Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 25 Dialog (2)
………
……
…
โทนุคาโปลีรู้สึกสับสนมาก
เพราะสถานการณ์ที่ตึงเครียดกลับจบลงด้วยงานรื่นเริงซะได้
งานเลี้ยงฉลองการกำเนิดมิตรภาพระหว่างเปเป้ และทาคุโตะ
ตอนแรกเธอก็ยังสงสัยอยู่ว่านี่คือกลลวงหรือเปล่า แต่หญิงสาวชาวปีศาจที่ชื่อว่าอาโทวผู้นั้นกลับแสดงความยินดีออกมาจากใจจริง ทำให้เธอเชื่อแล้วว่าพวกเขาอยากจะเลี้ยงฉลองกันจริงๆ
ในขณะเดียวกัน อาหารจานแล้วจานเล่าก็ถูกลำเลียงมาที่โต๊ะ
อาหารที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
อย่างไรก็ตาม กลิ่นของมันสุดยอดมาก
แม้แต่โทนุคาโปลี ที่ปกติไม่ค่อยสนใจเรื่องอาหารก็ยังกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว
“กินกันให้เยอะๆเลยนะ! วันนี้เป็นวันที่พิเศษมาก! เอาเลย ท่านโทนุคาโปลี!”
“อ๊ะ อ่า ขอบคุณมาก”
เมื่ออาโทวเชื้อเชิญ โทนุคาโปลีจึงหยิบผลไม้ขึ้นมา
ผลไม้แกะสลักสีส้มที่ดูสดใหม่ และน้ำผลไม้ที่ไหลเยิ้มออกมา แค่ดมดูก็รู้แล้วผลไม้นี้มีรสชาติดีมาก
โทนุคาโปลีไม่คาคคิดเลยว่าจะมีผลไม้แบบนี้อยู่บนโลก
เธอจึงถามเด็กหญิงดาร์คเอลฟ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้า ที่กำลังช่วยเสิร์ฟอาหารอยู่ว่าสิ่งนี้คืออะไร
เด็กหญิงคนนั้นตอบเธอด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ว่าสิ่งนั้นคือ ‘ไข่ตะวัน’
มันเป็นชื่อที่ดี แต่ก็ไม่สามารถบอกได้อยู่ดีว่ามันจะดีสมชื่อหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่ตัดสินจนกว่าจะได้ลองมัน
โทนุคาโปลีหยิบส้อมใกล้ตัวเธอขึ้นมา และจ้องไปยังผลไม้สดที่มีน้ำไหลเยิ้ม ก่อนที่จะตัดสินใจนำมันเข้าปาก
(นี่มันอะไรกัน!!?)
ชั่วขณะนั้น
ของหวานทั้งหมดที่เธอเคยกินมาจนถึงตอนนั้นกลายเป็นขยะไปในบัดดล
รสชาติอะไรกันนี่! นี่มัน!
ความหวานที่กระจายไปทั่วปากอย่างคาดไม่ถึง ความนุ่มชุ่มฉ่ำละมุนลิ้น น้ำที่ไหลเยิ้มออกมาทุกครั้งที่กัด
ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นหอมที่โชยออกมาผ่านทางช่องปากและโพรงจมูกแทบจะทำให้ใจของเธอละลาย
กระเพาะของเธอที่หดตัวลงไปตามอายุ ทันใดนั้นก็เริ่มทำงานอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่ามันจดจำช่วงเวลาที่เธอยังสาว และเรียกร้องให้เธอทำการสวาปามเข้าไปอีก
มือของเธอกำลังเอื้อมออกไปยังจานถัดไป แต่เธอจงใจดึงมันกลับมาอย่างแรง…
โทนุคาโปลีวิเคราะห์ประสบการณ์เมื่อสักครู่อย่างเงียบๆ และใช้ดวงตาที่เฉียบคมมองไปยังไมน็อกกราห์
“ดะ…ด้วยความเคารพ ข้าขอถามได้ไหม? นี่คืออาหารที่ร่วงหล่นหรือไม่?”
