Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 320
ตอนที่ 320 ถ้ําบ่มฝึกตนของราชาผี
“คัมภีร์ราชาและโอสถวิญญาณราชาผีนั้นอยู่ในถ้ําฝึกตนเดียวกัน บนชั้นที่ 51” หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกดีใจกับข่าวที่ได้รับ
พระราชวังราชาผีนั้นช่างกว้างใหญ่ไพศาล การค้นหาสิ่งของภายในนี้ก็เหมือนการงมเข็มในมหาสมุทและตอนนี้เขาก็รู้ที่อยู่ของคัมภีร์ราชาผีและโอสถวิญญาณราชาผีแล้ว ทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้นตาม!
“นําทางข้าไปที่นั่นสิเ” หวงเสี่ยวหลงก็พูดสั่งออกมา ซึ่งหลังจากนี้เขาก็จะค่อยคิดหาวิธีเข้าไปข้างใหน
“ได้ขอรับ นายท่าน”ผียักษ์ก็ได้ตอบออกมา
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะออกไป หวงเสี่ยวหลงก็ได้ถอนธงข่ายอาคมแล้วใส่เข้าไปในแหวนเทพอสูร
ตอนแรกหวงเสี่ยวหลงไม่รู้วิธีการถอนขายอาคมนี้ ดังนั้นเขาจึงคิดจะใช้กําลังแต่ด้วยการมียักษ์ผีอยู่ฝ่ายเดียวกัน เขาจึงสามารถทําลายข้าอาคมภายในเวลาสั้นๆแถมยังได้ธงผีเป็นของสะสมด้วย
ตามที่ผียักษ์ได้บอกไว้ ขายอาคมผีนี้ถูกเรียกว่าขาอาคมห้วงทะเลภูติผีปีศาจ ในอนาคต เมื่อหวงเสี่ยวหลงกลั่นธงภูติผีปีศาจอันนี้ให้กลายเป็นของตัวเองได้ เขาจะสามารถใช้ขายอาคมภูติผีปีศาจต่อกรกับศัตรูของเขา
พอออกไปจากห้องโถง ผียักษ์ก็นําหวงเสี่ยวหลงตรงไปที่ถ้ฝึกตนของราชาผีที่กล่าวไว้ในระหว่างทางเขาก็บว่าผียักษ์ตัวนี้มีชื่อว่าเฟิงหยาง
ผียักษ์เฟิงหยางได้นําทางหวงเสี่ยวหลงผ่านทางเดินเขาวงกตภายในพระราชวังราชาผีมา กมาย เนื่องจากเฟิงหยางนั้นรู้เส้นทางและวิธีหลบกําดักมากมายเป็นอย่างดีพวกเขาจึงไม่ได้ไปเจอกําดักในระหว่างทางเลย
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พวกเขาเข้าใกล้ถ้ําฝึกตนราชาผีมากขึ้น ก็ยิ่งมีกําดักถูกวางไว้เพิ่มมากขึ้นตามกําดักแต่ละอันมีความสามารถพอจะกักขังผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะอยู่ภายในได้นานหลายปีดังนั้นยิ่งพวกเขาเข้าใกล้ถฝึกตนราชาผีมากเท่าไหร่ ความเร็วของพวกเขาก็ยิ่งลดลงมากขึ้นเท่า
3 วันต่อไป
“นายท่าน ถ้ําบ่มเพาะของราชาผีที่ข้าได้กล่าวไปนั้นอยู่ไม่ไกลจากข้างหน้านี้เท่าไหร่”ผียักษ์เฟิงหยางก็ซื้ออกไป
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าและหายใจเข้าลึกๆ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสักที
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ไปโดนกําดักระหว่างทางเลย แต่พวกเขาก็ยังได้ไปเผชิญหน้ากับภูตผีปีศาจมากมาย และภูติผีปีศาจบางตนนั้นก็ทรงพลังมากด้วย พวกมันนั้นมีพลังเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญเผ่ามนุษย์ระดับเทวะขั้นที่ 3 ถึง 4 ซึ่งในระดับนั้นหวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางก็ไม่มีทางชนะได้แม้ว่าพวกเขาจะร่วมสู้กันก็ตาม
โชคดีที่ เขานั้นมีหุบเขาเทวะซูม มันจึงทําให้เขาและเฟิงหยางนั้นหนีรอดมาจากการไล่ล่าของภูติผีปีศาจพวกนี้ได้สําเร็จ ในระหว่างทางนั้นไม่เพียงเจอแต่เรื่องร้ายๆ หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ได้ใช้ประโยชน์ของประศิตสัญญาเลือดดูดซับวิญญาณภูติระดับครึ่งก้าวเทวะนํามาเพิ่มระดับบ่มเพาะของตน วิญญาณของพวกเขามันคือจุดที่รวบรวมการบ่มเพาะของพวกมัน ดังนั้นพลังงานที่อยู่ภายในของพวกมันนั้นก็เพียงพอที่จะทําให้การบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นสู่ระดับครึ่งก้าวเทวะ
