลินจือ เห็ดหลินจือขาว
ราชาเห็ดหลินจือนี้ นอกจากเพิ่มการบ่มเพาะแล้ว ยังเป็นสมุนไพรรักษาอากาบาดเจ็บได้อย่างดี
ต่อหน้าสายตาตื่นเต้นของทั้งสองคน หวงเสี่ยวหลงก็ได้ส่งเห็ดหลินจือขาวให้กับซุนฮาวหลานเบาๆ “เอานี่ กินไปซะ”
ซุนฮ่าวหลานที่ดูสับสนก็มองหวงเสี่ยวหลงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขารู้สึกสงสัยในสิ่งที่หวงเสี่ยวหลงพูดเมื่อครู่ เขาจึงได้ถามออกมา “เจ้าแน่ใจว่าต้องการให้การให้ข้ากินเห็ดหลินจือขาวชิ้นนี้”
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า “ข้าติดหนี้ผู้อาวุโสเหอไว้”
ในเมืองหมื่นเทวะครั้งนั้น เหอหยุนเซียงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยหวงเสี่ยวหลง ตอนนี้เขาจึงได้ตอบแทนโดยการช่วยเหลือลูกศิษย์ของเหอหยุนเซียง เห็ดหลินจือขาวชิ้นนี้อาจจะเป็นสมุนไพรในตำนานในสายตาคนอื่น แต่มันไม่ได้สำคัญอะไรมากนักสำหรับหวงเสี่ยวหลง ในหมู่สมุนไพรวิญญาณที่อยู่ในแหวนเทพอสูรของเขาแล้ว เห็ดหลินจือขาวชิ้นนี้เป็นสมุนไพรลำดับต่ำ
“งั้น พี่ชายคนนี้ก็รู้จักท่านอาจารย์” ซุนฮาวหลานก็ถอนหายใจโล่งอกหลังจากเข้าใจในจุดนี้อย่างชัดแจง แต่เขาก็ยังคงปฏิเสธ “แต่สิ่งนี้มันมากเกินไปได้โปรดเก็บไว้เถอะ อาการบาดเจ็บของข้าไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น” จากนั้นเขาก็ได้ส่งเห็ดหลินจือขาวคืนหวงเสี่ยวหลง ในความคิดของเขา การตอบแทนของหวงเสี่ยวหลงนั้นมันมีค่าเกินไป และเขาก็รู้สึกอับอายที่จะรับของหายากแบบนี้
ในตอนนั้น ก็ได้มีเงาพรุ่งพรวดเข้ามา นั่นก็คือคือหวูจางที่ยื่นแขนออกมาจับเห็ดหลิ่นจือขาวไว้
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้แตะเห็ดหลินจือขาว ก็ได้มีเงาง้าวปรากฏขึ้นมาพร้อมกับพัดพาพายุอันเกรี้ยวกราดที่ซ้อนทับกันราวกับคลื่น ทำให้หวูจางที่รู้สึกได้ถึงอันตรายจึงตัดสินใจถอยหนีทันที
“ฝ่ามือตัดมหึมา!” หวูจางก็ได้งอแขนแล้วฟันมือลงมาเป็นแนวตั้ง
ฝ่ามือที่ราวมีดหลายฝ่ามือก็ได้ฟันลงเพายุอันเกรี้ยวกราดที่ถูกสร้างขึ้นมาจากง้าว
บึ้ม! เกิดระเบิดดังก้องขึ้นทำให้พื้นที่รอบข้างสั่นไหวไปชั่วขณะ
เงาง้าวนับไม่ถ้วนก็ได้หายไป ทำให้หวูจางป้องกันพายุอันเกรี้ยวกราดได้สำเร็จ แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น แผ่นหลังของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ จากนั้นเขาก็หันไปมองหวงเสี่ยวหลงด้วยความหวาดกลัว เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมการโจมตีจากง้าวของหวงเสี่ยวหลงทำไมถึงน่าหวาดกลัวนัก
ชายหนุ่มผมดำที่มีการบ่มเพาะระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10ชั้นปลาย-สูงซึ่งมีความแข็งแกร่งอันน่าหวาดหวั่นผู้นี้มีพื้นหลังเป็นอย่างไรกันแน่? หวูจางก็รู้สึกคอแห้งผาก “สหาย นี่เป็นเรื่องระหว่างเมืองหมื่นเทวะและเมืองสหัสวรรษของพวกเรา ฉันขอแนะนำเจ้าว่าหากไม่จำเป็นอย่าเข้ามาแทรกแซงจะดีกว่า”
หวงเสี่ยวหลงก็ไม่แยแส “แล้วถ้าหาข้าแทรกแซงหล่ะ?”
เมื่อเขาอยู่ในเมืองหมื่นเทวะตอนนั้น ข้ารับใช้ของจ้าวเฉินโจมตีหวงเสี่ยวหลงอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่กลัวผลของการกระทำและทหารยามของเมืองกลับไร้ยางอายไปเข้าข้างข้ารับใช้ของจ้าวเฉินด้วย เรื่องพวกนี้ทำให้หวงเสี่ยวหลงรู้สึกไม่ประทับใจในเมืองหมื่นเทวะเลยสักนิด
พอได้ฟังคำพูดของหวงเสี่ยวหลง หวูจางก็ส่ายหัว “ความแข็งแกร่งของสหายนั้นไม่ได้แย่เท่าไหร่ แต่จะดีกว่าหากไม่ทำอะไรซี้ซั้ว มิฉะนั้นเจ้าอาจจะนำภัยพิบัติมาสู่ครอบครัวของเจ้าเองก็ได้” คำพูดของหวูจางนั้นเต็มด้วยคำขู่ ภายในดินแดนแห่งความโกลาหลนี้มีผู้คนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่กล้าจะยุ่งเรื่องของเมืองหมื่นเทวะ
ในตอนนี้เอง ซุนฮาวหลานก็ได้พูดแนะนำ “พี่ชาย ไปเสียเถอะ”ไม่ว่าหวงเสี่ยวหลงจะติดหนี้บุญคุณอาจารย์ของเขาหรือไม่ เขารู้สึกได้ว่าหวงเสี่ยวหลงไม่ควรจะหาเรื่องกับเมืองหมื่นเทวะเพราะเรื่องของเมืองหมื่นสหัสวรรษ