Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 313
Invicinble – โลกอมตะ ตอนที่ 313 คัมภีร์ราชาผี
พอเห็นว่าซุนฮ่าวหลานแนะนำให้เขาไม่เข้าไปยุ่ง หวงเสี่ยวหลงจึงส่ายหัว และคิดอย่างลับๆว่า “สำหรับลูกผู้ชายแล้ว มีอะไรต้องกลัว” เขานั้นไม่ได้หวาดกลัวในนิกายนักรบแห่งพระเจ้าแล้วเขาจะมาก้มหัวให้เมืองหมื่นเทวะได้อย่างไร?!
เมื่อหวูจางมองเห็นหวงเสี่ยวหลงนิ่งเงียบ เขาคาดเดาได้ทันทีว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นหวาดกลัวในพลังอำนาจของเมืองหมื่นเทวะและเตรียมตัวจะถอยหนี มันจึงทำให้เขาไม่สามารถหุบยิ้มได้ “สหายผู้นี้เข้าใจความเป็นจริงและตัดสินใจรักษาชีวิตของตัวเองได้ฉลาดมาก…” พอเขาพูดจบลง ดวงตาอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความโลภของเขาก็หันเหไปหาเห็ดหลินจือขาวพร้อมยื่นมือออกซึ่งท่าทางของเขานั้นสื่อความหมายออกมาอย่างชัดเจน
แต่ในขณะที่เขาจะใช้มือเอื้อมไปจับสมุนไพรวิญญาณก็ได้มีง้าวพุ่งลง ครั้งนี้ พลังทำลายล้างของมันนั้นมากกว่าครั้งที่แล้วหลายเท่า ซึ่งทำให้หวูจางรู้สึกหวาดกลัว เขาจึงได้ถอยหนีไปอย่างตกใจพร้อมกับซัดฝ่ามือตัดมหึมาเพื่อป้องกันการโจมตี
หวูจางก็ได้ถอยหนีไปเรื่อยๆจนกระทั่งเขาได้ถอยห่างไปไกลหลายร้อยเมตรก่อนจะหยุดยื่นซึ่งบนหน้าผากของเขานั้นมีเหงื่อไหลย้อยลงมา
“เจ้า!”เขาก็แสดงสีหน้าบิดเบี้ยวออกมาในขณะที่จ้องมองหวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็เย้ยหยัน “ตัดสินใจรักษาชีวิตได้ฉลาดมากงั้นหรือ? ข้าบอกเจ้าเมื่อไหร่ว่าข้าจะไป?”
ดวงตาของหวูจางก็เปล่งประกายแสงแห่งความมืดมนขึ้นมา “สหาย เจ้าไม่กลัวว่าตระกูลของเจ้าจะต้องพบพิบัติเพราะความโง่เง่าของเจ้างั้นหรือ?”
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าความสามารถของเมืองหมื่นเทวะของพวกเจา” พอพูดออกมา หวงเสี่ยวหลงก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกไปอีก จากนั้นเขาก็ได้เอาง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่งฟันลงแล้วปลดปล่อยจ้าวแสงสีทองยาวหนึ่งพันจางพุ่งออกไป ในขณะที่ง้าวสีทองพุ่งออกไปมันได้ทำให้พื้นที่รอบๆที่มันวิ่งผ่านสั่นไหว และในไม่ช้ามันก็ได้มาถึงตัวหรูจาง
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ทำให้ความมั่นใจของหวูจางสั่นคลอน
“ก้าวมังกรลื่นไหล!”
