Invincible Divine Dragon's Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 348 คลังสมบัติแห่งชาติ
- Home
- Invincible Divine Dragon's Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ
- ตอนที่ 348 คลังสมบัติแห่งชาติ
ตอนที่ 348 คลังสมบัติแห่งชาติ
.
“ออกมา!”
ในขณะที่หวังเสียนวางมือของเขาเอาไว้บนหน้าอกของซากศพเทพเจ้าโบราณคุนเผิง กระแสพลังงานของมังกรที่แข็งแกร่งของเขาก็ไหลตรงเข้าไปสู่บริเวณหัวใจและโอบล้อมปกคลุมผลึกแก่นหยดเลือดชิ้นนั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา
ผลึกแก่นหยดเลือดถูกดึงออกมาจากศพอย่างช้าๆ
ในตอนนี้มันดิ้นรนขัดขืนและพยายามเคลื่อนที่หนีอย่างรุนแรง ราวกับว่ามันกำลังหวาดกลัวต่อความตาย
หวังเสียนมองไปที่ผลึกแก่นหยดเลือดที่มีขนาดเล็กเท่ากับปลายเล็บของเขาด้วยสายตาเย็นชา
“เป็นแก่นหยดเลือดที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว! แม้ร่างหลักจะตายมานานหลายพันปีแล้วก็ตาม แต่แก่นหยดเลือดของมันก็ยังมีปฏิกิริยาและสัญชาตญาณที่จะเอาชีวิตรอดอยู่ ราวกับว่ามันยังจิตวิญญาณและมีความนึกคิดขอเจ้าของร่างรวมอยู่ในนี้ด้วย!”
หวังเสียนจ้องมองไปที่ผลึกแก่นหยดเลือด ด้วยความสามารถของพิวส์ซิ่งอาย หลังจากนั้นที่มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มออกมา
หวังเสียนขยับฝ่ามือของเขาเล็กน้อยก่อนที่จะปลดปล่อยพลังงานมังกรเข้าไปในผลึกแก่นหยุดเลือด เพื่อลบล้างและทำลายจิตวิญญาณที่ยังแฝงอยู่ในนั้นทิ้งไป
“ไอ้มังกรบัดซบ! เจ้าทำผิดพันธสัญญาโบราณ เจ้าจะต้องชดใช้ ถึงแม้ว่าเจ้าจะสามารถทำลายดวงจิตสุดท้ายของข้าได้ แต่ข้าเชื่อว่าสายเลือดแห่งเผ่าพันธุ์เทพเจ้าโบราณคุนเผิงของข้าก็จะยังคงอยู่ตลอดไปชั่วนิรันดร์…”
ในทันใดนั้นเอง ขณะที่หวังเสียนกำลังลบล้างทำลายเศษเสี้ยวดวงจิตวิญญาณของเทพเจ้าโบราณคุนเผิงที่เหลืออยู่ในผลึกแก่นหยดเลือด เสียงอันแหบแห้งก็ดังขึ้นมาในหัวเขาหวังเสียน มันตะโกนออกมาด้วยความเคียดแค้นก่อนที่เศษเสี้ยวดวงจิตวิญญาณของมันจะถูกทำลายล้างไปอย่างสมบูรณ์
หวังเสียนสะดุ้งตกใจขึ้นมาในทันที เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเศษเสี้ยวดวงจิตวิญญาณที่เหลืออยู่ในผลึกแก่นหยดเลือดชิ้นนี้นั้นจะยังคงมีความนึกคิดและจิตใจเหลืออยู่อีก
ในตอนแรกเขาคิดเพียงว่ามันเป็นแค่เศษเสี้ยวดวงจิตวิญญาณที่คอยทำหน้าที่ควบคุมผลึกแก่นหยดเลือดและสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ตัวอื่นๆ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่ามันจะยังคงทรงพลังและมีความนึกคิดทางจิตวิญญาณครบถ้วนมากถึงขนาดนี้
“ช่างน่าหวาดกลัวเสียจริงๆ! หากข้าไม่พบมันเสียก่อนหลังจากนี้อีกไม่เกิน 5 ปีมันก็คงจะสามารถฟื้นคืนชีพได้อย่างแน่นอน!” หวังเสียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆหลายครั้งด้วยความโล่งใจ
ครึกกๆๆ! ซ่าาา!
