Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 326
ตอนที่ 326 คัมภีร์ราชาผีและโอสวิญญาณราชาผี
แต่อย่างไรก็ตาม การป้องกันพิเศษที่หวงเสี่ยวหลงเตรียมไว้นั้นก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามันไม่จําเป็นการเดินทางผ่านทะเลหมอกนี้ก็ไม่มีหมอกซึมเข้ามาภายในหุบเขาเทวะซูมีเลยสักนิด หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง หวงเสี่ยวหลงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ภายในหมอกภูติ สายตาอันคมกริบของหวงเสี่ยวหลกงสามารถสังเกตสถานการณ์รอบได้ที่ยงในระยะไม่เกิน 100 จาง หากเขาใช้งานเนตรนรกเขาสามารถเพิ่มระยะการมองเห็นได้สูงสุด 1 พันจาง
หุบเขาเทวะซูมีก็ได้บินผ่านหมอกภูติโดยไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นอกเสียจากจะมีเสียงกรีดร้องอันแปลกประหลาดดังมาแต่ไกลซึ่งทําให้รู้สึกขนหัวลุก
หวงเสี่ยวหลงก็ประหลาดใจที่มีสิ่งมีชิวตอาศัยอยู่ในหมอกภูติ 7 สี เขาได้จึงได้ถามผียักษ์เฟิงหยางถึงเรื่องนี้แต่ผียักษ์เฟิงหยางกลับส่ายหัวออกมาซึ่งเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แม้ว่าพวกเขาจะได้ยินเสียงกรีดร้องประหลาดตลอดการบิน แต่พวกเขาไม่ได้พบเจอการรอบโมตีเลยแม้แต่น้อย ตลอดการบินผ่านหมอกนั้นก็เงียบสงบมาก ภายในครึ่งวัน หวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางก็ได้เดินทางมาถึงประตูทางเข้าชั้นที่ 5
ในชั้นนี้ไม่มีอะไรคอยคุ้มกันทางเข้าที่มุ่งสู่ชั้นที่ 5 เหมือนกับชั้นที่ 4 ดังนั้นหวงเสี่ยว หลงจึงเดินผ่านทางเข้าสู่ชั้นที่ 5 ไปโดยไม่ประหลาดใจใดๆ
ในชั้นที่ 5 นี้ หวงเสี่ยวหลงก็มองเห็นพระราชวังอันงดงามที่ตั้งอยู่บนยอดเขา
พระราชวังอันยิ่งใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขา
ความขัดแย้งระหว่างความมืดมิดที่หวงเสี่ยวหลงได้พบเจอมาระหว่างทางกับพระราชวังแห่งนี้ มันทําให้ชั้นที่ 5 นั้นราวกับสรวงสวรรค์ บนยอดเขานั้นก็มีได้กลิ่นอายของสมุนไพรจิตวิญญาณอัน สดชื่นไหลออกมาจากเห็ดหลินจือ สมุนไพรและต้นไม้จิตวิญญาณที่ปกคลุมไปด้วยชั้นรัศแสง
แม้กระทั่งหวงเสี่ยวหลงก็ยังสงสัยว่าตัวเขานั้นมาผิดที่หรือไม่ หวงเสี่ยวหลงที่จ้องมองพระราชวังอันยิ่งใหญ่นั้นยับยั้งความรู้สึกตื่นเต้นที่ปะทุขึ้นมาในใจ จากนั้นเขาและผียักษ์เฟิงหยางก็ออกมาจากหุบเขาเทวะซูม และบินพุ่งไปที่พระราชวัง
ละ
ทันที หวงเสี่ยวหลงก็ได้มาหยุดยืนอยู่บนยอดเขาเดียวกับที่พระราชวังอยู่ เห็ดหลินจือและสมุนไพรวิญญาณอื่นก็ได้ปลดปล่อยพลังงานจิตวิญญาณออกมาปกคลุมหวงเสี่ยวหลงและเฟิงหยางราวกับพวกเขาทั้งสองนั้นกําลังว่ายอยู่ในมหาสมุทรพลังงานจิตวิญญาณ
พอสัมผัสได้ถึงพลังงานพวกนี้ หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกมีความสุขมาก สมุนไพรจิตวิญญาณที่อยู่บนยอดเขานี้ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าสมุนไพรจิตวิญญาณที่เขาได้เจอในหุบเขาช่องว่างเสือใจสลายเลยสักนิด และแม้กระทั่งสมุนไพรจิตวิญญาณบางชนิดก็ยังมีค่าและหายากกกว่าด้วย
“ผลทารกนภาทองคํา!”