พร้อมๆกับเหลือบตามองไปยังเปเป้ ที่กำลังสวาปามอาหารโดยไม่ลังเลเมื่อสักครู่
โทนุคาโปลีพยายามรักษาสีหน้าให้นิ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
กล่าวได้ว่าปีศาจก็คือผู้คนที่ร่วงหล่น
มันคอยแทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของผู้คนอย่างเงียบๆ
ปีศาจจะล่อลวงจิตใจเอาไว้เพื่อไม่ให้พวกเขาหนีไปได้
ยกตัวอย่างเช่น สมบัติมหาศาลที่ต่อให้ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด
เจ้าหญิงผู้งดงาม ใครก็ตามที่เผลอสบตา จะไม่สามารถมองเห็นได้ไปตลอดชีวิต
หรือ…..อาหารที่คุณจะไม่มีวันลืมเลือนถ้าได้กินไปสักครั้ง
เท่าที่เธอคิด เธอไม่อ่อนแอจนถึงกับบ้าคลั่งเพราะมัน
แต่เธอก็ยังเผลอกินมันต่อโดยไม่รู้ตัว เธอชื่นชอบมันมาก กระทั่งขอเพิ่ม
ผลไม้นั่นมันอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงถาม
เธอกินอะไรเข้าไป?
อาหารที่ไม่น่ามีอยู่บนโลกใบนี้
แต่คำถามนั้นควรจะถูกถามออกมาด้วยความระมัดระวัง
แต่มันกลับถูกอาโทวที่ประหลาดใจเล็กน้อยปฏิเสธออกมาทันที
“อาหารที่ร่วงหล่น? โอ้ เข้าใจล่ะ มันอร่อยเกินไปจนเจ้าสงสัยว่าจะมีผลเสียรึเปล่าสินะ ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก”
อาโทวตอบกลับพร้อมโบกมือไปมา
โทนุคาโปลีเอียงหัวพร้อมกับถามว่า ‘จริงหรือ?’ แต่เธอก็ยังไม่ปักใจเชื่อ
เพราะถึงยังไง อาหารมื้อนี้ก็อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ จนราวกับว่ามันเป็นอาหารทิพย์ของปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
ในบางครั้ง อาหารนั้นมีค่ามากจนก่อให้เกิดการเข่นฆ่าเพื่อแย่งชิงกันได้เลย
ถ้าเธอโยนอาหารพวกนี้ไปให้เหล่านักบวชจอมละโมบที่ควอเลีย มันคงจะก่อให้เกิดความขัดแย้งที่น่าขันได้เลย
นั่นคือสิ่งที่เธอมั่นใจ
มันเป็นธรรมดาที่เธอจะยังไม่ปักใจเชื่อจนกว่าจะได้รับการอธิบายถึงที่มาของอาหารพวกนี้
“หืมม ข้าจะอธิบายยังไงดีล่ะ? อาหารพวกนี้เป็นผลิตผลพิเศษที่สามารถเพาะปลูกได้ในอาณาจักรของพวกเราเท่านั้น ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้มากกว่านี้ เพราะนั่นเป็นความลับของชาติ แต่ข้ายืนยันได้เลยว่าสามารถกินดื่มพวกมันได้อย่างปลอดภัยแน่นอน”
อาโทวตอบคำถามของโทนุคาโปลีที่กังวล และอธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อย
ถ้าบอกว่ามันคือความลับของอาณาจักร โทนุคาโปลีก็จะไม่สามารถซักไซร้ไปได้มากกว่านี้
มันอร่อยจนน่าเหลือเชื่อ แต่ตราบใดที่มันมีตัวตนอยู่บนโต๊ะได้ แสดงว่ามันไม่ใช่ภาพลวงตา
“มันอร่อยมากเลย”
“อร่อยมากซะจนฉันอยากกินให้เต็มท้องไปเลย!”