ในทันใดนั้นซากศพเทพเจ้าโบราณคุนเผิงที่อยู่ข้างๆเขาก็เริ่มแตกสลายลงไปอย่างรวดเร็ว และในที่สุดมันก็กลายเป็นเถ้าถ่านหายไปกับสายน้ำในแม่น้ำฮวงโหจนหมดสิ้น
หลังจากนั้นหวังเสียนก็จ้องมองไปยังผลึกแก่นหยดเลือดของเทพเจ้าโบราณคุนเผิงในมือของเขา
….
[ผลึกแก่นเลือดบริสุทธิ์แห่งเผ่าพันธุ์เทพเจ้าโบราณคุนเผิง: ระดับ ??]
[ไม่สามารถสกัดพลังงานมังกรได้]
….
“ผลึกแก่นเลือดบริสุทธิ์?” หลังจากที่ข้อความของผลึกแก่นหยดเลือดปรากฏขึ้นในใจของหวังเสียน เขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“นี่มันคือแก่นหยดเลือดอันบริสุทธิ์ของเผ่าพันธุ์เทพเจ้าคุนเผิงอันแท้จริง หรือหากจะพูดให้ถูกต้องมันก็คือ….!”
หวังเสียน เบิกตากว้างขึ้นมาทันทีด้วยความตื่นเต้น
มรดกนี่คือมรดกแห่งเผ่าพันธุ์เทพเจ้าโบราณคุนเผิงที่บริสุทธิ์!
ร่างกายของหวังเสียนสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น นี่คือมรดกอันทรงพลังของเทพเจ้าโบราณคุนเผิง มันคล้ายกับสายเลือดแห่งมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่หวังเสียนได้รับจากระบบ มันจะไม่มีผลต่อความรู้สึกนึกคิดและจิตวิญญาณใดๆของผู้รับเลยแม้แต่น้อย
เมื่อผู้ที่ดูดซับผลึกแก่นหยดเลือดที่เป็นมรดกของเทพเจ้าโบราณคุนเผิงเข้าไป คนผู้นั้นก็มีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนกลายไปเป็นเทพเจ้าโบราณคุนเผิงคนสุดท้ายในจักรวาล
“ไม่แปลกใจเลยที่คำพูดสุดท้ายของเศษเสี้ยวจิตวิญญาณดวงนั้นจะพูดออกมาว่า สายเลือดแห่งเทพเจ้าโบราณคุนเผิงของพวกเขาจะคงอยู่ตลอดไปชั่วนิรันดร์ เพราะผลึกแก่นหยดเลือดชิ้นนี้นั้นทรงพลังมากอย่างแท้จริง มันคือมรดกตกทอดที่ไม่สามารถทำลายลงได้นั่นเอง!”
หวังเสียน พูดพึมพำกับตัวเองในขณะที่เขาเต็มไปด้วยความคาดหวังกับแก่นหยดเลือดที่เป็นมรดกของเทพเจ้าโบราณคุนเผิงชิ้นนี้
“การดูดซับผลึกแก่นหยดเลือดชิ้นนี้เข้าไปก็จะสามารถได้รับมรดกที่เป็นความรู้อันทรงพลังทั้งหมดของเทพเจ้าโบราณคุนเผิงได้ แต่ก็น่าเสียดายเพราะสายเลือดในตัวของข้านั้นกลายเป็นสายเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่สามารถดูดซับมันได้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ยังสามารถมอบมันให้กับคนอื่นได้อยู่…”
หวังเสียนเริ่มพิจารณาว่าเขาควรจะมอบผลึกแก่นหยดเลือดที่เป็นมรดกของเทพเจ้าโบราณคุนเผิงชิ้นนี้ให้กับใครดี
นี่ถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีมูลค่าสูงยิ่งในระดับจักรวาลเลยทีเดียว ดังนั้นเขาจะต้องมอบให้กับคนสนิทที่สามารถไว้ใจได้ หรืออาจจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เขาสามารถควบคุมได้เท่านั้น
“ออกไปจากที่นี่ก่อนก็แล้วกัน! ส่วนเรื่องนี้นั้นค่อยคิดพิจารณาใหม่ทีหลังก็ได้!”
หวังเสียนนำผลึกแก่นหยดเลือดบริสุทธิ์แห่งเทพเจ้าโบราณคุนเผิง เก็บไว้กับตัวก่อนที่จะว่ายน้ำกลับไปยังฐานที่พักชั่วคราวอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขากลับมาใกล้กับฐานที่พักชั่วคราวเขาก็ต้องประหลาดใจในทันที
“หืออ? ทำไมทุกคนถึงมารวมกันอยู่ที่นี่ได้?”