“ดอกไข่มุกหยกทองคํา”
“หญ้าเก้าปม!”
เพื่อจะไม่ให้พลาด หวงเสี่ยวหลงจึงได้โบกมือเบาๆ ทําให้สมุนไพรวิญญาณลอยเข้าหาหวงเสี่ยวหลงและเขาก็ได้เก็บมันใส่แหวนเทพอสูรไป ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูปสมุนไพรจิตวิญญาณงหมดบนยอดเขาก็ได้ถูกหวงเสี่ยวหลงเก็บจนเกรี้ยง แม้กระทั่งรากของสมุนไพรหวงเสี่ยวหลกงก็ไม่เหลือทิ้งไว้ให้กลุ่มของจ้าวเฉินเลยด้วย
หลังจากเก็บสมุนไพรจิตวิญญาณอันแสนล้ําค่าลงไป หวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าประตูพระราชวัง ประตูนี้มีความสูง 10 จางและกว้าง 5จางซึ่งมันถูกเปิดทิ้งไว้อยู่แล้วรอบๆนั้นเงียบมากๆ
หวงเสี่ยวหลงจึงได้กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปและได้เปิดเนตรนรกไปพร้อมๆกัน พอยืนยันได้ว่าประตูนั้นไม่ได้ถูกวางคําสาปไว้ ครูต่อมาเขาก็ได้เดินเข้าไปพร้อมผียักษ์เฟิงหยาง
เมื่อก้าวเข้าไปในพื้นของพระราชวัง หวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางก็ได้รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงเข้าปกคลุมพวกเขา ต่อหน้าแรงกดดันนี้ เฟิงหยางก็ล้มลงไปคุกเข่ากับพื้น
หวงเสี่ยวหลกนั้นเกือบจะล้มลงไปคุกเข่าแต่ในตอนนั้น มังกรเทวะบรรพกาลทั้งสองของเขาก็ได้บินออกมาจากร่างของเขา จากนั้นดูเหมือนว่ากลิ่นอายของมังกรโบราณที่ตื่นขึ้นก็ได้ไหลทะลักออกมาจากร่างของหวงเสี่ยวหลงซึ่งมันช่วยให้หวงเสี่ยวหลงสามารถทนต่อแรงกดดันนี้ได้
แม้จะเป็นแบบนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงได้ตลอดเวลาพอหันไปมองรอบๆ หวงเสี่ยวหลงก็มองเห็นรูปปั้นอันแข็งแกร่งตั้งอยู่ด้านหน้าไม่ห่างมากเท่าไหร่ จากรูปร่างของมัน หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ไม่สามารถบอกได้ว่ารูปปั้นนี้ทํามาจากอะไร แต่มันดูราวกับมีชีวิตมาก รูปปั้นนี้เป็นรูปปั้นชายวัยกลางคนที่มีเคราสั้น คิ้วหนาและปากกว้าง บนหัวของเขาก็มีปมที่เหมือนกับงูหลามขนาดเล็กที่ไหลออกมาจากหัวของชายคนนี้ราวกับผม และเขานั้นยืนอยู่บนหัวมังกรทั้งสองตัว
มังกรปีศาจสองตัวที่มีดวงตาสีแดง
กลิ่นอายสะกดข่มอันน่าหวาดกลัวที่เขารู้สึกเมื่อครู่นี้นั้นมาจากรูปปั้นอันนี้
รูปปั้นนี้กลับปลดปล่อยกลิ่นอายสะกดข่มที่ทรงพลังขนาดนี้
“ท่าน ท่านราชาผี!” พอได้ยินเสียงอันสั่นไหวของเฟิงหยาง หวงเสี่ยวหลงก็หันไปมองซึ่งเขาสังเกตได้ถึงความหวาดกลัว ความเคารพ ความตื่นเต้นและความประหม่าในสายตาของเฟิงหยางขณะที่เฟิงหยางจ้องมองไปที่รูปปั้นนี้
ราชาผี! รูปปั้นที่ดูมีชีวิตนี้กลับเป็นรูปปั้นของราชีผี!
