Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 26 Dialog (3)
ในที่สุดก็มาถึงหัวข้อหลักของการพูดคุย
พวกเขากล่าวถึงเหตุผลที่ทำไมฟอว์นคาเวนถึงมาที่ดินแดนต้องสาป และภารกิจของพวกเขา
แน่นอนว่าโทนุคาโปลีไม่คิดที่จะเปิดเผยทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสอบหาสาเหตุของการโจมตีของคนเถื่อน
การแสดงไพ่ทั้งหมดในมือก็เหมือนการเปิดเผยจุดอ่อนให้กับคนอื่น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นมิตรแค่ไหน พวกเขาก็จะเสียเปรียบในการเจรจาต่อรอง
ดังนั้นโทนุคาโปลีจึงใส่ไข่ลงไปเล็กน้อย
เธออธิบายว่าพวกเขาแค่เป็นกังวลเรื่องพวกคนเถื่อน และกำลังตรวจสอบเบื้องต้นที่ดินแดนต้องสาปนี้
สิ่งสำคัญที่สุดคือห้ามให้ไมน็อกกราห์รู้ว่าฟอว์นคาเวนตอบสนองเรื่องการโจมตีของคนเถื่อนล่าช้า รวมไปถึงเรื่องที่พวกเขาขาดกำลังรบ และการสนับสนุนจากเมืองมังกรด้วย
เพียงแค่สามจุดนี้เท่านั้นที่ต้องอธิบายอย่างระมัดระวัง
“ยังขาดกำลังรบอยู่สินะ”
ประโยคที่ทาคุโตะกล่าวออกมาได้อธิบายสถานการณ์ของพวกเขาอย่างแม่นยำ
โดยปกติแล้ว การวิจารณ์อย่างหยาบคายมักจะก่อให้เกิดความขัดแย้งกับอีกฝ่าย ต่อให้มันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม – ไม่สิ เพราะมันคือความจริงนั่นแหละเลยทำให้อีกฝ่ายโกรธ
อย่างไรก็ตาม โทนุคาโปลีไม่หวั่นไหวไปกับคำพูดนั้น
เธอเข้าใจตั้งแต่แรกแล้วว่า ไมน็อกกราห์นั้นดำรงอยู่โดยแยกตัวออกมาจากดินแดนอื่นๆ
คำพูดที่เขากล่าวออกมา ไม่ได้เอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกแบบเดียวกับคนอื่นๆ
ที่จริงแล้ว เขาแค่พูดสิ่งที่คิดออกมาเท่านั้น
ถึงอย่างนั้น มันก็ไร้ประโยชน์ที่จะปฏิเสธ
ในทางกลับกัน ยิ่งเธอถูกยั่วยุได้ง่ายเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสที่อีกฝ่ายจะกุมความได้เปรียบ
ถึงอย่างนั้น มันคงจะอันตรายถ้าพวกเขารู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของฟอว์นคาเวนที่ไม่มีกำลังรบเพียงพอ
เธอจะต้องหลีกเลี่ยงสถานการณ์นั้น ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม
โทนุคาโปลีตอบกลับช้าๆ ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ไม่ ไม่เป็นไรหรอกถ้าเราจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ที่จริงแล้วพวกเราสามารถขับไล่คนเถื่อนออกไปได้ อย่างไรก็ตาม การที่จู่ๆพวกคนเถื่อนเข้ามาโจมตีก็เป็นเรื่องแปลก เหล่าผู้ครองคทาคนอื่นต่างก็ลงความเห็นว่าให้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นดูก่อนจะปลอดภัยกว่า”
นี่อาจเป็นข้ออ้างที่คิดขึ้นมากะทันหัน แต่มันก็ฟังดูสมเหตุสมผล