ก่อนจะกลับถึงฐานที่พักชั่วคราวหวังเสียนได้สังเกตเห็น รอบๆฐานที่พักนั้นเปิดไฟสปอร์ตไลท์จนสว่างไปทั่ว กลุ่มคนทั้งหมดมีทั้งยืนอยู่บนพื้นและลอยตัวอยู่กลางอากาศ ต่างจ้องมองไปยังทิศทางเดียวกันนั่นก็คือใจกลางของแม่น้ำฮวงโห
หวังเสียน รีบซ่อมตัวและอ้อมหลบไปปรากฏตัวอยู่ที่ข้างๆ ซุนหลิงซิ่วอย่างเงียบๆ
“หลิงซิ่ว! ทำไมพวกเขาถึงได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ล่ะ?” หวังเสียนกระซิบถามซุนหลิงซิ่วเบาๆที่ข้างหู ด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าและใบหูของซุนหลิงซิ่วแดงขึ้นมาเล็กน้อยขณะที่ลมหายใจของหวังเสียนกระทบเข้ากับใบหูของเธอ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่จะตอบเขาเบาๆ “พวกเขามารวมตัวกันอยู่ที่นี่เพื่อออกมาดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นตรงกลางแม่น้ำฮวงโหทางด้านนั้น! แล้วคุณบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า? จัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วใช่หรือไม่?” เธอหันมามองและสำรวจไปตามร่างกายของหวังเสียนด้วยความเป็นห่วง
ซุนหลิงซิ่วนั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีสายเลือดของมังกรศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกาย ปัจจุบันการฝึกฝนและบ่มเพาะของเธอนั้นก็เกือบจะสามารถกลายร่างเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกันกับของหวังเสียนได้แล้ว
และความสัมพันธ์ทางด้านสายเลือดและจิตวิญญาณของเธอกับหวังเสียนนั้นผูกพันกันลึกซึ้งเป็นอย่างมาก
ฉะนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจอะไรมากนักที่เธอจะสามารถรับรู้ได้ว่า สัตว์อสูรที่ทุกคนต่างหวาดกลัวเมื่อครู่นี้นั้นก็คือหวังเสียน
“ไม่ต้องเป็นห่วง! ผมจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยแล้ว และพรุ่งนี้พวกเราก็น่าจะกลับบ้านกันได้แล้วล่ะ!” หวังเสียนตอบด้วยรอยยิ้มขณะที่จ้องมองใบหน้าที่เนียนเรียบและสวยงามราวกับเทพธิดาของเธอในระยะใกล้
“อืม!” ซุนหลิงซิ่วพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่เธอจะหลบสายตาของเขาด้วยความเขินอาย
หลังจากนั้นกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดต่างรวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นกลางแม่น้ำฮวงโห ถึงแม้ว่าในตอนนี้การต่อสู้นั้นจะจบลงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปดูในระยะใกล้ๆ
แม้ว่าเหตุการณ์ที่วุ่นวายในครั้งนี้จะเกิดขึ้นในเวลาเที่ยงคืน แต่ตอนนี้ทุกคนก็ไม่รู้สึกง่วงนอนกันเลยแม้แต่น้อย พวกเขายังคงจับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างดุเดือด
ในทางกลับกันหวังเสียน รู้สึกผ่อนคลายลงไปเป็นอย่างมาก เพราะเขารู้ว่าปัญหาทุกอย่างในตอนนี้นั้นได้จบลงแล้ว เขาเดินไปส่งซุนหลิงซิ่วยังที่พักของเธอ ก่อนที่เขาจะกลับไปพักผ่อนยังที่พักของเขาเช่นเดียวกัน
….
ในเช้าวันรุ่งขึ้นหวังเสียน ได้ทราบข่าวจากนายทหารวัยกลางคนว่าพวกเขานั้นนำกำลังทหารทั้งหมดออกไปสำรวจยังรอบๆแม่น้ำฮวงโหที่เกิดการต่อสู้ขึ้นเมื่อคืนนี้ ในช่วงก่อนรุ่งเช้า
หลังจากนั้นเขาได้นำข่าวดีกลับมาแจ้งให้กลุ่มคนทั้งหมดได้ทราบว่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นทั่วบริเวณนี้นั้นได้หายไปหมดแล้ว รวมถึงสัตว์อสูรที่ทรงพลังที่มีหางเป็นเปลวไฟสีแดงตัวนั้นด้วย
พวกเขายังพบซากศพของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ขนาดยักษ์บางส่วนที่ถูกทำลายจนเป็นชิ้นๆ ลอยติดอยู่ตามริมน้ำอย่างมากมาย
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทุกคนในฐานรู้สึกตกใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน
กลุ่มคนทั้งหมดต่างนึกถึงการต่อสู้อันน่าหวาดกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ บางทีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังตัวนั้นอาจจะเป็นผู้ที่กำจัดและกวาดล้างสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านั้นทั้งหมดก็เป็นได้
“ดร.ซุน นี่คือรางวัลที่ทางกองทัพจัดเตรียมไว้ให้กับคุณครับ!”