หวงเสี่ยวหลงก็สูดหายใจเข้าลึกๆในขณะที่มองรูปปั้นราชาผี ในใจของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงที่ยากจะซ่อนเร้น แม้แต่เขาก็ยังยากที่จินตนาการถึงยุคที่ราชาผียังคงเรืองอํานาจซึ่งราชาผีนั้นได้ปราบปรามผู้เชี่ยวชาญมากมายและยังปกครองภูติผีปีศาจนับสิบล้านตัวหวงเสี่ยวหลงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของราชาที่ไหลออกมาจากรูปปั้น
แม้กระทั่งมังกรปีศาจก็ยังอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา!
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หวงเสี่ยวหลงจึงสามารถระงับความรู้สึกเคารพบูชาต่อราชาผีที่จู่ๆก็ได้ปรากฏขึ้นมาได้ ต่อมาเขาก็หันหน้าไปตรวจสอบห้องโถงขนาดใหญ่นี้ ในห้องโถงนี้มีเสาหินหลักทั้งหมด 4 เสา ด้านบนของเสาหินนั้นถูกตกแต่งไปด้วยรูปสลักจิตวิญญาณอันชั่วร้าย ในขณะที่ตรงกลางเพดานนั้นเป็นมวลเมฆจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
ในห้องนี้ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายปีศาจและกลิ่นอายวิญญาณบริสุทธิ์ ครึ่งนึ่งชั่วร้ายและดํามืดส่วนอีกครึ่งนั้นกลับเป็นแสงสว่างอันบริสุทธิ์ ซึ่งมันกลับให้ความรู้สึกอันแปลกประหลาดภายในห้องโถงขนาดใหญ่นี้ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากเสาหินทั้งสี่
หวงเสี่ยวหลงก็มองสังเกตอยู่หลายครั้งแต่เขากลับไม่พบอะไรแปลกๆเลย เขาจึงได้ขมวดคิ้วนมา มันเป็นพระราชวังชั้นเดียว ซึ่งไม่มีชั้นที่ 2 ชั้นที่ 3 ชั้นที่ 4 หรือวิหารด้านในและด้านนอกเลยมีเพียงแค่ห้องโถงเปิดโล่งขนาดใหญ่
แล้ว คัมภีร์ราชาผีและโอสวิญญาณราชาผีอยู่ที่ใหนหล่ะ? ทันที หวงเสี่ยวหลงก็หันดวงตาไปมองรูปปั้นราชาผีและไปตกลงบนแหวนซึ่งอยู่บนนิ้วของราชาผี
แหวนมิติ!
