Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 21 Twins(2)
เด็กหญิงฝาแฝดทั้งสองคน คนน้องชื่อซีเรีย และพี่สาวชื่อมีเรีย
อาโทวเอียงคอเล็กน้อยเมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่ต่างกันของพวกเขา ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสัตว์ประหลาดที่อยู่เหนือเหตุผลก็ตาม
เธอถามถึงสภาพของเด็กหญิงอย่างไม่ลังเล
“เจ้าได้แผลเป็นนั่นมาอย่างไรรึ?”
“มันเป็นเพราะโรคระบาดค่ะ”
“โอ้ น่าสงสารยิ่งนัก”
“ฝ่าบาท…ซีเรียสมควรได้รับมันแล้วค่ะ”
ซีเรียผู้เป็นน้องสาวเอ่ยกับทาคุโตะเพียงหนึ่งประโยค จากนั้นเธอก็เงียบไป
ดูเหมือนทาคุโตะเองก็ไม่อยากยินเรื่องนี้เพิ่มอีกเช่นกัน
ผู้เฒ่ามอลทาร์อธิบายว่ารอยไหม้นั้นได้มาจากโรคระบาด
เห็นได้ชัดว่า ถึงแม้ตอนนี้เธอจะหายดีแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังอยู่
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด อาโทวก็ตัดสินใจว่าคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะขุดคุ้ยมันขึ้นมาอีก และนั่นคือข้อสรุปของเรื่องนี้
ถ้ามันไม่ได้กระทบอะไรกับราชาของเธอ เธอก็จะไม่สนใจ
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวของเจ้า?”
“เธอเป็นคนที่งดงาม สมบูรณ์แบบ เป็นพี่สาวในอุดมคติเลยค่ะ แต่เธอต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทำให้เธอปิดกั้นจิตใจของตัวเอง”
“หนูกินแม่ตัวเองค่ะ”
“มอลทาร์?”
สายตาทะลุทะลวงจ้องเขม็งไปยังผู้เฒ่ามอลทาร์
พี่สาวของเธอหมายความว่าอะไร? นั่นคือคำถามที่ส่งไป
อย่างไรก็ตาม สายตาที่เต็มไปด้วยคำถามนั้นก็แค่เป็นการยืนยัน อาโทวพอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นจากสถานการณ์ของพวกเขา…
“มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากขอรับ แม่ของพวกเขาเป็นคนที่น่ายกย่องคนหนึ่งเลยทีเดียว เผ่าของเราไม่เคยลืมการเสียสละของเธอ…”
พวกดาร์คเอลฟ์ไม่อาจทนความหิวโหยได้ และลงมือกินพวกเดียวกันเอง
พวกเขาถูกขับไล่ออกจากดินแดนบ้านเกิด การเดินทางอันยาวนานบีบบังคับให้พวกเขาต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก
อาโทวไม่ได้อยู่ในจุดที่จะตัดสินพวกเขาได้ และเธอก็ไม่ได้สนใจด้วย
แต่สำหรับพวกเขาแล้ว มันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และมันง่ายกว่าที่จะมองว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก
ดังนั้น การเสียสละเพื่อยืดชีวิตของเด็กทั้งสองคนนี้ จึงทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่ไม่อาจลบเลือน…
…ในที่สุดอาโทวก็เข้าใจว่าทำไมผู้เฒ่ามอลทาร์จึงไม่อยากแนะนำเด็กหญิงสองคนนี้
ดูจากพื้นเพของพวกเขาแล้ว มันก็ไม่ได้แย่ แต่มันก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะแนะนำพวกเขาให้เป็นนางกำนัลของราชา
ชัดเจนเลยว่าชายชราผู้นี้เองก็จนเกล้ากับปัญหานี้
อาโทวถึงกับปวดหัว
ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วราชาจะเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ตอนนี้เธอเป็นคนรับผิดชอบ
รูปลักษณ์ของพวกเขาไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ เพราะนางกำนัลนั้นถือได้ว่าเป็นตัวแทนของราชา
อย่างไรก็ตาม ความกล้าหาญที่ไร้ซึ่งความกลัวเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ…
“ราชา ขาวจัง…”
ทันใดนั้น อาโทวก็รู้สึกตัว มีเรียผู้เป็นพี่ไปปรากฎตัวอยู่ข้างๆทาคุโตะ
มีเรียจ้องไปยังทาคุโตะด้วยดวงตากลมโตของเธอ
ทาคุโตะดูไม่แปลกใจ และตอบคำถามของเธอ
“มันคือชุดกาวน์ของโรงพยาบาลน่ะ”
“โรงพยาบาล?”