ถึงแม้ว่าเหตุผลที่แท้จริงคือ พวกเขาไม่สามารถลงมือได้อย่างเด็ดขาด เพราะการตัดสินใจที่ล่าช้า อย่างน้อยข้ออ้างที่คิดขึ้นสดๆนี้ก็ฟังดูน่าเชื่อกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น จะได้เป็นการบอกชาวไมน็อกกราห์ถึงพฤติกรรมแปลกๆของพวกคนเถื่อนด้วย
จนถึงตอนนี้ การโจมตีของพวกคนเถื่อนก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกมันจะถูกเห็นได้จากระยะไกลก่อนที่จะเข้ามาประชิดตัว โดยเฉพาะถ้ามันเข้าโจมตีเป็นกลุ่มใหญ่ อย่างน้อยมันต้องมีสัญญาณก่อนหน้าแสดงให้เห็นบ้าง
คงจะเป็นเรื่องน่ารำคาญน่าดู ถ้าจู่ๆสิ่งมีชีวิตอันตรายปรากฏตัวขึ้นในเขตแดนของตัวเอง
ขณะที่เน้นย้ำไปที่ประเด็นนั้น เธอพยายามดึงความสนใจของพวกไมน็อกกราห์ไปจากสถานการณ์ด้านกำลังรบของฟอว์นคาเวน
“ก็จริงที่คนเถื่อนพวกนั้นเป็นปัญหาอยู่บ้าง ท่านโทนุคาโปลี ข้าเองก็ไม่เข้าใจสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน ถึงมันจะง่ายที่จัดการกับพวกนั้นก็เถอะ แต่ปัญหานี้ก็ยังยากที่จะแก้ไขอยู่ดี”
“ใช่แล้ว ท่านอาโทว นั่นคือเหตุผลที่ข้ามาตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของปัญหานั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบกับอาณาจักรของท่านเข้าโดยบังเอิญ”
“พวกเราก็ประหลาดใจเช่นกัน กำลังเตรียมส่งคนไปพบปะ…”
เยี่ยม สำเร็จแล้ว! โทนุคาโปลีสรรเสริญตัวเองอยู่ในใจ
เธอสามารถเบี่ยงประเด็นออกไปได้อย่างชาญฉลาด แน่นอนเลยว่าความสนใจของไมน็อกกราห์ถูกเบนไปยังพวกคนเถื่อนแล้ว เธอจึงไม่ต้องคอยเล่นลูกไม้เพื่อซ่อนเรื่องที่ฟอว์นคาเวนขาดแคลนกำลังรบ
ที่เหลือก็แค่ขอการสนับสนุนจากไมน็อกกราห์
ความจริงแล้ว ดินแดนต้องสาปที่ไมน็อกกราห์ตั้งอยู่ อยู่ใกล้กับเมืองมังกร และพวกคนเถื่อนสามารถเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ
บางทีอาจจะเป็นเพราะดินแดนต้องสาปนั้นเป็นสถานที่เข้าถึงยากเกินไป ทำให้เหล่าคนเถื่อนยังไม่เข้าโจมตีที่นี่
แต่ก็ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าไมน็อกกราห์จะปลอดภัยได้ตลอดไป
อีกอย่าง ถ้าเมืองมังกรล่มสลาย พวกคนเถื่อนอาจจะมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่แทน
ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ระดับภัยคุกคามจะเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง
โทนุคาโปลีเชื่อว่าไม่มีทางที่เมืองมังกรจะล่มสลาย เพราะเธอนั้นภาคภูมิใจในปราการอันแข็งแกร่งของเมือง แต่ไมน็อกกราห์จะต้องคิดต่างออกไป
อีกนัยนึงคือ ไมน็อกกราห์ไม่สามารถยืนดูอยู่เฉยๆได้