แหวนมิติอันนี้กลมกลืนไปกับรูปปั้นเป็นอย่างดี ถ้าหากไม่ใช่เพราะหวงเสี่ยวหลงที่สังเกตรูปอย่างละเอียดหล่ะก็ งั้นก็คงไม่มีใครพบความแตกต่างนี้แน่
ใจของหวงเสี่ยวหลงก็เต้นไปมาอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนว่าคัมภีร์ราชาผีและโอสถจิตวิญญาณราชาผีนั้นจะอยู่ภายในแหวนมิติวงนี้
หวงเสี่ยวหลงก็ได้ยกมือขึ้นแล้วใช้มือดูดแหวนมิติจากมือของราชาผี เข้ามาสู่มือของเขาแหวนมิติราชาผีนั้นต่างจากแหวนมิติเทพอสูรมาก ซึ่งมันมีสีม่วงและตัวแหวนทั้งตัวนั้นเกือบจะโปร่งใสและยังมีรูปมังกรปีศาจสองตัวสลักอยู่บนตัวแหวนซึ่งมังกรพวกนี้คล้ายกับมังกรปีศาจสองตัวที่อยู่ใต้เท้ารูปปั้นราชาผี
พวกมันมีเขี้ยวและกรงเล็บที่ดูน่าหวาดกลัว
หวงเสี่ยวหลงก็ไหลเวียนปราณฉีเพื่อพยายามเปิดแหวนมิติราชาผี แต่ในขณะที่เขากําลังส่งปราณเข้าไปแหวนราชาผี ก็ได้มีจิตวิญญาณชั่วร้ายพุ่งออกมาจากภายใน พวกมันได้กู้ร้องคํารามออกมาและได้มีกลิ่นอายภูติผีอันเข้มข้นเข้ากลืนกินหวงเสี่ยวหลง หวงเสี่ยวหลงที่ตกใจก็รีบส่งไหลเวียนปราณพุทธะภายในร่างกายของเขาจึงทําให้สามารถปราบปรามจิตวิญญาณชั่วร้ายที่บ้างคลั่งพวกนี้ได้
บนแหวนมิติของราชาผีกลับมีคําสาปที่น่าหวาดกลัวแบบนี้อยู่ด้วย
หวงเสี่ยวหลงก็หันกลับมาจ้องมองที่แหวนราชาผีในมือของเขา พอนึกถึงการจู่โจมของจิตวิญญาณชั่วร้ายพวกนั้นเมื่อครู่นี้ หวงเสี่ยวหลงก็ยังไม่หายหวาดกลัว โชคดีที่เขานั้นตอบสนองได้ทันที่ยิ่งไปกว่านั้นเขานั้นโชคดีที่ได้บ่มเพาะปราณพุทธะ มิฉะนั้นเขาคงไม่ยืนอย่างปลอดภัยอยู่ในขณะนี้แน่
แต่ คําสาปที่อยู่บนแหวนมิติราชาผีไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถทําลายได้ในขณะนี้
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหาทางทําลายคําสาปนี้เสียแล้ว แต่ก่อนอื่น ข้าจะต้องออกไปจากสถานที่แห่งนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิดกับตัวเองแล้วเก็บแหวนมิติราชาผีไว้ในแหวนเทพอสูร
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็เดินวนรอบห้องโถงเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้พลาดสมบัติที่วางนอนอยู่บนพื้นแล้วค่อยเดินทางออกจากห้องโถงพร้อมกับผียักษ์เฟิงหยาง
เมื่อพวกเขาออกจากห้องโถงแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็เดินทางกลับไปโดยใช้เส้นทางเดิม
ในตอนนี้ เหลือเวลาอีกเพียง 6 ถึง 7วันก่อนที่เมืองผีจะหายไป ดังนั้นเขาจึงต้องรีบกลับไปที่ชั้นแรกและออกจากพระราชวังผีแล้วจึงออกจากเมืองผี
เมื่อเขาเดินทางมาถึงทางเข้าชั้นที่ 5 หวงเสี่ยวหลงก็ได้เอาหุบเขาเทวะซูมออกมาแล้วเขาก็ได้เข้าไปในวิหารซูมพร้อมกับพาผียักษ์เฟิงหยางเข้าไปด้วย พอผ่านเข้าไประตูไปหุบเขาเทวะซูมีก็หายตัวไปในหมอกภูติ
ด้วยความที่คุ้นเคยกับเส้นทาง ทําให้หวงเสี่ยวหลงใช้เวลาเพียงแค่สองวันในการเดินทางออกจากถ้ําฝึกตนราชาผีและจากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปที่ประตูทางเข้าหลักของวิหารผีต่อไปโดยไม่หยุดพัก
เนื่องจากคัมภีร์ราชาผีและโอสถวิญญาณราชาผีนั้นอยู่ในมือของเขาแล้ว เขาจึงไม่ได้สนใจสํารวจพื้นที่อื่นในเมืองผีอีก
ในไม่ช้าหวงเสี่ยวหลงก็เดินทางออกจากเมืองผีผ่านประตูเมือง