Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 12 Domestic affairs (2)
- Home
- Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~
- ตอนที่ 12 Domestic affairs (2)
จากการสร้าง ‘ต้นเนื้อมนุษย์’ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าพวกเขาจะสามารถผลิตอาหารได้ในระดับหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน ด้วยการปรับพื้นที่สำหรับการเพาะปลูก ทำให้ไม่มีปัญหา นอกจากประชากรจะเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
มีความแตกต่างใหญ่ระหว่าง “Eternal Nations” กับโลกนี้ แต่ในเรื่องของการพัฒนาชาติ จุดที่ต้องคอยสังเกตุก็ใกล้เคียงกัน
อย่างเช่น แผนการขยายอาณาเขต แผนการพัฒนาภายใน แผนการทหาร และแผนการวิจัย
ดูจากพวกนี้แล้ว พวกเขาต้องหยุดการขยายอาณาเขต และมุ่งไปที่การฟื้นฟูความแข็งแกร่งของชนชาติก่อน แผนการพัฒนาภายในก็คือ การเพิ่มผลผลิตอาหาร โดยมี ‘ต้นเนื้อมนุษย์’ เป็นหัวใจสำคัญ
ที่เหลือก็คือ ส่วนของกองทัพและการวิจัย
วันนั้น ทาคุโตะเรียกประชุมเหล่าสมาชิกผู้บริหารของอาณาจักร เพื่อทำการตัดสินใจเรื่องแนวทางของไมน็อกกราห์
“หัวข้อในวันนี้คือเรื่องของการวิจัย ถึงตอนนี้จะไม่มีอะไรให้ทำนัก แต่มันก็ยังสำคัญ….”
“ใช่แล้ว การวิจัยจะทำให้พวกเราค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่จะทำให้เกิดความแตกต่างในพลังอำนาจของอาณาจักรเป็นอย่างมาก พวกเรายังเป็นอาณาจักรเล็กๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องครอบครองเทคโนโลยีขั้นสูงโดยเร็ว”
“ตามที่ท่านกล่าวเลยขอรับ เช่นนั้นแล้ว ท่านอาโทว เทคโนโลยีแบบใดที่ท่านต้องการให้ความสำคัญก่อนขอรับ?”
“มันเห็นได้ชัดอยู่แล้วไม่ใช่รึ เทคโนโลยีเวทมนตร์อย่างไรล่ะ!”
“น่าตื่นเต้นจังนะ”
“ฟุฟุฟุ แล้วมันไม่น่าตื่นเต้นหรอคะ ราชาของฉัน”
อาโทวรอมานานแล้วที่จะพูดคำนั้นอย่างมีความสุข
ทาคุโตะและอาโทวมีความคิดที่พิเศษเกี่ยวกับกิจการภายใน
โดยเฉพาะที่ทาคุโตะมีนิสัยบ้าๆ ที่ชอบผลักดันเรื่องกิจการภายใน แม้แต่ในสถานการณ์แปลกๆอย่างการถูกโยนมาต่างโลกก็ตามที
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าความบ้าคลั่งนี้มาจากไหน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ ผู้เฒ่ามอลทาร์และเหล่าดาร์คเอลฟ์รู้สึกดีใจที่พวกเขาไม่ต้องพิชิตทั้งโลก หรือฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทิ้ง
“โอ้! ข้าพอมีความรู้เรื่องเวทมนตร์อยู่บ้าง และข้าเองก็ตื่นเต้นเล็กน้อยเรื่องเวทมนตร์ใหม่ๆ แล้วเทคโนโลยีแบบใดที่พวกเราจะทำการวิจัยหรือขอรับ?”