โทนุคาโปลี ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของฟอว์นคาเวนทำได้ดีในการเจรจานี้
“ถึงอย่างนั้นก็ตาม ทำเลที่เมืองมังกรตั้งอยู่ก็ค่อนข้างเสี่ยง ข้าไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องกิจการภายในของอาณาจักรอื่นๆหรอกนะ แต่การตั้งรกรากอยู่ในสถานที่แบบนั้น มันคงยากสำหรับผู้คนของฟอว์นคาเวนที่ต้องคอยคุ้มกันมัน”
“หืมม? ก็มีหลายเหตุผลล่ะนะ ที่ทำให้พวกเราตัดสินใจตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น”
โทนุคาโปลีต้องซ่อนข้อมูลบางอย่างเอาไว้
มันมีหลุมชีพจรมังกรอยู่ภายในเมือง สถานที่ซึ่งมานาบริสุทธิ์ไหลออกมา มันคือดินแดนแห่งปาฏิหาริย์ที่พวกเขาค้นพบระหว่างบุกเบิกดินแดน
มนุษย์ไม่สามารถรับมือกับพลังเวทย์จำนวนมหาศาลขนาดนั้นได้
แม้แต่เวทมนตร์พิธีการเองก็ไม่ได้ใช้มานาจำนวนมากขนาดนั้น
ปัจจุบันพวกเขายังไม่มีวิธีใช้มัน แต่พวกเขาก็วางแผนเก็บเกี่ยวจากหลุมชีพจรมังกรอย่างเต็มที่
เมื่อการวิจัยเสร็จสิ้น พวกเขาจะมีพลังที่เหนือกว่าอาณาจักรอื่นๆรวดเดียว
ดังนั้นพวกเขาจึงฝืนสร้างเมืองมังกรขึ้น และแอบวิจัยมันอย่างลับๆต่อไป
ถ้าไม่เกิดปัญหาคนเถื่อนขึ้น เวทมนตร์ระดับยุทธวิธีคงจะวิจัยเสร็จสิ้นไปแล้ว
ขณะที่ก่นด่าที่ความเป็นจริงไม่เป็นไปตามที่พวกวางแผนเอาไว้ โทนุคาโปลีก็โกหกต่อไปด้วยน้ำเสียงแบบเดิม
“เช่นนั้นหรือ? หากพวกท่านสร้างเมืองห่างออกไปไม่ไกลมากนัก มันจะง่ายต่อการครอบครองดินแดนรอบๆมากกว่า มันก็แตกต่างกันไปตามสถานการณ์ แต่ในโลกใบนี้อะไรๆก็มักจะไม่เป็นไปตามแผนสินะ”
“ข้าเห็นด้วยเช่นเดียวกับท่าน หากข้าไม่ได้พบกับพวกคนเถื่อนล่ะก็ ป่านนี้ข้าคงจะนั่งจิบชาสบายๆที่บ้านเกิดไปแล้ว ….แต่ก็เพราะเหตุนี้ ข้าจึงได้พบกับท่านอาโทว ไมน็อกกราห์ และเหนือกว่านั้น องค์ราชาอิระ ทาคุโตะ นี่มันราวกับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้… อะแฮ่ม พวกเราสามารถส่งผู้ครองคทาสองคนเพื่อตรวจสอบพื้นที่รอบๆนี้ได้ ข้าอยากให้ท่านทราบถึงความจริงข้อนี้ เป็นตัวแทนของความสามารถของอาณาจักรเรา”
“ฉันเองก็ดีใจที่ได้พบกับฟอว์นคาเวน”
“ใช่ ใช่เลยค่ะ ท่านทาคุโตะ! เราสามารถใช้เวลาของเราได้อย่างสงบ ถ้าในโลกนี้มีแต่คนที่พูดคุยกันด้วยเหตุผลอย่างคนของฟอว์นคาเวนอยู่”
บรรยากาศของการพูดคุยเป็นไปอย่างสงบสุข
ดูเหมือนว่าจะข้ามเชือกเส้นนั้นมาได้อย่างปลอดภัย
โชคดีที่เปเป้ไม่ได้มีส่วนร่วมในการพูดคุยนี้ มันคงจะเป็นปัญหาใหญ่ถ้าเขาทำให้การพูดคุยนี้ยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก
ทันใดนั้น จู่ๆโทนุคาโปลีก็รู้สึกอึดอัดบริเวณหน้าอก
เธอสงสัยขึ้นมาในบัดดลว่าทำไมเปเป้ถึงเงียบไป
“มีอะไรหรอ?”
“???”