“จริงหรอ? เยี่ยมไปเลย”
เด็กหญิงดาร์คเอลฟ์สองคนยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสา ในขณะที่เสิร์ฟอาหารให้แก่โทนุคาโปลี
เมื่อเธอได้รับรอยยิ้มที่เด็กหญิงทั้งสองส่งมาให้ ทำให้เธอต้องส่งยิ้มกลับไปอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าไม่คิดถึงความจริงที่ว่าเด็กพวกนี้อยู่ภายใต้การปกครองของปีศาจแล้ว รอยยิ้มอันไร้เดียงสาของทั้งคู่ดูราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ
(อยากได้เด็กพวกนี้มาแทนเจ้าโง่เปเป้จัง.…)
เธอเหลือตามองไปยังเปเป้ที่กำลังกินแซนวิชเนื้ออะไรสักอย่างอยู่
เขาเอาแต่พูดคำว่าอร่อยมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว โทนุคาโปลีก็ยังสงสัยอยู่ว่าเจ้าโง่นี่จะรู้สึกถึงความผิดปกติของอาหารมื้อนี้รึเปล่า
อย่างไรก็ตาม ถ้าเปเป้รู้สึกปลอดภัยที่จะกินมัน บางทีมันน่าจะปลอดภัยจริงๆล่ะมั้ง
โทนุคาโปลีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
จากนั้นเธอจึงขออภัยที่สงสัยชาวไมน็อกกราห์ และชื่นชมมื้ออาหารของพวกเขาว่ามันรสชาติดีซะจนเธออดสงสัยไม่ได้
ประโยคเหล่านั้นทำให้อาโทวและชาวไมน็อกกราห์คนอื่นๆรู้สึกดีขึ้น และพวกเขาก็นำอาหารมาให้โทนุคาโปลีเพิ่มขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ประโยคเหล่านั้นคือคำชม
การที่สามารถผลิตอาหารแบบนี้ออกมาได้ แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยี และความมั่งคั่งของอาณาจักร
ดังนั้น การที่สามารถดื่มด่ำไปกับมื้ออาหารที่หรูหราแบบนี้ได้ คือหลักฐานว่าไมน็อกกราห์เป็นอาณาจักรที่อุดมสมบูรณ์
เธอถามเด็กหญิงเกี่ยวกับเรื่องนี้ และคำตอบคือพวกเขากินอาหารพวกนี้เป็นประจำ
เด็กหญิงฝาแฝดสองคนทำหน้าที่เป็นเมดอยู่ในวัง ตอนแรกโทนุคาโปลีคิดว่าพวกเธอถูกบังคับให้ใช้แรงงาน แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเธอถูกปฏิบัติด้วยอย่างดี แต่แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องปกติอยู่ดี
โทนุคาโปลีรู้สึกสงสัย เธอจึงถามเด็กพวกนั้นอีกเล็กน้อย และเด็กหญิงตัวเล็กๆก็ตอบว่า ถึงแม้ว่ามื้อนี้จะพิเศษ แต่ประชาชนทุกคนก็สามารถกินมันได้
ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเขานี่ช่างโชคดีซะจริง
มันทำให้โทนุคาโปลีเข้าใจเลยว่าคุณภาพของอาหารที่พวกเขากินกันอยู่ทุกวันมันห่วยแค่ไหน
ในขณะเดียวกัน เธอก็คิดว่า ในเมื่อได้รู้จักกับอาหารรสชาติดีขนาดนี้แล้ว จะกลับไปกินอาหารของอาณาจักรตัวเองได้ยังไง
นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอตื่นตระหนกขนาดไหน และสาเหตุนั้น เกิดจากการลิ้มรสอาหารเพียงเล็กน้อย
“ในนามขององค์ราชา อาหารที่ดีที่สุดจำนวนมากสำหรับทุกท่าน โปรดทำใจให้สบายและเพลิดเพลินไปกับมัน นี่คืออาหารที่อร่อยที่สุดในโลกซึ่งไมน็อกกราห์ภาคภูมิใจ”
“ใช่ ท่านกล่าวถูกต้อง นี่คือสิ่งยอดเยี่ยมที่สุดในโลกอย่างแน่นอน ข้าเคยได้ยินคำกล่าวคุยโวมามากมาย แต่ไม่ตรงกับความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย ช่วงหลังมานี้ น้ำหนักข้าลงไปค่อนข้างเยอะ แต่ตอนนี้ข้าชักกังวลแล้วว่าน้ำหนักตัวเองจะเพิ่มขึ้นอีก….”