ทันทีหวงเสี่ยวหลงก็มองเห็นภูเขาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าด้านหน้า ซึ่งมันมีความกว้างหลายสิบไมล์และสูงหลายร้อยจาง กลิ่นอายของภูตผีที่อยู่รอบตัวภูเขานั้นหนาแน่นมากกว่าสถานที่อื่น ที่หวงเสี่ยวหลงเคยผ่านมาซะอีก
“นั่นคือภูเขาราชาผีสินะ?” หวงเสี่ยวหลงก็จ้องมองภูเขาที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยความหวาดกลัวในขณะที่ถามเฟิงหยาง พื้นที่ใต้ดินของพระราชาวังราชาผีแห่งนี้กลับมีภูเขาที่ลอยอยู่กลางอากาศซึ่งสูงใหญ่ขนาดนี้ มันช่างเป็นฉากที่น่าเกรงขามเสียจริง
“ถูกแล้ว นายท่าน นี่แหละคือภูเขาราชาผี ถ้ําฝึกตนของราชาผีนั้นอยู่ด้านบนของภูเขาอันนี้”ผียักษ์เฟิงหยางก็อธิบายออกมาอย่างเคารพ
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า “ไปกันเถอะ!” จากนั้นเขาก็เอาเท้าตบพื้นพุ่งตัวออกไปทางภูเขาราชาผีพร้อมกับมีเพิ่งหยางติดตามด้านหลังอย่างใกล้ชิด
แต่ก่อนที่หวงเสี่ยวหลงจะพุ่งเข้าไปถึงภูเขาราชาผี เขาก็ตรวจพบกลุ่มคนรวมตัวกันที่ยืนอยู่ใต้พื้นของภูเขาจากระยะไกล ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงก็เลยเหลือบมองอย่างรวดเร็วและนับได้ว่ามือ ย่างน้อย 50 ถึง 60 คน
หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกผิดหวัง เขาไม่คิดว่าจะมีกลุ่มคนจํานวนมากมายมาถึงก่อนเขา แต่พอคิดไปคิดมาหวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกรับได้ที่มีคนมาก่อนเขา เนื่องจากเขานั้นต้องใช้เวลา 8 วันเพื่อดูดซับแก่นแท้มังกรจากไข่มังกรปฐพี
ทันที ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็เปล่งแสงออกมาอย่างเย็นชา-จ้าวเฉิน!
เจ้าเฉินนั้นยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น! มันอาจจะหันหลังให้หวงเสี่ยวหลงแต่หวงเสี่ยวหลงนั้นแค่เพียงเหลือบมองก็รู้ทันทีว่าเป็นมัน นอกจากจ้าวเฉินแล้วก็มีคนๆหนึ่งซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายชราผมเงิน พ่อบ้านเฟิงและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นจากเมืองแห่งบาป
ผู้เชี่ยวชาญที่ยืนอยู่ในนั้นหลายกลุ่มตั้งถกเถียงกันถึงวิธีเข้าในภูเขาราชาผี พอพวกเขาตรวจพบถึงเสียงหวีดหวิวของสาลม พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจแล้วหันหน้าไปมองอย่างสงสัย
จ้าวเฉินก็หันหน้าไปและมองเห็นหวงเสี่ยวหงกําลังบินมา สายตาของพวกเขาทั้งสองก็ปะทะกันซึ่งตอนแรกจ้าวเฉินก็รู้สึกตกใจขึ้นมาแต่ก็ดีใจขึ้นมาแทนทันที ครั้งล่าสุดที่พวกเขาได้ปะทะกันในเมืองหมื่นเทวะ หวงเสี่ยวหลงได้หนีรอดออกไปจากเงื้อมมือของเขานี่คือความอัปยศที่สุดในชีวิตของเขา!
ในหลายวันนี้ เขาได้มองสํารวจเสาะหาหวงเสี่ยวหลงไปทุกหนแห่ง แต่หวงเสี่ยวหลงนั้นก็หายตัวไปราวกับอากาศธาตุ แถมยังไม่มีเบาะแสที่อยู่ของหวงเสี่ยวหลงเลย เขาจึงได้เข้ามาในพระราชวังราชาผีและเดินทางมาถึงจุดๆนี้!