หวูจางก็พุ่งขึ้นฟ้าไปราวกับมังกรน้ำโดยไม่คิดให้มากความซึ่งเขานั้นได้หลบง้าวสีทองได้อย่างฉิวเฉียด จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดขึ้น เขาจึงได้หันหลังไปดูและพบว่าอาคารของพระราชวังเบื้องหลังเขานั้นได้ถูผ่ากลางเป็นสองซีก จากนั้นตัวอาคารทั้งหลังก็ล้มลงด้านข้างซึ่งทำให้ฝุ่นผงกระจายไปทั่ว
หวูจางก็ใบหน้าซีดเซียวเมื่อมองเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น โชคดที่เขาหลบหนีได้ทัน มิฉะนั้นแล้วเขาคงถูกผ่าเป็นครึ่งซีกแน่
ในขณะที่หรูจางกำลังครุ่นคิดถึงการหลบการโจมตีอย่างโชคดีเมื่อครู่ ก็ได้มีแสงสีทองอันสดใสพุ่งมาทางเขา พอเขาหันไปดู เขาก็มองเห็นหวงเสี่ยวหลงพุ่งมาทางเขาราวกับเทพมังกร จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ได้ตวัดง้าวโจมตีออกไป ซึ่งการโจมตีนี้ทำให้เกิดง้าวแสงสีทองนับไม่ถ้วนพุ่งมาใส่หรูจาง
“ฝ่ามือโลหิตแดง!!” หวูจางที่หวาดกลัวก็ได้ตะโกนออกมาแล้วโจมตีส่งปราณฝ่ามือที่มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือของเขา 2 เท่าพร้อมกลับฝ่ามือเหล่านี้ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วพุ่งใส่หวงเสี่ยวหลง
ฝ่ามือโลหิตแดงก่ำทั้งสองก็ได้พุ่งปะทะกับง้าวสีทองนับไม่ถ้วน ทำให้เกิดแรงปะทะและการระเบิดดังขึ้นไปทั่ว
แรงปะทะอันทรงพลังนั้นได้ผลักหรูจางถอยหลังไปในขณะที่ง้าวสีทองที่เหลืออยู่ก็ได้พุ่งเข้าใส่หรูจางต่อ หวูจางนั้นมองเห็นเพียงแค่แสงกระพริบขึ้น และต่อมาสี่ที่เขารู้นั้นมีเพียงความเจ็บปวดที่แพร่กระจายออกมาทางหน้าอก
หวูจางก็ได้จ้องมองอย่างสับสนไปที่หน้าอกของเขาซึ่งเป็นที่ที่จ้าวแทงเข้าใส่ร่างของเขาแล้วทะลุออกมาจากด้านหลัง
สีหน้าของหวงเสี่ยวหลงนั้นเย็นมากในขณะที่เขาดึงง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่งออกมาแล้วค่อยลงไปยืนบนพื้น
ในขณะที่หรูจางล้มลงเลือดของเขาก็ได้ทะลักออกมาราวกับฝนตก
ซุนฮาวหลานก็ตกใจในขณะที่เขามองหวูจางร่วงหล่นจากท้องฟ้า ในขณะนี้ เขาก็รู้แล้วว่าหวูจางได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้วซึ่งชีวิตของเขานั้นไม่ได้ห่างไกลจากประตูแห่งความตายเลยสักนิด เขาเข้าใจในความแข็งแกร่งของหวูจางดี เนื่องจากหวูจางนั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะขั้นสูงสุดและเขานั้นยังเป็นศิษย์คนที่สองของเจ้าเมืองหมื่นเทวะ ในช่วงหลายศตวรรษนี้ไม่มีมีคู่ต่อสู้คนไหนที่สามารถโค้นล่มเขารคือมีความแข็งแกร่งพอจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เขาได้เลยสักคน
แต่ตอนนี้ หวูจางกลับมาตายภายใต้เงื้อมมือของผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลายสูงงั้นหรือ? นอกจากนี้นี่ยังเป็ฯการต่อสู้แค่ไม่กี่กระบวนท่าด้วย ตั้งแต่เริ่มจนจบ หรูจางนั้นไม่มีโอกาสจะต่อต้านได้เลย
ในขณะที่ซุนฮ่าวหลานกำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่นั้น ในอีกด้าน หวูจางก็พยายามลุกขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้าย เขาก็ได้จ้องมองหวงเสี่ยวหลงพร้อมกับพูดไปด้วยเสียงแหบแห้ง “แล้ว..เจ้าจะเสียใจ!”
