Invincible โลกอมตะ - ตอนที่ 328
ตอนที่ 328 กลับสู่อาณาจักรลั่วถาง
ชายชราชุดเท่านั้นก็จ้องมองบาดแผลฉีกขาดบนร่างของลู่ไคอยากมีความสุขแล้วยิ้มร่าออกมาพร้อมกับหัวเราะไปด้วยซึ่งมันดูบิดเบี้ยวมาก “ไอ้เด็กเวร เจ้าปากดีจริงๆ บังอาจคิดจะนั่นข้าให้เป็นชิ้นๆแล้วเอาไปป้อนหมั้นหรือ? หัดดูสภาพของตัวเองในตอนนี้เสียบ้าง”ชายชราชุดเท่านั้นก็พูดล้อเลียนออกมา
ดวงตาของลูฟไคนั้นก็แดง…ในขณะคู่คํารามด้วยเสียงอันหนาวเหน็บจับใจ “ไอ้แก่เหอฮุย ถ้ายังคิดรักชีวิตตัวเองตัวเอง ก็ฆ่าข้าเสียเถอะ!!”
ชายชราชุดเทา เหอฮุยนั้นก็พ่นลมหายใจอย่างดูถูกและรู้สึกพึงพอใจกับตัวเองมาก “อย่ากังวลไปพวกข้าจะจัดการประหาเจ้าในที่สาธารณะในวันพรุ่งนี้ในลานด้านนอกประตูพระราชวัง! นี่จะเป็นคืนสุดท้ายของเจ้าใช้เวลาชมท้องฟ้ายามค่ําคืนให้คุ้มค่าหล่ะ”ชายชราเหอฮุยนั้นก็หันมองออกไปนอกกรอบเล็กๆที่ทําหน้าที่เป็นหน้าต่างแล้วหัวเราะออกมา“คืนนี้ช่างงดงามยิ่งนัก”
แสงจันทร์อันแพรวพราวนั้นก็ได้สาดส่องเข้ามาในคุกใต้ดินผ่านช่องว่างขนาดเล็กบนเพดานซึ่งมันทําให้คุกใต้ดินนี้ดูพร่ามัวขึ้นมา และในตอนนี้ คนผู้หนึ่งก็ได้เปิดประตูคุกใต้ดิน และชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมมังกรไหมทองก็ได้ก้าวเข้ามาในคุกและตามติดมาด้วยทหารองครักษ์ทั้งสี่
หน้าตาของชายหนุ่มคนนี้นั้นมีความคล้ายคลึงกับลไค
ในขณะมองดูชายหนุ่มคนนี้เดินเข้ามาในคุก ในดวงตาของลูไคนั้นก็ได้ปรากฏจิตสังหารอันเข้มข้นขึ้นมาหากว่าดวงตาสามารถฆ่าคนได้หล่ะก็ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาคนนี้คงถูกสายตาฆ่าไปนับล้านครั้งแล้ว
ชายหนุ่มคนนี้ก็เดินเข้ามาอย่างชิวๆแม้เขาจะสังเกตเห็นจิตสังหารอันเข้มขนและความเกลียดชังที่ลุกโชนในสายตาของลูไคก็ตามในขณะเดินไปหาชายชราชุดเทเขาก็ทักทายตอบ “ทําความเคารพ ศิษย์พี่เหอ”
เหอฮุยนั้นกลับแค่พยักหน้าตอบ
จากนั้นแล้วชายหนุ่มคนนี้ก็หันหน้าไปหาลไค่แล้วพูดออกมาด้วยท่างทางอันไม่แยแส “ท่านพี่ อยู่ที่หลายวันสบายดีใหม?”เขานั้นก็เหลือมองภายในห้องและสังเกตเห็นเครื่องทรมานอันหลากหลายที่กองอยู่ที่มุมห้องแถมมันนั้นก็มีเลือดเปรอะเปรื้อนไปหมดและยังมีสิ่งอื่นด้วยๆซึ่งของพวกนี้นั้นก็ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไม่น่าอภิรมย์ออกมา
“ท่านพึ่งั้นเรอะ?”ไคก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะออกมาอย่างแหบแห้ง ดวงตาของเขานั้นก็แดงก่ําในขณะจ้องมองชายหนุ่มคนนี้ “ใครเป็นท่านพี่ของเจ้ากัน!? ลู่จิง เจ้าคิดว่าหากไม่มีข้าขวางทางแล้ว เจ้าจะได้ขึ้นครองราชย์ตามใจงั้นหรือ?”
ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนลูไคนั้นก็คือน้องชายของลูไค ลู่จึง
ลู่จึงนั้นก็หัวเราะออกมา “สถานะองค์ชายของเจ้าถูกถอนแล้ว และตอนนี้ข้าก็คือองค์ชายของอาณาจักรลั่วถางในอีกไม่กี่ปีข้าก็จะได้ขึ้นครองราชย์ แต่ช่างน่าเสียดายที่เจ้านั้นจะไม่มีโอกาสได้เห็นวันนั้น!!”เขานั้นก็โบกมือให้กับองครักษ์ทั้ง 4 ด้านหลังและจากนั้นหนึ่งนั้นก็ก้าวออกมาพร้อมกับหยิบเอากล่องอาหารออกมาให้จิงอย่างเคารพ
ลูจิงจึงเปิดกล่องออกเผยให้เห็นอาหารหลากหลายซึ่งมีสีสันสวยสด กลิ่นหอมและดูน่าอร่อยนอกจากนี้มันก็มีไวน์หนึ่งเหยือกมาพร้อมด้วย
ลู่จึงพูด“อย่าพูดว่าข้าไม่ได้ทําหน้าที่น้องชายแล้วกัน นี่คืออาหารที่เจ้าโปรดปรานและรวมไปถึงไวน์จันทราหิมะที่เจ้าชอบ แต่จําไว้ด้วยว่านี่เป็นอาหารมื้อสุดท้ายของเจ้าในโลกนี้”
ลูไคนั้นก็จ้องมองลู่จิงที่เรียกตัวเองว่าน้องชายของเขา “งั้นข้าก็ควรจะขอบคุณเจ้าสินะ?”
สู่จินนั้นก็เฉินเมย “ไม่จําเป็นต้องขอบคุณ ยังไงซะ พวกเราก็พี่น้องกัน ไม่ต้องสุภาพนักหรอก”จากนั้นแล้วลู่จิงจึงสั่งให้ทหารที่ยืนอยู่ข้างหลังของเขา “ปลดโซ่ซะ”
จากนั้นแล้วองครักษ์คนเดียวกันนั้นก็ตอบกลับอย่างสุภาพแล้วเดินไปยังลูไคแล้วปลดโซ่ของไคออก
“อย่าคิดหนี้หล่ะ มันมีแต่จะทําให้เจ้าขมขึ้นอย่างไม่จําเป็น”ลู่จึงนั้นก็พูดออกมา “เพลิดเพลินอาหารสุดท้ายของเจ้าไปเสียศิษย์พี่เหอไปกันเถอะ”จากนั้นแล้วลู่จิงก็จากไปพร้อมกับองครักษ์ของเขา
เหอฮุยนั้นก็เหลือบมองลูไคก่อนจะออกไปจากคุกใต้ดินหลังจากลูจึงปิดประตูคุกด้านหลังของเขา
ลูไคที่ถูกปลดโซ่ออกจากก็ทรุดตัวลงกับพื้น ในขณะจ้องมองอาหารอันหลากหลายและไวน์ตรงหน้าเสียงหัวเราะอันแผ่วเบาก็ได้ผุดออกมาจากรําคอของเขาในขณะที่สายตาของเขาพร่ามัวไปชั่วขณะพร้อมกับพึมพําขึ้นว่า “น้องเสี่ยวหลง ดูเหมือนว่าชีวิตนี้พวกเราจะไม่ได้เจอกันอีก!!”