ช่วงหลังมานี้ ผู้เฒ่ามอลทาร์ไม่ค่อยรู้สึกประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าราชาแล้ว
แน่นอนว่าเขายังรู้สึกเชิดชูอยู่เหมือนเดิม แต่ที่เหนือกว่านั้นคือ เขาได้กลายเป็นปีศาจแล้ว ในเมื่อเขาได้กลายเป็นผู้ติดตามขององค์ราชา เขาจึงไม่มีความกลัวเหมือนกับตอนแรกๆ
ดังนั้น ณ ที่แห่งนี้ เขาจึงพูดได้อย่างสบายใจ
บางทีอีกเหตุผลนึงก็คือ ทาคุโตะที่เป็นราชาเองก็ไม่ค่อยจะพูดนัก และอาโทวที่เป็นตัวแทนของเขาค่อนข้างคุยด้วยง่าย
แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้ทาคุโตะรู้สึกเหงา และมันยิ่งทำให้เขาสื่อสารยากขึ้นไปอีก
แต่การประชุมต้องดำเนินต่อไป ที่จริงแล้ว ทาคุโตะได้พูดออกมาเรียบร้อย เกี่ยวกับเทคโนโลยีเวทมนตร์ เพราะพวกเขาตัดสินใจว่านั่นเป็นหัวข้อที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
“เกี่ยวกับเวทมนตร์กองทัพ ดูเหมือนเวทมนตร์ของพวกเจ้าจะใช้ต่อสู้แค่ระหว่างบุคคล หรือไม่ก็เป็นกลุ่มมากสุดไม่เกินสิบคน《เวทย์กองทัพ》จะขยายขีดจำกัดข้อนั้น และสามารถใช้ในสงครามขนาดใหญ่ของกองทัพจอมเวทย์ได้ ซึ่งนั่นจะต้องใช้แหล่งพลังเวทย์ขนาดใหญ่…ข้าจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลัง”
อาโทวอธิบาย และผู้เฒ่ามอลทาร์ฟังอย่างตั้งใจ
ครั้งหนึ่ง เขาเองก็เคยตั้งใจที่ไปให้ถึงขีดสุดของเวทมนตร์ แต่เมื่อเขาได้กลายเป็นผู้นำเผ่า เขาจำเป็นต้องหยุดเรื่องการวิจัยเวทมนตร์ไป เพราะยุ่งอยู่กับงานมากมายในเผ่า
ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังปรารถนาที่จะดำดิ่งลงไปในก้นบึ้งของเวทมนตร์
เขาภาคภูมิใจในการใช้เวทมนตร์ แต่เฉพาะการต่อสู้ระหว่างบุคคลเท่านั้น
แน่นอนว่าเขาสามารถเผาศัตรูได้หลายคนในครั้งเดียวด้วยเวทมนตร์เพลิงของเขา แต่โชคร้าย อย่างที่อาโทวพูด เขาไม่สามารถใช้เวทย์ขนาดใหญ่ได้
โลกปีศาจที่องค์ราชารู้จักเป็นแบบใดกัน?
ผู้เฒ่ามอลทาร์แทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะรู้ถึงภูมิปัญญาของโลกที่ไม่รู้จัก
“ถ้าอย่างนั้น เกี่ยวกับการวิจัย จงเลือกผู้ที่เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ในหมู่พวกเจ้า ให้พวกเขาพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เทคโนโลยีที่ยากนัก เราสามารถพัฒนามันได้ทันที”
“ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปคัดเลือกคน และสร้างสถาบันวิจัยซะ”
“เยี่ยม จากนี้ไป พวกนายจะต้องยุ่งมากแน่ๆ…”
ทาคุดตะที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา พยักหน้าอย่างพึงพอใจ และลูบบัลลังก์ตามปกติ
=ข้อความ=============
หัวข้อการวิจัยได้ถูกเลือกแล้ว
[เวทมนตร์ทางการทหาร] อยู่ระหว่างการวิจัย!
―――――――――――――――――
นโยบายเกี่ยวกับการวิจัยได้ข้อสรุป
ด้วยอาณาจักรเล็กๆแบบนี้ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่จะต้องลงแรงมหาศาล แต่นี่เป็นเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
เมื่อเข้าใจอย่างนั้น ผู้เฒ่ามอลทาร์จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และรายละเอียดอื่นๆอย่างการคัดเลือกคน
“ต่อไปจะเป็นเรื่องของกองทัพ ท่านอาโทว ท่านคิดว่าควรจะใช้แนวทางแบบใดดีครับ?”
“แน่นอน การเพิ่มกำลังพลของกองทัพ แต่ตอนนี้ข้ายังไม่อยากทุ่มเทด้านนั้นมากเกินไป กองทัพมีแต่จะดูดกลืนทรัพยากร พลังเวทย์ และค่าบำรุงรักษา โดยที่ไม่มีประโยชน์อะไรให้เลย ข้าสงสัยว่าทำไมมันถึงจำเป็นรึ?”