“ข้าไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ข้าได้เลือก” หวงเสี่ยวหลงก็จ้องมองไปที่หวูจางอย่างเย็นชา
หวูจางมองซุนฮ่าวหลานแล้วหันกลับมามองหวงเสี่ยวหลง แล้วหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกผิดหวังและเหงาเล็กน้อย “ไม่ต้องกังวลไป พวกเจ้าทั้งสองคนจะติดตามข้าไปด้วยกัน” จากนั้นร่างกายของเขาก็โซเซล้มลงไปกลับพื้นในขณะที่เขาพูดออกมาเป็นคำสุดท้ายต่อมาเขาก็ไม่ขยับเขยื้อนอีกต่อไป
หวงเสี่ยวหลงก็ได้เก็บง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่งเข้าสู่แขน พอเดินเข้าไปใกล้ศพของหวูจาง เขาก็พบแหวนมิติของหวูจางจึงได้หยิบมา จากนั้นเขาก็ได้ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าในแหวนและพบโอสถวิญญาณและสมุนไพรวิญญาณ ภายในส่วนลึกของแหวนมิติ หวงเสี่ยวหลงก็พบหินจิตวิญญาณ ระดับ1 2 ชิ้น
โอสถวิญญาณส่วนใหญ่นั้นเป็นโอสถระดับ 8 และระดับ 9 ถ้าเป็นเมื่อก่อน หวงเสี่ยวหลงคงดีใจมาก อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เขานั้นไม่ได้สนใจในของพวกนี้อีกแล้ว ส่วนสมุนไพรวิญญาณในแหวนเพทอสูรของเขานั้นมีสมุนไพรวิญญาณมากมายซึ่งสมุนไพรทั้งหมดนั้นก็มีอายุมากกว่า 3 หมื่นปี
แต่เนื่องจากไม่มีเวลาตรวจสอบ ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงโยนแหวนมิติเข้าในแหวนเทพอสูร จากนั้นเขาก็มองไปที่ศพของหวูจางแล้วโบกมือปลดปล่อยเปลวเพลิงที่แท้จริงลงบนศพ ซึ่งทำให้ศพถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา สุดท้ายก็หลงเหลือเพียงแค่กองเถ้าถ่ายสีเทาเท่านั้น
พอเห็นความน่ากลัวของเปลวเพลิง ซุนฮ่าวหลานก็กลืนน้ำลายอย่างกังวล สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นทำให้เขาต้องสับสนในความรู้ของตัวเอง เขาไม่เคยพบเคยเห็นเพลิงแบบนี้มาก่อน เปลวเพลิงที่เกิดมาจากปราณฉีนี้มันเปลวเพลิงอะไรกัน ทำไมมันถึงทรงพลังนัก?!
ร่างกายของผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย มันแข็งแกร่งถึงขนาดที่เปลวเพลิงจากปราณฉีธรรมดาไม่สามารถเผาไหม้ได้ แม้กระทั่งเส้นผมของผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวเทวะด้วย ต้องไม่ลืมว่าเปลวเพลิงนี้เผาร่างกายทั้งร่าง
หวงเสี่ยวหลงก็ได้หันหน้ามาแล้วเดินไปหาซุนฮาวหลาน
พอเห็นหวงเสี่ยวหลงเดินเข้ามา ซุนฮ่าวหลานก็ตื่นจากความสับสน แล้วพูดออกไปอย่างตะกุกตะกัก “ตะ-ต้องขอบคะ-คุณมากพี่ชาย บุญคุณครั้งนี้ ข้าฮาวหลานจะจดจำไปจำไปจนตาย” พอหันไปหน้าไปมองหวงเสี่ยวหลงอีกครั้งในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและแม้กระทั่งเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทางของตัวเขาเอง
คำพูดของซุนฮ่าวหลานทำให้หวงเสี่ยวหลงยิ้ม เขาก็ได้ส่ายหัวแล้วพูดออกมาว่า “ไม่จำเป็น ข้าบอกแล้วว่าข้าจะตอบแทนบุญของผู้อาวุโสเหอ ตอนนี้ก็จงกินเห็ดหลินจือขาวไปซะ แล้วข้าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้า”
“ขอรับ!” ซุนฮ่าวหลานก็ยอมรับโดยไม่กล้าปฏิเสธ ดังนั้น ซุนฮ่าวหลานจึงได้กินเห็ดหลินจือขาวลงไปในขณะที่หวงเสี่ยวหลงใหลเวียนปราณแล้วกดฝามือทั้งสองใส่แผ่นหลังของซุนฮ่าวหลานเพื่อช่วยซุนฮาวหลานดูดซับสรรพคุณของสมุนไพรวิญญาณได้อย่างเต็มที่ ด้วยการช่วยเหลือของหวงเสี่ยวหลง 3 ชั่วโมงต่อมา ซุนฮ่าวหลานก็ดูดซับสรรพคุณของสมุนไพรได้อย่างสมบูรณ์
“ขอบคุณ พี่ชายมาก!” ซุนฮ่าวหลานก็ได้แสงดท่าทางขอบคุณแก่หวงเสี่ยวหลง หลังจากดูดซับเห็ดหลินจือขาวได้เสร็จแล้ว เขาก็พบว่าไม่เพียงอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับจะฟื้นฟูจนหมด แม้กระทั่งอากาบาดเจ็บที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างกายของเขาก็ยังหายไปไปด้วย และยังรวมไปถึงปราณฉีของเขาที่แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าก่อน
“ไม่ต้องพูดให้มากความ” หวงเสี่ยวหลงก็ได้ถาม “เจ้ารู้ใหมว่าตอนนี้ผู้อาวุโสเหออยู่ที่ไหน?”