ในฐานะองค์ชายของอาณาจักรลั่วถาง เขานั้นได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝน ดังนั้นเขาจึงไม่มีสหายที่ไว้วางใจได้มากนัก มันอาจจะกล่าวได้ว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นเป็นเพื่อนแท้เพียงคนเดียวของเขา
จากนั้นเขาก็เดินตรงไปอย่างช้าๆแล้วหยิบเหยือกไวน์ขึ้นมาดื่มอีกใหญ่
คืนคืนนั้นก็ผ่านไปอย่างช้าๆและท้องฟื้นั้นก็ได้ปรากฏดวงอาทิตย์วันใหม่ที่มาเยือน
ภายในโรงเตี้ยมวสันต์นับหมื่น แสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่ก็ได้สาดส่องเข้ามาภายในห้องผ่านหน้าต่างหวงเสี่ยวหลงนั้นก็เดินไปที่หน้าต่างแล้วสูดหายใจเข้าอากาศอันสดชื่นยามเช้เข้าร่างพร้อมกับยึดตัว
ครูต่อมาเขานั้นก็เดินออกมาจากห้อง
ผียักษ์เฟิงหยางนั้นก็ได้รออยู่นอกห้องของหวงเสี่ยวหลงอยู่ก่อนนั้นก็ได้โค้งคํานับเมื่อเขานั้นเห็นหวงเสี่ยหลงออกมาจากห้อง
“ไปกันเถอะ” หวงเสี่ยวหลงนั้นก็พูดออกมา หลังจากจ่ายค่าห้องและค่ากินไปแล้ว หวงเสี่ยวหลงกับผียักษ์เฟิงหยางนั้นก็เดินทางออกไปจากเมืองวสันต์นับหมื่นและบินมุ่งหน้าไปทางอาณาจักรล้วถางด้วยความเร็วสูง
เนื่องเขามาแถวๆนี้ หวงเสี่ยวหลงจึงได้ตัดสินใจแวะเที่ยวอาณาจักรลั่วถางเพื่อไปเยี่ยมหมอนั่นลู่ไคสักหน่อยเพราะเขานั้นไม่ได้เจอลู่ไคมาหลายปีแล้ว
แสงอาทิตย์ก็สว่างเจิดจ้ามากๆ แม้ว่าหวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางนั้นจะเดินทางไปด้วยความเร็วที่สูงมาก แต่มันก็ไม่ได้กลายเป็นจุดสนใจ ในระดับความแข็งแกร่งของพวกเขา แม้กระทั่งผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนระดับ 10 ขั้นสูงสุดก็ยังไม่อาจจะมองเห็นแม้แต่เงาของพวกเขา และไม่ต้องกล่าวถึงคนที่มีระดับการฝึกตนที่ต่ำกว่าแถมยิ่งไปกว่านั้นคือคนธรรมดานี่เรียกได้ว่าไม่รู้ไม่เห็นเลย
ในอาณาจักรเล็กๆอย่างลั่วถาง ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนชั้นกลาง แค่ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นต้นก็ยังแทบหาไม่พบเลย
หวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางนั้นก็ได้บินไปตลอดทางและข้ามผ่านชายแดนไปจนถึงเขตปลายชายแดนของอาณาจักรลั่วถาง หลังจากเข้ามาในอาณาจักรลั่วถางแล้วหวงเสี่ยวหลงนั้นก็ไปหยุดยังสถานที่ที่คฤหาสน์ตระกูลหวงเคยตั้งอยู่ในปีนั้น คฤหหาสน์ตระกูลหวงนั้นได้ถูถอนรากถอนโคนโดยนิกายดาบใหญ่ของอาณาจักรเป๋าหลง และตอนนี้มันก็กลายเป็นสถานที่ถูกทิ้งล้างและวัชพืชอันใหญ่โตเข้าปกคลุมกําแพงและเศษซาก ของอาคาณที่พังทะลายลงอาคารส่วนใหญ่นั้นได้พังเละแทบไม่เหลือ