“ใช่แล้ว เธอรู้จักรึเปล่า?”
“ไม่เลยค่ะ”
เสื้อผ้าที่ทาคุโตะใส่อยู่ตอนนี้เป็นชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่เขาใส่อยู่ประจำ
ทาคุโตะยังใส่เครื่องประดับอีกหลายอย่าง ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่เข้ากัน รูปลักษณ์ของเขาในชุดสีขาวนั้นดูไม่ปกติอย่างแน่นอน
เด็กหญิงพยักหน้าราวกับว่าเธอสนใจชุดสีขาว และจ้องมองชุดนั้นอย่างตั้งใจ
บางทีทาคุโตะอาจจะคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้ เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและลูบหัวมีเรียเบาๆ
“มีเรีย เธอจะคอยดูแลฉันไหม?”
“ค่ะ หนูจะเป็นคนดูแลราชาเอง”
“โอ้ ท่าน- ท่านทาคุโตะคุยกับเด็กผู้หญิงด้วย!!”
อาโทวรับรู้ว่าความขัดแย้งในใจเธอ ได้หายไปแล้วตอนนี้
การตัดสินใจของเธอถูกต้อง
ถ้าอีกฝ่ายเป็นเด็กผู้หญิง เขาจะสามารถพูดคุยด้วยได้!
ถ้าทาคุโตะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็จะสามารถรักษาปัญหาด้านการสื่อสารลงได้!
เธอได้ตัดสินใจที่จะรับเด็กพวกนี้ไว้เป็นที่เรียบร้อย
ไม่ว่าจะดีหรือเลว เธอจะคิดถึงประโยชน์มากกว่าจะสนใจบุคลิกของพวกเขา
“เธอไม่กลัวหรอ?”
ทาคุโตะละความสนใจจากมีเรีย ที่ยังคงงับชายเสื้อกาวน์ของเขาอยู่ และหันไปยังผู้เป็นน้องสาว ซีเรีย
ชั่วขณะนึง น้องสาวของเธอตกใจ และดูท่าทางหวาดกลัว
ไม่เหมือนกับคนเป็นพี่ ดูเหมือนเธอจะกลัวทาคุโตะอยู่เล็กน้อย
ท่าทางของเธอเป็นเรื่องปกติ มองอีกมุมนึง ทาคุโตะประทับใจที่เธอยังคงยืนหยัดถึงแม้ว่าเธอจะหวาดกลัว
“ในฐานะน้องสาว ซีเรียมีหน้าที่จะต้องคอยอยู่เคียงข้างพี่ค่ะ ถ้าพี่อยากอยู่ ซีเรียก็จะอยู่ด้วยค่ะ”
“ดีเลย…แล้ว เธอจะมาด้วยไหม?”
“ค่ะ ให้หนูจัดการเอง!”