โทนุคาโปลีสัมผัสได้ว่าท้องของเธอเริ่มจะแน่นแล้ว
เธอลองชิมอาหารจานอื่นๆนอกจากผลไม้ดู แต่ไม่มีสักจานเลยที่เธอเคยลิ้มรสมันมาก่อน ดังนั้นทุกจานที่กินไปจึงเป็นสิ่งใหม่สำหรับเธอ
ดังนั้นจึงลงเอยด้วยการที่เธอกินอาหารจานนู้น และจานนี้ไปเป็นจำนวนมาก
ด้วยอายุขนาดนี้ การที่ถูกเชิญมายังอาณาจักรอื่นๆ และกินอาหารอย่างบ้าคลั่งจนน้ำหนักขึ้น
เธอไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าถ้าพวกผู้ครองคทาคนอื่นๆที่บ้านเกิดรู้เข้า เธอจะโดนล้อหนักขนาดไหน
นั่นทำให้เธอรู้สึกอับอายเล็กน้อย
เธอเคี้ยวองุ่นลูกเล็กๆ บอกกับตัวเองว่านี่จะเป็นคำสุดท้ายแล้ว….แต่ขออีกสักหน่อยแล้วกันน่า
ในที่สุดโทนุคาโปลีก็ยอมแพ้ เธอตัดสินใจจะไม่เล่าอะไรเกี่ยวกับงานเลี้ยงนี้ เมื่อรายงานกลับไปยังบ้านเกิด
“ถ้าอ้วนขึ้นก็ไม่เป็นไรหรอกนะยัยแก่ เพราะยังไงก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว- โอ๊ย! เจ็บมากกว่าปกติอีกนะเนี่ย!”
“นายเป็นอะไรรึเปล่า?”
“เสียงดังดีจัง…”
อย่างไรก็ตาม เธอต้องจัดการกับทัศนคติแย่ๆของเจ้าเปเป้นี่ซะก่อน
เธอเขกกะโหลกเปเป้ด้วยแรงที่มากกว่าปกติ 20% ทำให้เด็กชายเจ็บจนน้ำตาซึม
โทนุคาโปลีมองไปยังราชาแห่งไมน็อกกราห์ อิระ ทาคุโตะ
เขานั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานอย่างสงบ ไม่ว่าจะมองยังไงเธอก็ยังไม่ชินสักที
มันเป็นเรื่องปกติ
ถึงยังไงเขาก็ดูเหมือนเทพผู้ชั่วร้าย ราวกับปาฏิหาริย์ที่ได้เห็นเทพผู้ชั่วร้ายนั่งอยู่นิ่งๆต่อหน้าแบบนี้
อย่างไรก็ตาม เดิมพันได้ถูกโยนออกไปแล้ว
อย่างที่คนเฒ่าคนแก่ว่ากันว่า ถ้าไม่เข้าไปในรังมังกร แล้วจะเอาสมบัติออกมาได้ยังไง
ถึงจะเสี่ยง แต่มันจะเป็นประโยชน์มากถ้าฟอว์นคาเวน สามารถผูกมิตรกับพวกเขาได้
เธอไม่รู้ว่าราชาเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหนกันแน่
มันดูน่าขนลุก ชั่วร้าย และเธอไม่คิดว่ามันจะมีความรู้สึกใกล้เคียงกับมนุษย์
ที่จริง แค่เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ปลดปล่อยบรรยากาศน่าสยดสยองออกมาแล้ว
เขากำลังคิดที่จะทำอะไรกันแน่?