“แต่หากไม่มีกองทัพ เราก็ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากศัตรูได้นะครับ ปัจจุบันกองทัพของเรามีเพียงสิบกว่านายเท่านั้น บอกตามตรงว่าตอนนี้ กองทัพขององค์ราชากำลังขาดแคลนด้านกำลังพลอย่างมาก…. มันเป็นไปได้ไหม ที่จะสร้างผู้ใต้บัญชาที่ทรงพลังด้วยเวทมนตร์ขององค์ราชา?”
“หืม เจ้าหมายถึงผู้ใต้บัญชาที่ไม่ใช่พลเมือง ซึ่งอยุ่ในกองทัพอย่างนั้นรึ? มันมีหลายวิธี แต่ต้องใช้พลังเวทย์และอาหารจำนวนมากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พวกเรากำลังเติบโตนี้ งบประมาณทางฝั่งกองทัพจะสูงเกินไป ตอนนี้พวกเราไม่สามารถทำได้”
“อย่างแรกเลย มันมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มกำลังรบของอาณาจักรอย่างเร่งด่วนอย่างนั้นรึ? แค่สั่งให้พวกเขาฝึกอย่างเข้มงวดก็พอ”
หัวหน้านักรบไกอาตอบกลับด้วยสีหน้าปั้นยาก
อาจจะเป็นเพราะเขาผิดหวังที่อาโทวบอกว่าในเวลานี้ ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะเพิ่มกำลังรบของกองทัพ นับประสาอะไรกับการขยายอำนาจของพวกเขา
ไม่นานนัก อาโทวตระหนักได้ถึงบางอย่าง และพูดกับไกอาด้วยอารมณ์ที่ราวกับว่าเธอเข้าใจทุกสิ่ง
“อ่า เจ้ากังวลเกี่ยวกับกลุ่มคนที่กำลังตามล่าพวกเจ้าอย่างนั้นรึ? ข้าได้ยินว่ามาว่าเป็นไปได้ที่พวกนักล่าค่าหัวจะเข้ามาที่นี่”
“ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าสหพันธ์จะไม่มีกองทัพเป็นของตัวเอง แต่เงินรางวัลนำจำของผู้เฒ่ามอลทาร์และตัวข้าในฐานะหัวหน้านักรบ ดาร์คเอลฟ์ที่ต่ำกว่ามนุษย์เองก็สามารถขายเอาเงินได้เช่นกัน”
“หืมม….”
อาโทวครุ่นคิดอยู่สักพัก เธอส่งสายตาไปยังทาคุโตะให้ทำการตัดสินใจ
ตามที่คาดไว้ ยังมีคนที่คอยไล่ล่าเหล่าดาร์คเอลฟ์อยู่
การยอมรับดาร์คเอลฟ์เป็นพลเมืองหมายความว่าพวกเขาต้องรับปัญหาของดาร์คเอลฟ์เข้ามาด้วย
แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่มีแผนรับมือกับผู้ไล่ล่าพวกนั้น
ปัญหาคือจะจัดการกับพวกนั้นยังไง
ถึงตอนนี้จะไม่มีปัญหาในเรื่องพลังการสู้รบของพวกเขา แต่มันคงอุ่นใจขึ้นมาก หากพวกเขาตัดสินใจเพิ่มกำลังรบขึ้นไปอีก
“ฉันจะสร้างฮีโร่”
อาโทวพยักหน้าเมื่อเธอได้รับคำจากราชา
อันที่จริง วิธีการนี้ประหยัดทรัพยากรและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด
ในนามของราชา อาโทวอธิบายให้เหล่าดาร์คเอลฟ์ ที่ไม่เข้าใจคำพูดของเขาฟัง
“ท่านอาโทว ‘ฮีโร่’ คืออะไรรึ?”
“พวกเขาคือผู้กล้าที่อยู่ภายใต้องค์ราชา พวกเขาทั้งหมดล้วนแข็งแกร่ง และไร้ขีดจำกัด เนื่องจากข้อจำกัดหลายอย่าง ทำให้เราไม่สามารถอัญเชิญมาได้ทั้งหมด แต่เป็นไปได้ที่เราจะอัญเชิญมาสักหนึ่งตน”
“ฮีโร่….นั่นเป็นผู้ที่ทรงพลังมากอย่างนั้นรึขอรับ? ไม่สิ ข้าไม่ควรตั้งข้อสงสัยในองค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ และผู้ติดตามของพระองค์”
ฮีโร่เป็นยูนิตพิเศษที่มีอยู่ใน “Eternal Nations.”