ซุนฮ่าวหลานก็ส่ายหัว “ข้าได้แยกตัวจากท่านอาจารย์และรวมไปถึงศิษย์พี่ศิษย์น้องคนๆอื่นๆด้วย ซึ่งข้าไม่รู้ว่าท่านอาจารย์หรือศิษย์พี่ศิษย์น้องอยู่ที่ไหนกันแล้ว แต่ตัดสินจากสิ่งที่หวูจางพูดเมื่อก่อนหน้านี้ ไอ้ถั่วหวูจุนนั่นคงวางแผนร้ายกับท่านอาจารย์แน่ ตอนนี้ท่านอาจารย์คงจะตกอยู่ในอันตราย!” ซุนฮ่าวหลานก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
“งั้นเราออกไปจากที่นี่กันก่อน” หวงเสี่ยวหลงก็พูดแนะนำ
ซุนฮ่าวหลานก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะแบบนั้นทั้งสองจึงบินออกจากที่แห่งนี้
“ครั้งนี้ เมื่อตอนที่เมืองผีปรากฏขึ้น ผู้อาวุโสเหอและถั่วหวุจุนก็มาที่นี่พร้อมกันงั้นหรือ?” ในขณะที่บินอยู่หวงเสี่ยวหลงจึงได้ถามออกมา
“ใช่ขอรับ นอกจากท่านอาจารย์และถั่วหวูจุน ก็มีผู้อาวุโสหยางจากเมืองกระบี่ราชวงศ์และผู้อาวุโสภูติหมีหวังคุนก็มาที่นี่ด้วย” ซุนฮาวหลานก็ได้พูดเพิ่ม “เพราะมีข่าวลือว่าในครั้งนี้คัมภีร์ที่ผู้อาวุโสราชาผีได้บ่มเพาะนั้นจะปรากฏขึ้นในเมืองผี!”
จักรพรรดิกระบี่หยางอี้!
ภูติหมีหวังคุน!
หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกประหลาดใจเพราะผู้เชี่ยวชาญระดับสูง 4ใน 10 คนของดินแดนแห่งความโกลาหลได้มาที่นี่! ไม่มีใครรับประกันได้ว่าที่เหลืออีก 6 คนจะไม่มาที่นี่ด้วย นั่นเป็นเพียงเพราะซุนฮ่าวหลานไม่รู้
“คัมภีร์ราชาผีอันนี้มันทรงพลังขนาดนั้นเลยหรือ?” หวงเสี่ยวหลงได้ถามออกมา
คัมภีร์ราชาผีนั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของดินแดนแห่งความโกลาหลทั้ง 4คนมาที่นี่ ผู้เชี่ยวชาญในระดับเหอหยุนเซียงคงไม่มีทางขนาดแคลนเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับสูงแน่นอน
ซุนฮาวหลานก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “คัมภีร์ราชาผีนั้นทรงพลังมาก คัมภีร์นี้ถูกแบ่งออกเป็น 10 ขั้น ซึ่งตามตำนานตราบใดที่มีคนบ่มเพาะได้ถึงขั้นที่ 9 พวกเขาจะเป็นคงกระพันไม่แก่ไม่ตายและมีอายุยืนยาวไปถึงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นนิรันดร์