ด้วยเหตุนี้ จึงตัดสินกันได้แล้วว่า เด็กหญิงทั้งสองคนนี้จะเป็นนางกำนัลของทาคุโตะ
ผู้เฒ่ามอลทาร์และหัวหน้านักรบไกอาพากันโล่งอก และบอกเด็กหญิงทั้งสองให้ทำหน้าที่ให้ดี
“องค์ราชาได้ทรงอนุญาตแล้ว ให้พวกนางได้ทำหน้าที่นางกำนัลนับแต่นี้เป็นต้นไป”
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี และอาโทวเองก็มีความสุข
และทาคุโตะที่ถูกสงสัยว่าเป็นโลลิคอนอยู่ช่วงนึง รู้สึกโล่งอกที่เขาหนีจากวิกฤตนั้นได้สำเร็จ
พระราชวังที่เคยดูโดดเดี่ยวสำหรับทาคุโตะและอาโทวจะยิ่งสวยงามและครึกครื้นมากยิ่งขึ้น
◇ ◇ ◇
ทีนี้ก็มาพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
ด้วยนางกำนัลทั้งสองในพระราชวัง ชีวิตของทาคุโตะควรจะสะดวกสบายมากขึ้น
แต่ในความเป็นจริงล่ะ? ชีวิตของทาคุโตะกลับวุ่นวายมากขึ้นก่อนหน้านี้ซะอีก
“ฝ่าบาท เครื่องดื่มค่ะ”
“ขอบใจนะ”
“อ๊ะ ทำหกซะแล้วค่ะ”
“มะ-ไม่เป็นไร”
เสื้อผ้าของทาคุโตะทั้งเปียกและเป็นคราบ
นี่เป็นความซุ่มซ่ามของมีเรีย ตอนแรกทาคุโตะก็แปลกใจอยู่ แต่มันมักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเขาเลยเริ่มชินซะแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงไม่ได้เปลี่ยนไป ต้องขอบคุณความผิดพลาดนั้น ทำให้ตอนนี้เสื้อกาวน์สีขาวนั้นเต็มไปด้วยคราบมากมาย
แต่ทาคุโตะก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาอยากให้พวกเธอทำให้ดีที่สุด และยิ่งไปกว่านั้น เขาคงไม่โกรธเพียงแค่เพราะเด็กๆทำพลาดหรอก
อีกอย่าง
“โอ๊ะ ฝ่าบาท! ฉันจะเช็ดให้เองนะคะ”
“ขอบคุณนะ”
ซีเรียผู้เป็นน้องสาวมักจะอยู่กับเธอเสมอ และพยายามอย่างมากที่จะตามล้างตามเช็ดสิ่งที่พี่สาวทำไว้
ดูเหมือนคนเป็นน้องจะรักพี่สาวของเธอมาก
เธอทำงานหนักมากกว่าคนเป็นพี่ซะอีก และพยายามเก็บกวาดสิ่งที่พี่ของเธอทำพลาด
อย่างไรก็ตาม เธอยังคงดูกลัวทาคุโตะอยู่เหมือนเดิม
ดังนั้น ทาคุโตะจึงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำตัวยังไง
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้จึงกลายมาเป็นชีวิตประจำวันของเขา
ทาคุโตะที่กำลังถูกดูแลโดยเด็กหญิงทั้งสอง ถ้ามองจากไกลๆแล้ว ดูราวกับพี่ชายคนโตที่น่าสมเพช
แต่ความเป็นจริงแล้ว เขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่น่ารำคาญสุดๆ
แต่วันนั้นมันต่างออกกไป
ปกติแล้ว มีเรียมักจะออกไปเล่นกับน้องสาวของเธอหลังเลิกงาน แต่…
เธอจ้องไปในดวงตาของทาคุโตะอย่างลึกลับ
“ฝ่าบาทเพคะ”
“ว่าไง?”
“ฝ่าบาทเป็นคนเลวหรือเปล่าคะ?”
“ก็นะ คุณลักษณะของฉันคือปีศาจน่ะ”
ทาคุโตะมายังโลกใบนี้ในฐานะผู้นำของไมน็อกกราห์
ดังนั้นคุณลักษณะของเขาคือปีศาจ
แน่นอน ในเมื่อพวกเขากลายเป็นประชากรของไมน็อกกราห์ พวกเขาจึงเป็นปีศาจ ทาคุโตะได้แต่สงสัยว่ามันผิดปกติตรงไหน? เขาไม่เข้าใจความหมายของคำถาม
“แล้วทำไมท่านถึงไม่ฆ่าหรอคะ?”
“ใครหรอ?”
“พวกเรา”
“เอ๋?”