ไม่ต้องกล่าวเลยว่าอาโทวคือฮีโร่ที่ทาคุโตะชอบมากที่สุด
พวกเขาแข็งแกร่งมาก และมีบทบาทสำคัญในเกม ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้พวกเขายังไง แต่แน่นอนว่าเหล่าดาร์คเอลฟ์ไม่รู้เรื่องนั้น และได้แต่มีเครื่องหมายคำถามอยู่บนหัว
“ฮีโร่เป็นพวกชีทโตะ”
“ใช่ ฮีโร่เป็นพวกชีทโตะ”
“ชีทโตะ!? อะไรคือชีทโตะรึขอรับ?”
“ฮีโร่มีพลังมหาศาลตั้งแต่เริ่ม อีกอย่างคือ ยิ่งเวลาผ่านไปพวกเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งพวกเขาถูกปล่อยทิ้งไว้นานเท่าไหร่ พวกเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”
“ยิ่งปล่อยไว้นานเท่าไหร่ ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น….”
ผู้เฒ่ามอลทาร์ประหลาดใจกับคำพูดนั้น
บ่อยครั้งในสนามรบ ผู้ที่รอดชีวิตจะได้รับรอยยิ้มและคำอวยพรจากเทพธิดาแห่งสงคราม
และสมมติว่านักรบคนนั้นได้บัญชาการกองทัพ คุณไม่สามารถวัดได้เลยว่ากองทัพของพวกเขาจะทรงพลังมากขึ้นแค่ไหน
ฮีโร่ที่มีความสามารถน่าอันน่าตกตะลึง แค่ปล่อยทิ้งไว้ลำพังก็สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ เหล่าดาร์คเอลฟ์ไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้เลย
“พูดสั้นๆคือ ในสถานการณ์ปัจจุบันที่จำเป็นต้องปกปิดตัวตนไว้ และกำลังรบของกองทัพไม่เพียงพอ การสร้างฮีโร่คือกุญแจสำคัญในการป้องกันอาณาจักร”
โดยทั่วไปแล้ว การจัดตั้งกองทัพต้องใช้ทั้งเงิน เวลา และกำลังคน
อย่างไรก็ตาม หากทาคุโตะจัดเตรียมฮีโร่ที่เขาภาคภูมิใจใน Eternal Nations เขาสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว
สกิลที่ทรงพลังของพวกเขาเพียงพอต่อการป้องกันอาณาจักร ค่าใช้จ่ายเองก็ต่างไปจากตอนที่เป็นเกม มันเสียให้เพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น
ความจงรักภักดีสูงมาก และที่สำคัญที่สุด คือไม่เด่นสะดุดตา
และฮีโร่ที่ไม่เด่นสะดุดตานั้นหมายความว่า เขาจะมีเวลา ยิ่งยืดเวลาออกไปนานเท่าไหร่ ฮีโร่ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น กล่าวอีกนัยนึงคือ อาณาจักรเล็กๆก็สามารถมีพลังเทียบเท่ากับอาณาจักรขนาดใหญ่ได้
เป็นทาคุโตะที่ตระหนักได้ถึงความแตกต่างระหว่างโลกนี้ และเกม “Eternal Nations”
ความแตกต่างนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกเขาชอบ
“โอ้! ช่างน่าเชื่อถืออะไรเช่นนี้! การที่มีผู้ที่ทรงพลังเช่นนั้นอยู่ในกองทัพของพวกเรา จะทำให้ขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด และเหล่าทหารเองก็จะสามารถดึงพลังแฝงออกมาใช้ได้มากกว่าเดิม….ใช่หรือไม่ ไกอา?”
“ใช่แล้ว ผู้เฒ่ามอลทาร์ ความสามารถของพวกเขาจะเป็นกำลังสำคัญเกื้อหนุนให้กองทัพของเราแข็งแกร่งขึ้น! ในอดีตมีผู้บัญชาการมากมายที่ทั้งกล้าหาญและแข็งแกร่ง แต่มีเพียงอาณาจักรของเรา กษัตริย์ของเราเท่านั้น ที่สามารถอัญเชิญคนเหล่านั้นมาได้!”