ทุกคนเบนสายตาไปยังราชา ที่ส่งเสียงไปหาเปเป้ผู้ที่อยู่เงียบๆ โดยไม่ได้เข้ามาขัดการสนทนาของพวกเขา ท่าทีกอดอกแบบเด็กๆของเขาดูราวกับว่ามีปัญหา
เกิดอะไรขึ้น?
ส่วนไหนของบทสนทนาที่เขาไม่เข้าใจงั้นหรือ?
“มีอะไรหรอ?”
ก่อนที่โทนุคาโปลีจะเอ่ยปาก ราชาทาคุโตะได้ถามออกไปก่อน
เปเป้พยักหน้าด้วยท่าทีซับซ้อน
เขากำลังจะพูดความคิดของตัวเองออกมา
“ถ้าเป็นแบบนี้อาณาจักรของพวกเราต้องถูกทำลายแน่ ไม่ใช่ว่าเรามาตรวจสอบดินแดนต้องสาปเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์นั้นหรอกหรอ?”
“เปเป้….เจ้านี่มัน…..”
“อ๊ะ? นี่ฉันพูดอะไรผิดงั้นหรอ?”
“เอ่อ…นี่มัน ท่านโทนุคาโปลี ข้าจะพูดอย่างไรดี ข้าเห็นใจท่านจริงๆ….”
“…………”
ทันใดนั้น สถานการณ์กลายเป็นกระอักกระอ่วนอย่างเงียบงัน ทุกคนตกอยู่ในความเงียบอันน่าอึดอัด
โทนุคาโปลีรู้สึกปวดหัว
สิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว เปเป้เพิ่งเปิดเผยสถานะที่เป็นความลับในการเจรจานี้
บทสนทนาอันลื่นไหลของโทนุคาโปลีได้ถูกเขาทำลายลงเรียบร้อย
ต่อให้คนๆนั้นฉลาดแค่ไหน ก็ไม่สามารถผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ง่ายๆแน่
มันถึงขั้นที่โทนุคาโปลีอยากจะหนีจากความเป็นจริงไปซะเดี๋ยวนั้น
สิ่งที่เปเป้พูดออกมาบอกถึงสถานการณ์ของฟอว์นคาเวนเต็มๆ
ต่อให้ความผิดพลาดจะผลักดันคุณเข้าสู่จุดที่ยากลำบาก อนาคตมันจะต่างออกไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะรับมือกับมันยังไง
“อาโทว”
“ค่ะ ท่านทาคุโตะ”
…แต่เห็นได้ชัดว่า อนาคตของฟอว์นคาเวนจะมุ่งไปยังทิศทางที่ถูกต้อง
“ท่านโทนุคาโปลี ท่านวางใจเถอะ พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อฟอว์นคาเวน”
ราวกับว่าเธอสื่อสารกับเจ้านายผ่านสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอเปิดเผยเจตนารมณ์ของไมน็อกกราห์
โทนุคาโปลี แสดงสีหน้าลำบากใจ
เธอเข้าใจว่าพวกเขาคงจะเวทนาในความผิดพลาดของฝ่ายเธอ
แต่จากสีหน้าที่จริงจังของอาโทว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้มีเจตนาจะล้อเลียนใดๆ
“ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม พวกเราสนใจแต่กิจการภายในของอาณาจักรเท่านั้น อาจจะดูแปลกที่พวกเรา ในฐานะปีศาจ ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อโลกภายนอก แต่นั่นคือสิ่งที่พวกเราเป็น และนั่นคือความปรารถนาของท่านทาคุโตะ”
ประโยคที่ไม่น่าเชื่อเพิ่งออกมาจากปากของอาโทว
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าพวกปีศาจอยากให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดทุกข์ทรมาน และถูกกำจัดไปจากโลก
ถ้อยคำของเธอล้มล้างทุกทฤษฎีที่เคยมีมา
อย่างไรก็ตาม มันเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อเธอมองไปยังการต้อนรับอันอบอุ่น และเหล่าดาร์คเอลฟ์ที่ติดตามพวกเขา
โดยที่ไม่ปกปิดความสับสน และวุ่นวายใจ โทนุคาโปลี มองไปยังทาคุโตะพร้อมๆกับสั่นศรีษะและถาม
“แต่ตัวตนของพวกปีศาจ…..ข้าขออภัยด้วย จริงๆแล้ว พวกเราเองก็คิดเช่นเดียวกันว่า หากไม่เกิดอะไรขึ้นคงจะดีที่สุด…..”