“เอ่อ…เอตโตะ ฝ่าบาท พี่สาวของฉันกำลังถามว่า ทำไมราชาผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านถึงเมตตาเด็กๆอย่างพวกเราล่ะคะ”
หืมม! ทาคุโตะกอดอกและครุ่นคิด
เขาไม่ได้มีเมตตา
พวกเธอเป็นบริวารของเขา และยังเป็นเด็กอีกด้วย
เขาไม่ได้มีเจตนาจะลงโทษพวกเธอ ถึงแม้ว่าบางครั้งจำเป็นจะต้องดุด่าบ้างก็ตาม
การฆ่าคือการกระทำที่ป่าเถื่อน
พวกเขากลัวงั้นหรอ? ขณะที่คิดอย่างนั้น ทาคุโตะก็พยายามตอบคำถามก่อนหน้าด้วยเสียงน้ำเสียงนุ่มนวล
“เป็นเพราะที่เธอรับใช้ฉันงั้นหรอ?”
“อื้ม!”
“พี่สาวของฉันรู้สึกหงุดหงิด เพราะถึงแม้ว่าราชาจะเป็นคนไม่ดี แต่ก็ยังใจดีกับพวกเรา…”
“เอ๊ะ..”
มีเรียนั้นหงุดหงิด
ดูเหมือนเธอจะโกรธเคืองอยู่
ทาคุโตะนั้นสับสน ถึงแม้ว่าเขาจะคิดว่าท่าทางของเธอนั้นดูน่ารักดี
อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะเขาเข้าใจดีว่าเธอพยายามจะสื่ออะไร เขาจึงพูดกับพวกเธออย่างนุ่มนวล
ทาคุโตะคิดว่าอาจจะเป็นเพราะพวกเขาสับสนจากการที่คุณลักษณะเปลี่ยนไป
“ฉันจะเล่าเรื่องนึงให้พวกเธอฟังแล้วกัน ตั้งใจฟังกันดีๆล่ะ”
ฝาแฝดตอบกลับทาคุโตะ อย่างน่ารักและไร้เดียงสา
“คนดีควรจะทำแต่สิ่งที่ถูก คนดีจะไม่สามารถทำร้ายคนอื่นได้ ไม่แม้แต่ขโมยของ อย่าพูดถึงการฆ่าเลย”
“ใช่”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วคนเลวล่ะ? เธอคิดว่าคนเลวควรจะทำอะไร?”
“เขาต้องไม่ทำอย่างอื่นนอกจากความชั่วแน่นอนค่ะ”
“ทำเรื่องแย่ๆ แย่มากๆ!”
แน่นอนว่าทั้งคู่ตอบกลับมา
มันเป็นอย่างที่ทาคุโตะคิดไว้ และคำตอบของพวกเธอทั้งคู่ก็ถูกเซ็ตไว้แล้ว
“นั่นไม่ถูกต้อง คนเลวคือคนที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามแต่เขาต้องการ”
ทันใดนั้น ดวงตาของทั้งสองคนเบิกกว้าง แสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจ
ท่าทางที่น่ารักของพวกเธอทำให้ทาคุโตะยิ้มออกมา เพื่อที่จะได้ไม่หลงประเด็น เขาจึงเล่าต่อ
“เขาสามารถทำสิ่งดีๆ หรือจะทำเรื่องเลวๆก็ได้ เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง หรือจะไม่ทำอะไรเลยก็ได้ คนเลวนั้นเห็นแก่ตัวและเป็นอิสระ เขาเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูก และไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น และไม่มีวันหันหลังกลับ นั่นแหละ คือคนเลวที่แท้จริง”
“ดังนั้นจึงไม่เป็นไรที่ฉันจะใจดีกับพวกเธอยังไงล่ะ”
และทาคุโตะก็ขยิบตาใส่
“ไม่ยุติธรรมเลย!”
“แน่นอน เพราะว่าเขาเป็นคนเลวยังไงล่ะ”
“แล้วสักวันเขาจะโดนลงโทษมั้ย?”
“ไม่ คนเลวจะเป็นฝ่ายฆ่าพวกคนดีที่จะมาลงโทษก่อน เขาเป็นคนแบบนั้นแหละ”
“เอ๋!!!”