ถ้ามีฮีโร่อยู่ภายในอาณาจักร อาณาจักรอื่นๆ จะไม่สามารถมองข้ามคุณได้ อย่างน้อยๆ หลายอาณาจักรในทวีปทางตอนใต้ของไฮดราเกียก็ไม่กล้ายุ่งกับพวกเขา
ในช่วงเวลาแห่งสงคราม ตัวตนของผู้ที่แข็งแกร่งจะส่งผลต่อกำลังใจอย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่น การที่มีผู้แข็งแกร่งอยู่บนสนามรบ ความกล้าของพวกเขา เสียงร้องปลุกใจของพวกเขาสามารถสร้างความเสียหายทางจิตใจแก่กองทัพศัตรูได้
“อ่า ข้าลืมบอกไป ว่าข้าเองก็คือหนึ่งใน ‘ฮีโร่’ ดูเหมือนพวกเจ้าจะเข้าใจผิดกันนิดหน่อยนะ ดังนั้นข้าจะอธิบายให้ฟังใหม่ พวกเราเหล่าฮีโร่คือ—”
อาโทวพูดบางอย่างที่น่าตกตะลึง
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทำไมเธอมักจะอยู่ข้างราชาและคอยรับใช้เขาเสมอ มันเป็นเพราะเธอคือฮีโร่นั่นเอง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง อาโทวลุกขึ้นจากโต๊ะและก้าวฉับๆ ออกไปในป่า ที่อยู่นอกวัง
บังลังก์และโต๊ะประชุมตั้งอยู่ในพระราชวัง รูปทรงของพระราชวังนั้นเรียบง่าย และไร้ซึ่งกำแพง
เพราะว่ามันไม่ได้มีพื้นที่มากนัก พวกเขาจึงเห็นอาโทวได้จากในวัง…
ในที่สุด เธอก็หยุดเดินอย่างเงียบๆ ทันใดนั้น ด้านหลังของเธอปรากฏหนวดรยางค์ที่ค่อยๆโผล่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
หนวดที่ยืดออกมาดูคล้ายกับหนอนที่เคลื่อนไหวด้วยท่าทางแปลกๆ
เหล่าดาร์คเอลฟ์ที่เห็นท่าทางของเธอ ระลึกได้ว่าหญิงสาวที่ชื่ออาโทวผู้นี้ คือผู้ที่อยู่ภายใต้ตัวตนแห่งความมืดโดยตรง….
ต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาหายไปอย่างฉับพลัน
“ทหารม้าที่สามารถกวาดล้างกองทัพทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว นั่นล่ะคือ ‘ฮีโร่’ ”
“โอ้ววววว !?”
ทันใดนั้นต้นไม้ที่ถูกโค่นได้ล้มลงไปกองซ้อนกัน
หนวดของเธอฉีกกระชากต้นไม้นับสิบต้นออกจากราก
ผู้เฒ่ามอลทาร์ตกตะลึงกับพลังที่น่าเหลือเชื่อของเธอ ส่วนไกอาถึงกับอ้าปากค้าง เพราะเขารู้ดีว่าการโจมตีนั้นรุนแรงแค่ไหน
เหล่าดาร์คเอลฟ์เข้าใจผิดไป พวกเขาคิดว่าฮีโร่เป็นแค่นักรบผู้กล้าเท่านั้น
เพราะการเป็นนักรบผู้กล้า ถือเป็นตัวตนที่ได้รับการยอมรับในโลกของเหล่านักรบ
แต่กลับกลายเป็นว่าการเป็นฮีโร่ไม่ใช่เรื่องง่ายแบบนั้น
สัตว์ประหลาดที่มีพลังเทียบเท่ากองทัพ
ทหารพิเศษผู้ครอบครองพลังที่สามารถพลิกสถานการณ์การรบ
นั่นคือฮีโร่ที่ไมน็อกกราห์ภาคภูมิใจ
“ถ้าพวกเรารวบรวมพลังแบบนี้ได้ การจัดการกับอาณาจักรเล็กๆที่อยู่รอบดินแดนต้องสาปนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ส่วนอาณาจักรใหญ่ทั้งสองที่อยู่ห่างไกลจากดินแดนทางใต้นี้ ี้ณ ปัจจุบัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะส่งทหารมาที่นี่”
ไม่มีใครรู้ว่าทำได้ยังไง หลังจากที่อาโทวเก็บหนวดที่ส่ายยึกยือไปมา เธอเดินกลับมาในพระราชวังอย่างรวดเร็ว
คนที่เห็นความสามารถของเธอต่างก็ยกย่องอย่างตกตะลึง
“นี่ยังไม่ใช่พลังเต็มร้อยของข้าด้วยซ้ำไป….พวกเจ้าเข้าใจหรือยังว่าฮีโร่แข็งแกร่งขนาดไหน?”