“ความสงบสุขน่ะดีที่สุดแล้ว”
“…ใช่แล้ว”
ถ้าเขาเอ่ยมาแบบนั้น เธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
โทนุคาโปลีไม่ได้กล้าหาญขนาดนั้น เธอไม่กล้าโต้แย้งกับทาคุโตะ
อย่างไรก็ตาม พวกเขามาอย่างสันติ
ที่จริงแล้ว มันประหลาดเกินไป ต่อให้เป็นเรื่องจริง มันก็เกินความคาดหมายของโทนุคาโปลีไปมาก
“พวกเราแค่อยากอยู่อย่างสงบ อันที่จริง พวกเราเองก็กลัวว่าความสงบจะถูกทำลายไปเมื่อเราเข้าไปยุ่งกับอาณาจักรอื่นๆ”
“ใช่แล้ว ดูเหมือนพวกท่านจะไม่สามารถพูดคุยกับควอเลียหรือเอลนาร์ได้…”
“เข้าใจด้วยงั้นหรือ?”
“พวกเราเองก็ประสบปัญหาแบบเดียวกัน”
แน่นอนว่าโทนุคาโปลีเห็นด้วย
ต่อให้พวกเขาจะรักความสงบมากแค่ไหน และไม่ได้คิดจะรุกรานอาณาจักรอื่นๆ แต่อาณาจักรอื่นๆคงไม่คิดแบบเดียวกันแน่
ในฐานะอาณาจักรที่เปิดรับเชื้อชาติและวัฒนธรรมอันหลากหลาย ฟอว์นคาเวนเองก็ต้องประสบกับปัญหาเมื่อต้องทำการตัดสินใจเช่นกัน
เห็นได้ชัดเลยว่าไมน็อกกราห์จะได้รับการตอบกลับแบบไหนจากเหล่าคนที่เชื่อในพระเจ้า และจิตวิญญาณ เหล่าผู้คนที่เอาแต่สวดภาวนาอยู่เสมอในยามว่างนั้น
โทนุคาโปลีพยายามคิดถึงอนาคต
จะช้าหรือเร็ว เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย ฟอว์นคาเวนก็จะต้องเลือก
ระหว่างกองกำลังฝั่งดีที่ต้องการจัดระเบียบให้ถูกต้อง เชื่อฟัง เคารพ และบังคับใช้กฏของตนเองกับผู้อื่น
หรือกองกำลังชั่วร้ายที่ประกาศว่าตัวเองต้องการความสงบสุข และมองหามิตรภาพผ่านการร่วมมือกัน
ไม่ว่าฟอว์นคาเวนจะเลือกฝั่งไหน เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีปัญหาแน่ และทีนี้เธอก็จะต้องมาปวดหัวกับมัน
“เข้าใจแล้ว แต่แบบนี้ก็ไม่สามารถพูดได้แล้วว่าเราไม่เกียวข้องกับเหตุการณ์นี้ เราจะทำอย่างไรกันดีคะ ท่านทาคุโตะ?”
“เพื่อนควรจะช่วยเหลือกัน”
“แบบนั้นแหละ ทาคุโตะคุง!”
“หุบปากซะ เปเป้!”
“โอ๊ย! วันนี้ฉันโดนเขกมากกว่าปกติอีกนะเนี่ย!!”