พอสัมผัสได้ถึงจิตสังหารในสายตาของจ้าวเฉิน หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้มเยาะเย้ยออกมา หวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางก็ได้ลงจอดบนพื้นที่ข้างล่างใต้ภูเขาภายใต้ดวงตาที่เฝ้ามองอยู่หลายคู่
เพราะตั้งแต่หัวจรดเท้าของเฟิงนั้นนั้นถูกปกคลุมด้วยชุดสีดําทั้งตัวและปิดบังร่างกายของตัวเองซึ่งเผยแค่เพียงดวงตาและปากซึ่งรวมไปถึงปกปิดกลิ่นอายภูติผีตามที่หวงเสี่ยวหลงสั่งการไว้จึงทําให้ไม่มีใครสงสัยว่ายักษ์ตัวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตอื่น
พอลงมายืนด้านล่าง หวงเสี่ยวหลงก็หันไปมองกลุ่มคนที่อยู่ตรงนี้อย่างรวดเร็ว นอจากขุมกําลังเมืองหมื่นเทวะแล้ว ก็มีศิษย์เมืองมังกรเหมัน เมืองจักรพรรดิดาบและเมืองผีเขียว
สี่ขุมกําลังที่ถูกจัดอยู่ใน 10 ขุมกําลังระดับสูงของดินแดงแห่งความโกลาหลก็อยู่ตรงหน้าหวงเสี่ยวหลงแล้ว อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มคนพวกนี้กลับไม่มีศิษย์จากเมืองสหัสวรรษเลยแม้แต่น้อยเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากที่หวงเสี่ยวหลงออกมาจากข่ายอาคมผี เขาก็ได้แยกทางกับเผิงเฟิงและซุนฮ่าวหลานซึ่งตอนนี้กลับไม่เห็นพวกเขาเลยดังนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงสงสัยว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือ
การที่หวงเสี่ยวหลงมองดูรอบๆนั้นทําให้เขาพอจะคาดการณ์ได้ถึงความแข็งแกร่งของขุมกําลัง ที่มารวมตัวกันที่นี่
ระดับเทวะชั้นต้นนั้นมี 4 คน พวกนั้นส่วนใหญ่ก็เหมือนกับจ้าวเฉินที่เป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้นที่ 1 ผลลัพธ์นี้ทําให้หวงเสี่ยวหลงโล่งใจเล็กน้อย
แต่ทว่าทางศิษย์จากเมืองมังกรเหมัน เมืองจักรพรรดิดาบ และเมืองผีเขียวนั้นกลับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลาย-สูงสุด
“ฮิฮิ หวงเสี่ยวหลง เจ้าคงไม่คิดว่าจะได้มาเจอข้าหรอกสินะ?” จ้าวเฉินก็ส่งเสียงดูถูกออกมาและนําพ่อบ้านเฟิงและข้ารับใช้ของเขาเดินเข้าหาหวงเสี่ยวหลง
ภายในพริบตา พ่อบ้านเฟิงและข้ารับใช้คนอื่นๆก็ได้เข้าล้อมกรอบหวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางซึ่งได้ปิดกั้นทางหนีของทั้งสองคนไว้จนหมด
คนที่แถวนั้นก็สังเกตเห็นว่าหวงเสี่ยวหลงและจ้าวเฉินนั้นรู้จักกันและดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความบาดหมางกันด้วย ทุกคนๆจึงได้ยินอยู่ด้านข้างและเฝ้ารอรับชมการแสดงดีๆที่จะเกิดขึ้น
“หวงเสี่ยวหลง? ไอ้โง่นี้มาจากนิกายใหนกัน? มันโง่ถึงขนาดไปหาเรื่องจ้าวเฉิน” หลี่ฉิวปิงจากเมืองมังกรเหมันก็พูดออกมาด้วยความรู้สึกยินดีแก่ความโชคร้ายของคนอื่น
หลี่ฉิวปิงนั้นเป็นศิษย์พี่สองของหลี่หลี่และยู่หัวกังที่หวงเสี่ยวหลงได้ฆ่าไปเมื่อก่อนหน้านี้ที่วิหารผี ในตอนนี้ หลี่ฉิวปิงก็ยังไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้เลย
“ข้าสงสัยจังเลยว่าจ้าวเฉินคงจะเก็บเจ้าเด็กนี้ไว้ที่หลังหรือเปล่า” ชายวัยกลางคนที่มดวงตาคู่โตและคิ้วหนาซึ่งมาจากเมืองผีเขียวก็หัวเราะออกมา ชายคนนี้ก็คือกั่วเตอฮุยศิษย์คนโตของผีหมีหวังคุน เจ้าเมืองแห่งเมืองผีเขียว
“ข้าบอกได้เลยว่า จ้าวเฉินคงไม่ปล่อยให้เด็กนี้ได้ตายไวแน่ เขาคงจะทรมานเจ้าเด็กอยู่สักพักและเมื่อเขาเบื่อเมื่อไหร่ เขาค่อยฆ่าเจ้าเด็กนี่”ในตอนนี้หญิงสาวที่ค่อนข้างสวยซึ่งยืนอยู่ข้างหลี่ฉิวปิงก็พูดออกมา
หญิงสาวคนนี้ก็คือศิษย์พี่หญิงสามของหวังหลิน และเป็นศิษย์พี่น้องหญิงสามของหลี่ฉิวปิงและเป็นศิษย์พี่หญิงสามของหลี่หลี่และคู่หัวกัง