ในขณะยืนอยู่ในอากาศ เขานั้นก็มองเศษซากที่ครั้งนึงเคยเป็นคฤหาสน์ตระกูลหวงแล้วรําพึงรําพังในใจ จากนั้นในชั่วพริบตา เขานั้นก็ได้ปรากฏขึ้นในลานเล็กๆที่เขาเคยอาศัยอยู่
ในขณะเดินไปยังห้องของเขา หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ผลักประตูเปิดซึ่งทําให้ฝุ่นผงอันเข้มขนตลบอบอวลไปที่วอากาศจากนั้นเมื่อใช้นิ้วปาดขอบเตียงเดิมของเขา ก็ได้มีฝุ่นหนาเตอะติดนิ้วมาด้วย
“คงถึงเวลาจ้างคนมาซ่อมคฤหาสน์ตระกูลหวงแล้วสหวงเสี่ยวหลงนั้นก็คิดขึ้นมา ในปีนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงคนจากนิกายดาบใหญ่เขานั้นก็ได้พาพี่น้องและพ่อแม่ของเขาไปจากคฤหาสน์ตระกูลหวงแล้วจากนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงนิกายเทพนักรบเขาจึงย้ายพวกนั้นไปยักเมืองจักรพรรดิของจักวรรดิตัวนเงิน
ในอนาคตหลังจากเขาทําลายนิกายเทพนักรบ เขาก็คงจะส่งคนมาซ่อมแซมคฤหาสน์นี่ หวงเสี่ยวหลวนั้นรู้ดีว่าพ่อแม่ของเขานั้นมักจะคิดถึงที่นี่เสมอ
“ไปกันเถอะ”หวงเสี่ยวหลงนั้นก็พูดออกมาในขณะเดินออกจากห้องโดยทิ้งคฤหาสน์หวงไว้เบื้องหลังแล้วมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของอาณาจักรลั่วถาง
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ทั้งสองนั้นก็ได้เดินทางมาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรลั่วถาง ในอดีตหวงเสี่ยวหลงนั้นต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเดินทามาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรล้วถางจากคฤหาสน์หวงแต่ตอนนี้กลับใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ในขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูเมืองของเมืองหลวงอาณาจักรล้วถางและเฝ้ามองดูคนธรรมดาที่เดินเข้าออกเมืองในใจของหวงเสี่ยวหลงนั้นก็ได้เกิดความรู้สึกความคิดถึงก่อตัวขึ้นหลังจากหยุดนิ่งชั่วขณะเขาจึงเดินเข้าไปในเมืองพร้อมกับผียักษ์เฟิงหยาง
อย่างไรก็ตามร่างสูงสี่เมตรของผียักษ์เฟิงหยางที่แม้จะซ่อนกลิ่นอายของภูติผีไว้อย่างดีนั้นก็ยังทําให้คนทั่วไปในเมืองหลวงหวาดกลัว ทุกคนจึงรีบถอยหนีหรีไม่ก็หลบไปด้านข้างซึ่งมันเป็นการเปิดทางให้กับหวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยาง
หวงเสี่ยวหลงนั้นก็ไม่ได้รังเกียจความวุ่นวายเท่าไหร่ซึ่งเขานั้นก็เดินไปตามท้องถนนอย่างไร้จุดหมายและทันใดนั้นเขาก็หยุดเดินลงเพราะไม่ไกลจากเขานั้นเป็นโรงเตี้ยมเอร็ดอร่อยแถมไวน์จันทราหิมะของร้านนี้ก็ไม่เลวทีเดียว
ดังนั้นหวงเสี่ยวนั้นจึงเดินนําผียักษ์เฟิงหยางเข้าไปยังโรงเตี้ยมนี้