“ทรงพลัง ช่างทรงพลังยิ่งนัก! ข้าได้รู้ซึ้งถึงพลังของท่านอาโทวแล้ว! และยิ่งเหนือไปกว่านั้น ความยิ่งใหญ่ของท่านอิระ ทาคุโตะ!”
“ฟุฟุฟุ ข้าจะจัดการกับศัตรูของท่านทาคุโตะเอง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องกองทัพไป ตราบเท่าที่ข้าอยู่ที่นี่ จะไม่มีปัญหาใดๆแน่นอน”
อาโทวนั่งลงบนเก้าอี้และยืดอกขึ้น
อาจจะฟังดูเหมือนเป็นคำชม แต่พลังการสู้รบของไมน็อกกราห์มากซะยิ่งกว่าพอตราบเท่าที่เธออยู่รอบๆ
เหล่าดาร์คเอลฟ์แน่ใจว่าเธอสามารถจัดการกับคนที่ไล่ล่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ดวงตาของดาร์คเอลฟ์ส่องประกายอย่างมีความสุข
ความแข็งแกร่งขององค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ได้ปัดเป่าความกังวลของพวกเขาจนหมดสิ้น
“อาโทว”
“ค่ะ ราชาของข้า!”
ราชากล่าวกับอาโทว ผู้ที่หันหลังกลับไปอย่างภาคภูมิใจ
อาโทวที่กำลังอารมณ์ดี หันกลับไปหาราชาอันเป็นที่รัก และตอบรับอย่างร่าเริงด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตาม ตรงข้ามกับความหวังที่ว่าเธอจะได้รางวัล
“เก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย”
“….เอ๊!!!!”
คำพูดของราชาคงเป็นประมาณ ‘ใครอนุญาตให้เธอทำลายป่ากันน่ะ’
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
ไม่มีความจำเป็นต้องทำลายป่าเลย
พูดอีกอย่างคือ งานของพวกเขาเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะต้องมาทำความสะอาด
อาโทวเดินไปยังต้นไม้ที่เธอเพิ่งทำลายด้วยอารมณ์บูดบึ้ง
ผู้เฒ่ามอลทาร์และไกอารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ พวกเขาจึงตัดสินใจส่งคนไปช่วยเธอเก็บกวาดต้นไม้
ตอนแรกเธอคิดว่าราชาจะชมเธอ แต่กลับกัน เธอกลับโดนเขาดุ อาโทวเก็บกวาดเศษไม้พร้อมกับกลั้นน้ำตาไปด้วย
ผู้เฒ่ามอลทาร์มองไปยังแผ่นหลังของเธอและคิด
(เด็กสาวที่ครอบครองพลังเทียบเท่ากับกองทัพ)
ยิ่งไปกว่านั้น พลังของเธอยังเพิ่มขึ้นทุกวัน
ดาร์คเอลฟ์ครุ่นคิดถึงเรื่องที่พวกเขาเพิ่งได้พบ พร้อมๆกับเก็บกวาดเศษไม้ด้วยสีหน้าที่ไม่อาจอธิบายได้
=สารานุกรม============
[อาโทวแห่งโคลนเลน] ยูนิตต่อสู้
พลังต่อสู้ : 5
การเคลื่อนที่ : 1
《คุณสมบัติแห่งความพินาศ +2》 《คุณสมบัติความมืด +1》 《คุณสมบัติความโกลาหล +1》
《ปีศาจl》《ฮีโร่》 《แฟนตาซี》
* ด้วยความน่าจะเป็นที่แน่นอน ยูนิตนี้สามารถรับความสามารถของยูนิตที่ถูกมันทำลายได้
= สารานุกรม ============
[ฮีโร่] ความสามารถของยูนิต
• ยูนิตจะไม่ได้รับโทษทางจิตใจ
• อาณาจักรอื่นไม่สามารถครอบครองยูนิตได้
• ได้รับค่าประสบการณ์ +2 ในทุกๆเทิร์น
―――――――――――――――――