“ส่วนรางวัลของหมอเทวะหวังและหมอโลหิต ก็คือสมบัติจิตวิญญาณในคลังสมบัติแห่งชาติพวกคุณสามารถเข้าไปเลือกได้คนละ 1 ชิ้น และผมในนามตัวแทนของประเทศและกองทัพต้องขอขอบคุณพวกคุณทั้งหมดเป็นอย่างมาก สำหรับภารกิจในครั้งนี้!”
นายทหารวัยกลางคนเข้าไปในเต็นท์ที่พักของกลุ่มหวังเสียน เขากล่าวขอบคุณและพูดคุยออกมาด้วยอารมณ์ที่ดีเป็นอย่างมาก
“ขอบคุณมากค่ะท่านผู้การฯ!” ซุนหลิงซิ่วกล่าวคำขอบคุณและรับกล่องหยกมาจากเขาด้วยรอยยิ้ม
ในครั้งนี้นายทหารวัยกลางคนยังได้มอบเหรียญทองให้กับหวังเสียนแล้วหมอโลหิต มันเป็นเหรียญทองที่บันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาไว้เพื่อสำหรับเข้าไปที่คลังสมบัติแห่งชาติและสามารถเลือกสิ่งของที่พวกเขาต้องการออกมาได้ตามข้อมูลที่ได้บันทึกไว้ในเหรียญทอง
“นายหญิงขอรับ! กระผมไม่มีสิ่งใดที่ต้องการเป็นพิเศษ กระผมขอมอบสิ่งนี้ให้กับนายหญิงขอรับ!”
หมอโลหิตส่งเหรียญทองที่เขาได้รับมอบมาจากนายทหารให้กับซุนหลิงซิ่วด้วยความเคารพพร้อมกับรอยยิ้ม
“เสี่ยวเสียน! คุณรับไปเถอะฉันก็ไม่มีสิ่งใดที่ต้องการเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน!” ซุนหลิงซิ่วยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวานในขณะที่ส่งเหรียญทองไปยังมือของหวังเสียน
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เข้าไปที่คลังสมบัติแห่งชาติพร้อมกันกับผม บางทีข้างในนั้นอาจจะมีสิ่งของที่คุณต้องการอยู่ด้วยก็ได้!” หวังเสียนมองไปที่เธอด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาสัมผัสมือของเธอเบาๆ แต่ไม่ได้หยิบเหรียญทองออกมาจากมือของเธอ
“ก็ได้ค่ะ! ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปที่คลังสมบัติแห่งชาติด้วยกัน!” ซุนหลิงซิ่วยิ้มออกมาอย่างเขินอาย เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อยในขณะที่มือของเธอนั้นยังจับอยู่กับมือของหวังเสียน และมือข้างที่เหลือของเธอนั้นก็เล่นอยู่กับผมของตัวเธอเองอย่างน่ารัก
หลังจากนั้นหวังเสียนก็ชวนซุนหลิงซิ่ว ออกไปข้างนอกเพื่อเตรียมไปเลือกสมบัติที่คลังสมบัติแห่งชาติ
ซุนหลิงซิ่วมองไปที่ด้านหลังของหวังเสียน ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเคารพบูชา ก่อนที่เธอจะเดินตามเขาออกไปจากเต็นท์
“หมอเทวะหวังและหมอโลหิตครับ! ผมจะพาพวกคุณเข้าไปที่คลังสมบัติแห่งชาติเองครับ!”
เมื่อกลุ่มของหวังเสียนเดินออกมาจากเต็นท์ได้ไม่นาน นายทหารวัยกลางคนที่ยืนรอพวกเขาอยู่ก็รีบพูดกับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณมากครับท่านผู้การฯ!” หวังเสียน พยักหน้าและตอบรับคำพูดของเขาด้วยความสุภาพ
“ในคลังสมบัติแห่งชาตินั้นอย่างน้อยก็ต้องมีสมบัติที่เป็นอาวุธวิญญาณ ในระดับก่อกำเนิดจิตวิญญาณอยู่อย่างแน่นอน!”