ในขณะที่โทนุคาโปลีเกาหัวของเธออยู่นั้น ฟอว์นคาเวนก็ได้รับการสนับสนุน
เธอตัดสินใจตามน้ำไป
มันจะทำให้เธอปวดหัวซะเปล่า ถ้าพยายามจะมองภาพรวมด้วยวิสัยทัศน์ที่คับแคบ
การโยนทุกอย่างทิ้งในช่วงเวลาสำคัญเป็นการกระทำที่โง่เขลา แต่อายุของเธอก็ไม่ได้มีไว้โชว์เล่นๆ
เธอยังมีไพ่ใบสุดท้ายอยู่ และปัจจุบัน ทุกอย่างยังดำเนินไปด้วยดี
“หืมม องค์ราชาบอกว่าพวกเราสามารถช่วยท่านเรื่องเมืองมังกรได้ อีกอย่าง พวกคนเถื่อนที่มีความสามารถหลากหลายเองก็เป็นศัตรูของเราเช่นเดียวกัน”
“เย้ เราทำสำเร็จแล้ว!”
ขณะที่มองไปยังเปเป้ที่ชูมือขึ้นอย่างมีความสุข โทนุคาโปลีรู้สึกได้ว่าไมน็อกกราห์ตอบรับได้อย่างเหมาะสม
เธอไม่รู้ว่าพวกดาร์คเอลฟ์ทำอะไรได้บ้าง แต่เธอก็รู้สึกอุ่นใจเมื่ออาโทวคอยสนับสนุนพวกเขา
พวกคนเถื่อนไม่มีทางเอาชนะพวกเขาได้แน่นอน
นี่จะทำให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงมาตรการรับมือได้ พวกเขาสามารถตรวจสอบการโจมตีของพวกคนเถื่อนได้เป็นวงกว้างขึ้นไปอีก
เธอยังคิดเผื่อในกรณีที่ฟอว์นคาเวนต้องตัดสินใจทิ้งเมืองมังกรไปอีกด้วย
ตอนนี้ยืนยันได้แล้วว่าเมืองจะอยู่รอดได้แน่ๆ มันช่างยอดเยี่ยมที่ได้พบกับความหวัง
การพูดโพล่งออกมาของเปเป้ทำให้เธอรู้สึกร้อนรน แต่ไม่ใช่ว่าสุดท้ายแล้วมันให้ผลลัพธ์ที่ดีไปเลยงั้นหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกระชากจุดอ่อนของพวกเขาออกมาอีกด้วย
เธอคิดว่าเธอควรจะขอบคุณเขาจริงๆจังๆสักที
อย่างน้อยมันก็เห็นได้ชัดว่าพวกของใช้ทั่วไปคงไม่พอแล้ว
พวกเขาจะว่ายังไงกับเรื่องนี้?
โทนุคาโปลีเตรียมตัวฟังข้อเสนอของพวกเขา
“ข้าดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น แต่มันไม่มีอะไรที่เรียกว่า ‘ความปรารถนาดี’ ในโลกใบนี้หรอกนะ ไมน็อกกราห์เองก็ถือเป็นอาณาจักรหนึ่ง และอาณาจักรจะไม่ทำสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์ ต้องขอบคุณเจ้าโง่นั่น ทำให้ท่านทราบถึงจุดอ่อนของพวกเรา –ดังนั้น ท่านอยากได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนล่ะ?”