ขณะที่หัวเราะให้กับตัวเอง ทาคุโตะก็อธิบายทฤษฎีของเขาอย่างคล่องแคล่ว
ตอนที่มาถึงช่วงกลางๆเรื่อง ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
ถ้าเขาเดาถูก มันก็จะอธิบายความหมายที่แท้จริงของคำถามที่มีเรียถามก่อนหน้านี้
กล่าวอีกนัยนึงคือ….
“ความผิดพลาดของพวกเธอก่อนหน้านี้ คือการจงใจทำใช่มั้ย?”
มีเรียผู้เป็นพี่พยักหน้าด้วยดวงตากระจ่างใส และซีเรียผู้เป็นน้องตัวสั่นราวกับว่าเธอเสียขวัญ
จากท่าทีนั้น ทาคุโตะก็ยืนยันควาามคิดของเขาได้แล้ว
“เข้าใจล่ะ…”
ในที่สุดทาคุโตะก็พบกับคำตอบ
เธอ…พวกเธอ ต้องการที่จะตาย
จากคำอธิบายก่อนหน้านี้ เขารู้อยู่แล้วว่าพวกดาร์คเอลฟ์ ต้องจำใจกินเนื้อพวกเดียวกันเองเพราะความหิวโหย
และยังรู้เรื่องการเสียสละของแม่พวกเธออีกด้วย
ทาคุโตะไม่เข้าใจความรักของครอบครัวนัก แต่เขาเข้าใจว่าแม่ของพวกเธอพยายามจะช่วยทั้งคู่ด้วยความรักที่มี
แต่การที่พวกเขาต้องการชะตากรรมแบบนี้มั้ย นั้นก็เป็นอีกเรื่องนึง
เขามั่นใจว่าทั้งคู่คงไม่ต้องการอนาคตแบบนี้แน่ๆ
“ซีเรียกับ….พี่…”
“หนูสมควรตายค่ะ”
มีเรียพูดต่อจากประโยคของน้องสาว คำพูดของเธอดูมีเหตุผลมากซะจน ไม่มีใครคิดว่าเธอนั้นจิตใจแหลกสลาย
ไม่สิ บางทีจิตใจของเธออาจจะไม่ได้แหลกสลายหรอก
อย่างไรก็ตาม คำสาปที่ปกคลุมนั้นได้ทาทับทุกอย่างด้วยสีดำสนิท
มีเพียงแค่อารมณ์เหมือนเด็กๆที่แสดงออกแค่เพียงภายนอก มันเป็นบางสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากจะอ้วก
“แต่ พวกเธอกลัวที่จะตายสินะ?”
พวกเธอพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบกลับ
พวกเธอไม่สามารถให้อภัยตัวเองที่เอาชีวิตรอดได้ด้วยการเสียสละของแม่ … พวกเธออยากตายมาก แต่ก็รู้สึกกลัวความตายเช่นกัน
ทั้งคู่ขอร้องให้ใครซักคนฆ่าพวกเธอ และทำร้ายตัวเองด้วยการทำลายหัวใจตนเองด้วยความสิ้นหวัง
พวกเธอคิดว่าถ้าเธอทำบางอย่างให้ราชาโกรธ เขาจะสั่งประหารพวกเธอทั้งคู่แน่นอน
พวกเธอใช้ชีวิตไปวันๆเพื่อแสวงหาความตาย
เด็กผู้หญิงสองคนยังคงขัดแย้งในตัวเองต่อไป
ทาคุโตะโบกมือเรียกให้พวกเธอทั้งคู่เข้ามาใกล้ๆ
เขารู้สึกได้ถึงความเศร้าโศกในดวงตาของพวกเธอ
เขาพยายามค้นหาถ้อยคำที่จะช่วยเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาสองคนนี้
“มันมีเหตุผลที่พวกเธอมาอยู่ตรงนี้ เป็นเพราะมีคนที่มอบชีวิตให้กับพวกเธอ พวกเธอรู้มั้ยว่าคนๆนั้นเป็นใคร?”