อย่างไรก็ตาม เธอพอจะเข้าใจได้ว่าตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดีอยู่
เธอไม่อาจเข้าใจเหตุผลที่ราชาตอบสนองกับคำพูดของเปเป้ แต่ว่า…
ดูเหมือนเจ้าโง่เปเป้เพิ่งจะช่วยฟอว์นคาเวนไว้
ด้วยความสุขที่เอ่อขึ้นมาเพราะหลานชายเติบโต ทำให้โทนุคาโปลีตัดสินใจที่จะผ่อนปรนให้เขาสักหน่อย
“ใช่แล้ว! มาขายอาหารพวกนี้กันเถอะ! ทุกๆคนจะต้องมีความสุขแน่!”
อย่างไรก็ตาม เชื้อเพลิงขนาดใหญ่ได้ถูกโยนเข้าไปในเวลาที่เหมาะเจาะเสียนี่
เปเป้เริ่มพูดอะไรที่น่าขันขึ้นมาด้วยดวงตาเปล่งประกาย
เขาเริ่มก่อปัญหาขึ้นมาแล้ว…
โทนุคาโปลีเอามือกุมหัว ช่วยไม่ได้อีกแล้วสินะ
เธอกำลังคิดว่าจะเจรจากับพวกเขาหลังจากมื้ออาหาร แต่เจ้าโง่นั่นไม่อ่านบรรยากาศเอาซะเลย
อย่าเกิดความคิดอะไรบ้าๆขึ้นมาอีกล่ะ
ขณะที่สวดอ้อนวอนต่อจิตวิญญาณแห่งผืนดินให้ช่วยทำอะไรสักอย่างกับเจ้าโง่นี่ที โทนุคาโปลีก็เตือนเปเป้อย่างแผ่วเบา
“เจ้าจะขอให้พวกเขาขายมันให้เราก็ได้ แต่พวกเขาคงไม่มอบอะไรอย่างนี้ให้ง่ายๆหรอก อีกอย่าง พวกเราเพิ่งติดต่อกับพวกเขาเป็นครั้งแรก ข้ารู้ว่าเจ้าคิดยังไง แต่เจ้าพูดมันออกมาเร็วเกินไปนะเปเป้”
แน่นอนว่าอาหารพวกนี้มันช่างน่าอัศจรรย์
ถ้าทุกคนได้กินอาหารดีๆแบบนี้ มันจะต้องเกิดการยกระดับในอุตสาหกรรมอาหารอย่างแน่นอน
ฟอว์นคาเวนกำลังเผชิญกับสถานการณ์ด้านอาหารอย่างยากลำบาก
คงเป็นประโยชน์กับอาณาจักรอย่างมาก ถ้าพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนค้าขายมันได้ ต่อให้มันจะเป็นอาหารคุณภาพต่ำก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เธออยากจะเตือนเปเป้ให้ระวัง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาติดต่อกับไมน็อกกราห์
มันไม่ใช่เรื่องที่ควรหยิบมาพูดคุยกันในการพบปะครั้งแรก
“ตกลง”
“เอ๋ จริงหรอ ราชา อิระ ทาคุโตะ!”
“ใช่”
อย่างไรก็ตาม ถ้าบอกว่าเปเป้เป็นคนบ้าในฟอว์นคาเวนแล้วล่ะก็ ดูเหมือนทุกคนในไมน็อกกราห์เองก็บ้าเหมือนกัน
ราชาอิระ ทาคุโตะยอมรับข้อเสนอของเปเป้
เขาหยักหน้าอย่างจริงจังราวกับว่ามันเป็นข้อเสนอที่ดีมาก
“ตามที่คาดไว้จากองค์ราชาเลยค่ะ เป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมมาก!”