“หลุมชีพจรมังกร”
อาโทวตอบกลับด้วยรอยยิ้มสบายๆ
ทันใดนั้น โทนุคาโปลีก็รู้สึกตัวทันทีเมื่อเธอได้ยินคำตอบนั้น
ครั้งนี้โทนุคาโปลีได้แต่สาปแช่งในความคิดอันตื้นเขินและขาดความรอบคอบของเธอ
เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายฉลาดมากกว่าเธอหลายเท่า
“อย่างที่คิดเลย ท่านรู้เรื่องพวกเราหมดแล้วสินะ”
พอมาคิดดูแล้ว เธอยังไม่เคยเจรจาต่อรองกับใครมาก่อนเลย
เธอตระหนักได้ว่าตัวเธอหยิ่งผยองในความสามารถของตนเองขนาดไหน
ในขณะเดียวกัน เธอเองก็ยังคิดด้วยว่าต่อให้เธอพยายามทุกวิถีทาง ก็ยังไม่อาจยืนหยัดอย่างเท่าเทียมกับอาณาจักรแห่งนี้ได้
(สุดท้ายแล้วข้าเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปเรียกเปเป้ว่าโง่เขลาสินะ)
เธอหัวเราะเยาะตนเอง
สถานการณ์เลวร้ายมาก
หลุมชีพจรมังกรคือสิ่งที่ฟอว์นคาเวนเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด
ในทวีปทางใต้ที่ทรัพยากรเข้าขั้นเลวร้าย หลุมนั่นเป็นความหวังของอนาคต พวกเขาคาดหวังถึงมานาจำนวนมหาศาลที่หลุมชีพจรมังกรจะผลิตออกมา
สถานที่นั้นเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของฟอว์นคาเวน
ถ้าที่แห่งนั้นถูกยึด จะเป็นการยากมากที่พวกเขาจะยืนหยัดเคียงข้างกันได้อย่างเท่าเทียมในอนาคต อย่างน้อยที่สุดพวกคงไม่สามารถลืมตาอ้าปากรอบๆไมน็อกกราห์ได้เลย
“จะเป็นอะไรไหม ถ้าพวกเราอยากจะขอเข้าไปมีส่วนร่วมกับมัน? ปัจจุบันพวกเรายังไม่ต้องการมานาจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เราต้องการนำมันมาใช้ในการแปรธาตุ”
“มานาบริสุทธิ์จากหลุมชีพจรมังกรสามารถนำมาแปรธาตุได้…นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้”
“โอ๊ะ แสดงว่าพวกเรานำหน้าอยู่หนึ่งก้าวสินะ”
เมื่อเธอได้ยินเช่นัน้น โทนุคาโปลีเข้าใจได้ทันทีเลยว่าพวกเขาได้อยู่ในจุดสูงสุดของประวัติศาสตร์เรียบร้อยแล้ว
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลอกพวกเขาตั้งแต่แรกแล้ว
เห็นได้ชัดเลยว่าไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องร่วมมือกับพวกเขาที่มีเทคโนโลยีเวทมนตร์ก้าวหน้ามากกว่า
ถ้าเป็นเรื่องจริงล่ะก็ เธอต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเอาไว้
*ไหนๆก็จะต้องกินอาหารเป็นพิษเข้าไปแล้ว ก็ควรจะเลียยันจานไปเลยสินะ
โทนุคาโปลี ทำลายความกังวลและสีหน้าเคร่งขรึมทิ้งไป
เธอเอนหลังพิงพนัก และเริ่มหัวเราะออกมา
เธอตัดสินใจได้แล้ว
“องค์ราชา อิระ ทาคุโตะ และท่านอาโทว เปเป้มันคือเจ้าโง่ โคตรของโคตรโง่ที่สุดเลย!!”
โทนุคาโปลีกล่าวออกมาเสียงดัง พร้อมกับไหล่ที่สั่นไปมา
ดูเหมือนว่าแม้แต่อาโทว และทาคุโตะก็สับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองยังไง
อย่างไรก็ตาม ตัวเปเป้เอง ที่โดนด่าว่าโง่เขลา ก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
“ก็นะ…ข้าไม่แน่ใจในเรื่องนั้น”
“อย่าพูดอะไรอย่างนั้นสิ”
ชาวไมน็อกกราห์ทั้งสองเตือนเธอเบาๆ
จากท่าทีที่เป็นมิตรซึ่งดูไม่เข้ากับเผ่าปีศาจ โทนุคาโปลีก็หัวเราะออกมาเสียงดังกว่าเดิมและกล่าว
“แต่…….เจ้าเปเป้นั่น เขามีสายตาในการมองคนที่ดีมากจริงๆ ในอาณาจักรของเรา สายตาของเขานั้นยอดเยี่ยมที่สุด…..เมื่อเป็นการมองคน เขาไม่เคยพลาดเลย แม้แต่ครั้งเดียว”
ฟอว์นคาเวนเพิ่งจะเผยไพ่ใบสุดท้ายออกไป
เธอตัดสินใจที่จะเดิมพันกับพรสวรรค์ของเปเป้ที่นี่
ผู้ครองคทาที่ยอดเยี่ยมที่สุดซึ่งอาณาจักรของพวกเขาภาคภูมิใจ
ผู้นำที่มีพรสวรรค์ผู้ซึ่งหยุดหายนะของชาติ
–ทุกๆชนชาติ มักจะมีที่พึ่งสุดท้ายที่สามารถตัดสินชะตากรรมได้อยู่
รูปแบบของที่พึ่งสุดท้ายนั้นแตกต่างกันไปตามแนวทางการปกครอง และฟอว์นคาเวนเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
มันมีกฏที่ไม่มีใครในโลกนี้รู้อยู่ -แม้แต่ทาคุโตะที่มาจากโลกอื่นก็ยังไม่ทราบ
“เปเป้! เจ้าตัดสินใจได้เลย ในฐานะผู้ครองคทา เจ้ามีสิทธิ์”
“ยัยแก่ ไม่ใช่ว่าฉันบอกไปตั้งแต่แรกแล้วหรอ….”