“มันน่าเศร้า…”
“มันเจ็บปวดเกินไป”
(โอ้ พวกเขาช่างถูกรักอย่างมากมายนัก)
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ทาคุโตะรู้สึกประทับใจ
ช่างเป็นความรักที่งดงามอะไรแบบนี้ เขาคิด
ทาคุโตะไม่เคยได้รับความรักจากครอบครัว นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับความรักของครอบครัวนัก
ถึงอย่างนั้น มันก็ง่ายที่จะเห็นว่าเด็กผู้หญิงทั้งสองคนนี้ และแม่ของพวกเธอผูกพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น
ถ้าปล่อยเอาไว้ความรักนี้คงจะจางหายไป
จนในที่สุด จิตใจของพวกเขาจะพังลง และพวกเขาจะแตกสลายไปจริงๆ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดูเหมือนมันจะทำให้ทาคุโตะเจ็บปวดอย่างมาก ที่ความรักแบบนี้จะหายไป เพราะอะไรที่ไร้สาระอย่างพวกศีลธรรม จริยธรรม
“…แม่ของเธอพูดไว้ว่ายังไงล่ะ?”
“จงมีชีวิตอยู่…”
ทาคุโตะคิดว่ามันเป็นคำที่ควรจะพูดอยู่แล้ว
เมื่อเขาคิดถึงความรักที่มีระหว่างพวกเขา มันเป็นเรื่องธรรมดาที่แม่ของพวกเขาจะบอกแบบนั้น
ดังนั้น เขาจึงรับฟังพวกเธออย่างจริงใจ และมอบถ้อยคำแห่งความกล้า ด้วยความหวังว่ามันจะส่งไปถึงจิตวิญญาณของพวกเธอ
“เรื่องร้ายๆมันไม่ได้ผิดเสมอไป ทั้งแม่ของเธอ และพวกเธอทั้งคู่ ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว จงภูมิใจซะ ที่พวกเธอมาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะความรักของแม่ได้เอาชนะชะตากรรมของพวกเธอแล้ว”
คำพูดพวกนั้นต้องทำให้ทั้งคู่รู้สึกอะไรบางอย่างแน่นอน
บรรยากาศอันสูงส่ง และเป็นเอกลักษณ์ แผ่กระจายออกมาจากคนคนนี้ที่กำลังสวมหน้ากากผู้นำของเผ่าปีศาจอยู่
เด็กหญิงทั้งสองรู้สึกราวกับถูกคำพูดพวกนั้นกลืนกิน และวิญญาณหลุดลอยไป
มันรู้สึกเหมือนอัตตาของพวกเขาพังทลายลง เมื่อถูกล้อมรอบด้วยมวลขนาดใหญ่ที่อยู่นอกขอบเขตความคิดของพวกเขา
มันน่าหวาดหวั่น แต่ก็รู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน
ราชาผู้ยิ่งใหญ่ได้ลบการลงโทษตัวเองด้วยการบีบคั้นจิตใจของพวกเขาออกไป
หลังจากที่สามัญสำนึก จริยธรรม ความวิตกกังวล และความรู้สึกสูญเสียได้หายไป สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือความรักของแม่
“ฝ่าบาท พวกเรา…”
“พวกเราควรจะทำยังไงดี?”
เด็กหญิงทั้งสองเริ่มร้องไห้ออกมา
บางที อาจเป็นเพราะความกังวลของพวกเขาได้หายไป หรือไม่ก็เป็นเพราะพวกเขาสัมผัสได้ถึงความรักของแม่อีกครั้ง
ทั้งคู่เอาแต่ร้องไห้
ทาคุโตะไม่เคยรู้มาก่อน แต่…มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาร้องไห้หลังจากที่เสียแม่ไป
“เธอสามารถใช้ชีวิตได้ตามที่ต้องการ เพื่อตอบรับความรักของแม่ แม่ของพวกเธอจะได้ภูมิใจ”
ดวงตาอันไร้เดียงสามองมายังทาคุโตะ
ทาตุโตะไม่รู้ว่าภายในจิตใจของพวกเธอจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจว่าการแสดงออกของพวกเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย และพวกเธอรู้สึกโล่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้ คำพูดของราชาได้มอบความกล้าให้กับพวกเธอ และเด็กหญิงทั้งสองได้ถูกช่วยเอาไว้เล็กน้อย
………
……
…
“ท่านทาคุโตะคะ! การสำรวจเสร็จแล้วค่ะ!”