ถ้าเป็นตามปกติ เหล่าผู้ติดตามของกษัตริย์จะต้องคัดค้าน และแนะนำให้เขาคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกันข้าม
ปริศนาที่ว่าทำไมกษัตริย์ถึงได้ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแบบนี้ ทำให้มันยิ่งดูลึกลับขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ต้องมาพูดคุยอย่างเป็นทางการกันอีกที
นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก โทนุคาโปลีคิดถึงสิ่งที่อาณาจักรของเธอสามารถเสนอได้ เพื่อให้ได้ข้อตกลงที่ดีที่สุด
“ข้าไม่สามารถซ่อนความยินดีกับเรื่องนี้ได้เลย อาณาจักรของท่านต้องการสิ่งใดรึ? ขอแค่บอกมา พวกเราไม่มีสิ่งของที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ ข้าคิดไม่ออกเลยว่าจะมีอะไรเทียบเท่ากับมันได้”
“พวกเราไม่ต้องการของพิเศษอะไรหรอก โลหะ ของในชีวิตประจำวัน ของใช้อย่างพวกเสื้อผ้า กระดาษ เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนมันด้วยของพวกนั้นก็ได้ อาหารที่พวกเราจะมอบให้ก็จะถูกคิดราคาอย่างสมเหตุสมผล”
พวกของใช้ทั่วไป?
โทนุคาโปลีขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ของพวกนั้นมันจำเป็นตรงไหนกัน?
มันไม่มีปัญหากับการขายของพวกนี้ มันไม่ใช่ของสำคัญอะไร
อย่างไรก็ตาม เธอไม่เข้าใจว่าทำไมไมน็อกกราห์ต้องการของเหล่านี้
“ฮึ่ม พวกเราสามารถจ่ายด้วยของพวกนี้ได้ แต่จากมุมมองของข้า ข้าไม่คิดว่าอาณาจักรของท่านจะต้องการของเหล่านี้
ยกตัวอย่างเช่น พวกเครื่องใช้ที่อยู่บนโต๊ะพวกนี้ เขาไม่เคยเห็นของคุณภาพสูงขนาดนี้มาก่อน ต่อให้เป็นอาณาจักรที่ก้าวหน้ามากที่สุดอย่างควอเลียก็ไม่สามารถทำออกมาได้ดีขนาดนี้ แน่นอนว่านี่เป็นแค่ความคิดเห็นของข้าเท่านั้น”
จานและเชิงเทียนที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ ในขณะที่มองไปยังพวกเครื่องใช้อย่างช้อน หรือส้อม โทนุคาโปลีก็เอ่ยความคิดของเธอออกมา
อย่างไรก็ตาม อาโทวยิ้มพร้อมกับผงกหัวให้กับคำถามนั้นและตอบออกมาอย่างง่ายๆ
“เพราะอาณาจักรอื่นๆต้องการของเหล่านั้นยังไงล่ะ”
โทนุคาโปลีสังเกตท่าทีของเธอเพื่อมองหาเจตนารมณ์ที่ซ่อนอยู่หลังรอยยิ้มนั้น แต่เธอไม่อาจเข้าใจอะไรได้เลย
แม่มดแก่ๆที่มีอายุนับร้อยปีต้องมาเจอกับฝั่งตรงข้ามที่ไม่ใช่มนุษย์แม้แต่น้อย
โทนุคาโปลีถอนหายออกมา และยกมือยอมแพ้
มันไม่ใช่ข้อตกลงที่แย่เลย พื้นที่เพาะปลูกของฟอว์นคาเวนถูกทำลายโดยพวกคนเถื่อน
ความจริงแล้ว ที่พวกเขาประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร เพราะมันจำเป็นต้องนำเสบียงไปเสริมให้กับแนวป้องกันมากกว่า