ไม่มีใครรู้เลยว่าที่พึ่งสุดท้ายนั้นได้เริ่มทำงานขึ้นมาอย่างลับๆแล้ว….
“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับชาวไมน็อกกราห์ไงล่ะ”
ที่พึ่งสุดท้ายที่เรียกกันว่า ‘พิธีอย่างเป็นทางการ’
“ในนามของโทนุคาโปลี และเปเป้ ผู้ครองคทา เราจักก่อตั้งพันธมิตรระหว่างไมน็อกกราห์ และอาณาจักรของเรา ฟอว์นคาเวนขึ้น ณ บัดนี้ แบบนี้ใช้ได้ไหม?”
“ด้วยความยินดี”
และพันธมิตรก็ถูกก่อตั้งขึ้น
ทุกอย่างจะถูกตัดสินใจโดยโทนุคาโปลี และเปเป้
โดยปกติแล้ว สำหรับเรื่องใหญ่แบบนี้พวกเขาจะต้องกลับไปที่อาณาจักรและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ครองคทาคนอื่นๆก่อน
ที่จริงแล้วพวกเขาควรทำแบบนั้นก่อน
เพราะไม่งั้นจะถูกกล่าวหาได้ว่าใช้อำนาจของผู้ครองคทาในทางมิชอบ
แต่พวกเขาตัดสินใจแล้ว
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์นี้ยังไม่เป็นที่ล่วงรู้
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตัวแทนของฟอว์นคาเวนเหล่านี้ ต่างก็มั่นใจว่านี่คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดเลย
= สารานุกรม============
[การเจรจาสำเร็จ] พิธีอย่างเป็นทางการ : ฟอว์นคาเวน
ในการเจรจาครั้งสำคัญที่กำหนดชะตากรรมของชาติ ย่อมนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย
เปลี่ยนผลลบทั้งหมดให้กลายเป็นบวก และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
*เอฟเฟกต์นี้สามารถใช้ได้เมื่อผู้นำคือ “เปเป้ ผู้โง่เขลา” เท่านั้น
*เมื่อเปิดใช้งานแล้ว จะไม่สามารถใช้ซ้ำได้อีก
―――――――――――――――――
= ข้อความ =============
พิธีอย่างเป็นทางการ [การเจรจาสำเร็จ] ได้ถูกเปิดใช้งาน
ในอนาคต ค่าความสัมพันธ์ระหว่างฟอว์นคาเวน และไมน็อกกราห์จะไม่ตกลงไปต่ำกว่าระดับ “โปรดปราน”
*หากฟอว์นคาเวนหักหลังไมน็อกกราห์ ค่าความสัมพันธ์จะตกลงไปต่ำกว่า “โปรดปราน”
ผลกระทบจากการเจรจานี้ส่งผลต่ออนาคตของฟอว์นคาเวนในระดับ “สุดขีด”
―――――――――――――――――
//ผู้แปล
ชื่อ : เปเป้
ฉายา : ตัวตึงแห่งฟอว์นคาเวน