“มีเพียงหมอเทวะหวังและหมอโลหิตเท่านั้นที่ได้รับโอกาสให้เข้าไปเลือกสมบัติจิตวิญญาณในคลังสมบัติแห่งชาติ นี่ถือได้ว่าเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่มากเลยทีเดียว! ช่างน่าอิจฉามากเลยจริงๆ!”
“หมอเทวะหวังนั้นมีอาวุธวิญญาณที่อยู่ในระดับก่อกำเนิดจิตวิญญาณอยู่แล้ว! หากเขาได้รับมาอีกชิ้นหนึ่ง มันคงจะน่ากลัวอย่างมากเลยทีเดียว!”
“ส่วนหมอโลหิตนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขาเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของเทพธิดาแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ และข้ายังเคยได้ยินเขาเรียกหมอเทวะหวังว่านายท่านผู้ชายอีกด้วย หากเป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้ในกลุ่มของหมอเทวะหวังหลังจากนี้ไปพวกเขาจะมีอาวุธวิญญาณและในระดับก่อกำเนิดจิตวิญญาณอยู่ในมือมากถึง 3 ชิ้นเลยทีเดียว!”
กลุ่มคนทั้งหมดมองไปที่หวังเสียนด้วยความอิจฉาจนสายตาของพวกเขานั้นแทบจะลุกเป็นไฟออกมา
“ไอ้สารเลวบัดซบ!”
ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก เปี่ยนเหยาฉวน กัดฟันและสบถด่าหวังเสียนออกมาด้วยความเกลียดชัง!
เมื่อเขานึกถึงเหตุการณ์ที่หวังเสียนแย่งชิงเขาปรับแต่งและปรุงยา เขาก็ตัวสั่นและกำหนดจนแน่นด้วยความโกรธ!
เพราะหากว่าไม่มีหวังเสียน สิทธิ์ที่จะได้เข้าไปเลือกสมบัติในคลังแห่งชาติครั้งนี้จะต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามมันถูกพรากออกไปเพราะหวังเสียน ที่เป็นเหมือนกับปีศาจร้ายที่คอยจ้องขัดขวางและคอยเล่นงานเขา!
หลังจากนั้นเขาก็ชำเลืองมองไปยังซุนหลิงซิ่วด้วยความพยาบาท คนกลุ่มนี้นั้นทำให้เขารู้สึกเกลียดจนอยากจะฆ่าทิ้งเสียให้หมด
ผู้หญิงคนนี้นั้นเป็นคนแรกที่ทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าผู้คนเป็นจำนวนมาก
“ฮึ! หลังจากนี้พวกมันจะมีอาวุธจิตวิญญาณที่อยู่ในระดับก่อกำเนิดจิตวิญญาณมากถึง 3 ชิ้น นี่นับว่าเป็นโอกาสที่ดีมากเลยทีเดียว!”
เจตนาฆ่าปรากฏขึ้นอยู่ในแววตาของเปี่ยนเหยาฉวนอย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะหันไปมองยังผู้อาวุโสทั้งของคนจากสำนักสวนศาลาสมุน ที่อยู่ข้างๆเขา
ผู้อาวุโสทั้งสองคน ต่างรับรู้ถึงความต้องการของนายน้อย ของพวกเขาได้เป็นอย่างดีจากแววตาที่เขาแสดงออกมา
“นายน้อยครับ! กลุ่มของพวกมันนั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ฉะนั้นพวกเราคงจะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณอย่างน้อยอีก 6 คนถึงจะสามารถมั่นใจในงานครั้งนี้ได้อย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์!” ผู้อาวุโสตู้ ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าแสดงความคิดเห็นออกมาหลังจากคิดไตร่ตรองแล้วอย่างถี่ถ้วน
“นายน้อยครับ! พวกเราควรเรียกคนจากสำนักของพวกเรามาด้วยหรือไม่ครับ?” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ถามออกมาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
“คนจากสำนักของพวกเราอย่างนั้นเหรอ? ไม่! เราจะไม่ทำอย่างนั้น! ในครั้งนี้ข้าต้องการแสดงความสามารถของข้าให้ท่านพ่อและท่านแม่รวมถึงท่านเจ้าสำนักได้เห็นในความสามารถของข้า!”
เปี่ยนเหยาฉวน ตอบออกมาในขณะที่เขาคิดอยู่อย่างเงียบๆในใจของเขา หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณหลายคน จ้องมองไปยังกลุ่มของหวังเสียน ด้วยสายตาแห่งความโลภ เขาแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับคิดแผนอันชั่วร้ายขึ้นมาได้ในทันที!
……..
จบบท