“ยินดีต้อนรับกลับมานะ….”
“อืม? มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอคะ?”
“เรากลายเป็นเพื่อนกันแล้วน่ะ”
หลังเสร็จจากธุระหลายๆอย่าง และกลับไปที่พระราชวัง อาโทวก็ขมวดคิ้วให้กับการปรากฎตัวของราชา
มันไม่มีอะไรผิดปกติ
ไม่สิ ไม่ใช่ว่าสำหรับเธอแล้วนี่มันเป็นปัญหาใหญ่เลยหรอ?
ทาคุโตะนั่งอยู่บนบัลลังก์ ในขณะที่เด็กหญิงทั้งสองคน ที่ควรจะเป็นนางกำนัล นั่งอยู่ข้างๆทั้งสองฝั่ง และหลับอยู่อย่างมีความสุข
“อย่า- อย่าบอกนะคะ ว่าท่านทำลงไปแล้วน่ะ?”
คำพูดที่ไม่เหมาะสมออกมาจากปากของอาโทวโดยไม่รู้ตัว
อาโทวแทบจะตะโกนออกมาเลยว่า ‘ท่านควรจะทำอะไรแบบนั้นกับฉันสิคะ!’ แต่เป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าทาคุโตะคิดยังไงกับเธอ ดังนั้นเธอจึงหุบปากลงและกัดฟัน
อาโทวจ้องไปที่ทาคุโตะด้วยสายตาเฉียบคม ราวกับว่ากำลังคาดโทษเขาอยู่ เธอรู้สึกอิจฉา
“ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ! ที่สำคัญกว่านั้นนะ รายงานล่ะ! รายงาน!”
“อุ๊บส์ ขออภัยค่ะ เมื่อวันก่อนพวกเราได้สำรวจเมืองใกล้ๆ แต่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมาแล้ว –มันเป็นเมืองที่มีความหลากหลายของเผ่าพันธุ์ ที่มีประชากรหลักเป็นมนุษย์ ซึ่งเรียกว่า ฟอว์นคาเวน”
“มีความหลากหลายของเผ่าพันธุ์หรอ? หืมม…”
การสืบสวนอย่างลับๆ ของเมืองที่อยู่ใกล้กับไมน็อกกราห์ได้ถูกรายงานในเวลาต่อมา
ทาคุโตะตั้งใจที่จะสร้างพันธมิตรขึ้นถ้าหากเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงรวบรวมข้อมูลอย่างลับๆ
ดูเหมือนผลลัพธ์ได้ปรากฎแล้ว
มันอาจจะมีรายละเอียดยิบย่อยอยู่อีก แต่โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีปัญหา
ทาคุโตะเริ่มวางแผนถึงอนาคต เขาเอียงคอและมองไปยังท่าทีของอาโทวขณะที่เธอกำลังพูดอะไรบางอย่าง
“ทำไมหรอ? เกิดอะไรขึ้น?”
“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า มีเส้นชีพจรมังกรอยู่ภายในเมืองค่ะ”
“เอ๊ะ…..”
ดวงตาของทาคุโตะเบิกกว้างอย่างรวดเร็ว
อาณาจักรที่มีเส้นชีพจรมังกร
หมายความว่าอาณาจักรนั้นครอบครองเทคโนโลยีทางทหารที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์
= สารานุกรม ============
[เส้นชีพจรมังกร] ทรัพยากรแผนที่
ถ้าให้เจาะจงก็คือ มันถูกเรียกว่า หลุมชีพจรมังกร เป็นสถานที่ที่เต็มไปมานาจำนวนมากของดวงดาวที่หลุดออกมา
ด้วยการเก็บมานา ยูนิตเวทย์มนตร์ต่างๆ จะสามารถใช้เวทย์มนตร์ยุทธวิธีอันทรงพลังได้
นอกจากนี้ ฮีโร่บางตัวสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการดูดซึมมานา การรวบรวมมานาให้มากกว่าอาณาจักรอื่นจะช่วยให้เอาชนะเกมได้
=================================