ถ้าพวกเขาสามารถอิ่มท้องได้โดยการขายพวกสิ่งของทั่วไป มันก็คงราวกับได้รับพรเลยทีเดียว เพราะสิ่งของพวกนั้นไม่ได้สำคัญอะไร และสามารถทำขึ้นมาใหม่ได้เท่าที่ต้องการ
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ตกลง มันเป็นข้อเสนอที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยินยอม”
ท้ายที่สุดแล้ว ข้อตกลงต่างๆก็ถูกตั้งขึ้น ซึ่งมันเป็นการเก็บเกี่ยวอย่างคาดไม่ถึงของโทนุคาโปลี
พูดกันตรงๆ การนำเข้าอาหารจากอาณาจักรอื่นอาจจะก่อให้เกิดอันตราย อย่างการวางยาพิษ
เธอตัดสินใจว่าคงจะดีกว่า ถ้าจะตรวจสอบมันด้วยตนเองในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม พวกเขามีอาหารไม่พอ และมันก็ได้ประโยชน์มากกว่า เมื่อเทียบกับราคาที่ต้องจ่าย
หลังจากมื้ออาหารจบลง อาหารก็ถูกนำออกจากโต๊ะ
เครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟ และทุกคนก็พักหายใจกัน อาโทวค่อยๆเปิดประเด็นพูดคุยหลักขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้คุยกันมากนัก แต่ข้าอยากรู้ว่าพวกท่านมีธุระอะไรที่เขตแดนของพวกเรา?”
“โอ้ แน่นอน ข้าจะบอกท่านเอง เพราะสำหรับเปเป้แล้วมันยากที่จะเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้”
ทีนี้ก็เข้าสู่ประเด็นหลัก
บรรยากาศที่กำลังรบกวนฟอว์นคาเวนอยู่
คงเป็นเรื่องดี ถ้าไมน็อกกราห์สามารถแก้ไขมันได้ ถึงอย่างนั้น คงจะดีที่สุดถ้าพวกเขาบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการเจรจานี้ได้
จากบทสนทนาก่อนหน้านี้ โทนุคาโปลีคิดว่าความเป็นไปได้ที่ไมน็อกกราห์จะเกี่ยวข้องกับการแตกฮือของเหล่าคนเถื่อนนั้นต่ำมาก
ดูเหมือนไมน็อกกราห์เองก็กังวลเรื่องการโจมตีของคนเถื่อนเช่นกัน
เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะรู้สึกสนุกกับการเฝ้าดูแต่ละฝ่ายห้ำหั่นกันเอง
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ไมน็อกกราห์น่าจะร่วมมือกันได้ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นปีศาจก็ตาม
และการเจรจาต่อรองนี้ ต้องเป็นพวกเขาเริ่มเองเท่านั้น
มันเป็นช่วงเวลาสำคัญ
โทนุคาโปลีอยากจะขอบคุณเปเป้ และราชาอิระ ทาคุโตะที่ทำให้การเผชิญหน้าเป็นไปอย่างสันติ
โชคดีที่สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นทางการมากนัก
เธอเองก็ยังเป็นมือสมัครเล่นในเรื่องการเจรจาต่อรอง
เธอเข้าใจดีว่าเธออาจจะกังวลและทำพลาดได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอรู้สึกผ่อนคลายมากเกินไป นั่นก็เป็นปัญหาเช่นกัน
เพื่อจดจ่อกับเรื่องที่พวกเขากำลังจะพูดคุย เธอกลืนน้ำในแก้วลงไปช้าๆ
แน่นอนว่าสิ่งที่เธอดื่มนั้นก็เป็นเครื่องดื่มที่เธอไม่เคยดื่มมาก่อน น่าแปลกที่เวลานี้เธอไม่สามารถดื่มด่ำไปกับรสชาติของมันได้เลย